คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 709 อิ๋งจื่อจิน ‘บอกว่าให้ปล่อยพวกเขาไป’

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 709 อิ๋งจื่อจิน ‘บอกว่าให้ปล่อยพวกเขาไป’

ตรงข้อมูลผู้ใช้งานที่กรอบด้านบนสุดมีตัวเอสตัวใหญ่ ปรากฏในสายตาสวีจิ่งซาน

สวีจิ่งซานตะลึงอ้าปากค้าง หันไปทันทีด้วยความเหลือเชื่อ “พวกเธอมีแอคเคาท์ระดับเอสได้ยังไง!”

มีแค่นักวิจัยระดับเอสในสำนักวิจัยเท่านั้นที่สามารถยื่นขอแอคเคาท์ระดับเอสจากเว็บดับบลิวได้โดยผ่านทางสำนักวิจัย

ซึ่งตอนนี้นักวิจัยที่ถูกประเมินให้เป็นระดับเอสในสำนักวิจัยมีอยู่ไม่ถึงหนึ่งร้อยคน และส่วนใหญ่ก็เป็นคนอายุมากกับพวกอาจารย์

ถึงแม้บิลก็มีแอคเคาท์ระดับเอส แต่กลับเป็นของตระกูลเรนเกล

เนื่องจากก่อนหน้านี้สวีจิ่งซานเพิ่งได้เลื่อนเป็นนักวิจัยระดับเอ เขาถึงได้แอคเคาท์ระดับเอมา

วันนี้เขาได้ยินว่านักศึกษาระดับสูงของคณะชีววิทยาและพันธุศาสตร์ทำการชะลอพัสดุของกลุ่มบี เขาก็เลยรีบมาทำตัวอวดดี

แต่ระดับเอส!

สวีจิ่งซานจ้องตัวเอสเขม็ง ใบหน้าเริ่มแดง

เหมือนถูกตบกลางอากาศ ใบหน้าร้อนผ่าว

“โอ๊ะ ฟังเอานะ เมื่อกี้นายพูดว่าอะไร” เยี่ยซือชิงทำท่าแคะหู สีหน้าแกล้งตกใจ

“นายบอกว่านายอยากช่วยพวกเราแก้ปัญหาเรื่องพัสดุล่าช้าเหรอ”

สวีจิ่งซานดวงตาแดงก่ำ เขาหายใจหอบแรง “เธอมีแอคเคาท์ระดับเอสได้ยังไง ได้มาได้ยังไง!”

“โทษทีนะ ไม่จำเป็นต้องบอก” เยี่ยซือชิงพูดเสียงเย็นชา “ตอนนั้นก็บอกนายแล้วว่าอย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน”

เมื่อก่อนเธอก็สนิทกับสวีจิ่งซานพอสมควร

แต่สวีจิ่งซานทอดทิ้งกลุ่มบีตอนที่ลำบากที่สุด ระหว่างพวกเขาจึงไม่มีเยื่อใยต่อกันแล้ว

“เสียใจเหรอ” สวีจิ่งซานฟังแล้วก็หัวเราะ “เยี่ยซือชิง เธอคงไม่มีทางไม่รู้ความแตกต่างระหว่างกลุ่มบีกับกลุ่มเอใช่ไหม”

“เป็นเรื่องจริงที่อิ๋งจื่อจินสอบเข้าคณะวิศวะได้เป็นอันดับหนึ่งของปีนี้ แต่เธอเพิ่งเรียนมานานแค่ไหนกัน เทียบกับคุณหนูบิลได้เหรอ”

สายตาของเยี่ยซือชิงเย็นชายิ่งกว่าเดิม

“รุ่นพี่สวีอยากติดตามคุณหนูบิลอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ดูถูกที่พวกเราเป็นตัวถ่วงไม่ใช่เหรอ” นักศึกษาชายคนนั้นพูดขึ้น “งั้นรุ่นพี่ลองไปถามเลยว่าคุณหนูบิลยอมให้รุ่นพี่ใช้แอคเคาท์ระดับเอสของเธอหรือเปล่า”

แต่พวกเขาไม่เหมือนกัน

อิ๋งจื่อจินให้แอคเคาท์มาโดยตรง แถมเป็นระดับเอส

เมื่อกี้ยังบอกอีกว่าเอาไว้ให้พวกเขาใช้

บิล เรนเกล เทียบได้เหรอ

สีหน้าของสวีจิ่งซานค้างเติ่ง

แอคเคาท์ระดับเอสของเว็บดับบลิวไม่ใช่ผักสดที่อยากจะให้ใครยืมก็ได้

“ไม่ให้ใช่ไหมล่ะ แล้วดูรุ่นพี่ทำตัว คนไม่รู้ยังจะคิดว่ารุ่นพี่แต่งเข้าตระกูลเรนเกลไปแล้วนะครับ” นักศึกษาชายทำเสียงเชอะ “รุ่นพี่ต้องกอดขาคุณหนูบิลไว้ให้แน่นๆ อย่าให้ถูกถีบออกมานะครับ”

“ได้ เอาสิ งั้นพวกเธอรอดูได้เลย” สวีจิ่งซานโมโห “รอวันส่งโปรเจ็กต์ พวกเธอไม่รอดแน่”

เขาหันตัวเดินออก

นักศึกษาชายลุกขึ้นทันที รีบเอาลูกกลมๆ ยัดใส่หมวกฮู้ดของสวีจิ่งซานอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ผลักเขาออกไป

“ตูมตาม…”

เกิดเสียงโครมครามที่ด้านนอกอีกครั้ง ตามมาด้วยเสียงร้องโวยวายของสวีจิ่งซาน

ได้กลิ่นชวนอ้วกลอยมา

สมาชิกกลุ่มอีกคนหนึ่งอึ้ง รีบเปิดเครื่องกรองอากาศทันที

เยี่ยซือชิงหันไป “นายมีระเบิดตดกี่ลูกกันแน่”

“เอ่อ” นักศึกษาชายลูบกระเป๋ากางเกง “ยังเหลืออีกสามลูก รุ่นพี่เยี่ยอยากได้ไหม”

เยี่ยซือชิง “…นายไปให้ไกลๆ ฉันเลย”

ถ้าให้คนอื่นรู้ว่าคณะวิศวะของพวกเขาทำระเบิดตด มีหวังได้ขายหน้ากันทั้งคณะ

อีกด้านหนึ่ง

บนรถ

อิ๋งจื่อจินลืมตาขึ้นเล็กน้อย เอามือบังเหนือตา มองไปนอกหน้าต่าง

เมืองแห่งโลกมีแค่ฤดูใบไม้ผลิ แสงแดดในยามบ่ายอบอุ่นแต่กลับไม่แสบตา

“ตื่นแล้วเหรอ”

มีเสียงทุ้มต่ำพูดขึ้น น้ำผลไม้แช่เย็นปรากฏตรงหน้าเธอหนึ่งแก้ว

“อืม” อิ๋งจื่อจินค่อยๆ บิดขี้เกียจ รับแก้วมา “สบายขึ้นเยอะแล้ว”

ทำการทดลองเหนื่อยไม่น้อยไปกว่าการต่อสู้ที่เธอแค่ลงแรง ช่วงนี้เธอใช้สมองหนักมาก

ฟู่อวิ๋นเซินยกมือลูบศีรษะเธอ พูดเสียงทุ้มต่ำ

“เห็นทีหลายวันมานี้จะเหนื่อยจริง ไว้ทำโปรเจ็กต์เสร็จต้องพักผ่อนสักระยะ”

เขารู้ว่าทำไมเธอต้องดึงดันทำโปรเจ็กต์ยานอวกาศ

แม้จะมีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งในหมื่น แต่เธอก็อยากเจอเพื่อนของเธอ

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเบาๆ เปิดฝาออก “สืบเรื่องคุณป้าไปถึงไหนแล้ว”

“ยังไม่มีเบาะแส” ฟู่อวิ๋นเซินพูดเสียงขรึม “ตอนนั้นที่คนพวกนั้นกล้าทิ้งร่องรอยไว้ในเจ็ดทวีปสี่มหาสมุทรก็เพราะพวกเขารู้ว่ามีไม่กี่คนที่ไปเมืองแห่งโลกได้ ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีใครกล้าตามสืบไปจนถึงสำนักผู้วิเศษ”

สำนักผู้วิเศษเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเมืองแห่งโลก มีใครกล้าเป็นศัตรูกับผู้วิเศษที่ไหนกัน

อิ๋งจื่อจินหรี่ตาเล็กน้อย “แสดงว่าพวกเขากลับระมัดระวังมากในเมืองแห่งโลก ก็แค่จะทิ้งร่องรอยไว้เป็นบางครั้ง”

“อืม แต่เขาบอกว่าที่ตอนนั้นเขาสมองตายเป็นเพราะถูกกลุ่มคนรุมทำร้ายขณะที่ออกไปกับแม่” ฟู่อวิ๋นเซินพูด “ฝีมือของคนพวกนั้นไม่ด้อยไปกว่าหน่วยอัศวินทั้งสี่ พี่ชายสงสัยว่าจะเป็นอิทธิพลมืด”

ผู้วิเศษนักมายากล เป็นไปได้ว่าอาจเป็นแค่หนึ่งในนั้น

เป้าหมายที่กลุ่มอิทธิพลนี้เคยลงมือกระจัดกระจายไปทั่ว และตอนนี้ก็ยังไม่ทราบจุดประสงค์แน่ชัด

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิดชั่วครู่ “ฉันก็จะสืบด้วย”

ถึงแม้พลังกับความทรงจำของนอร์ตันจะกลับมาแล้ว

แต่เมื่อก่อนเขาไปไหนมาไหนตามลำพัง ไม่มีความใกล้ชิดกับผู้วิเศษคนไหน และก็ไม่ค่อยกลับสำนักผู้วิเศษ

อิ๋งจื่อจินยันศีรษะ

ส่วนซิว ผู้วิเศษเจ็ดวันเจ็ดทรง เธอไม่คาดหวังหรอก

“เลิกพูดเรื่องพวกนี้เถอะ ไปเที่ยวเล่นผ่อนคลายกันหน่อย” ฟู่อวิ๋นเซินจอดรถ ดวงตาดอกท้อโค้งมน น้ำเสียงเรื่อยเปื่อย “จองอาหารเย็นไว้แล้ว บำรุงเด็กน้อยของพี่ชายหน่อย เดี๋ยวจะป่วย”

ทั้งสองคนลงจากรถ

ห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางเมืองมีผู้คนเดินขวักไขว่ ไม่มีการแบ่งแยกชนชั้น ชาวบ้านธรรมดากับไฮโซต่างก็มาเดิน

อิ๋งจื่อจินหยุดอยู่หน้าราวแขวนเสื้อผ้า หยิบชุดกระโปรงขึ้นมา

ชุดกระโปรงตัวนี้เป็นสไตล์โลลิตา ไม่ใช่แบบที่เธอชอบ

ก็แค่วันนั้นนอร์ตันส่งรูปชุดกระโปรงแบบนี้มาให้เธอเยอะมาก แถมยังถามว่าชุดไหนสวย

“คุณผู้หญิงคะ ชุดนี้กำลังเป็นที่นิยมเลยค่ะ” พนักงานดวงตาเปล่งประกาย “มีทั้งของเด็กและผู้ใหญ่ เมื่อครู่มีคุณผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาผมสีดอกเลาเพิ่งซื้อให้ลูกสาวไปตั้งหลายชุดค่ะ”

อิ๋งจื่อจิน “…”

ไม่ต้องถามเธอก็รู้ว่าใคร

ชักเพี้ยนขึ้นทุกวัน

เวลาเย็น

ภายในห้องทดลอง

“เหนื่อยเป็นบ้า เสร็จสักที” เยี่ยซือชิงนั่งหมดแรงบนโต๊ะ “รอส่งทดสอบสุดสัปดาห์ เอาให้สวีจิ่งซานหน้าหงาย”

บรรดาสมาชิกกลุ่มบีต่างดีใจกันมาก

นี่เป็นยานอวกาศขนาดเล็กที่พวกเขาทำออกมาได้เป็นครั้งแรก ควรค่าแก่การฉลอง

“ไป ฉันเลี้ยงเอง” เยี่ยซือชิงกวักมือ “ไว้รอจบโปรเจ็กต์ค่อยขอบคุณรุ่นน้องอิ๋งอย่างเป็นทางการ”

พวกเขากำลังจะเดินออกจากห้องทดลอง

ประตูกลับถูกเปิดออกก่อน

พอเห็นคนที่มา เยี่ยซือชิงก็อึ้ง “อะ…อาจารย์มั่วเฟิง”

มั่วเฟิงกวาดตามอง “วันนี้พวกคุณไปที่คณะชีววิทยามาเหรอ แถมยังทำร้ายนักศึกษาด้วย”

เยี่ยซือชิงตอบ “อาจารย์มั่วเฟิงคะ คือเรื่องเป็นแบบนี้ค่ะ นักศึกษาคนนั้นเขา…”

“ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรพวกคุณก็ไม่ควรทำร้ายนักศึกษาด้วยกัน” มั่วเฟิงยกมือห้าม “พวกคุณเจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดนี้ ต่อไปถ้ายังมีโปรเจ็กต์ใหญ่อีก เกิดทะเลาะกับคนในกลุ่มจะจงใจแกล้งให้อะไหล่ชำรุดหรือเปล่า”

คณะวิศวกรรมศาสตร์ระมัดระวังรอบคอบมาตลอด

อย่างไรเสียก็เกี่ยวพันถึงการบิน หากไม่รอบคอบจะเกิดการเสียชีวิตได้

ในช่วงหลายร้อยปีนี้ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์มีความเจริญก้าวหน้า ประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ได้ ล้วนเป็นเพราะคนรุ่นก่อนปูทางมาให้ด้วยเลือดเนื้อของพวกเขา

อย่าว่าแต่ให้อะไหล่ชำรุดชิ้นเดียวเลย หากวางผิดตำแหน่งก็อาจทำให้ระเบิดได้

“งดทดสอบชั่วคราว” มั่วเฟิงพูด “ตามผมออกมารับการปรับทัศนคติ”

เยี่ยซือชิงสีหน้าเปลี่ยน “อาจารย์มั่วเฟิง!”

งดทดสอบชั่วคราวไม่เท่ากับว่าสิ่งที่พวกเขาทำมามันสูญเปล่าเลยเหรอ

นักศึกษาชายร้อนใจ “อาจารย์มั่วเฟิงครับ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็เอาไว้หลังพวกเราทดสอบเสร็จก่อนได้ไหมครับ”

“ไม่ได้” มั่วเฟิงไม่เมตตาแม้แต่น้อย “รหัสทดสอบของพวกคุณแค่ระดับเอ ผมมีสิทธิ์หยุดโปรเจ็กต์ของพวกคุณชั่วคราว”

เยี่ยซือชิงกับนักศึกษาชายมองหน้ากันแล้วเงียบไป

ก็จริง

มั่วเฟิงเป็นนักวิจัยระดับเอส อีกทั้งยังเป็นอาจารย์อันดับหนึ่งของคณะวิศวกรรมศาสตร์ เขามีอำนาจมากมาตลอด

แต่ถ้าบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเอ เยี่ยซือชิงไม่เชื่อ

เป็นที่รู้กันดีว่ามั่วเฟิงลำเอียงเข้าข้างบิลมาตลอด

“ค่ะ อาจารย์มั่วเฟิง” เยี่ยซือชิงถอนหายใจ “พวกเราจะไปกับอาจารย์ แต่จะหยุดโปรเจ็กต์ไม่ได้ พวกเรามีสมาชิกที่ไม่ได้ลงมือด้วย ให้เธอรับหน้าที่ส่งโปรเจ็กต์ได้”

ขณะที่มั่วเฟิงกำลังจะพยักหน้าก็มีเสียงพูดดังขึ้น

“ปล่อยพวกเขาไป”

น้ำเสียงเย็นชาดุจหิมะที่เย็นยะเยือก ถูกลมพัดสลายไป

มั่วเฟิงหันไป ขมวดคิ้ว เหมือนไม่ค่อยอยากเชื่อสายตาตัวเอง “ว่าไงนะ”

เด็กสาวยืนอยู่ตรงประตู สายตาเคร่งขรึม “บอกว่าให้ปล่อยพวกเขาไป”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน