ตอนที่ 7 เริ่มเลย มาถ่ายทอดสดกินปลาหมึกกันเถอะ (7)
“ก็ดีที่ได้รู้แต่อย่าอวดฉลาดมากนักเลย!” ชาร์ลเหลือบมององค์หญิงสาม แม้ว่าเขาจะรู้สึกขอบคุณองค์หญิงสาม ทว่าฝีปากของเขายังไม่ยอมรับเธอง่าย ๆ
เพียงเท่านี้ก็สามารถทำให้สวี่หลิงอวิ๋นโกรธจัดมากพอแล้ว ไอ้หมอนี่ ไม่ช้าก็เร็วฉันจะสอนบทเรียนให้นายเอง!
โอคาซีจ้องมองสวี่หลิงอวิ๋น “สิ่งนี้คืออะไร? ผมอยากรู้ว่าองค์หญิงสามพอจะแบ่งสักหนึ่งถึงสองชิ้นให้เหล่าทหารได้บ้างไหม?”
“ก็พอจะจัดหาให้ได้ แต่ตอนนี้ฉันมีของเหลืออยู่น้อยมาก ถ้าคุณต้องการให้ฉันจัดหาให้ทหารทั้งกองทัพ ฉันคงต้องเพาะปลูกมันในพื้นที่ขนาดใหญ่” สวี่หลิงอวิ๋นผายมือออกไป “นี่คือพืชที่เติบโตขึ้นบนดาวเคราะห์ดวงนี้ ฉันเจอมันตอนที่อยู่ข้างนอก”
หญิงสาวแทบทนไม่ไหวเมื่อมองเห็นริมฝีปากสีแดงสดของโอคาซี จากนั้นจึงหยิบมันเทศหวานออกมาอีกชิ้น “ท่านกินสิ่งนี้สิ สิ่งนี้จะช่วยคลายเผ็ดได้”
โอคาซีหยิบมันขึ้นมาดม เมื่อเขากัดมันเขาจึงรับรู้ได้ถึงรสชาติที่อร่อย มันหวานหอมราวกับขนม อีกทั้งยังนุ่มและเหนียวหนึบเสียจริง
“ขอผมพูดหน่อยนะองค์หญิงสาม ท่านมีอาหารที่แสนล้ำค่าเช่นนี้ แต่ทำไมท่านถึงเขวี้ยงอาหารทิ้งและหนีไปล่ะ?”
ชาร์ลพูดออกมาขณะได้กลิ่นหอมหวาน รสชาติหอมหวานขนาดนี้…มันคือน้ำตาลใช่ไหม? มันฟุ่มเฟือยเกินไปที่จะใช้น้ำตาลกับพืชชนิดนี้ สิ้นเปลืองเกินไปแล้ว!
“ก็ฉันพอใจจะทำ! นายจัดการมันได้หรือเปล่าล่ะ!” สวี่หลิงอวิ๋นถอนหายใจด้วยท่าทีเย็นชา ก่อนจะหยิบมันเทศหวานขึ้นมาหนึ่งชิ้นและจงใจกัดมันต่อหน้าชาร์ล “ว้าว อร่อยจัง! ทำอาหารออกมาได้อร่อยขนาดนี้ได้ยังไงนะ!”
“ทั้งหวานทั้งหอม ทั้งนุ่มทั้งหนึบ!”
สวี่หลิงอวิ๋นจงใจยั่วโมโหชาร์ล ในความทรงจำขององค์หญิงสาม อาหารของจักรวรรดิเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำตาลที่ถูกจัดว่าเป็นสิ่งของหรูหรา แม้ว่าเธอจะเป็นถึงเจ้าหญิง แต่เธอกลับได้กินมันเพียงชิ้นเล็ก ๆ ในระหว่างการเฉลิมฉลองระดับชาติเท่านั้น
แน่นอนว่าชาร์ลจ้องตาเป็นมัน อีกทั้งยังกระหายอีกด้วย น่าเสียดายที่เขาทำให้องค์หญิงสามขุ่นเคือง จึงทำได้เพียงมองดูเท่านั้น ทว่ากลิ่นหอมหวานยังคงติดอยู่ที่ปลายจมูกของตัวเองจนทำให้น้ำลายแทบไหลออกมา มันเผยให้เห็นว่าเขาต้องการอย่างมาก
โอคาซีมองดูพลทหารคนสนิทผู้น่าสงสารและบอกให้เขาออกจากห้องไปก่อน จากนั้นจึงเป็นคนคุยกับองค์หญิงสามเอง…
“นี่คืออะไรครับ?” โอคาซีชี้ไปที่มันเทศแล้วถามเธอ “มันดูไม่เหมือนของจากจักรวรรดิของเราเลย”
“โอ้ ท่านพูดถึงสิ่งนี้เหรอ? มันคือมันเทศ ฉันเจอมันตอนที่หนีออกไปข้างนอก มันอยู่ในชั้นใต้ดิน แน่นอนว่าถ้าท่านมองดูแต่บนพื้นเฉย ๆ ท่านจะหามันไม่เจอ!” สวี่หลิงอวิ๋นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “มันน่าจะปลูกง่ายอยู่นะ ยังไงก็ตามเรามาทำธุรกิจกันเถอะ”
โอคาซีนั่งตัวตรงขณะมองดูรอยยิ้มของเธอ “องค์หญิงสาม เชิญท่านพูดต่อเถอะครับ”
โธ่เอ๊ย…พ่อหนุ่ม!
สวี่หลิงอวิ๋นคิดในใจก่อนจะพูดออกมาว่า “ฉันสามารถจัดหาเมล็ดพันธุ์และช่วยท่านปลูกได้ แต่ท่านจะต้องโฆษณาให้ฉัน”
“โฆษณา?” โอคาซีรู้สึกตกตะลึง
เขาคิดว่าสวี่หลิงอวิ๋นจะเปิดปากเพื่อเอ่ยขอเงินจำนวนมหาศาลจากเขาหรือขอหมั้นกับเขา เขาไม่คาดคิดว่าเธอจะขอให้เขาช่วยโฆษณา ว่าแต่โฆษณาอะไร?
“แน่นอน! หลังจากออกไปจากที่นี่ ฉันตั้งใจจะขายปลาหมึก ผงพริก ขิง มันเทศหวาน และอื่น ๆ ท่านเองก็รู้เรื่องชื่อเสียงของฉันไม่ใช่เหรอ ถ้าฉันทำมันเองแล้วลูกค้าหนีหายล่ะ? แต่ถ้าท่านโฆษณา ลูกค้าอาจจะแย่งชิงกันอย่างบ้าคลั่งเลยก็ได้ใช่มั้ย?” ลูกคิดนับเงินขนาดเล็กของสวี่หลิงอวิ๋นเริ่มสั่นสะท้าน
โอ้…แม้แต่ราชวงศ์ก็ยังขาดเงิน!
แม้ว่าองค์หญิงสามองค์นี้จะเป็นองค์หญิงที่โปรดปรานที่สุดในจักรวรรดิ แต่ถ้าหากเธอต้องการอะไร เธอก็ยังต้องจดสิ่งที่ต้องการออกมาเป็นข้อ ๆ เพื่อรายงานแก่พระราชา หากพระราชาไม่เห็นชอบด้วย เธอก็ไม่สามารถซื้อมันได้ แล้วองค์หญิงสามจะไม่โกรธเคืองได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตาม หากพวกเขาหาเงินได้เอง จักรวรรดิก็ไม่มีสิทธิที่จะเข้ามาแทรกแซง
นี่คือความคิดของสวี่หลิงอวิ๋น
เมื่อพูดตามความจริง ผู้คนในจักรวรรดิชิงเหย้าเปรียบเสมือนกับชาวตะวันตกในโลกของเธอ พวกเขาหิวโหยอย่างมากแต่ก็ไม่ยอมกินพืชบนพื้นเพื่อความอยู่รอด พวกเขากินเพียงไส้กรอกกับเนื้อเท่านั้น!
เฮ้! ฉันบอกพวกเขาว่าพวกเขากำลังหิว ทำไมถึงไม่กินมันล่ะ? กินไม่เป็น? พวกเขาไม่รู้ว่าอะไรสามารถกินได้บ้าง และรสชาติที่พวกเขาปรุงขึ้นมานั้นยากเกินกว่าจะบรรยายได้!
สวี่หลิงอวิ๋นตัดสินใจแล้วว่าเธอจะมุ่งเป้าหมายไปที่เหล่าเอเลี่ยนเท่านั้น เหล่าเอเลี่ยนพวกนั้นรวมถึงเครื่องปรุงรสพวกนี้ หึ ๆ ควบคู่กับโอคาซี ชายหนุ่มรูปงามยอดนิยม แล้วมันจะไม่ดังเป็นพลุแตกได้อย่างไร?
โอคาซียิ้มเล็กน้อยและมองไปที่สวี่หลิงอวิ๋น ขณะที่สวี่หลิงอวิ๋นนั่งตัวตรงและปล่อยให้เขาจ้องมองต่อไป
หลังจากผ่านไปนาน โอคาซีก็พยักหน้า “ตกลง ผมสัญญา”
สวี่หลิงอวิ๋นดีใจจนเกือบจะลุกขึ้นกระโดด โอ้พระเจ้า! หมอนี่ตอบรับแล้วเหรอ?!
หลังจากที่กินมันเทศหวานในมือหมด โอคาซีก็พูดกับสวี่หลิงอวิ๋นว่า “ถ้าเป็นไปได้ ผมหวังว่าเราจะได้พบกันนอกค่ายในตอนบ่าย”
“แน่นอน”
“อ้อ อีกอย่าง ผมอยากจะรู้ว่าท่านพอจะบอกได้ไหมว่าท่านใส่ส่วนผสมอะไรลงไปตอนที่ปรุงปลาหมึกยักษ์ในตอนเช้า?” โอคาซีถาม
“ฉันใส่ขิงลงไป ทำไมเหรอ?” สวี่หลิงอวิ๋นหยิบขิงชิ้นเล็ก ๆ ออกมา
“เหลือเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ดังนั้นต้องประหยัดหน่อย ถ้าท่านอยากเลี้ยงทั้งเหล่ากองทัพทหาร ฉันขอแนะนำให้ท่านย่างด้วยพริกดีกว่า เพราะย่างอร่อยกว่าต้มเยอะ”
โอคาซีหยิบพริกหยวกเขียวแล้วเดินออกไป ทั้งสองได้สิ่งที่ต้องการและพึงพอใจมาก
เหล่าทหารถูกเรียกเข้าไปในห้องโถงอีกครั้ง ขณะที่พลเอกโอคาซีบดพริกเป็นผง แล้วโรยบนปลาหมึก เขาโรยพริกเพียงเล็กน้อย เพราะเหล่าทหารไม่เคยกินรสชาติเผ็ดมาก่อน จึงเกรงว่ามันจะเผ็ดเกินไปจนพวกเขาทนไม่ไหว
“องค์หญิงสามเป็นคนค้นพบสิ่งนี้ภายนอกค่ายทหาร ฉันได้ลิ้มรสมันด้วยตัวเองแล้ว รสชาติของมันอาจจะเผ็ดไปหน่อยจนพวกนายทนไม่ไหว แต่…!”
โอคาซีมองลงไปที่เหล่าทหารของเขาด้วยสายตาที่น่าเชื่อถือ
“พวกนายต้องกินมัน!”
“มันสามารถเติมเต็มท้องของพวกนายได้ และทำให้พวกนายกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง!” โอคาซีกล่าว “แต่ในทางกลับกัน ผงพริกนี้สามารถเพิ่มพลังดาวของพวกเราได้ ซึ่งฉันได้ทดสอบด้วยตัวเองแล้ว”
เหล่าทหารเชื่อในสิ่งที่พลเอกโอคาซีพูดอย่างสนิทใจ พวกเขาพยักหน้าและตอบรับด้วยเสียงดัง “ครับ! ท่านพลเอก!”
“พระเจ้า! นี่มันกลิ่นบ้าอะไรเนี่ย!” เหล่าทหารรับรู้ได้ถึงแรงกระตุ้นบางอย่างจากสักที่ เพียงแค่จิบเท่านั้น น้ำตาของพวกเขาก็แทบไหลออกมา แม้แต่จมูกยังร้อน!
แต่ที่แปลกคือรสชาติของมันกลับทำให้ติดงอมแงม! กินแล้วก็อยากกินอีก!
จากเริ่มแรกเหล่าทหารเพียงคิดแค่ว่า ‘โอ้ ฉันก็กินมันได้’ แต่ตอนนี้พวกเขากลับคิดว่า ‘โอ้ อร่อยมาก อยากกินอีกสักชิ้น’ กลายเป็นว่าพวกเขากำลังเสพติดการกินอาหารจานนี้อยู่!
ก่อนที่จะกินอาหารเสร็จ ระดับดาวของผู้อยู่ในระดับสูงก็เริ่มเปลี่ยนไป จากนั้นจึงค่อย ๆ เพิ่มขึ้นทีละคน สิ่งนี้ดีกว่ายาพันธุศาสตร์ราคาแพงที่ขายโดยสถาบันวิจัยจักรพรรดิมาก!
“ฉันเลื่อนขั้นแล้ว! ฉันได้เลื่อนขั้นแล้ว!” เหล่าทหารร้องออกมาด้วยความดีใจ!
“ฉันด้วย! ในที่สุดฉันก็ได้เลื่อนเป็นระดับสี่สักที!”
……..
โอคาซีถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เมื่อมองดูรอยยิ้มที่เห็นได้ยากของเหล่าทหารด้านล่าง เป็นเวลาหลายวันแล้วที่พวกเขาไม่ได้ยิ้มแย้มแบบนี้…