หนึ่งเซียนยากเสาะหา – ตอนที่ 266

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

ตอนที่ 266 – หยกผลึกวิญญาณ

ถงเทียนอวิ้นหยุดพูด ปรบมือ มีผู้ฝึกตนสตรีหลอมรวมพลังวิญญาณยกถาดที่มีผ้าสีแดงคลุมเอาไว้หลายนางเดินเข้ามาทันที

เนื่องจากคำนึงถึงกฎที่ฉินซีบอก โม่เทียนเกอไม่ได้ใช้จิตหยั่งรู้ ไม่รู้ว่าใต้ผ้าสีแดงเป็นสิ่งของอะไร คิดว่าคนอื่นก็จะต้องเป็นเช่นเดียวกัน ล้วนจับจ้องผ้าสีแดงไม่ส่งเสียง

รอจนผู้ฝึกตนสตรีหลอมรวมพลังวิญญาณวางถาดลงแล้วล่าถอย ถงเทียนอวิ้นเอ่ยว่า “ทุกท่าน ไม่ขอพูดไร้สาระมากความแล้ว ทุกคนล้วนทราบธรรมเนียมปฏิบัติของงานชุมนุมค้าขายของเรา สมบัติเหล่านี้เป็นของสะสมของว่านเป่าไจร้านค้าที่ใหญ่ที่สุดของเมืองคุนจงเรา ทุกคนดูเถิดว่ามีความสนใจหรือไม่”

ไม่ได้ปล่อยออกมาทีละชิ้นทีละชิ้นเหมือนอย่างงานประมูลทั่วไป ถงเทียนอวิ้นยกผ้าสีแดงทั้งหมดขึ้นมาตรง ๆ สิ่งของบนถาดสามใบเผยโฉมต่อหน้าทุกคนทันที

ห่วงทองขนาดเล็กหนึ่งวง หินหยกสีแดงดุจเพลิงหนึ่งก้อน ยังมีกล่องหยกหนึ่งใบ ถงเทียนอวิ้นเปิดกล่องหยก กลับเป็นหญ้าเสวี่ยต่านอายุหลายพันปีต้นหนึ่ง

“นี่คืออาวุธเวทห่วงวัชระ ทุกท่านอย่างได้ดูเบาไป ของสะสมของว่านเป่าไจย่อมต้องเป็นของเหนือสามัญ ห่วงนี้เป็นอาวุธเวทคุณภาพสูง ยืดหดได้ หากใช้จนคล่องจะผ่าภูเขาตัดศิลาก็สามารถทำได้”

โม่เทียนเกอมองเพียงแวบเดียวก็หันเหสายตาออกไป อาวุธเวทชิ้นนี้ถึงจะยังถือว่าพอได้ แต่เทียบกับอาวุธเวทสามชิ้นที่ประมุขเต๋าจิ้งเหอยกให้นางก็ด้อยกว่าบ้าง ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานในที่แห่งนี้เกินครึ่งไม่สนใจ แต่ผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังเหล่านั้นแต่ละคนดวงตาเปล่งประกาย

“นี่คือหยกลายเพลิง สหายเต๋าทราบคุณค่าของสิ่งนี้อยู่แล้ว มิต้องให้ผู้แซ่ถงแนะนำ”

สิ่งของนี้โม่เทียนเกอก็เคยเห็นในบันทึกโบราณ เวลาหลอมสร้างอาวุธเวทคุณสมบัติธาตุไฟหากเพิ่มสิ่งนี้ลงไปจะเพิ่มพลังได้ไม่ใช่น้อย นางคิดถึงว่าฉินซีกำลังฝึกฝนวิชาธาตุไฟอยู่จึงหันหน้าไปมองเขา กลับเห็นเขามีสีหน้าเบื่อหน่าย ไม่ได้มองสิ่งของสามชิ้นนี้เลย พอคิดดูนางก็เข้าใจได้ หยกลายเพลิงนี้จะดีสักแค่ไหน หากเขาผูกจิตวิญญาณไม่ได้ก็ไร้ประโยชน์

“หญ้าเสวี่ยต่านนี้มีอายุสามพันปีแล้ว ทุกท่านล้วนเป็นผู้มีประสบการณ์ ทราบว่าสิ่งนี้มีค่าเท่าใด ผู้แซ่ถงจะไม่พูดมาก”

นี่เป็นสิ่งที่โม่เทียนเกอไม่สนใจที่สุด หญ้าวิญญาณสามพันปีในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนมีอยู่ทั่วทุกแห่งหน

ถงเทียนอวิ้นกวาดมองทุกคนในที่แห่งนี้ก็แยกแยะออกทันทีว่าใครสนใจใครไม่สนใจ ยิ้มแย้มเอ่ยว่า “งานชุมนุมค้าขายของเราไม่ได้ประมูลอย่างเปิดเผย สหายเต๋าทุกท่านถึงจะมาเป็นครั้งแรกก็ควรจะทราบกฎเกณฑ์ ชั่วเวลาหนึ่งก้านธูป ทุกท่านคิดให้ดีว่าจะเสนอราคาเท่าไหร่ จำไว้ว่าถ้าเสนอราคาไม่อนุญาตให้ติดต่อสื่อสารกัน ถ้ามีการติดต่อสื่อสาร อนุญาตให้เพียงคนเดียวเสนอราคา! ตอนนี้เริ่มได้!”

ถงเทียนอวิ้นโบกมือ ผู้ฝึกตนสตรีหลอมรวมพลังวิญญาณอื่น ๆ หลายนางยกป้ายหยกเสนอให้ถึงมือทุกคน ทุกคนล้วนได้รับสามแผ่น บนแต่ละแผ่นมีสัญลักษณ์ของสินค้าสามประเภท

โม่เทียนเกอไม่เข้าใจ แต่ได้ยินเสียงของฉินซีที่ส่งถึงข้างหูนางว่า “กฎของงานชุมนุมค้าขายนี้คือการประมูล ทุกคนเขียนราคาที่ตนเองเสนอลงบนป้ายหยก ผู้ที่ราคาสูงสุดได้รับไป”

นี่ช่างแปลกใหม่ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะมีตัวแปรเพิ่มขึ้นมาก มีการแข่งขันราคาด้วยเจตนาร้ายน้อยลง จะไม่มีสถานการณ์ที่ราคาพุ่งเกินเหตุปรากฏขึ้นมา คิดว่าผู้ฝึกตนทั่วไปล้วนจะต้องสนับสนุน จะอย่างไรการดันราคาขึ้นจนเกินเหตุ สิ่งที่เสียไปก็คือความสนใจของผู้ร่วมประมูล

เงยหน้าขึ้นกวาดมองอีกครั้ง ผู้ฝึกตนยี่สิบคนรอบโต๊ะ มีบางคนเกาหูเกาแก้ม มีบางคนก้มหน้าครุ่นคิด มีบางคนทำเหมือนไม่ใช่เรื่องของตัวเอง

โม่เทียนเกอสังเกตเห็นฝั่งตรงข้ามมีคนผู้หนึ่งก็เป็นอย่างพวกเขาคือไม่มองสิ่งของบนโต๊ะเลย ป้ายหยกที่มอบให้เขาก็วางอยู่บนโต๊ะโดยไม่ขยับเขยื้อน ก้มหน้าลงคล้ายกับหลับตาพักผ่อน ที่พูดว่าคล้ายก็เพราะว่าเขาก็เป็นหนึ่งในคนที่สวมชุดดำและงอบ ดูสีหน้าของเขาไม่ออก คนผู้นี้เป็นคนที่มีระดับการฝึกตนสูงสุดในที่แห่งนี้นอกจากฉินซี คือก่อเกิดตานขั้นปลาย ดูทั่วทั้งร่างของเขาคล้ายจะมีปราณแหลมคมเหมือนมีเหมือนไม่มี ความสามารถในการต่อสู้ก็ไม่อ่อนแอ

นางหันหน้าไปมองฉินซี กลับเห็นว่าเขาก็รั้งสายตาอยู่ที่ร่างของคนผู้นั้น

โม่เทียนเกอส่งเสียงลับ “โส่วจิ้งซือเกอ คนนี้มีอะไรไม่ถูกต้องไหม”

ฉินซีส่ายหน้าเบา ๆ “เพียงแค่ประหลาดอยู่บ้างเท่านั้น”

นางกำลังจะถามว่าประหลาดตรงไหน เวลาหนึ่งก้านธูปก็มาถึงแล้ว ถงเทียนอวิ้นเอ่ยเสียงดังว่า “ทุกท่าน หยุดการประมูล”

พอได้ยินคำพูดของเขา ที่แห่งนี้ก็เงียบลง มีคนที่แสดงถึงการตัดสินใจอันเด็ดเดี่ยว เขียนราคาของตนเองลงไปอย่างรวดเร็ว ต่อจากนั้น เหล่าผู้ฝึกคนสตรีหลอมรวมพลังวิญญาณก็เดินขึ้นหน้าเก็บป้ายหยกพวกนั้นไป ส่งมอบทั้งหมดถึงมือของถงเทียนอวิ้น

พร้อมกับที่ถงเทียนอวิ้นแบ่งแยกป้ายหยกไปทีละชิ้น ผู้คนกว่าครึ่งในที่แห่งนั้นจับจ้องความเคลื่อนไหวของเขาอย่างใกล้ชิด

ผ่านไปพักหนึ่ง ถงเทียนอวิ้นประกาศราคาอย่างยิ้มแย้มว่า “ห่วงวัชระนี้สหายเต๋าหมายเลขห้ารับไปด้วยราคาแปดพันศิลาวิญญาณ หยกลายเพลิงสหายเต๋าหมายเลขสิบแปดรับไปด้วยราคาห้าพันศิลาวิญญาณ หญ้าเสวี่ยต่านสามพันปีสหายเต๋าหมายเลขสิบเอ็ดรับไปด้วยราคาหนึ่งหมื่นห้าพันศิลาวิญญาณ”

พอโม่เทียนเกอได้ยินการประกาศราคานี้แล้วก็ตกใจ ถึงนางจะไปร้านค้าน้อยครั้งแต่ก็รู้ราคาของ ห่วงวัชระนี้เป็นถึงอาวุธเวท แปดพันศิลาวิญญาณถูกไปหน่อยจริง ๆ หยกลายเพลิงนั่นนางไม่เข้าใจ คิดว่าวัตถุดิบที่ไม่ถือว่าหายากมากชิ้นหนึ่งห้าพันศิลาวิญญาณก็กลาง ๆ หญ้าเสวี่ยต่านสามพันปีหนึ่งหมื่นห้าพันศิลาวิญญาณแพงเกินไปหน่อย จะอย่างไรคุนอู๋ก็อยู่ติดกับป่าไม้ ขอเพียงมีความกล้าลงใต้ไปเผชิญอันตราย หญ้าวิญญาณไม่ถือว่าหายากจนเกินไปเลย อีกอย่างหญ้าเสวี่ยต่านนี้ก็เป็นยาวิเศษทั่วไป เพียงแค่อายุสูงหน่อยเท่านั้นเอง

คล้ายกับจะดูออกถึงความสับสนของนาง ฉินซีกระซิบบอกว่า “หลังจากการก่อจลาจลของสัตว์ปีศาจครั้งก่อน สำนักต่าง ๆ ของคุนอู๋ยังไม่ฟื้นฟูสู่สภาพเดิม ดังนั้นหญ้าวิญญาณราคาสูงขึ้นเยอะ อีกอย่างการประมูลก็เป็นเช่นนี้ เป็นไปได้ที่จะซื้อของชิ้นหนึ่งในราคาที่ถูกยิ่ง แล้วก็เป็นไปได้ที่จะเกินกว่าราคาตลาดไปมาก”

โม่เทียนเกอก็ไม่พูดมากอีก ในสายตาของนาง สิ่งที่เรียกกันว่าของสะสมของว่านเป่าไจสามชิ้นนี้ก็ไม่เท่าไหร่ โยนใส่หมู่ผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังย่อมจะเสี่ยงตายแย่งชิงกันสักรอบ โยนใส่ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานกลับเป็นเพียงสิ่งของทั่วไป คนจำนวนมากแม้แต่อารมณ์จะเสนอราคายังไม่มี เห็นได้ว่าจุดสำคัญในงานชุมนุมค้าขายยังคงเป็นคำว่าค้าขายสองคำนี้ การประมูลอันนี้เป็นแค่น้ำจิ้ม

เพียงแต่ด้านหน้ามีสายตาทิ่มแทงมาอยู่ตลอด เห็นแล้วนางไม่สบายใจมาก แต่พอเงยหน้าขึ้นกลับหาแหล่งที่มาไม่พบ

หลังจากการประมูลจบลง ถงเทียนอวิ้นให้สาวใช้เก็บศิลาวิญญาณจากผู้ที่ประมูลสำเร็จแลกเปลี่ยนกับสินค้า จากนั้นตัวเองก็นั่งลง ยิ้มแย้มแจ่มใสกล่าวว่า “เอาล่ะ การประมูลจบแล้ว งานชุมนุมค้าขายของพวกเราก็ควรจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการเสียที สหายเต๋าทุกท่าน เริ่มจากผู้แซ่ถงเป็นอย่างไร”

ถึงจะเป็นประโยคคำถามแต่ก็เป็นเพียงแค่การเกริ่นนำเท่านั้น ถงเทียนอวิ้นพูดจบก็หยิบถุงใบหนึ่งออกมาจากในอกเสื้อ ยื่นออกมาเทโครม เทหินหลากสีที่เปล่งประกายออกมาหนึ่งกอง

เห็นของเหล่านี้แล้ว แววตาของเหล่าผู้ฝึกตนก่อเกิดตานที่ไร้ความสนใจจึงสว่างขึ้นมา ส่วนเหล่าผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังกลับมีสีหน้ามึนงง เห็นได้ชัดว่าไม่รู้จักสิ่งของนี้

โม่เทียนเกออับอายที่พบว่าตนเองก็ไม่รู้จัก นางกลายเป็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตานยังไม่นานนัก สิ่งของที่รู้จักส่วนใหญ่มาจากบันทึกโบราณ หากไม่เคยพบเห็นย่อมจะไม่รู้แล้ว

ฉินซีกระซิบอีกครั้งว่า “นี่คือหยกผลึกวิญญาณ ไม่รู้จริง ๆ ว่าเหล่าถงไปหามาจากไหนมากมายขนาดนี้”

โม่เทียนเกอเห็นว่าในสายตาของเขาก็มีความสนใจอยู่บ้าง อดอยากรู้อยากเห็นไม่ได้ “โส่วจิ้งซือเกอ สิ่งของนี้มีประโยชน์อะไร”

ฉินซีเอ่ยว่า “หยกผลึกวิญญาณหายากเป็นที่สุด ปกติใช้กับอาวุธเวทขึ้นไป สิ่งนี้สามารถรวบรวมพลังวิญญาณได้โดยอัตโนมัติ ถ้าหากอาวุธเวทประดับหยกผลึกวิญญาณจะดูดซับพลังวิญญาณโดยอัตโนมัติ ดังนั้นอาวุธเวทที่มีหยกผลึกวิญญาณจะทรงพลังยิ่งกว่าอาวุธเวททั่วไป”

โม่เทียนเกอครุ่นคิดในใจ กล่าวว่า “นี่…..คล้ายกับคุณสมบัติของหยกผลึกยุคปฐมกาล…..”

“มิผิด หยกผลึกวิญญาณที่เรียกกันที่จริงแล้วก็คือหยกผลึกที่มีตำหนิ ยุคปฐมกาลหยกผลึกพบเห็นได้ทั่วหล้า อันที่คุณภาพต่ำเรียกว่าหินผลึก อันที่มีตำหนิเรียกว่าหยกผลึกวิญญาณ ปัจจุบันนี้หยกผลึกหายไปจะโลกมนุษย์แต่แรกแล้ว หยกผลึกวิญญาณนี้ก็พบเจอได้ยากยิ่ง”

โม่เทียนเกอจิตใจสั่นไหว หินผลึก? อย่าบอกนะว่าคือหินผลึกที่นางเคยอ่านเจอในบันทึกโบราณของโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนที่ใช้ในกลไกหุ่นเชิด ที่แท้ก็คือหยกผลึกคุณภาพต่ำหรือ หากเป็นเช่นนี้มิน่าเล่าศาสตร์กลไกถึงได้สาบสูญไป หยกผลึกในปัจจุบันนี้หาไม่พบแล้ว หินผลึกก็เช่นกัน เพียงไม่รู้ว่าหยกผลึกวิญญาณนี้จะมีประโยชน์หรือไม่

ถงเทียนอวิ้นกระจายหยกผลึกวิญญาณออก ไม่พูดอะไรอีก ในหมู่ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานในที่สุดมีคนอดส่งเสียงออกมาไม่ได้ว่า “สหายเต๋าถง หยกผลึกวิญญาณนี้ของท่านสรุปว่าอยากจะแลกกับสิ่งของอันใด”

ถงเทียนอวิ้นยิ้มแย้มจนดึงหนังบนใบหน้าเสียตึง ดูแล้วคล้ายกับกะโหลกมนุษย์ “สหายเต๋าท่านนี้อย่าได้ร้อนใจ ผู้แซ่ถงอยากจะแลกกับหญ้าวิญญาณ แต่ว่าต้องหมื่นปีขึ้นไป”

คำพูดนี้พอออกมา ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานในที่แห่งนี้ซึ่งมิได้สวมงอบล้วนสีหน้าแปรเปลี่ยนไป ในนี้มีบุรุษฉกรรจ์ผู้หนึ่งลุกขึ้นมาทันทีร้องเสียงดังว่า “หญ้าวิญญาณหมื่นปีหรือ ตาเฒ่าถงท่านทำไมไม่ไปตายเสีย ตอนนี้ยังจะสามารถหาหญ้าวิญญาณอายุมากกว่าห้าพันปีได้ไหม ยังจะเอาหมื่นปี!”

ไม่อาจโทษผู้ฝึกตนผู้นี้ที่มีท่าทีเช่นนี้ หญ้าวิญญาณสามพันปียังหาไม่ได้ง่ายดายแล้ว อย่าว่าแต่หมื่นปีเลย ปัจจุบันนี้ในโลกหล้าเกรงว่าหญ้าวิญญาณห้าพันปีล้วนสาบสูญไปหมดแล้ว!

ถงเทียนอวิ้นยังคงยิ้มแย้ม เผยฟันน่าเกลียดน่ากลัว ยิ้มไปทางคนผู้นั้น “งานชุมนุมค้าขายนี่นา สองฝ่ายยินยอมก็พอ สหายเต๋าหยิบออกมาไม่ได้ ไม่ได้แปลว่าผู้อื่นจะไม่มีมิใช่หรือ”

บุรุษฉกรรจ์ผู้นี้กลับโต้แย้งมิได้ ได้แต่พ่นลมหายใจหนัก ๆ คำหนึ่ง นั่งลงไปใหม่

มีอีกคนเอ่ยว่า “สหายเต๋าถง ท่านเรียกร้องเกินไปหรือเปล่า หญ้าวิญญาณหมื่นปีมีคุณค่าเพียงไร ถึงคราวของพวกเราผู้ฝึกตนก่อเกิดตานหรือ เกรงว่าถูกผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่แย่งชิงไปก่อนแต่แรกแล้ว”

ถงเทียนอวิ้นยังคงยิ้ม “สหายเต๋าท่านนี้ หยกผลึกวิญญาณพวกนี้ของข้าก็หาได้ยากบนโลกหล้าเช่นกัน มิได้หาง่ายกว่าหญ้าวิญญาณหมื่นปีสักเท่าใด”

จึงมีอีกคนที่เงียบไป

“สหายเต๋าถง” กลับเป็นฉินซีที่ส่งเสียงออกมา เขาเอ่ยอย่างชืดชาว่า “ท่านอยากได้หญ้าวิญญาณหมื่นปี ข้าไม่มี แต่ว่าข้าสามารถใช้ศิลาวิญญาณแสนก้อนกับหญ้าวิญญาณห้าพันปีหนึ่งต้นมาแลกเปลี่ยนกับท่าน”

ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ไม่เพียงแต่โม่เทียนเกอ ทุกคนล้วนมองไปทางฉินซี ศิลาวิญญาณแสนก้อนไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ แม้แต่สำหรับผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ อีกอย่างเมื่อครู่เพิ่งจะมีคนบอกว่าตอนนี้หาหญ้าวิญญาณห้าพันปีไม่พบแล้ว เขาก็ดันหยิบหญ้าวิญญาณห้าพันปีออกมา

แต่เขาไม่ได้ปกปิดหน้าตา อีกทั้งบนร่างสวมใส่ชุดเต๋าของโรงเรียนเสวียนชิง เปิดเผยระดับการฝึกตนที่เหนือชั้นไปอีกขั้น ดังนั้นไม่มีคนกล้ากังขา แม้แต่ถงเทียนอวิ้นก็ไม่พูดจาไปพักหนึ่ง

ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้นมา กลับเป็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตานผู้นั้นที่โม่เทียนเกอสังเกตเห็นซึ่งนอกจากฉินซีแล้วเป็นคนที่มีระดับการฝึกตนสูงสุด เพียงได้ยินเขาเอ่ยเสียงต่ำว่า “โรงเรียนเสวียนชิงช่างร่ำรวยภูมิฐานเสียจริง ศิลาวิญญาณแสนก้อนกับหญ้าวิญญาณห้าพันปีถึงกับจ่ายออกมาได้”

ฉินซีสีหน้าไม่ขยับเขยื้อน ยังคงสงบนิ่งผ่อนคลาย “หากท่านเสนอเงื่อนไขที่ดีกว่าได้เพียงนำออกมาก็พอ”

คนผู้นี้กลับยอมรับตรง ๆ ว่า “ราคานี้ของท่านข้าจ่ายไม่ได้จริง ๆ แต่ว่าจะสามารถแลกเปลี่ยนหยกผลึกวิญญาณได้หรือไม่ยังต้องดูว่าสหายเต๋าถงจะรับหรือไม่รับ”

สายตาของทุกคนหันกลับไปที่ตัวของถงเทียนอวิ้น กลับเห็นถงเทียนอวิ้นฉียิ้มเปิดฟันน่าเกลียดน่ากลัวอีกครั้ง ยิ้มไปทางฉินซี “สหายเต๋าโส่วจิ้ง ต้องขออภัยจริง ๆ ข้าเพียงจะแลกกับหญ้าวิญญาณหมื่นปี อย่างอื่นไม่เอา”

“….” ฉินซีสีหน้าเปลี่ยนไป เอ่ยอย่างจนใจว่า “เมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็หมดหนทาง”

ถงเทียนอวิ้นถอยหายใจอีกครั้ง ถามขึ้นอีกครั้งว่า “มีสหายเต๋าที่สามารถหยิบหญ้าวิญญาณหมื่นปีออกมาแลกเปลี่ยนได้หรือไม่”

โม่เทียนเกอหันมองด้านข้าง ส่งเสียงลับว่า “โส่วจิ้งซือเกอ หยกผลึกวิญญาณนี่มีค่าสูงขนาดนี้จริง ๆ หรือ”

ฉินซีตอบเสียงต่ำ ๆ ว่า “มากขนาดนี้น่าจะคุ้ม แต่ว่าหญ้าวิญญาณหมื่นปีหายากเกินไป เกรงว่าบนโลกนี้นอกจากปีศาจเฒ่าไม่กี่คนล้วนหยิบออกมาไม่ได้”

โม่เทียนเกอพึมพำกับตัวเองสั้น ๆ ตอนที่ถงเทียนอวิ้นกำลังจะยอมแพ้แล้วจู่ ๆ ก็ส่งเสียงออกมาว่า “สหายเต๋าถง ข้ามีหญ้าวิญญาณหมื่นปีหนึ่งต้น เพียงแต่…..”

……………………………….

ความจริงงานชุมนุมค้าขายน่าจะแปลเป็นงานชุมนุมแลกเปลี่ยนมากกว่า แต่ว่าตอนแรกที่แปลรู้สึกว่าค้าขายมันเข้าใจง่ายกว่าน่ะ ตอนนี้เริ่มรู้สึกอย่างเปลี่ยนใจ 555

หินผลึกเคยปรากฏชื่อในตอนที่ 137 ตอนนั้นเขาแปลว่า ไม้ค้ำ อย่าถามว่าทำไม…… ระแวงหนักมากว่าหรือว่าเขาจะแปลจากภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาจีน เพราะทางนั้นแปลเป็น spur ซึ่งมีความหมายคล้าย ๆ ไม้ค้ำได้เหมือนกัน

ตอนที่ 267 – แลกเปลี่ยน

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

Status: Ongoing
ในฐานะผู้ฝึกตนหญิง ถนนสู่อมตะต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมายนัก คุณสมบัติ, วิชา, ยา, อาวุธเวท ล้วนไม่อาจขาดสักสิ่ง อารมณ์, ความอ่อนแอ, ความเมตตา, ความโลภ ล้วนไม่อาจมากสักสิ่ง ไม่มีของสิ่งแรก การฝึกจะช้าเกินไป ของสิ่งหลังมาก จะตายเร็วเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น หน้าตาต้องไม่มากไม่น้อย สติปัญญาต้องไม่มากไม่น้อย งดงามเกินไปย่อมจะถูกผู้ฝึกตนระดับสูงบังคับไปเป็นอนุ อัปลักษณ์เกินไปพบปะผู้คนจะถูกรังเกียจชนกำแพงไปทุกที่ ฉลาดเกินไปจะกลายเป็นนกโผล่หัวที่ถูกตี โง่เกินไปถูกขายแล้วยังช่วยคนนับเงิน ม่อเทียนเกอนึกว่าอย่างไหน ๆ ล้วนสามารถทำได้ แต่ดันมีเรื่องน่าตายเพิ่มขึ้นมาหนึ่งอย่าง ถนนเซียนสายนี้ จะเดินทางอย่างสงบสุขได้อย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท