คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 796 อิ๋งจื่อจิน ‘แข่งคนหนุนหลังใช่ไหม’

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 796 อิ๋งจื่อจิน ‘แข่งคนหนุนหลังใช่ไหม’

เสียงตวาดนี้มีพลังที่เข้าถึงใจคน ดังไปทั่วสนามแข่งขัน

ชาวเมืองที่เดิมทีกำลังดีอกดีใจได้ถูกดึงสติกลับมา

หลังจากที่พวกเขาตั้งสติได้ ตระหนักได้ว่าเจ้าของเสียงคือใคร ก็ลนลานทำอะไรไม่ถูกในชั่วขณะ รีบคุกเข่าลงทันที

“น้อมเคารพท่านจักรพรรดินี!”

“น้อมเคารพท่านจักรพรรดินี!”

ต่อให้เป็นบรรดาชาวเมืองที่รับชมผ่านทางถ่ายทอดสดก็ยังคุกเข่าต่อหน้าคอมพิวเตอร์

คนทั่วทั้งเมืองแห่งโลกพากันทำความเคารพ บรรยากาศดูยิ่งใหญ่มาก

“เหล่าผู้วิเศษมาเหรอ” พ่อบ้านก็ตกใจมาก กำลังจะคุกเข่าลงทันที

แต่มีมือข้างหนึ่งจับบ่าเขาไว้ ออกแรงพยุงเขาขึ้นมา

สายตาของฟู่อวิ๋นเซินเรียบเฉย “มีอะไรน่าคุกเข่า”

“ท่านเขย นั่นท่านจักรพรรดินีเชียวนะครับ” พ่อบ้านอึ้ง “เธอ…”

ฤดูกาลในเมืองแห่งโลกถูกควบคุมโดยซาโรห์

ชาวเมืองต่างก็รู้ว่าการที่พวกเขาได้อาศัยอยู่ในสภาพอากาศที่เหมาะสมแบบนี้เป็นเพราะซาโรห์

เมืองแห่งโลกยังมีสัตว์อีกหลายชนิดที่สูญพันธุ์ไปแล้วในเจ็ดทวีปสี่มหาสมุทร เช่น นกโดโด ก็ได้ซาโรห์ที่ช่วยสร้างพื้นที่ที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยให้พวกมัน

ด้วยเหตุนี้ภาพลักษณ์อันสูงส่งของผู้วิเศษภายในใจของชาวเมืองจึงใช่ว่าจะถูกทำลายได้ในวันเดียว

ซู่เวิ่นวางแก้วลง เหลือบมองพ่อบ้าน ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น “ก็แค่ผู้วิเศษ ทำพ่อบ้านกลัวได้ขนาดนี้เลยเหรอ”

ในบริเวณอาณาเขตของตระกูลเรนเกลมีผู้วิเศษอยู่กันตั้งหลายคน

มีพลังพิเศษซ่อนเร้นของผู้วิเศษนักพรต เรื่องนี้แม้แต่สำนักผู้วิเศษก็ไม่รู้

คนเยอะเรื่องแยะ ในบ้านก็มีแค่เธอคนเดียวที่รู้เรื่องทั้งหมด

จากการพูดคุยกับอิ๋งจื่อจิน ซู่เวิ่นก็ตั้งข้อสันนิษฐานได้ว่าเรื่องที่ลูเอลถูกลอบโจมตีหนีไม่พ้นความเกี่ยวข้องกับสำนักผู้วิเศษ

ตอนนี้เธอไม่มีความรู้สึกดีๆ ให้ผู้วิเศษพวกนี้เลยสักนิด

พ่อบ้าน “?”

เขาว่าคุณนายใหญ่ต่างหากที่ป่วยหนัก

บรรยากาศภายในสนามแข่งขันเงียบสงัด ไชโลห์ยังคงสลบอยู่

อิ๋งจื่อจินยืนยืดตัวตรง

แสงแดดตกกระทบที่ตัวเธอ ฉาบใบหน้าของเธอให้เป็นสีทองอ่อนๆ

ดูสง่างามมิอาจรุกล้ำ

ไม่กี่วินาทีถัดมาสตรีที่สวมชุดกระโปรงแบบราชนิกุลได้เหาะลงมาจากฟ้า หยุดที่กลางสนาม

เธอถือคฑา กวาดตามองด้วยสายตาเข้มงวด มองปราดเดียวก็เห็นใบหน้าที่งดงามโดดเด่นเกินใครของอิ๋งจื่อจิน

ซาโรห์กำลังจะตวาดเสียง แต่ทันใดนั้นได้นึกถึงตอนนั้นที่อิ๋งจื่อจินดึงดันจะไม่คุกเข่า กลับกลายเป็นเธอที่ถูกหลุยส์ตำหนิ

ไม่รู้ว่าครั้งนี้หลุยส์จะหักหน้าเธอเพราะเห็นแก่ความสวยอีกหรือเปล่า

ซาโรห์สูดลมหายใจเข้าลึก ข่มตัวเองไม่ให้มองอิ๋งจื่อจิน หันหน้าไปทางทุกคน

“การแข่งขันคัดเลือกในช่วงหลายวันนี้ ลำบากทุกท่านแล้ว” เธอพูด “เดิมทีเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องลำบากให้ทุกท่านเข้ามามีส่วนร่วม แต่เพื่อความยุติธรรม สำนักผู้วิเศษถึงได้เชิญทุกท่านมาร่วมจับตาดูเป็นพยาน”

พอได้ยินคำพูดนี้ชาวเมืองก็หวาดกลัวมาก ที่มากกว่าคือตกใจ “ท่านจักรพรรดินีพูดเกินไปแล้วครับ นี่เป็นสิ่งที่พวกเราควรทำอยู่แล้ว”

“ทุกท่านก็ได้เห็นการแข่งขันในสี่สนามที่ผ่านมาแล้ว” ซาโรห์พูดต่อ “ฉันเองก็ได้ดูการแข่งขันผ่านทางถ่ายทอดสด การแข่งขันทั้งสี่สนามทำได้ดีมาก โดยเฉพาะเพลงที่เล่นเปียโน ใช้ได้เลยทีเดียว”

แม้จะพูดแบบนี้ แต่ดวงตาของเธอกลับฉายแววหงุดหงิด

เพลงที่อิ๋งจื่อจินเล่นเปียโนไพเราะก็จริง แต่เธอก็ยังรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว

“ใช่ ฉันยอมรับว่าอิ๋งจื่อจินเก่งกว่าไชโลห์ในทุกด้าน” แววตาของซาโรห์เย็นชาลง “ฉันเองก็ไม่มีทางเข้าข้างลูกศิษย์ของตัวเองโดยไม่ดูข้อมูลความเป็นจริง”

[ท่านจักรพรรดินีมีเมตตา!]

[ไชโลห์เธอดูสิ เธอไม่ได้เอาความใจกว้างของท่านจักรพรรดินีมาเลยสักนิด]

“แต่ว่า…” อยู่ๆ แววตาของซาโรห์ก็ขรึมลง “การแข่งขันคัดเลือกจะจบลงเพียงเท่านี้ ลงมือโหดเหี้ยมกับคนในครอบครัวได้ขนาดนี้ ไม่มีเมตตาแม้แต่น้อย”

“ทุกคนคิดว่าเธอคู่ควรเป็นหัวหน้าตระกูลหรือ”

พอคำพูดนี้ออกมาก็เงียบกันหมด

“…”

อิ๋งจื่อจินถึงได้หันไปมองซาโรห์

ดวงตาของเธอไร้แววตกใจ ยังคงสุขุมเยือกเย็น

“ก็จริง” หอคอยก็มาถึงแล้ว “เมื่อกี้ผมไปตรวจดูแล้ว ไชโลห์กระดูกหักทั่วทั้งร่างกาย ลำพังแค่ใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์หายดีไม่ได้แน่”

ฝีมือโหดเหี้ยม

นับตั้งแต่เมื่อคืนที่คนพวกนั้นไม่กลับมา หอคอยก็รู้แล้วว่าแผนของไชโลห์ล้มเหลว

สายตาของหอคอยที่มองอิ๋งจื่อจินเจือไปด้วยความอาฆาตแค้น

ไพ่ตายของอิ๋งจื่อจินมีเยอะมากจริงๆ

เก็บไว้หรือกำจัดดี

หอคอยหลุบตาลงเล็กน้อย

เรื่องนี้เขาต้องหารือกับอัลไคด์ให้ดี

ครั้งล่าสุดที่ผู้วิเศษหอคอยปรากฏตัวก็เกือบสิบปีที่แล้ว

แต่การแต่งตัวแบบนี้ ไม่มีทางที่ชาวเมืองจะไม่รู้จัก

“ท่านหอคอย!”

“น้อมเคารพท่านหอคอย!”

“ไม่ต้องคุกเข่าแล้ว ยืนขึ้นให้หมดเถอะ” หอคอยยกมือ หันไปถาม “นักมายากล อาการเป็นยังไงบ้าง”

นักมายากลให้ไชโลห์กินยาไปหนึ่งเม็ด ขมวดคิ้วพลางพูด “พอไหว อีกเดี๋ยวน่าจะดีขึ้น”

ผู้วิเศษทั้งสามคนของไชโลห์มากันครบแล้ว!

[แบบนี้สู้ไม่ได้แล้ว เห็นได้ชัดว่าผู้วิเศษทั้งสามคนต้องการเลือกไชโลห์]

[จึ๊ๆ ไหนว่าไม่มีทางลำเอียง แล้วดูสิ]

[บอกแล้ว อิ๋งจื่อจินเก่งก็จริง แต่เธอจะสู้ผู้วิเศษได้เหรอ อย่าลืมนะว่าท่านจักรพรรดินีทำให้พวกเรามีชีวิตที่อุดมสมบูรณ์อย่างทุกวันนี้ได้]

ได้เจอผู้วิเศษสามคนในรวดเดียว ผู้ตัดสินก็แข้งขาอ่อนแรง

เขาพูดอย่างยากลำบาก “ท่านจักรพรรดินีต้องการเลือกเลยเหรอครับ”

“ฉันบอกแล้ว คนจิตใจโหดเหี้ยมเป็นหัวหน้าตระกูลไม่ได้หรอก” ซาโรห์พูดเสียงเย็นชา “ฉันเลือกไชโลห์”

หอคอยยิ้ม “ผมเหมือนซาโรห์”

นักมายากลไม่ชอบคณะวิศวกรรมศาสตร์ย่อมไม่มีทางโหวตให้อิ๋งจื่อจิน

ไชโลห์ก็เริ่มได้สติขึ้นมาในเวลานี้

อาการบาดเจ็บบนร่างกายเธอได้รับการเยียวยาจากยาของนักมายากลแล้ว แต่สติยังเลือนราง

แต่หลังจากเธอเห็นผู้วิเศษสามคนยืนอยู่ฝั่งเธอ ความมั่นใจก็กลับมาอีกครั้ง

เธอแสยะยิ้ม “อิ๋งจื่อจิน ฉันบอกแล้ว ถ้าเทียบเรื่องคนหนุนหลัง เธอสู้ฉันไม่ได้หรอก”

พอไชโลห์พูดจบก็มีเสียงหัวเราะดังมาอยู่ไม่ไกล

ตามมาด้วยคำพูดนี้

“ไม่ได้ออกมานานแล้ว ถ้าไม่อาศัยโอกาสนี้ออกมาเดินเล่นบ้าง เดี๋ยวจะไม่มีคนรู้จักพวกเราแล้ว”

ซาโรห์สีหน้าเปลี่ยนทันที หันขวับ

เห็นคนเดินเคียงข้างกันมา

เธอรู้จักทุกคน

ฉินหลิงอวี๋ ผู้วิเศษพระจันทร์!

อวี้เสวี่ยเซิง ผู้วิเศษพระอาทิตย์!

ซิว เคนเซล ผู้วิเศษนักพรต

นอร์ตัน ฟรานซิส ผู้วิเศษอัศวินรถม้า!

อีกด้านหนึ่งยังมีหลุยส์ ธีเซียส ผู้วิเศษสังฆราชที่ซาโรห์เชิญมา

ผู้วิเศษแปดคน!

ชาวเมืองแทบคลั่ง

พวกเขาเคยเจอผู้วิเศษอยู่รวมตัวเยอะขนาดนี้ที่ไหนกัน

เพียงเพื่อการคัดเลือกหัวหน้าตระกูลเรนเกลเหรอ

มันต้องขนาดนี้เลยเหรอ

ตอนที่พ่อบ้านเห็นหน้าฉินหลิงอวี๋กับอวี้เสวี่ยเซิงประหนึ่งมีฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ

นี่มันขาไพ่นกกระจอกที่เล่นกับเขาเมื่อสองวันก่อนไม่ใช่เหรอ!

พ่อบ้านตัวสั่นหันไป เสียงสั่นอย่างรุนแรง “คะ คุณนายใหญ่…”

“ดังนั้นต่อไปเจอผู้วิเศษก็ไม่ต้องตกใจอะไรให้มากนัก” ซู่เวิ่นใจเย็นมาก “บ้านเรามีผู้วิเศษมาอาศัยตั้งหลายคน”

พ่อบ้าน “…”

จบกัน

ต่อไปเขาไม่กล้าเล่นไพ่ชนะแล้ว

ซาโรห์สีหน้าเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก

ก่อนที่ผู้วิเศษพระจันทร์กับผู้วิเศษพระอาทิตย์จะดับสูญ พวกเขาไม่มีทางยุ่งเรื่องแบบนี้

ทำไมครั้งนี้ยังมาด้วยตัวเองล่ะ

“ซาโรห์ ไหนบอกว่าต้องยุติธรรมไง” ฉินหลิงอวี๋ยิ้ม “ตอนแข่งขันอาวุธพูดได้ที่ไหนกัน บาดเจ็บยังจะโทษคนอื่นได้อีกเหรอ”

เธอเองก็ไม่มองว่าสีหน้าของซาโรห์แย่ขนาดไหน พูดต่อ “ฉันกับเหยียนดูแค่ผลลัพธ์การแข่งขัน ดังนั้นพวกเราโหวตให้อิ๋งจื่อจิน”

สามต่อสอง!

ซิวหันมองอิ๋งจื่อจิน กำลังจะพูด

แต่อิ๋งจื่อจินเหล่มองเขา

ซิวกลืนคำพูดกลับไปทันที เขาเสยผมสีเหลืองอมส้ม “ผมก็ดูแค่ผลลัพธ์การแข่งขันเหมือนกัน โหวตให้อิ๋งจื่อจิน”

สามต่อสาม!

ซาโรห์ไม่มีเวลาตั้งตัวแม้แต่น้อย นอร์ตันพูดเสียงเนือย “ได้ยินว่านี่คือลูกศิษย์ของมหาวิทยาลัยฉัน เห็นแก่ที่ช่วยโปรโมตมหาวิทยาลัยให้ งั้นจะโหวตให้แล้วกัน”

คำพูดฟังดูฝืนมาก

[ท่านอัศวินรถม้าก่อตั้งมหาวิทยาลัยนอร์ตันเหรอ!]

[อึ้งเลยครับท่าน!]

สามต่อสี่!

สถานการณ์พลิกแล้ว

สีหน้าของไชโลห์ชะงัก

ซาโรห์ก็หน้าบึ้ง โทนเสียงเปลี่ยนไป “หลุยส์ คุณล่ะ”

“ผมต้องโหวตให้…” หลุยส์หยุดเล็กน้อย “ลูกศิษย์ของจักรพรรดินีอยู่แล้ว”

ซาโรห์พูดถูก

เขาถูกใจอิ๋งจื่อจิน อยากรับเธอเข้าสำนักผู้วิเศษ

เพราะแบบนี้เขาไม่มีทางให้อิ๋งจื่อจินได้เป็นหัวหน้าตระกูล

แต่ถ้าเข้าสำนักผู้วิเศษได้ สถานะก็สูงกว่าเป็นหัวหน้าตระกูลมาก

สี่ต่อสี่

เสมอกัน!

ซาโรห์ขมวดคิ้ว

นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เธออยากเห็น

เธอหันไปพูดกับนักมายากล “ไปเชิญอัลไคด์มา”

ถ้ามีผู้วิเศษดวงดาวอีกคน เธอไม่เชื่อหรอกว่าอิ๋งจื่อจินยังจะพลิกชนะได้

ผิดแผน นึกไม่ถึงว่าพวกฉินหลิงอวี๋จะเข้ามายุ่งด้วย

“นี่ ลืมฉันไปหรือเปล่า” มีเสียงพูดดังมาอีกครั้ง “อ๋อ ฉันลืมไป ฉันยังไม่ได้กลับสำนักผู้วิเศษ”

ร่างกายของซาโรห์หดเกร็ง

หลิงเหมียนซียิ้มตาหยี “ฉันโหวตให้อา…อิ๋งจื่อจิน”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน