หนึ่งเซียนยากเสาะหา – ตอนที่ 259

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

ตอนที่ 259 – เรื่องจิปาถะ

มีถ้ำพำนักใหม่ โม่เทียนเกอย้ายบ้านอีกครั้ง โชคดีที่สิ่งของของนางไม่มาก ของสำคัญไม่ได้อยู่ในกระเป๋าเอกภพก็อยู่ในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน เพียงจัดเก็บข้าวของเครื่องใช้ประจำวันง่าย ๆ โต๊ะเก้าอี้ล้วนไม่ต้องขยับเขยื้อน ย้ายไปอยู่ในถ้ำพำนักเดิมของประมุขเต๋าเสวียนอิน

ตอนที่นางแรกมาถึงยอดเขาชิงฉวนก็อาศัยอยู่ในถ้ำพำนักเล็ก ๆ ด้านข้างประมุขเต๋าเสวียนอิน นั่นเป็นถ้ำพำนักดี ๆ แห่งแรกที่นางเคยได้อาศัย วันนี้กลับถิ่นเก่ากลับเป็นในฐานะเจ้าของถ้ำพำนัก

ณ ขณะนี้ประมุขเต๋าเสวียนอินย้ายไปที่ยอดเขากานลู่นานแล้ว ศิษย์ทั้งหมดก็พาไปด้วย ถ้ำพำนักที่ใหญ่ขนาดนี้ล้วนเป็นของนางเพียงคนเดียว

ด้วยความที่เป็นที่รู้จักในฐานะโรงเรียนใหญ่ของเทียนจี๋ โรงเรียนเสวียนชิงเอื้อเฟื้อต่อผู้ฝึกตนระดับสูงยิ่งนักแล้ว แต่ถ้ำพำนักขนาดใหญ่เช่นนี้ยกให้นางที่เพิ่งจะเป็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตาน ในใจโม่เทียนเกอทราบว่านี่เป็นเพราะประมุขเต๋าจิ้งเหอรักนางมาก

คิดถึงตรงนี้นางก็ยิ้มบาง ๆ ชีวิตนี้ช่างโชคดี ถึงจะสูญเสียสิ่งของมากมาย แต่ก็ได้รับสิ่งล้ำค่าจำนวนมากเช่นกัน

หลังจากเลื่อนระดับเป็นก่อเกิดตาน เนื่องจากนางยังไม่มีศิษย์เป็นการชั่วคราว โถงผู้ดูแลจึงถามไถ่นางว่าจะส่งศิษย์สร้างฐานพลังหลายคนมาจัดระเบียบถ้ำพำนักให้นาง ถ้าหากนางไม่มีความเห็นสามารถเก็บเอาไว้จัดการเรื่องจิปาถะต่อไปได้

ในโรงเรียนเสวียนชิง ผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังหากมิใช่ศิษย์ชั้นนำ ส่วนแบ่งของศิษย์ไม่เพียงพอต่อความจำเป็นในการฝึกตนอย่างยิ่งยวด ดังนั้นพวกเขามักจะไปหางานจิปาถะบางอย่างทำ ถึงจะเป็นศิษย์ชั้นนำ ถ้าหากซือฟุตำแหน่งไม่สูง ไม่มีรางวัลจำนวนมาก ส่วนแบ่งของศิษย์ก็ไม่พอต่อการฝึกตน

ปีนั้นโม่เทียนเกอเข้าโรงเรียนเสวียนชิง เป็นเพราะว่านางถูกอาจารย์เต๋าโส่วจิ้งศิษย์รักของประมุขเต๋าจิ้งเหอพากลับมา แล้วก็ถูกประมุขเต๋าจิ้งเหอรับเป็นศิษย์ในนามและอยู่ภายใต้การสั่งสอนของอาจารย์เต๋าเสวียนอิน ดังนั้นตลอดมาไม่เคยต้องกังวลเรื่องศิลาวิญญาณ แต่ว่าศิษย์ชั้นนำทั่วไปไม่ได้โชคดีขนาดนี้ หลัวเฟิงเสวี่ยมีกิจธุระของโถงผู้ดูแล อีกทั้งเป็นคนโปรดของซือฟุจึงมีศิลาวิญญาณไม่ขาดมือ เยี่ยจิ่งเหวินจะไปจัดการกิจธุระเป็นครั้งคราวหารายได้เป็นศิลาวิญญาณบางส่วนเพื่อการฝึกตนของตัวเอง ปีนั้นที่เขาได้รับคำสั่งให้ไปยังโลกมนุษย์เพื่อพานางกลับโรงเรียนเสวียนชิงก็เป็นเช่นนี้

สำหรับศิษย์สร้างฐานพลัง กิจธุระที่ดีที่สุดไม่มีอะไรเกินไปกว่าการเข้าโถงผู้ดูแลไปทำงานผู้ดูแล มีอำนาจสิทธิ์ขาดเล็กน้อย แล้วก็มีรายได้ศิลาวิญญาณที่แน่นอน ทว่าข้อเสียคือไม่สามารถกักตนเป็นระยะเวลายาวนาน ส่งผลกระทบต่อการฝึกตนอยู่บ้าง

รองลงมาก็คืองานจิปาถะที่สำนักมอบให้จัดการ สิ่งของบางอย่างศิษย์หลอมรวมพลังวิญญาณระดับการฝึกตนแย่ไป ถ้าไม่วางใจจะมอบให้พวกเขาก็ให้พวกเขาเหล่าศิษย์สร้างฐานพลังมาทำ ถ้าอยากกักตนก็เพียงขอลาหรือมอบหมายให้คนอื่นไปก็พอ ข้อเสียคือศิลาวิญญาณจะไม่มากมายนัก อีกทั้งไม่มั่นคง

ยังมีกิจธุระที่ทั้งดีและแย่ประเภทหนึ่ง นั่นก็คือการช่วยผู้ฝึกตนก่อเกิดตานทำงาน พูดว่ามันดี เทียบกับประเภทที่หนึ่งแล้วยังดีกว่า สามารถพบผู้ฝึกตนก่อเกิดตาน ทำงานให้ดีก็ไม่แน่ว่าจะมีรางวัล พูดว่ามันแย่ ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานรับใช้ได้ง่ายดายขนาดนั้นหรือไร ถ้าเกิดไปพบกับพวกขี้โมโหสักคนสองคนไม่เพียงจะกลั่นแกล้งพวกเขา ยังจะหักศิลาวิญญาณด้วย อีกทั้งว่ากันโดยทั่วไป ในประตูผู้ฝึกตนก่อเกิดตานทั้งหมดมีศิษย์ เรื่องดี ๆ ล้วนให้ศิษย์ของตนเองทำ สิ่งที่เหลือให้พวกเขามีเพียงงานหนักน่าเบื่อบางส่วน

แต่อย่างโม่เทียนเกอที่เพิ่งจะก่อเกิดตาน ไม่มีทั้งศิษย์แล้วศักดิ์ฐานะยังพิเศษ เป็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตานที่มีประมุขเต๋าจิ้งเหอหนุนหลัง ทำธุระให้นางเป็นงานที่ดีอย่างใหญ่หลวง เพิ่งก่อเกิดตาน ไม่มีศิษย์ ดังนั้นจะไม่จุกจิกกับคนงานจนเกินไป มีคนหนุนหลัง ร่ำรวยพอแล้ว รางวัลที่จ่ายจากมือก็จะเหลือเฟือ

แต่ว่าก็เป็นเช่นเดียวกับโส่วจิ้งซือซูในปีนั้น ในปัจจุบันถ้ำพำนักของชิงเวยซือซูผู้นี้ก็ไม่ใช่จะเข้าง่ายดายถึงเพียงนั้น ยังต้องเข้าทางประตูโถงผู้ดูแลจึงจะสามารถถูกแนะนำเข้าไป

โม่เทียนเกอมองดูผู้ฝึกตนเหล่านั้นที่ถูกโถงผู้ดูแลแนะนำมา ในนั้นส่วนใหญ่ล้วนเป็นศิษย์ของเหล่าซือเกอซือเจี่ยของนางตามคาด ยังมีส่วนน้อยที่ก็มีเส้นสายอยู่บ้าง จึงปวดหัวขึ้นมาบ้างแล้ว

นางคิด ๆ ดู โส่วจิ้งซือเกอในปีนั้นคล้ายกับไม่ชอบให้คนอื่นเข้าถ้ำพำนักของเขาสักเท่าไร ดังนั้นเรื่องจิปาถะที่ต้องให้ศิษย์จัดการก็จะเลือกไม่กี่คนมาจากในศิษย์ของซือเกอซือเจี่ยทั้งหลายเท่านั้น แต่ว่านางไม่ได้จู้จี้ขนาดนั้น ถึงจะไม่ชอบเสียงหนวกหูมาก ๆ เช่นกัน แต่ถ้ำพำนักของนางกลับใหญ่มาก ไม่มีคนดูแลไม่ได้หรอก เพียงแต่คนมากขนาดนี้ นางจัดการไม่ได้จริง ๆ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าคนไหนมีเส้นสาย ปฏิเสธไปแล้วจะมีปัญหาหรือไม่

ดังนั้นโม่เทียนเกอส่งเครื่องรางสื่อสารไปขอคำชี้แนะจากหลัวเฟิงเสวี่ย เรื่องประเภทนี้หลัวเฟิงเสวี่ยพบเห็นมามาก คิดว่าจะต้องมอบคำแนะนำดี ๆ ให้นางได้

ผ่านไปไม่นานมาก หลัวเฟิงเสวี่ยก็ตอบกลับเครื่องรางสื่อสารมา “ถ้าเจ้าไม่ชอบปฏิเสธไปก็พอ ไม่ต้องกังวลว่าจะทำให้คนอื่นขุ่นเคือง ตอนนี้เจ้าเป็นศิษย์ทางการของซือจู่ แล้วยังเลื่อนระดับเป็นก่อเกิดตานแล้ว ซือซูทั้งหลายจะไม่โทษเจ้าเพราะเหตุนี้ ถ้าขี้เกียจจะจัดการก็ทำรายการงานจิปาถะออกมา โถงผู้ดูแลจะจัดการให้เจ้าเองเป็นอย่างดี”

โม่เทียนเกอตื่นรู้ขึ้นมาทันใด จริงด้วย นางก่อเกิดตานแล้ว ไม่ได้เป็นเพียงศิษย์ของประมุขเต๋าจิ้งเหอเท่านั้น ยังเป็นผู้อาวุโสของโรงเรียนเสวียนชิง กลัวอะไรกับการทำให้คนขุ่นเคือง ซือเกอซือเจี่ยพวกนั้นจะต้องไม่โทษนางเพื่อลูกศิษย์ตัวเล็ก ๆ ไม่กี่คน โถงผู้ดูแลก็น่าจะเอาใจนางด้วยเหมือนกัน ถ้านางมอบหมายงานออกไปจะต้องไม่กล้าละเลย

ในใจมีแผนการแล้ว โม่เทียนเกอทำรายชื่องานจิปาถะที่ตนเองต้องการให้จัดการส่งมอบให้ผู้ดูแลของโถงผู้ดูแล บอกเขาว่าอันไหนต้องการศิษย์สร้างฐานพลัง อันไหนไม่จำกัดการฝึกตน ส่วนการเลือกคนหรือว่าศิลาวิญญาณที่ต้องจ่ายก็มอบให้ผู้ดูแลคนนั้นดำเนินการแทนทั้งหมด แล้วก็บอกแถมไปด้วยว่าตนเองไม่ชอบให้คนอื่นรบกวน คนเอาให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ผู้ดูแลนั้นรับคำสั่งไปดำเนินการ แล้วก็ปฏิบัติได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยจริง ๆ ด้วย โม่เทียนเกอที่ยินดีมอบของรางวัลให้เขาเยอะเลย

จะว่าไปก็ช่างบังเอิญ ก่อนที่จะก่อเกิดตานนางเข้าม่านพลังหมื่นปรัชญาแห่งธรรมชาติ ได้รับหญ้าวิญญาณมากมายจากข้างใน ตอนที่นางหมดสติ หญ้าวิญญาณเหล่านั้นเยี่ยเจินจีส่งมอบไปให้ นางโชคดีมาก หญ้าวิญญาณเหล่านี้ให้รางวัลมากอย่างล้นเหลือ ภายหลังได้สติ เดิมนางคิดที่จะยกรางวัลให้เจินจีไปเลย แต่เจินจีกลับไม่ยอมรับเด็ดขาด บอกว่าตัวเองมีส่วนแบ่งศิษย์ของอาจารย์อยู่แล้ว ท่านป้าก็เพียงอยู่ระดับชั้นสร้างฐานพลัง ไม่ควรจะเอาของของนางมากมายขนาดนี้ โม่เทียนเกอคิดดูแล้วก็ปล่อยไป โอสถวิญญาณเหล่านี้ก็เก็บไว้ในกระเป๋าเอกภพมาตลอด วันนี้พอดีหยิบมาตกรางวัลให้ศิษย์เหล่านี้

พอเห็นนางมอบของอย่างใจกว้างตามคาด ศิษย์ที่มาทำงานจิปาถะเหล่านี้ยิ่งขยันขันแข็ง

พอนึกถึงเยี่ยเจินจี โม่เทียนเกอก็นั่งเหม่ออยู่ในถ้ำพำนักแห่งใหม่ไปพักหนึ่ง

ตอนที่นางกับฉินซีล้วนกักตน เยี่ยเจินจีได้ลงจากเขาไปด้วยตัวคนเดียวแล้ว บอกว่าตนเองฝึกตนมาถึงจุดสูงสุดของระดับสร้างฐานพลังขั้นต้นแล้ว ประสบการณ์ทางสภาวะจิตใจกลับไม่เพียงพอ ควรจะไปหาประสบการณ์

ขณะนี้จะอย่างไรเขาก็ยังมีซือฟุอยู่คนหนึ่ง ฉินซีไม่ได้คัดค้าน โม่เทียนเกอก็ไม่ได้พูดอะไร ปล่อยเขาไปตามใจ

อีกอย่างเจินจีก็ประสบการณ์ไม่เพียงพอจริง ๆ จะเก็บเขาไว้ข้างกายอยู่ตลอดก็ไม่ใช่เรื่อง คิดดูตัวนางเองถึงแม้มาถึงโรงเรียนเสวียนชิงแล้วเส้นทางการฝึกตนถือว่าราบรื่น แต่ว่าตอนเยาว์วัยผ่านเรื่องราวมามากมายแค่ไหน ได้ฝึกปรือลักษณะนิสัยที่มั่นคงกล้าหาญของนางออกมาแต่แรก เจินจีกลับมิใช่ เส้นทางการฝึกเป็นเซียนของเขาราบรื่นเกินไป ประสบการณ์ของสภาวะจิตใจแทบจะไม่มี ถ้าหากไม่ออกไปฝึกฝนข้างนอกก็ไม่มีทางจะเติบโต

ภายหลังในระหว่างที่นางกักตนสิบหกปี เจินจีเคยกลับมาครั้งหนึ่ง ผลคือในเวลานั้นนางยังกักตน ฉินซีก็กักตน เจินจีอยู่สองปีแล้วลงเขาไปอีกครั้ง ครั้งนี้กลับยังไม่ได้กลับมาจนถึงวันนี้ คำนวณอย่างละเอียดก็แปดปีแล้ว

นางอดกังวลใจขึ้นมาบ้างมิได้ เวลาแปดปี เจินจีไม่ส่งข่าวมาบ้างเลย น่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรนะ ก่อนหน้านี้เขาได้ทิ้งเลือดสกัดเอาไว้เก็บรักษาอยู่ที่ฉินซี ฉินซีไม่เห็นพูดอะไร คิดว่าน่าจะไม่มีเรื่อง แต่เจินจีสรุปแล้วไปที่ไหนเล่า รู้อยู่ว่านางจะก่อเกิดตานแต่ถึงกับไม่กลับมาแปดปี มันก็ผิดปกติเกินไปแล้ว

คิดถึงตรงนี้ โม่เทียนเกอก็ส่งเครื่องรางสื่อสารหนึ่งอันให้กับโถงผู้ดูแล ขอให้พวกเขาหาที่อยู่ของเยี่ยเจินจี ไม่แน่เด็กคนนี้จะถูกกักขังไว้ที่ใดที่หนึ่งและต้องการให้ช่วยชีวิตก็เป็นได้

นอกจากถ้ำพำนักกับเจินจียังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้โม่เทียนเกอปวดศีรษะมาก

นางเลื่อนระดับเป็นก่อเกิดตานตอนอายุแปดสิบสี่ปี สร้างความฮือฮาไปทั้งคุนอู๋ มีผู้ฝึกตนของสำนักจำนวนมากมาเยี่ยมเยือนแสดงความยินดี ถ้านางปฏิเสธไม่พบหน้าก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะเป็นการเย่อเหยิ่งจนเกินไป แต่หากพบหน้ากลับทนเรื่องคบหาสมาคมพวกนี้ไม่ได้จริง ๆ สุดท้ายยังเป็นหลัวเฟิงเสวี่ยที่ให้คำแนะนำแก่นาง “ตอนโส่วจิ้งซือซูก่อเกิดตานก็เป็นเช่นนี้ เขาก็ใช้ข้ออ้างว่าต้องปรับฐานระดับชั้นให้มั่นคง กักตนไม่ออกมา ให้ศิษย์ผู้ดูแลจัดการ สาเหตุนี่ใครก็พูดอะไรไม่ได้ เจ้าไม่สู้ลอกเลียนแบบดู”

โม่เทียนเกอรู้แจ้งทันควัน มิผิด หลังจากผู้ฝึกตนเลื่อนระดับชั้น เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือการปรับฐานระดับชั้นให้มั่นคง นางพูดเช่นนี้ คนอื่นก็กล่าวโทษอะไรไม่ได้

อธิบายความให้ศิษย์ผู้ดูแลฟังตามที่หลัวเฟิงเสวี่ยบอกแล้ว โม่เทียนเกอก็กักตนอย่างเรียบ ๆ ร้อย ๆ ไม่ออกมา มันเป็นทั้งเพื่อหลบจากเรื่องวุ่นวายพวกนี้ แล้วนางก็ต้องปรับฐานระดับชั้นให้มั่นคงจริง ๆ

หลังจากก่อเกิดตาน โม่เทียนเกอปัจจุบันนี้สามารถนำหุ่นเชิดสร้างฐานพลังสองตัวออกมาโดยเปิดเผยได้แล้ว ด้วยสถานะของผู้ฝึกตนก่อเกิดตาน บวกกับมีประมุขเต๋าจิ้งเหอหนุนหลังอีก การครอบครองหุ่นเชิดสร้างฐานพลังสองตัวอย่างมาก็ทำให้คนรู้สึกทึ่งหน่อยเท่านั้น

อีกอย่างหนึ่ง นอกจากการปรับฐานระดับชั้นให้มั่นคงแล้วยังมีเรื่องที่สำคัญมากเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือนางควรจะหลอมสร้างอาวุธเวทคู่ชีพแล้ว

นางมอบแบบแปลนการหลอมสร้างของพัดแห่งสวรรค์และโลกาให้ประมุขเต๋าจิ้งเหอประเมินแต่แรก ประมุขเต๋าจิ้งเหอชมเชยแบบแปลนอาวุธเวทนี้ไม่หยุดปาก พอได้ทราบว่าเป็นของที่ผู้ฝึกตนสตรีคนหนึ่งเมื่อพันปีที่แล้วคิดขึ้นมาก็ยิ่งสนอกสนใจไม่จบไม่สิ้น วาดฝันถึงยุคสมัยนั้น แค้นที่ไม่อาจกลับไปพูดคุยกับปี้สุยหยวนจวิน

โม่เทียนเกอไม่ได้บอกว่าปี้สุยหยวนจวินก็คือโม่เหยาชิงบรรพบุรุษของนาง เรื่องราวในหลินไห่ก็เพียงแค่เอ่ยถึงโดยคร่าว ๆ เน้นพูดถึงเรื่องของเริ่นอวี่เฟิง แล้วก็นำแผ่นศิลาที่ได้มาจากตัวของเริ่นอวี่เฟิงมอบให้ประมุขเต๋าจิ้งเหอวิเคราะห์

ในเมื่อประมุขเต๋าจิ้งเหอชื่นชมพัดแห่งสวรรค์และโลกาเช่นนี้ โม่เทียนเกอก็วางแผนจะหลอมสร้างออกมาเป็นอาวุธเวทคู่ชีพของตนเอง วัตถุดิบเหล่านี้ที่หลินไห่ยากเสาะหา ที่เทียนจี๋กลับมิใช่ไม่มีโอกาส มีวัตถุดิบที่ยากเสาะหามาก ๆ ไม่กี่ชนิดจ่ายเงินไปมาก ๆ บวกกับเส้นสายของโรงเรียนเสวียนชิง ยังคงมีความหวังอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ประมุขเต๋าจิ้งเหอก็ไม่ได้คัดค้าน

โม่เทียนเกอเอาวัตถุดิบบางส่วนที่ตนเองไม่เข้าใจไปถามประมุขเต๋าจิ้งเหอ จากนั้นแจ้งต่อโถงผู้ดูแล ให้พวกเขากระจายข่าวออกไป พยายามสืบหาสุดความสามารถ

ในนั้นสิ่งที่หายากที่สุดคือแร่อวี้สุ่ยอายุมากกว่าพันปีและศิลาเมฆานิ่งหนึ่งก้อน วัตถุดิบที่เหลือถึงจะมีน้อย ขอเพียงนางจ่ายเงินเยอะ ๆ ก็ยังมีความหวังได้มาก สิ่งของสองชนิดนี้กลับได้แต่เผอิญพบไม่อาจเสาะหา ในนี้ศิลาเมฆานิ่งโม่เทียนเกอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นของอะไร ถามประมุขเต๋าจิ้งเหอเขาก็เพียงพูดว่าเคยอ่านเจอในบันทึกโบราณ ในความเป็นจริงไม่เคยเห็นเลย

เพื่อสิ่งนี้ โม่เทียนเกอจงใจบอกกับโถงผู้ดูแลไปประโยคหนึ่งว่า ถ้าหากมีศิลาเมฆานิ่ง ไม่ว่าจะราคาเท่าไหร่ก็ต้องเอามาให้ได้ จะอย่างไรด้วยทรัพย์สมบัติของนางในปัจจุบันนี้อยู่ในระดับสูงเทียมฟ้าในหมู่ผู้คนทั่วไปแล้ว แล้งถึงศิลาวิญญาณจะไม่พอจริง ๆ ก็ยังมีซือฟุหนึ่งคนยืนอยู่ข้างหลังนะ!

เรื่องหลังจากการเลื่อนระดับเป็นก่อเกิดตานนอกจากการหลอมสร้างอาวุธเวทคู่ชีพยังมีการเปลี่ยนวิชาเวทของระดับก่อเกิดตานแล้วก็การรับประทานโอสถวิญญาณของระดับก่อเกิดตานพวกนี้ด้วย

แต่โม่เทียนเกอไม่ต้องวุ่นวายกับเรื่องนี้ บันทึกไท่หยวนที่จงมู่หลิงมอบให้นางสามารถฝึกไปถึงแปลงเทพ ศาสตร์ซู่หนี่ต้นกำเนิดก็สามารถฝึกถึงจิตวิญญาณใหม่ จงมู่หลิงเคยบอกกว่าถ้าหากนางฝึกฝนศาสตร์ซู่หนี่ต้นกำเนิด หลังจากเข้าสู่ระดับชั้นแปลงเทพย่อมสามารถสร้างวิชาเวทตามลักษณะเฉพาะของตนเอง ดังนั้นในด้านวิชาเวทนี้นางไม่ต้องกังวลเลย

โอสถวิญญาณยิ่งไม่ต้องพูดมาก นางในระยะเวลาสั้น ๆ ไม่แม้แต่จะต้องไปหลอม เดิมทีเพื่อฝึกหลอมโอสถตนเองก็ได้หลอมยาจิตวิญญาณแกร่งกล้าและยาฟ้ากระจ่างปริมาณมาก ยิ่งบวกกับที่หลังจากก่อเกิดตานโรงเรียนจะให้รางวัลเป็นโอสถและศิลาวิญญาณจำนวนมากครั้งหนึ่ง อย่างน้อยก็สามารถทำให้นางกักตนหลายปีโดยไม่ต้องกังวลถึงการหลอมยาเลย

ดังนั้นในช่วงเวลาถัดจากนี้ นางจะฝึกตนต่อไปปรับฐานระดับชั้นให้มั่นคงพลางรอข่าววัตถุดับของพัดแห่งสวรรค์และโลกา แน่นอนว่ายังสามารถเก็บสะสมอาวุทเวท จะอย่างไรเสียความสามารถในการต่อสู้ของผู้ฝึกตนก่อเกิดตานก็ยังต้องอาศัยอาวุธเวทอยู่ดี

…………………………….

ตอนที่ 260 – เรื่องใหญ่

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

Status: Ongoing
ในฐานะผู้ฝึกตนหญิง ถนนสู่อมตะต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมายนัก คุณสมบัติ, วิชา, ยา, อาวุธเวท ล้วนไม่อาจขาดสักสิ่ง อารมณ์, ความอ่อนแอ, ความเมตตา, ความโลภ ล้วนไม่อาจมากสักสิ่ง ไม่มีของสิ่งแรก การฝึกจะช้าเกินไป ของสิ่งหลังมาก จะตายเร็วเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น หน้าตาต้องไม่มากไม่น้อย สติปัญญาต้องไม่มากไม่น้อย งดงามเกินไปย่อมจะถูกผู้ฝึกตนระดับสูงบังคับไปเป็นอนุ อัปลักษณ์เกินไปพบปะผู้คนจะถูกรังเกียจชนกำแพงไปทุกที่ ฉลาดเกินไปจะกลายเป็นนกโผล่หัวที่ถูกตี โง่เกินไปถูกขายแล้วยังช่วยคนนับเงิน ม่อเทียนเกอนึกว่าอย่างไหน ๆ ล้วนสามารถทำได้ แต่ดันมีเรื่องน่าตายเพิ่มขึ้นมาหนึ่งอย่าง ถนนเซียนสายนี้ จะเดินทางอย่างสงบสุขได้อย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท