หนึ่งเซียนยากเสาะหา – ตอนที่ 314 – กลับสู่โลกหล้า

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

ตอนที่ 314 – กลับสู่โลกหล้า

อาจารย์เต๋าหยางหลินนั่นยังถอนหายใจไม่เสร็จก็เห็นปรากฏการณ์สวรรค์ผูกจิตวิญญาณบนท้องฟ้า ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง กำลังงงงวยว่าเร็ว ๆ นี้ในสำนักไม่มีคนกักตนผูกจิตวิญญาณก็ได้รับการเรียกตัวจากหัวหน้าผู้อาวุโสสูงสุด ได้แต่รีบสั่งการศิษย์ใต้สังกัดให้ไปสืบสวนแล้วไปพบหน้าหัวหน้าผู้อาวุโสสูงสุดก่อน

“น้อมพบผู้อาวุโสไท่ซ่างทุกท่าน” พอเข้าถ้ำพำนักของหัวหน้าผู้อาวุโสสูงสุดหลิ่วติ้งหยวนก็ถูกสายตาของผู้อาวุโสจิตวิญญาณใหม่สี่ท่านจับจ้อง อาจารย์เต๋าหยางหลินเพียงรู้สึกจิตใจสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว ผู้อาวุโสจิตวิญญาณใหม่สี่ท่าน ในนั้นมีหนึ่งคนเป็นผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลาย ถึงแม้จะไม่ได้จงใจปล่อยแรงกดดัน เขาที่เป็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตานขั้นกลางก็สงบจิตสงบใจลงได้ยากมาก

สำนักเทียนเต้าเดิมมีผู้อาวุโสจิตวิญญาณใหม่เจ็ดคน หนึ่งคนในนั้นเมื่อสิบปีก่อนได้สิ้นชีพลงในมาร อีกคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส ปัจจุบันนี้กำลังกักตน ห้าคนที่เหลือมีเพียงหนึ่งคนไม่อยู่ที่นี่ ดูท่าปรากฏการณ์สวรรค์ผูกจิตวิญญาณนี้พอปรากฏ ชนชั้นสูงของสำนักเทียนเต้าก็สั่นสะเทือนแล้ว

“ไม่ต้องมากพิธี” หัวหน้าผู้อาวุโสสูงสุดหลิ่วติ้งหยวนที่นั่งอยู่ข้างบนสุดเอ่ยปาก หน้าตาของเขาเยาว์วัย ไม่เกินสามสิบกว่าปี ใต้คางไว้เคราสามชุ่น สวมมงกุฎเต๋าใส่ชุดเต๋า รูปลักษณ์เหมือนเซียนเต๋าเป็นที่สุด

แต่พวกนี้เป็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น อาจารย์เต๋าหยางหลินรู้ว่าสิ่งที่หัวหน้าผู้อาวุโสสูงสุดท่านนี้ฝึกอันที่จริงแล้วคือศาสตร์มาร ตอนที่อารมณ์ดีก็จะเมตตา หากอารมณ์ไม่ดี นั่นจะโมโหร้ายถึงสิบส่วน

ดังนั้นถึงจะพูดว่าไม่ต้องมากพิธี อาจารย์เต๋าหยางหลินยังคงกราบคารวะอย่างนอบน้อมเอ่ยถามว่า “ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสไท่ซ่างเรียกหาศิษย์ให้มา มีคำสั่งการอะไรขอรับ”

“นี่ยังต้องให้สั่งการหรือ” เซียนเฟิ่งชิงที่นิสัยร้อนแรงที่สุดในผู้อาวุโสจิตวิญญาณใหม่ทั้งสี่ส่งเสียงออกมา มองออกไปข้างนอก ตาหงส์เลิกขึ้น “ความวุ่นวายที่ใหญ่โตขนาดนี้ ท่านที่เป็นอาจารย์ใหญ่ผู้นี้มิใช่ไม่รู้หรอกกระมัง”

อาจารย์เต๋าหยางหลินย่อมรู้สาเหตุ แต่เป็นเพียงการเรียนถามตามมารยาทเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะผิดอีก ได้แต่ยิ้มเอ่ยด้วยใบหน้าขมขื่นว่า “อันนี้ศิษย์ก็ไม่รู้ขอรับ! ซือเกอซือเจี่ยก่อเกิดตานขั้นปลายในสำนักเรามีทั้งสิ้นห้าคน สองคนในนั้นใกล้จะก่อเกิดตานเต็มขั้น แต่ศิษย์ของซือเกอสองคนนี้ล้วนไม่ได้บอกว่าจะผูกจิตวิญญาณ…… ศิษย์เพิ่งจะคิดว่าผู้ใดผูกจิตวิญญาณ มีเวลาแค่ส่งคนไปสืบสวน”

ได้ยินคำพูดนี้ ผู้อาวุโสจิตวิญญาณใหม่ทั้งสี่ต่างสบตากันเอง เรื่องราวเหล่านี้พวกเขาก็ย่อมจะรู้ เพียงแต่เรื่องจิปาถะบางอย่างยังเป็นอาจารย์ใหญ่ที่จะทราบกระจ่างกว่าหน่อย จึงได้เรียกตัวมาถามสักคำ

“ผู้อาวุโสไท่ซ่างทั้งหลาย” อาจารย์เต๋าหยางหลินรวบรวมความกล้าเอ่ยขึ้นมา “ศิษย์พบว่า สถานที่ซึ่งปรากฏปรากฏการณ์สวรรค์คือยอดเขาเหนือ ยอดเขาเหนือเชื่อมต่อกับภูเขามาร ไม่ได้มีศิษย์ของสำนักตั้งถ้ำพำนักอยู่ที่นั่นเลย ดังนั้นศิษย์ขอบังอาจคาดเดาว่า ไม่ใช่คนในสำนักเราจริง ๆ หรือว่ามีเรื่องเร้นลับอะไร”

ถึงอย่างไรก็เป็นอาจารย์ใหญ่ คำพูดนี้ค่อนข้างจะมีเชาว์ปัญญา ผู้อาวุโสจิตวิญญาณใหม่ทั้งสี่ฟังแล้วก็พากันมองไปทางผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายหลิ่วติ้งหยวน หลิ่วติ้งหยวนลูบเครา เอ่ยว่า “นี่มีความเป็นไปได้มากเลย ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานในสำนักพวกเรามีสถานการณ์เป็นอย่างไร ทุกคนล้วนทราบกระจ่าง ล้วนไม่ใช่เวลาที่ดีในการผูกจิตวิญญาณ เผอิญว่าสถานที่ซึ่งปรากฏการณ์สวรรค์ผูกจิตวิญญาณดันเป็นยอดเขาเหนือเสียอีก…… ในความเห็นของข้า กว่าครึ่งมิใช่ผู้ฝึกตนในสำนักเรา”

“หลิ่วซือเกอ!” เซียนเฟิ่งชิงขมวดคิ้วเอ่ยว่า “ผู้ใดกันขวัญกล้ามาผูกจิตวิญญาณในสถานที่ของสำนักเทียนเต้าเรา กำลังขวัญใหญ่โตเกินไปแล้ว! พวกเราจะพูดอย่างไรก็เป็นสำนักอันดับหนึ่งของเทียนจี๋ ในสำนักมีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่มากมายขนาดนี้ แล้วยังมีหลิ่วซือเกอกับปู้เหยียนซือเกอ* นั่งประจำการ เขากล้าได้อย่างไร”

หลิ่วติ้งหยวนสั่นศีรษะ “สรุปว่าเกิดเรื่องอันใด รอสักครู่ก็จะรู้ ไม่ต้องร้อนรน”

เงียบสนิทเป็นนาน ปรากฏการณ์สวรรค์ยังคงไม่จางหาย พลังวิญญาณบนท้องฟ้าถึงขนาดยิ่งมายิ่งขยายใหญ่โต แสงทองบาดตา แสงวิญญาณโบยบิน

ทันใดนั้น เซียนเฟิ่งชิงผู้นั้นร้อง “หา” ขึ้นมา ผุดลุกขึ้นกะทันหันด้วยความตื่นตะลึง

“ซือเกอทั้งหลาย พวกท่านดู!”

ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่อีกสามคนเงยหน้าขึ้นพร้อมกัน กลับเห็นเมฆมงคลดุจเปลวเพลิงที่สุดขอบฟ้าก่อร่างขึ้นมาเป็นรูปร่างของพญาหงส์ จากนั้น ข้างหูแว่วเสียงร้องอันใสกระจ่าง เป็นอย่างเสียงร้องของหงส์!

“ปรากฏการณ์สวรรค์พญาหงส์!” หลิ่วติ้งหยวนก็นั่งไม่ติดแล้ว ผู้ฝึกตนผูกจิตวิญญาณล้วนจะเกิดปรากฏการณ์สวรรค์ ในนั้นเมฆมงคลก็กลายรูปเป็นรูปร่างของสัตว์วิญญาณนานาชนิด ตอนที่เขาเองผูกจิตวิญญาณสิ่งที่ออกมาคือซวนหนี** เวลานั้นสั่นสะเทือนคุนอู๋ตะวันออกแล้ว ซวนหนีเป็นหนึ่งในเก้าบุตรแห่งมังกร หลังจากสัตว์เทพ เขาฝึกตนจนถึงจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายอย่างราบรื่นถึงสิบส่วนตามคาด คนผู้นี้ถึงกับเกิดปรากฏการณ์สวรรค์พญาหงส์ นี่หมายความว่าอะไร พญาหงส์นั้นเป็นสัตว์เทพอันแท้จริง!

หลิ่วติ้งหยวนตัดสินใจฉับพลัน ส่งเครื่องรางสื่อสารออกไปทันที

ผ่านไปครู่หนึ่ง เครื่องรางสื่อสารกลับมา หลังจากเขารับมา สีหน้าก็แปรเปลี่ยนไปทันควัน!

“หลิ่วซือเกอ?” เซียนเฟิ่งชิงส่งเสียงถามไถ่

ผ่านไปพักหนึ่ง สีหน้าหลิ่วติ้งหยวนจึงค่อย ๆ สงบลง ลุกขึ้นเอ่ยว่า “ปู้เหยียนซือเกอของพวกเจ้ารู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นแล้ว กำลังเร่งรุดมา” สายตาเขากวาดผ่านซือตี้ซือเม่ยทั้งสาม ล้วนยังเป็นเพียงจิตวิญญาณใหม่ขั้นต้น ถอนหายใจ เอ่ยว่า “เป็นฉินโส่วจิ้งของโรงเรียนเสวียนชิง เขาผูกจิตวิญญาณที่ภูเขามาร เพิ่งจะทลายอาคมออกมา”

“อะไรนะ” ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ทั้งสามยังใบหน้าสับสน สีหน้าของอาจารย์เต๋าหยางหลินแปรเปลี่ยนไปก่อนแล้ว

ถึงอย่างไรด้วยความห่างของระดับชั้น ไม่ว่าผู้ฝึกตนก่อเกิดตานที่มีพรสวรรค์มากมายขนาดไหน เหล่าผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ก็จะไม่เห็นอยู่ในสายตาจนเกินไป ดังนั้นนามของฉินโส่วจิ้ง ผู้อาวุโสจิตวิญญาณใหม่ทั้งสามล้วนไม่ค่อยคุ้นเคยนัก แต่อาจารย์เต๋าหยางหลินกลับทราบกระจ่าง

เห็นสายตาถามไถ่ของผู้อาวุโสจิตวิญญาณใหม่สามท่าน อาจารย์เต๋าหยางหลินสงบสติลง อธิบายว่า “ซือซูทั้งสามคงจะไม่ได้ทราบชัดมาก ฉินโส่วจิ้งเป็นศิษย์ของประมุขเต๋าจิ้งเหอโรงเรียนเสวียนชิง ได้ชื่อว่ามีพรสวรรค์ เจ็ดสิบแปดก่อเกิดตาย ปีนั้นสั่นสะเทือนเทียนจี๋”

“อ้อ ที่แท้เป็นเขา” ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ท่านหนึ่งเอ่ย “หลายปีก่อนหลิ่วซือเกอเคยพูด ว่าศิษย์ก่อเกิดตานของพวกเราเทียบกับโรงเรียนเสวียนชิงแล้วแย่กว่าหน่อย ในนั้นรวมถึงฉินโส่วจิ้งผู้นี้ด้วยกระมัง”

“อืม” หลิ่วจิ้งหยวนขมวดคิ้วนิ่วหน้า เอ่ยเสียงต่ำว่า “พวกเจ้าไม่ใส่ใจเรื่องราวนัก ล้วนไม่ทราบชัด หลายปีก่อนได้ยินว่าเขาลองผูกจิตวิญญาณ ในใจเปิ่นจั๋วก็จดจำเรื่องนี้เอาไว้ เขาผูกจิตวิญญาณสามครั้งก่อนล้วนไม่สำเร็จจึงได้มาภูเขามาร ภายหลังสาบสูญร่องรอยที่ภูเขามาร ข้ายังเอ่ยว่าเขาสิ้นชีพลงข้างในแล้ว คิดไม่ถึงว่าถึงกับจะมีชีวิตออกมาแล้ว อีกทั้งยังผูกจิตวิญญาณใหม่ได้สำเร็จ!”

อาจารย์เต๋าหยางหลินรายงานว่า “หลิ่วซือป๋อ เก้าสิบกว่าปีก่อน ฉินโส่วจิ้งผู้นี้ก็ไปภูเขามาร แล้วก็ถูกกำแพงอาคมขังไว้ สิบกว่าปีให้หลังจึงได้ออกมา คิดว่าเขาจะต้องรู้ความลับบางอย่างในภูเขามารนี้จึงสามารถแคล้วคลาดมาได้ทุกครั้ง”

“ถึงกับเป็นเช่นนี้……” หลิ่วติ้งหยวนพึมพำกับตัวเองชั่วครู่ สั่นศีรษะ ถอนหายใจ “เป็นชะตาโดยแท้ ข้าเดิมทียังนึกว่าสวรรค์ปกป้องสำนักเทียนเต้าเรา ทำให้ฉินโส่วจิ้งสิ้นชีพลงที่ภูเขามาร คิดไม่ถึงว่าถึงที่สุดแล้วยังคงพ่ายแพ้ให้โรงเรียนเสวียนชิงคราหนึ่ง เฮ้อ!”

ได้ยินคำพูดนี้ ใบหน้าเซียนเฟิ่งชิงเผยแววเคร่งเครียด เอ่ยว่า “หลิ่วซือเกอ ในเมื่อขณะนี้เขาพอดีมาปรากฏตัวที่สำนักเทียนเต้าเรา พวกเราก็สังหารเขาคาที่ไปเลยไม่ใช่ดีแล้วหรือ”

หลิ่วติ้งหยวนส่ายหน้า “เฟิ่งชิงซือเม่ย บางเวลาสังหารคนไปก็แก้ไขปัญหาไม่ได้ ในมือฉินจิ้งเหอจะต้องมีตะเกียงคู่ชีพของฉินโส่วจิ้ง เขามีชีวิตอยู่ ฉินจิ้งเหอจะไม่รู้ได้อย่างไร อย่าว่าแต่ความเคลื่อนไหวที่ฉินโส่วจิ้งนี้ปรากฏตัวใหญ่โตขนาดนี้ ข่าวสารปิดไม่อยู่หรอก หากเขาสิ้นชีพลงที่สำนักเทียนเต้าเรา โรงเรียนเสวียนชิงจะปล่อยวางกับพวกเราได้อย่างไร ปัจจุบันนี้เป็นเวลาที่สำนักเทียนเต้าเราพักฟื้น ไม่ใช่จุดที่จะต่อสู้ นามสำนักอันดับหนึ่งของเทียนจี๋ถึงจะถูกแย่งไปยังสามารถแย่งกลับมา ศิษย์ของสำนักจะสูญเสียไปอีกไม่ได้แล้ว”

“หลิ่วซือเกอพูดได้มีเหตุผล” ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นต้นผู้หนึ่งตอบรับ “พวกเรามีหลิ่วซือเกอและปู้เหยียนซือเกออยู่ พลังอำนาจของสำนักเทียนเต้าก็ยังอยู่ ไม่ต้องร้อนรนไปสักพักหนึ่ง”

เซียนเฟิ่งชิงยังอยากจะพูดอะไร หลิ่วติ้งหยวนยกมือขึ้นตัดบทนาง “พวกเขามาแล้ว”

ขณะนี้ ปรากฏการณ์สวรรค์ยุติลงอย่างช้า ๆ แล้ว ยอดเขาเหนือของเขาหวี้เหิงมีแสงหลบหนีหลายสายพุ่งออกมา หยุดอยู่ตรงหน้าถ้ำพำนักของหลิ่วจิ้งหยวน ก็คือประมุขเต๋าปู้เหยียนผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายอีกคนหนึ่งของสำนักเทียนเต้ารวมทั้งฉินซี, โม่เทียนเกอสามคน

พริบตานั้น บนใบหน้าของหลิ่วติ้งหยวนปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา นำซือตี้ซือเม่ยจิตวิญญาณใหม่ทั้งสามรวมทั้งศิษย์หนึ่งกลุ่มออกไปทักทาย “ที่แท้เป็นสหายเต๋าโส่วจิ้งศิษย์รักของจิ้งเหอเต้าซยง นับถือมานาน ๆ”

ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ฉินซียังเพียงแค่เพิ่งจะผูกจิตวิญญาณเท่านั้น ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายผู้หนึ่งเปี่ยมมารยาทขนาดนี้ถือว่าไว้หน้าเขาแล้ว ด้วยเหตุนี้เขาจึงพาโม่เทียนเกอคารวะอย่างสุภาพด้วย “มิกล้า ๆ น้อมพบซือเกอซือเจี่ยของสำนักเทียนเต้าทุกท่าน ผู้เยาว์ถูกบังคับให้ต้องผูกจิตวิญญาณในภูเขามาร หากรบกวนทุกท่านก็ได้โปรดให้อภัยด้วย”

“ฮา ๆ ที่ไหนกัน ๆ” ได้ยินเขาเรียกตัวเองว่าผู้เยาว์ นั่นก็คือการนับตนเองเป็นชนรุ่นหลังอย่างถ่อมตัว ในใจหลิ่วติ้งหยวนปลอดโปร่งขึ้นมาหน่อย เอ่ยว่า “นี่ก็เป็นวาสนานะ สหายเต๋าโส่วจิ้ง เชิญเข้ามานั่ง”

ฉินซียิ้มบาง ๆ กะพริบตาไปทางโม่เทียนเกอ ติดตามหลิ่วติ้งหยวนเข้าถ้ำพำนัก

โม่เทียนเกอเข้าใจความหมายของเขา ในเมื่อสำนักเทียนเต้าเปี่ยมมารยาทต่อพวกเขา เช่นนั้นก็ไม่มีอันตรายอะไร วางใจเข้าไปอย่างกล้าหาญก็พอ

เข้าถ้ำพำนักของหลิ่วติ้งหยวนแล้ว หลิ่วติ้งหยวนแนะนำผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ ณ ที่แห่งนี้ให้ฉินซีทีละคน หลังจากคารวะแล้ว เห็นโม่เทียนเกอติดตามอยู่ข้างหลังฉินซีมาตลอด จึงถามว่า “ท่านนี้คือ?”

ฉินซียิ้มเอ่ยว่า “ผู้นี้คือซือเม่ยของจ้ายเซี่ย แล้วก็เป็นคู่เต๋าด้วย นามแห่งเต๋าชิงเวย”

“อ้อ……” หลิ่วติ้งหยวนแปลกใจอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าผู้ฝึกตนบุรุษจิตวิญญาณใหม่โดยมากแล้วจะมีผู้ฝึกตนสตรีก่อเกิดตานเป็นคู่เต๋า แต่ระดับการฝึกตนของโม่เทียนเกอมันต่ำไปหน่อยจริง ๆ แต่นี่ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องของคนอื่น หลิ่วติ้งหยวนยิ้ม ๆ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงมองศิษย์ของตนเองคราหนึ่ง ให้พวกเขาคารวะโม่เทียนเกออย่างเสมอกัน

ทุกคนนั่งลงดื่มชา หลิ่วติ้งหยวนเอ่ยว่า “สหายเต๋าโส่วจิ้งครั้งนี้ไม่เพียงหนีเอาชีวิตรอดมาจากความตาย ยังผูกจิตวิญญาณใหม่สำเร็จ คิดว่าจะต้องมีเรื่องเล่ามากมายสินะ ไม่รู้ว่าสามารถบอกพวกเราได้หรือไม่”

ฉินซียิ้ม “เพียงแต่โชคดีเท่านั้น สิบปีก่อนตอนที่กำแพงอาคมภูเขามารพังทลาย ข้ากับซือเม่ยเผอิญไม่ได้รับผลกระทบ แต่ถูกขังอยู่ข้างในไร้วิธีออกมา ระหว่างสิบปีนี้ ภูเขามารไม่เสถียรอย่างยิ่ง ไร้หนทาง พวกเราก็หาสถานที่ปลอดภัยกักตน โชคดีที่ข้าได้รับสมบัติบางอย่างข้างใน ผูกจิตวิญญาณใหม่สำเร็จอย่างราบรื่น จึงสามารถหนีจากอันตราย”

“เช่นนั้นหรือ กำแพงอาคมภูเขามารพังทลายในปีนั้นมีเพียงคนจำนวนน้อยที่หนีออกมา สหายเต๋าโส่วจิ้งโชคดีโดยแท้”

หลิ่วติ้งหยวนไม่เชื่อคำพูดเขาอย่างเห็นได้ชัด ฉินซีก็ไม่ได้วางแผนจะโน้มน้าวเขา เรื่องประเภทนี้ ทุกคนรู้ใจกันดี ดังนั้น เขายังคงยิ้มผ่านไป ถามขึ้นมาว่า “หลิ่วซือเกอ พวกเราหลายปีนี้ติดอยู่ที่ภูเขามารมาตลอด ไม่ทราบว่าปัจจุบันนี้คุนอู๋มีสถานการณ์เป็นอย่างไร ปีนั้นหนีออกมาได้กี่คน ประมุขเต๋าจิ้งเหออาจารย์ของจ้ายเซี่ยยังดีอยู่หรือไม่”

“สหายเต๋าโส่วจิ้งวางใจ” หลิ่วติ้งหยวนยิ้มตอบมา “จิ้งเหอเต้าซยงโชคดี หนีออกมากับสหายเต๋าหัวเหยียนร่วมโรงเรียน อีกทั้งเพียงได้รับบาดเจ็บเบา ๆ กลับเป็นสหายเต๋าหัวเหยียนร่วมโรงเรียน ได้ยินว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส หลายปีนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร”

“อ้อ ขอบคุณหลิ่วซือเกอมาที่บ่งบอก” ได้ยินข่าวนี้ ฉินซีและโม่เทียนเกอล้วนโล่งอก อย่างน้อยคนล้วนมีชีวิต

……………………………….

ก่อนหน้านี้พยายามแปลไท่ซ่างเป็นภาษาไทย ตอนที่แล้วแปลเป็นผู้อาวุโสผู้สูงศักดิ์ แต่ก็รู้สึกประหลาดมาตลอด ทับศัพท์มันไปเลยแล้วกัน น่าจะเป็นชื่อตำแหน่งอย่างหนึ่งนั่นแหละ คำแปลที่เจอมาบอกว่าคือ title of respect for Taoists

*ปู้เหยียนซือเกอ คำว่า ปู้เหยียน แปลว่า “ไม่พูด” ค่ะ น่าจะแปลว่าเขาฝึกเต๋าใบ้ล่ะมั้ง

**ซวนหนี (狻猊) หนึ่งในลูกมังกรทั้งเก้า จากข้อความ “หนึ่งมังกรมีลูกเก้าตัว ลูกทั้งเก้าไม่เหมือนกัน” ซวนหนีมีรูปลักษณ์เป็นสิงโต มักจะประดับอยู่ตามกระถางธูป (นางชอบอยู่นิ่ง ๆ มองควันไฟค่ะ)

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

Status: Ongoing
ในฐานะผู้ฝึกตนหญิง ถนนสู่อมตะต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมายนัก คุณสมบัติ, วิชา, ยา, อาวุธเวท ล้วนไม่อาจขาดสักสิ่ง อารมณ์, ความอ่อนแอ, ความเมตตา, ความโลภ ล้วนไม่อาจมากสักสิ่ง ไม่มีของสิ่งแรก การฝึกจะช้าเกินไป ของสิ่งหลังมาก จะตายเร็วเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น หน้าตาต้องไม่มากไม่น้อย สติปัญญาต้องไม่มากไม่น้อย งดงามเกินไปย่อมจะถูกผู้ฝึกตนระดับสูงบังคับไปเป็นอนุ อัปลักษณ์เกินไปพบปะผู้คนจะถูกรังเกียจชนกำแพงไปทุกที่ ฉลาดเกินไปจะกลายเป็นนกโผล่หัวที่ถูกตี โง่เกินไปถูกขายแล้วยังช่วยคนนับเงิน ม่อเทียนเกอนึกว่าอย่างไหน ๆ ล้วนสามารถทำได้ แต่ดันมีเรื่องน่าตายเพิ่มขึ้นมาหนึ่งอย่าง ถนนเซียนสายนี้ จะเดินทางอย่างสงบสุขได้อย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท