คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 826 สงครามศักดิ์สิทธิ์ครั้งที่สอง!

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 826 สงครามศักดิ์สิทธิ์ครั้งที่สอง!

ลิซิเนียสลุกพรวด ตะลึงแบบที่ยากจะปิดบัง “รัศมีเกินสามพันห้าร้อยเมตรเหรอครับ!”

“ใช่ นี่ยังเป็นแค่การคาดการณ์เบื้องต้นด้วย” ไป๋เจี้ยงเช็ดเหงื่อบนศีรษะ น้ำเสียงร้อนรนยิ่งกว่าเดิม “ระหว่างที่เคลื่อนมา ดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ยังดูดซับสสารอื่นๆ ในจักรวาลด้วย”

“เมื่อมันมาถึงโลก รัศมีที่คาดการณ์ไว้ในทางเลวร้ายคือหนึ่งร้อยห้าสิบกิโลเมตร!”

ลิซิเนียสก็หน้าซีดลง “โอ้มายก็อด…”

“อีกทั้งไม่ใช่แค่ดาวเคราะห์น้อยดวงเดียว” ไป๋เจี้ยงสูดลมหายใจเข้าลึก “รอบๆ ดาวเคราะห์น้อยดวงใหญ่ที่สุดนี้ยังมีดาวเคราะห์อื่นๆ ที่รัศมีหลายร้อยเมตรจำนวนมาก นี่คือกลุ่มดาวเคราะห์!”

เรื่องอย่างดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนโลก ตอนนี้มีแค่ในภาพยนตร์ไซไฟ

แต่จากประวัติศาสตร์หลายพันล้านปีของโลก เรื่องแบบนี้กลับเกิดขึ้นมานับพันนับหมื่นครั้งแล้ว อีกทั้งหลายครั้งที่ทำให้สิ่งมีชีวิตสูญพันธุ์

นักวิทยาศาสตร์ได้คาดการณ์ไว้ว่า ไดโนเสาร์ที่สูญพันธุ์ไปเมื่อหลายแสนปีก่อนมีสาเหตุมาจากดาวเคราะห์น้อยดวงหนึ่งพุ่งชนโลก

อย่าว่าแต่ดาวเคราะห์น้อยที่มีรัศมีหนึ่งร้อยห้าสิบกิโลเมตรเลย ต่อให้เป็นสามพันห้าร้อยเมตร ลิซิเนียสก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน

หลายปีมานี้นอกจากไอบีไอจะคอยปราบพวกอาชญากรข้ามชาติที่ทำผิดกฎหมายแล้ว ก็ยังมีหน่วยที่ดูแลด้านภัยพิบัติโดยเฉพาะด้วย

หน่วยดังกล่าวเคยมีการแจ้งเตือนแผ่นดินไหว สึนามิ พายุทอร์นาโด เป็นต้น พร้อมทั้งมีบอกแผนรับมือ

ถึงแม้ดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนโลกจะเป็นเรื่องที่พบเจอได้ยาก แต่ไอบีไอก็มีมาตรการรองรับ

แต่ไม่เคยเจอกลุ่มดาวเคราะห์มาก่อน

ดาวเคราะห์น้อยที่ใหญ่ขนาดนี้หากพุ่งชนเข้ามาก็เพียงพอให้โลกแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

ลิซิเนียสทำใจให้สงบลงได้ในเวลาไม่กี่วินาที เขาตัดสินใจเด็ดขาด “แจ้งเรื่องนี้ให้ผู้บัญชาการทราบ จากนั้นติดต่อมหาวิทยาลัยนอร์ตัน!”

ในขณะเดียวกัน ภายในมหาวิทยาลัยนอร์ตันที่ห่างจากไอบีไอโดยมีมหาสมุทรแอตแลนติกขวางกั้น

“แผนสำรองล่ะ” รองอธิการบดีเดินกลับไปกลับมาอยู่ในหอสังเกตการณ์ดวงดาว เขาตวาดเสียงใส่ “เปลี่ยนวิถีโคจรของมันไม่ได้เหรอ! ถ้าเปลี่ยนไม่ได้ก็ใช้อาวุธระยะไกลระเบิดมันสิ!”

“ทะ ท่านรองอธิการครับ ถ้าพวกเราสังเกตเห็นก่อนหนึ่งปีหรืออย่างน้อยสามเดือน มันก็เลี่ยงได้อยู่หรอกครับ” ศาสตราจารย์คนหนึ่งดันแว่นตา ร้อนใจไม่แพ้กัน “แต่นี่เราเจออย่างกะทันหัน ไม่มีใครรู้ว่าพวกมันมุ่งหน้ามาทางโลกได้ยังไง!”

“พวกเรา…พวกเราไม่มีเวลาแล้วครับ”

รองอธิการบดียังอยากพูดอะไรต่อ แต่ถูกบังคับให้เปิดเครื่องมือสื่อสาร

ขณะเดียวกันอิ๋งจื่อจิน ฟู่อวิ๋นเซิน นอร์ตัน รวมถึงลิซิเนียสกับไป๋เจี้ยง ต่างก็เชื่อมต่อออนไลน์ประชุมสายกัน

ทันทีที่รองอธิการบดีเห็นผมสีดอกเลาที่แสนสะดุดตาของนอร์ตัน เขาก็หงอลงทันที “ท่านอธิการ!”

เขาพยายามส่งสายตาหาอิ๋งจื่อจิน หวังว่าเธอจะช่วยปราบนอร์ตันที่กำลังจะระเบิดอารมณ์

แต่เรื่องที่เหนือความคาดหมายของรองอธิการบดีคือ นอร์ตันไม่ได้ด่าเขา กลับยิ้มให้ “ผมรู้ว่าคุณทำได้ดีมากแล้ว”

รองอธิการบดียิ่งหวาดกลัวมากกว่าเดิม “ทะ ท่านอธิการ ผมรู้ว่าท่านโมโหมาก โกรธจนสมองเบลอแล้ว”

นอร์ตันมองด้วยสายตาเย็นชา “ไปไกลๆ เลย”

รองอธิการบดีกลับโล่งอก “ค่อยยังชั่ว นี่แหละท่านอธิการ”

“เลิกพูดไร้สาระเถอะ” อิ๋งจื่อจินเงยหน้า “รายงานมาหน่อย”

“คือแบบนี้ครับ” รองอธิการบดีตั้งสติ “พวกเราทำการสังเกตสถานการณ์ในจักรวาลตามปกติ วันนี้อยู่ๆ ก็สังเกตเห็นกลุ่มดาวเคราะห์กำลังมุ่งหน้ามาทางโลก”

เขาอธิบายเรื่องราวทั้งหมด “ท่านครับ นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของมนุษยชาติเลยนะครับ!”

ฉินหลิงอวี๋ก็ฟังอยู่ เธอขมวดคิ้ว “ฝีมือยมทูตเหรอ”

ภัยพิบัติระดับนี้ แม้แต่ผู้วิเศษที่ถือกำเนิดสี่คนแรกสุดก็ขวางไม่อยู่

ฟู่อวิ๋นเซินพูด “จะเป็นไปได้ยังไง เขายังไม่เก่งถึงขั้นนั้น นี่มันภัยพิบัติ”

“เข้าใจแล้ว” อิ๋งจื่อจินยังคงใจเย็น “ทำตามมาตรการรับมือของพวกคุณ ส่วนที่เหลือไว้เป็นหน้าที่ของฉัน เชื่อใจฉัน”

รองอธิการบดีอึ้ง จากนั้นก็ยืดตัวตรง “ครับ ผมเชื่อมั่นในตัวท่าน!”

เขารู้ตั้งแต่เมื่อนานมาแล้วว่าบนโลกนี้มีแค่อิ๋งจื่อจินที่เขาเชื่อได้ตลอดกาล

นอร์ตันพูดขึ้น “ผมยังกลับไปไม่ได้ ยังต้องให้คุณดูแลมหาวิทยาลัยนอร์ตันไปก่อน ผมไม่ได้ล้อเล่น ผมยังคงพูดเหมือนเดิม เด็คเกอร์ คุณทำได้ดีมากจริงๆ”

รองอธิการบดีขอบตารื้น “ท่านอธิการ…”

“เอาล่ะ เห็นคุณแล้วรำคาญ” นอร์ตันกดปุ่ม “วางละ”

รองอธิการบดีที่ยังไม่ทันน้ำตาไหล “…”

การประชุมจบลง หลิงเหมียนซียืนขึ้น “ฉันจะไปช่วยทางสำนักวิจัยหน่อย”

ฉินหลิงอวี๋ก็พูด “ฉันไปด้วย”

บรรดาผู้วิเศษต่างออกไปเริ่มปฏิบัติการ

ฟู่อวิ๋นเซินหันหน้าไป เห็นอิ๋งจื่อจินเหม่อมองไปด้านหน้า

แววตาของเขาขรึมลง ยื่นมือออกไปจับบ่าเธอ “เยาเยา?”

“ฉันกำลังคิดว่า ‘หัวใจ’ ของฉันอยู่ที่ไหนกันแน่” อิ๋งจื่อจินนวดขมับช้าๆ “เดิมทีฉันคิดว่าทำ ‘หัวใจ’ ตัวเองหาย แต่ดูจากตอนนี้ ฉันไม่มีหัวใจตั้งแต่ถือกำเนิดแล้ว”

ไม่มีหัวใจ ความรู้สึกรักและผูกพันของเธอก็สูญหายไปหมด

“มิน่าตอนนั้นคุณอิ๋งถึงไม่สนใจฉันเลย” ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว “ทำฉันเสียใจอยู่นาน ฉันยังเคยหนีไปร้องไห้ด้วย”

พรวด ฉินหลิงเยี่ยนพ่นน้ำโค้กออกมา ถึงกับสำลัก

“พวกนายคุยกันไปนะ คุยต่อๆ” ฉินหลิงเยี่ยนถือขวดโค้กเผ่นออกไปแล้ว “ฉันไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น!”

“นั่นสินะ” อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเขา “คุณอิ๋งที่ไร้หัวใจ แต่ตอนนั้นก็ยังคงชอบคุณเดที่แสนจะน่ารำคาญ”

“น่ารำคาญเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินพูดลากเสียง “คราวนี้ฉันเสียใจจริงๆ แล้วนะ”

“อ้อนอีกแล้วเหรอ” อิ๋งจื่อจินแกล้งผลักเขา “ไป ไปทำงานได้แล้ว”

ฟู่อวิ๋นเซินยืนขึ้น “รับทราบ”

อีกด้านหนึ่ง

ศูนย์บัญชาการใต้ดินกลุ่มหัวกะโหลกสีดำ

พอมียมทูตช่วย อาการบาดเจ็บของหอคอยกับโจ้วเหยียนก็ดีขึ้นมาก พอจะฝืนลงมาเดินได้แล้ว

“นี่ แต่ฉันก็ยังไม่สบายใจนิดหน่อย” อัลไคด์พิงกำแพง ขมวดคิ้ว “ในผู้วิเศษที่ถือกำเนิดสี่คนแรกสุด ผู้โง่เขลากับเทวทูตดับสูญสิ้นเชิงไปแล้ว แต่วันพิพากษากับเดอะเวิลด์ยังอยู่ อีกทั้งพวกเขายังไม่เคยปรากฏตัวเลยด้วย”

“บนโลกนี้ไม่มีเดอะเวิลด์อะไรทั้งนั้น” ยมทูตพูด “ส่วนวันพิพากษาเหรอ จนถึงตอนนี้เธอก็ยังสู้ฉันไม่ได้”

“ก็จริง” พอได้ยินแบบนั้นคิ้วของอัลไคด์ก็คลายออก “ท่านหมายถึงความตาย วันพิพากษาหมายถึงคืนชีพ ช่วงหลายปีมานี้พวกเราตามหาเธอไม่เจอมาตลอด แต่เธอก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรสำหรับท่าน”

แต่สำหรับผู้วิเศษ ในบรรดาผู้วิเศษยี่สิบสองคน อันที่จริงคนที่เป็นภัยคุกคามได้มากที่สุดคือผู้วิเศษวันพิพากษา

เพราะผู้วิเศษยมทูตกับผู้วิเศษวันพิพากษาหมายถึง ‘ความตาย’ และ ‘คืนชีพ’ ที่อยู่คนละขั้ว เป็นผู้วิเศษเพียงคู่เดียวที่หักล้างกัน

เดิมทีผู้วิเศษวันพิพากษาเป็นเป้าหมายแรกที่พวกเขาต้องการฆ่า

แต่อย่างไรเสียผู้วิเศษวันพิพากษาก็เป็นหนึ่งในสี่ผู้วิเศษที่ถือกำเนิดก่อน ใช่ว่าจะหาตัวเจอง่ายเหมือนพลังกับยุติธรรม

“อืม เทคโนโลยีก็มีข้อดีในตัวของมันเอง” ยมทูตเงยหน้า “ตอนนี้ทุกคนรู้กันหมดแล้วว่าวันสิ้นโลกกำลังจะมาถึง”

ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนต้องดับสูญ

อัลไคด์กอดอก “เป็นเรื่องปกติ หลายปีมานี้มีดาวเคราะห์น้อยเข้ามาเฉียดโลกเกินหมื่นดวง มันก็ต้องมีสักดวงบ้างแหละที่สามารถทำลายโลกได้”

ระหว่างพูดเธอก็ทำเสียงจึ๊ “ซาโรห์คิดว่าห้ามการสร้างยานอวกาศข้ามจักรวาลแล้วจะขัดขวางการมาของผู้ที่แข็งแกร่งจากจักรวาลอื่นได้”

ในความเป็นจริงก็แค่ไม่อนุญาตให้ใครหนีพ้นภัยพิบัติระดับทำลายล้างโลกนี้

“อัลไคด์ ไปเถอะ” ยมทูตพูด “พวกเราไปรับสังฆราชกับนักบวชหญิงมากัน”

อัลไคด์กระโดดลงมา “ถึงเวลาเริ่มสงครามศักดิ์สิทธิ์ครั้งที่สองแล้ว”

ทางด้านอิ๋งจื่อจินก็ไปที่สำนักวิจัย เริ่มวางแผนป้องกัน

ตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์จะถึงวันที่หนึ่งมกราคมปี 20XX เวลาศูนย์นาฬิกา

เธอยังคงมองไม่เห็นอะไรนอกเหนือจากความว่างเปล่า

เห็นได้ชัดว่านี่ก็คือวันสิ้นโลก

เมื่อก่อนเธอเคยคุยกับผู้โง่เขลา และก็เคยลองสมมติว่าถ้าวันหนึ่งเกิดภัยพิบัติที่ผู้วิเศษทุกคนต้านไว้ไม่ได้จะทำยังไง

“อาอิ๋ง เกิดเรื่องอีกแล้ว!” หลิงเหมียนซีรีบร้อนเดินเข้ามา สีหน้าเคร่งเครียด “แต่ละที่ส่งข่าวมาว่าเจ็ดทวีปสี่มหาสมุทรมองเห็นเมืองแห่งโลกได้แล้ว!”

แววตาของอิ๋งจื่อจินเย็นชาลง “ไป พวกเราออกไปดูหน่อย”

เดิมทีเมืองแห่งโลกก็ตั้งอยู่บนโลกอยู่แล้ว

ในมุมมองทางฟิสิกส์ เนื่องจากมิติต่างกัน เจ็ดทวีปสี่มหาสมุทรจึงมองไม่เห็นการมีอยู่ของเมืองแห่งโลก

แต่ตอนนี้เห็นได้แล้ว

“รายงานข่าว! วันที่ XX เดือน XX ปี 20XX เวลาตีสามห้าสิบสามนาที มีดินแดนไม่ทราบชื่อปรากฏอยู่บนท้องฟ้าอย่างกะทันหัน นักวิทยาศาสตร์กำลังตรวจสอบ ชาวเมืองทุกท่านโปรดอย่าแตกตื่น”

แต่ละพื้นที่ แต่ละภาษา ต่างรายงานเรื่องนี้ออกไป

เวลานี้ทุกทิศทางของเจ็ดทวีปสี่มหาสมุทร ทุกคนสามารถมองเห็นดินแดนกว้างใหญ่ที่ชื่อ ‘เมืองแห่งโลก’ ค่อยๆ ปรากฏเหนือศีรษะของพวกเขา

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน