คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 630 คัดลอก กำจัดคนชั่ว เปิดเผย

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 630 คัดลอก กำจัดคนชั่ว เปิดเผย

พออาจารย์เฉินพูดแบบนี้ อิ๋งจื่อจินถึงนึกออก

ปีที่แล้วเธอเขียนบทความเกี่ยวกับฟิสิกส์ดาราศาสตร์กับเอกภพคู่ขนาน จั่วหลีช่วยยื่นไปทางศูนย์ฟิสิกส์สากลให้

บอกว่าอยากช่วยให้ได้ตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์เพื่อให้ได้ตำแหน่งกิตติมศักดิ์ จะได้ขึ้นเป็นศาสตราจารย์

ต่อมาจั่วหลียังบอกกับเธออีกว่าศูนย์ฟิสิกส์สากลตาไม่ถึง ตีกลับบทความของเธอ เลยต้องส่งบทความไปที่องค์กรฟิสิกส์ดาราศาสตร์

จั่วหลีเป็นคนจัดการเรื่องบทความทั้งหมด อิ๋งจื่อจินก็ไว้ใจเขา

นึกไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ได้

“ค่ะ อาจารย์เฉิน” อิ๋งจื่อจินตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ทราบแล้วค่ะ ประเทศเอ็ม หนูจะไปเดี๋ยวนี้”

“ไม่ได้ เธอไปไม่ได้นะ!” อาจารย์เฉินตกใจขึ้นมาทันที “ฟังอาจารย์นะ อยู่วงการฟิสิกส์เหมือนกันทั้งนั้น พวกเขาไม่มีทางทำร้ายเหล่าจั่วหรอก”

“แต่ถ้าเธอไปจะต้องถูกจับตัวไว้เหมือนกันแน่นอน”

แววตาของอิ๋งจื่อจินเย็นชายิ่งกว่าเดิม

น้ำเสียงของอาจารย์เฉินร้อนรนมากขึ้น “อาจารย์แค่โทรมาบอกเธอ อาจารย์จะไปหาท่านอธิการ จะเอาบทความของเธอกลับมาให้ได้ เธอห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอันตรายนะ”

“วงการวิชาการก็มีด้านมืด นักศึกษาอย่างพวกเธอต้องคิดไม่ถึงแน่นอน มีคนตายเป็นเรื่องที่พบได้บ่อย”

เหมือนอย่างตระกูลจี้

เพื่อที่จะขัดขวางไม่ให้เวินเฟิงเหมียนทำการทดลองสำเร็จ ใช้แผนชั่วโดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งนั้น ทำนักวิจัยตายไปสิบกว่าคน

สายตาของอิ๋งจื่อจินจับจ้อง “หนูทราบค่ะ อาจารย์เฉิน อาจารย์และคนอื่นๆ ไม่ต้องสนใจเรื่องนี้แล้วนะคะ เดี๋ยวหนูจัดการเอง”

อาจารย์เฉินอึ้ง “แต่บทความของเธอ…”

ใครจะไปคาดคิดว่าประธานศูนย์ฟิสิกส์สากลจะทำเรื่องแบบนี้ได้ ขายบทความของอิ๋งจื่อจินไปเพื่อเงินกับอำนาจ

“วางใจได้ค่ะอาจารย์เฉิน” สีหน้าของอิ๋งจื่อจินสุขุม “หนูจะเอาบทความกลับมา ส่วนศาสตราจารย์จั่ว หนูก็จะพาเขากลับมาอย่างปลอดภัยค่ะ”

เธอจบบทสนทนา เปลี่ยนทิศทางทันที มุ่งหน้าไปสนามบิน

“นี่ๆๆ” ซีนายกระโดด “สาวน้อย จะไปไหนเหรอ”

“ประเทศเอ็ม” อิ๋งจื่อจินก้มหน้า โทรเรียกเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัว “จะไปไม่ไปก็แล้วแต่เธอ”

ซีนายนึกถึงฝีมือการต่อสู้ของอิ๋งจื่อจินเมื่อครู่

มีคนอยากฆ่าเธอมากมายในยุโรป เธอตัวคนเดียวเดี๋ยวหลบซ้ายเดี๋ยวหลบขวาไม่ต้องหาหลานสาวกันพอดี

ไม่สู้ตามสาวน้อยนักสู้คนนี้ไปด้วยดีกว่า

“ฉันไป ไปด้วยแน่นอน” ซีนายตอบทันที “ฉันยังไม่เคยไปประเทศเอ็มเลยนะ โลกนี้ใหญ่กว่าเมืองของพวกเราอีก”

อิ๋งจื่อจินเรียกเฮลิคอปเตอร์เสร็จก็ส่งข้อความหาฟู่อวิ๋นเซิน “อืม ไปสิ”

“เฮ้อ รีบร้อนออกมา ไม่ได้เอายานพาหนะมาเลย” ซีนายย่อตัวลง กดรองเท้าของตัวเองสองที “ฉันต้องยืนไว้”

พอกดปุ่มเสร็จรองเท้าของเธอก็เคลื่อนไหว มีล้อขนาดจิ๋วโผล่ออกมาสิบกว่าล้อ พาเธอไปข้างหน้า

มั่นคงมาก ไม่ต้องคอยรักษาการทรงตัว

สองมือของซีนายล้วงกระเป๋าพลางพูดขึ้น “สาวน้อย พวกเราไปกันเถอะ ของฉันนำทางอัตโนมัติ เธอไปไหนมันก็ตามไป”

อิ๋งจื่อจิน “…”

เทคโนโลยีก้าวหน้าเกินไปก็ทำให้คนกลายเป็นหมูขี้เกียจอย่างแท้จริงได้ง่ายๆ

เวลาบ่าย

เมืองฟลอเรนซ์

ณ คฤหาสน์ลอเรนท์

เอลิซาเบธกำลังอาบแดดอยู่บนระเบียงชั้นสาม

เธอเองก็ได้รับวารสารที่ศูนย์ฟิสิกส์สากลส่งให้เธอแล้ว กำลังตั้งใจเปิดอ่าน

เงินสามร้อยล้านดอลลาร์ซื้อหนึ่งบทความ ศูนย์ฟิสิกส์สากลย่อมให้พื้นที่หน้าปกของวารสารปักษ์นี้แก่เอลิซาเบธ

บนหน้าปกยังได้ขึ้นว่า ‘สาวน้อยอัจฉริยะแห่งวงการฟิสิกส์ที่ร้อยปีจะมีสักคน’ พร้อมลงรูปของเอลิซาเบธ

เอลิซาเบธพอใจมาก

เธอโทรกลับหาศูนย์ฟิสิกส์สากลอีกครั้งเพื่อบอกว่าจะโอนเงินค่าเหนื่อยให้อีกสิบล้านดอลลาร์

“ขอบคุณคุณเอลิซาเบธมากครับ” ประธานพูดอย่างนอบน้อม “แต่มีอยู่เรื่องที่ต้องบอกคุณสักหน่อย ก็คืออาจารย์ของเจ้าของบทความที่คุณซื้อนี้ตามมาเอาเรื่องแล้วครับ”

“พวกเราได้จับเขามาขังไว้เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายที่ไม่จำเป็น”

“ตามมาเอาเรื่องเลยเหรอ” เอลิซาเบธขมวดคิ้ว “ช่างกล้าหาญเหลือเกิน ไม่ได้บอกเขาเหรอว่าฉันซื้อ”

“บอกแล้วครับ แต่เขาก็ยังไม่ยอม” ประธานพูด “ประเด็นคือเขายังเอาบทความของนักศึกษาตัวเองส่งไปที่องค์กรฟิสิกส์ดาราศาสตร์ในยุโรปด้วย”

เอลิซาเบธสีหน้าเปลี่ยน “เรื่องตั้งแต่เมื่อไร”

“คุณเอลิซาเบธวางใจได้ครับ วารสารของพวกเขาตีพิมพ์ต้นเดือนพฤษภา”

เอลิซาเบธถึงได้วางใจ

เมื่อเป็นแบบนั้น คนที่จะถูกครหาว่าคัดลอกบทความคนอื่นก็ไม่มีทางเป็นเธอแล้ว

“โอเค ขังไว้” เอลิซาเบธเห็นด้วย “ถ้าไม่ไหวก็เอาเงินอุดปาก แต่ถ้าทำตัวปัญหาเยอะอีกก็ให้เขาหายไปจากโลกนี้ซะ”

พอประธานได้ยินแบบนี้ก็ยิ่งมั่นใจ “ครับ คุณเอลิซาเบธ”

เอลิซาเบธปิดวารสาร ชงกาแฟดื่ม

บรูเออร์ ลอเรนท์ พ่อของเธอเดินเข้ามาในเวลานี้ “บทความมีปัญหาเหรอ”

บรูเออร์ ลอเรนท์ไม่ใช่นายใหญ่ตระกูลลอเรนท์คนปัจจุบัน แต่เป็นน้องชายฝาแฝดของนายใหญ่

เนื่องจากเอลิซาเบธโดดเด่นมาก สถานะของบรูเออร์ในตระกูลลอเรนท์จึงเลื่อนขึ้นมาอยู่ไม่น้อย

“ไม่มีอะไรแล้วค่ะ จัดการแล้ว” เอลิซาเบธยักไหล่ “มีพวกไม่ดูตาม้าตาเรือ จัดการสักหน่อยก็เชื่อฟังแล้ว หนูไม่มีเวลาสนใจพวกเขา หนูรอที่จะได้พบนายท่านอยู่”

“นายท่านเห็นความสำคัญของลูกมาก” บรูเออร์ดีใจ “ห้องทดลองของศาสตราจารย์เกอร์เวนไม่ได้เข้าไปอยู่ได้ง่ายๆ นึกไม่ถึงว่านายท่านจะช่วยลูกติดต่อให้โดยเฉพาะ”

ผู้กุมอำนาจของตระกูลลอเรนท์เชียวนะ เรื่องแรกที่ทำคือรวบรวมพวกคนรุ่นหลังของตระกูลลอเรนท์หลายคนเพื่อส่งไปเข้าห้องทดลองของเกอร์เวน

เอลิซาเบธยิ้ม “พ่อบ้านจ็อบบอกว่า อันที่จริงคนที่นายท่านติดต่อไม่ใช่ศาสตราจารย์เกอร์เวน แต่เป็นนักวิจัยอันดับหนึ่งของห้องทดลอง ประวัติของหนูเข้าเกณฑ์พอดีก็เลยให้หนูเข้าไปค่ะ”

“ในเมื่อเป็นนักวิจัยอันดับหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นก็ต้องสำคัญต่อห้องทดลองกับเกอร์เวน เลยต้องปิดบังเรื่องนี้ไว้อย่างดี” บรูเออร์พยักหน้า “เอาเป็นว่าผลงานของลูกในด้านฟิสิกส์ก็ไม่ได้ด้อย บทความเดียวก็แค่เป็นตัวช่วยเสริมบารมี”

สมาชิกคนอื่นๆ ในตระกูลล้วนเป็นคู่แข่งของเอลิซาเบธ

อีกทั้งตอนนี้พวกเขาเป็นแค่ผู้ช่วยนักวิจัย ยังไม่ได้เป็นนักวิจัยจริงๆ

สุดท้ายนักวิจัยอย่างเป็นทางการก็มีได้แค่คนเดียว

ถ้าเธอไม่ได้รีบร้อนอยากเป็นนักวิจัยเต็มตัวก็ไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากขนาดนี้ซื้อบทความเพื่อทำสถานะให้มั่นคง

“แน่นอนค่ะ” เอลิซาเบธดื่มกาแฟ “ทางศูนย์ฟิสิกส์สากลไม่มีทางแพร่งพรายออกไป ส่วนนักศึกษาคนนั้นกับศาสตราจารย์ พวกเขาไม่มีหลักฐาน และก็ไม่ได้มีอำนาจเท่าศูนย์ฟิสิกส์สากล”

ไม่มีทางมีคนเชื่อ

บรูเออร์ถึงได้วางใจ เดินออกจากระเบียง

เอลิซาเบธเปิดบทความนั้นอ่านอีกรอบ จากนั้นก็ถอนหายใจ

เขียนได้สร้างสรรค์กว่าเธอจริงๆ

แนวคิดกับทฤษฎีที่พูดถึงในบทความนี้ ต่อให้เป็นพวกศาสตราจารย์สูงวัยก็ใช่ว่าจะคิดได้

แต่น่าเสียดาย เธอต้องการเป็นนักวิจัยเต็มตัว

พอถึงตอนนั้นค่อยให้เงินปลอบใจเจ้าของบทความแล้วกัน

อีกด้านหนึ่ง

ศูนย์ฟิสิกส์สากล

ประธานมองเงินสิบล้านดอลลาร์ที่เพิ่มเข้ามาในบัญชี อารมณ์ดีมาก

เขาออกจากห้องทำงาน ไปห้องที่ขังจั่วหลีไว้

จั่วหลีถูกล็อกไว้กับเตียง ร่างกายกับสองขาถูกโซ่ตรวนล่ามไว้ ขยับได้แค่มือ

เขาจ้องประธานตาเขม็ง ไม่พูดอะไร

“ศาสตราจารย์จั่ว ทำแบบนี้ไม่เบื่อเหรอ” ประธานนั่งลงฝั่งตรงข้าม ยิ้มเล็กน้อย “นักศึกษาคนนั้นของคุณฉลาดมีไหวพริบ จะต้องเขียนบทความได้อีกเยอะแน่นอน ขายแค่บทความเดียวมันจะอะไรนักหนา”

“พวกคุณทำให้คุณเอลิซาเบธติดค้างน้ำใจได้ รอเปลี่ยนนายใหญ่เมื่อไรพวกคุณก็จะมีที่พึ่งอย่างตระกูลลอเรนท์แล้วไม่ใช่เหรอ”

ประธานไม่เข้าใจความหัวรั้นของจั่วหลี

จั่วหลีถ่มน้ำลายใส่หน้าประธาน แสยะยิ้ม “ถุย! แกเป็นนักธุรกิจ มีเหรอจะเข้าใจว่าบทความสำคัญต่อพวกเราขนาดไหน”

แววตาของประธานขรึมลง “คุณมันไม่รู้จักแยกแยะ ใครก็ได้เข้ามาหน่อย!”

มีบอดี้การ์ดเดินเข้ามาหลายคนพร้อมปืน

“คุณเอลิซาเบธบอกแล้วว่า…”

ประธานยังไม่ทันพูดจบก็มีเสียงเอะอะดังมาจากด้านนอก

มีเสียงร้อนรนพูดขึ้น

“คุณผู้หญิง เข้าไปไม่ได้นะ คุณผู้หญิง!”

“คุณผู้หญิง ถ้ายังทำแบบนี้อีกพวกเราจะเรียกคนมา!”

ตึง!

ประตูถูกถีบออก

ประธานขมวดคิ้ว “ใคร ไม่รู้เหรอว่าห้ามเข้ามาที่นี่”

เขาหันไปมอง แล้วก็ตะลึง

เด็กสาวที่งดงามสะดุดตา ดวงตาหงส์สุกใสทอประกายเย็นชา

ทำให้คนไม่กล้าสบตาโดยตรง

ประธานยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกถีบกระเด็น

ลูกถีบนี้โดนจุดที่อ่อนแอที่สุดของเขาพอดี

“โอ๊ย!”

เสียงร้อยโอดโอยด้วยความเจ็บปวดดังไปทั่วห้อง

ประธานเจ็บจนดีดดิ้น หน้าผากมีเหงื่อผุด

พวกบอดี้การ์ดก็ตะลึง

พวกเขาเห็นเด็กสาวไปที่เตียง จากนั้นก็ใช้มือตัดโซ่ตรวนที่ล่ามจั่วหลีไว้

จั่วหลี “…”

นี่มันวิชาต่อสู้อะไรกัน

มือแข็งกว่ามีดอีกเหรอ!

ในที่สุดประธานก็เริ่มดีขึ้น แต่ยังเจ็บจนตัวสั่น

เขากัดฟันพูด “จะ จับตัวไว้ จับไว้…”

“บทความเดียวสามร้อยล้านดอลลาร์” อิ๋งจื่อจินหิ้วตัวเขาไปอัดเข้ากำแพง “หาเงินง่ายดีนะ หาเงินเก่งกว่าฉันอีก”

ประธานพูดเสียงสั่น “ฉันขอเตือน ที่นี่คือศูนย์ฟิสิกส์สากล อย่ามาก่อกวน ไม่อย่างนั้นวันหน้าก็อย่าคิดจะอยู่ในวงการฟิสิกส์ได้อีก!”

เขาเคยเห็นรูปอิ๋งจื่อจิน

คนที่จะมาช่วยจั่วหลีได้ก็มีแค่อิ๋งจื่อจิน

พอเขาพูดจบอิ๋งจื่อจินก็หักข้อมือเขาโดยไม่แสดงอารมณ์ทางสีหน้า

มีเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นมาอีกรอบ ประธานเจ็บจนเกือบสลบไป

อิ๋งจื่อจินย่อตัวนั่งลง จับบ่าของเขาแน่น ค่อยๆ บดขยี้กระดูก “แกคิดว่าฉันแคร์ไหมล่ะ”

ประธานหวาดกลัวอย่างสิ้นเชิง ร้องโอดครวญไม่หยุด

เขาเป็นแค่นักธุรกิจ ปกติอย่างมากก็แค่ออกกำลังกาย มีบอดี้การ์ดคุ้มกัน เคยเจ็บตัวแบบนี้ที่ไหนกัน

“หยุดนะ!” บอดี้การ์ดชุดดำคนหนึ่งพูดขึ้น “ถ้ายังไม่ปล่อยประธานอีก ฉันจะยิงเด็กคนนี้!”

ปืนในมือเขาเล็งไปที่ซีนายที่ตามเข้ามา แสยะยิ้ม “ปืนในมือฉันมันไม่มีตาหรอกนะ!”

อิ๋งจื่อจินหันไป

“ไม่มั้งๆ คงไม่ได้คิดว่าฉันดูอ่อนแอขนาดนั้นใช่ไหม” ซีนายจับนาฬิกาข้อมือของตัวเอง “ตอนฉันปกติ ฉันเป็นถึงสาวฮอตเลยนะ แกยังเตี้ยกว่าขาฉันอีก รู้หรือเปล่า”

ฟึ่บ แสงเลเซอร์สีน้ำเงินถูกยิงออกจากนาฬิกาข้อมือไปโดนปืนที่อยู่ในมือบอดี้การ์ด

ราวกับสัมผัสถูกเตาความร้อนสูง ปืนกระบอกนั้นเริ่มละลายเหมือนหิมะ ไม่นานก็กลายเป็นของเหลว

บอดี้การ์ดชุดดำตะลึงงัน

เขาขาสั่น ทรุดลงไปคุกเข่าบนพื้น “วะ ไว้ชีวิตด้วยครับ!”

สองมือของซีนายกลับไปล้วงกระเป๋าอีกครั้ง “น่าเบื่อ”

“ไป” อิ๋งจื่อจินหามจั่วหลีออกไป

ประธานยังนอนอยู่บนพื้น ขยับไม่ได้

“นักศึกษาอิ๋ง ขอโทษนะ” จั่วหลีรู้สึกผิดจริงๆ “อาจารย์เอาบทความของเธอกลับมาไม่ได้ แถมยังต้องให้เธอมาช่วยอีก”

“วัดกันที่อิทธิพล เป็นเรื่องปกติ ไม่มีอำนาจก็ต้องถูกกด” อิ๋งจื่อจินกลับเป็นฝ่ายปลอบเขา “ศาสตราจารย์จั่วไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ”

“อาจารย์น่ะไม่เป็นไรหรอก แต่เธอ…” จั่วหลีขมวดคิ้ว “นักศึกษาอิ๋ง เธอไปบอกศาสตราจารย์เกอร์เวนโดยตรงเถอะ ด้วยสถานะของเขาในวงการฟิสิกส์จะต้องปกป้องเธอได้แน่”

“แบบนั้นไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นตอ” อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น “เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทำเรื่องแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว”

“ใช่” จั่วหลีกำมือแน่น “เมื่อกี้ไอ้ประธานเฮงซวยนั่นยังพูดอีกว่า อาจารย์ไม่รู้จักดูสถานการณ์เหมือนคนอื่นๆ”

แบบนั้นมีกี่คนที่ต้องสูญเสียเกียรติยศที่ควรเป็นของตัวเอง

และมีกี่คนที่อาศัยผลงานคนอื่นสร้างชื่อเสียงบารมีให้ตัวเองในแวดวงวิชาการ

แต่พวกเขาไม่ได้มีอิทธิพลหนุนหลังแบบอิ๋งจื่อจิน

อิ๋งจื่อจินมองสัญลักษณ์ที่ติดอยู่บนกำแพงชั้นหนึ่ง ครุ่นคิดแล้วพูดขึ้น “นายทุนที่สนับสนุนศูนย์ฟิสิกส์สากลคือวีนัสกรุ๊ปเหรอคะ”

จั่วหลีอึ้ง “ดูเหมือนจะใช่ อ๋อๆ เธอจะไปหาประธานฟู่เหรอ แต่เขาเป็นแค่ประธานโซนเอเชียแปซิฟิก การลงทุนที่เกี่ยวกับวิชาการจะดำเนินการโดยสำนักงานใหญ่ในยุโรปน่ะ”

สำนักงานใหญ่ในยุโรป ไม่ใช่โซนยุโรป

แม้แต่ประธานโซนยุโรปก็ยังไม่มีสิทธิ์เข้าไปควบคุมการลงทุนในด้านวิชาการ

ถึงแม้โซนเอเชียแปซิฟิกจะพัฒนาไปได้ดีมาก แต่เนื่องจากก่อตั้งช้า จึงเทียบกับโซนยุโรปไม่ได้

“เขาไม่ใช่ประธานโซนเอเชียแปซิฟิกค่ะ”

“หา?”

อิ๋งจื่อจินกดเบอร์ “เขาเป็นประธานใหญ่”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท