หนึ่งเซียนยากเสาะหา – ตอนที่ 360 – หุบเขาไร้กังวล

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

ตอนที่ 360 – หุบเขาไร้กังวล

มองดูโม่เทียนเกอที่สีหน้าสงบนิ่งเบื้องหน้า หลิงอวิ๋นเฮ่อในใจทั้งปิติทั้งกังวล

สิ่งที่ปิติคือ คนผู้นี้พฤติกรรมมั่นคง น่าจะเป็นคนที่สามารถเลือกได้ สิ่งที่กังวลคือ คล้ายกับว่าจะมั่นคงเกินไปหน่อย อย่างนี้จะต่อรองได้ยาก

เขาใคร่ครวญอยู่ชั่วขณะแล้วในที่สุดเปิดปากว่า “การมาครานี้เป็นการเชิญให้สหายเต๋าฉินช่วยธุระเล็ก ๆ อย่างหนึ่ง ขอเพียงสหายเต๋าฉินรับปาก ถึงจะไม่สำเร็จก็จะขอบคุณอย่างหนัก”

พูดวาจานี้จบ เขาจ้องมองโม่เทียนเกอตาไม่กะพริบ

โม่เทียนเกอกลับเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ ถามว่า “สหายเต๋าเหตุใดถึงเลือกข้าเล่า ด้วยศักดิ์ฐานะของสหายเต๋าหลิง ไม่ว่าจะสกุลหลิงหรือว่าสำนักจิ่วเยี่ยนน่าจะหาผู้ช่วยเหลือได้อย่างง่ายดายมากทั้งนั้น เหตุใดอยากจะเลือกข้าที่เป็นคนนอกที่ไม่อาจพึ่งพาผู้นี้ สหายเต๋าหลิงแม้แต่ความเป็นมาของจ้ายเซี่ยยังไม่เคยถามไถ่เลยด้วยซ้ำ”

เห็นนางไม่ได้ปฏิเสธทันที หลิงอวิ๋นเฮ่อโล่งใจเล็กน้อย ยิ้มเอ่ยไปด้วยว่า “พูดตามสัตย์เถอะ สาเหตุที่ครั้งนี้จ้ายเซี่ยไม่ได้ร้องขอผู้ช่วยเหลือร่วมสำนักเป็นเพราะว่าในการเลือกเจ้าสำนัก คนร่วมสำนักมีผลกระโยชน์พัวพัน ไม่สะดวกจะติดต่อ ส่วนศิษย์สกุลหลิง……” ใบหน้าหลิงอวิ๋นเฮ่อมีเมฆหมอกวาบผ่าน เงียบงันชั่วขณะ ลดเสียงลงเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ข้าปิดบังระดับการฝึกตน เดิมทีก็คือไม่อยากจะเข้าร่วมการแก่งแย่งพวกนี้ ยกให้ลูกพี่ลูกน้องคนโตข้าเป็นตัวแทนสกุลหลิงเข้าร่วมการเลือกเจ้าสำนัก ดังนั้น ช่วงก่อนนี้หลังจากได้รับบาดเจ็บแล้วข้าแกล้งทำเป็นระดับการฝึกตนตกลงไปช่วงใหญ่ ขอผู้นำสกุลให้ส่งไปทำงานจิปาถะ ให้พวกเขานึกไปว่าข้าได้รับการโจมตีอย่างหนักหน่วง ล้มจนลุกไม่ขึ้น ใครจะรู้ว่า คนคำนวณไม่สู้ฟ้าลิขิต……”

คำพูดนี้ของหลิงอวิ๋นเฮ่อเกี่ยวข้องกับความลับของสกุลหลิงรวมทั้งสำนักจิ่วเยี่ยนแล้ว โม่เทียนเกอไม่เข้าใจอยู่บ้าง สรุปว่าผู้ฝึกตนของอวิ๋นจงเชื่อถือคนอื่นจนเกินไปหรือว่าหลิงอวิ๋นเฮ่อผู้นี้เป็นพวกเปิดอกพูดคุยจริง ๆ เรื่องประเภทนี้ถึงกับกล้าพูดออกจากปากกับนางที่ไม่ได้รู้จักกันเลยเสียได้

หลิงอวิ๋นเฮ่อสีหน้าสลับระหว่างมืดครึ้มกับสว่างไสวไม่หยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง พ่นลมหายใจออกมาคำหนึ่ง สายตามองไปทางโม่เทียนเกออีกครั้ง “กล่าวโดยสรุป การเลือกเจ้าสำนักยังคงตกใส่หัวของข้า แต่ว่าเรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อน ไม่เพียงเกี่ยวพันถึงการแก่งแย่งอำนาจในสำนัก ยังมีความพัวพันด้านผลประโยชน์ของฝ่ายต่าง ๆ ของสกุลหลิง ดังนั้น ผู้แซ่หลิงไม่อาจไม่เสาะหากำลังช่วยเหลืออื่น”

หลิงอวิ๋นเฮ่อพูดจบ โม่เทียนเกอยิ้มบาง ๆ คล้ายกับว่าไม่ได้สนใจต่อความลับของสำนักจิ่วเยี่ยนโดยสิ้นเชิง ถามต่อไปว่า “สหายเต๋ายังมิได้พูดให้ชัดเจนเลย เพราะอะไรถึงเป็นข้าเล่า หรือว่าสหายเต๋าหลิงไม่กลัวว่าข้าเป็นศิษย์ที่ซุกซ่อนจิตใจชั่วร้าย?”

คำถามนี้ หลิงอวิ๋นเฮ่อกลับยิ้มแล้ว “จุดนี้ ผู้แซ่หลิงถึงจะเคยครุ่นคิด แต่คิดไปคิดมายังเชื่อว่าสหายเต๋าฉินเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด”

“อ้อ?”

หลิงอวิ๋นเฮ่อเอ่ยว่า “ก่อนอื่น สหายเต๋าฉินมาเช่าถ้ำพำนักที่สกุลหลิงข้า ปิดบังระดับการฝึกตน อีกทั้งเพียงเช่าถ้ำพำนักปราณน้ำเงิน แสดงว่าใต้เท้าเก็บงำประกายมาก ไม่ใช่คนที่โอ้อวด อย่างที่สอง สหายเต๋ากระทำการรอบคอบมั่นคง หากร่วมมือกัน นี่เป็นจุดที่ผู้แซ่หลิงให้ความสำคัญที่สุด อย่างที่สาม สหายเต๋าสมบัติวิญญาณมากมาย ความแข็งแกร่งไม่ใช่ชั่ว” สายตาของเขากลอกวูบ เผยรอยยิ้มบาง ๆ ที่มีความหมายอื่นแอบแฝง “จุดที่สำคัญที่สุดก็คือที่มาของสหายเต๋า จากที่จ้ายเซี่ยเห็น สหายเต๋าฉินไม่ได้เป็นคนของอาณาจักรตงถังข้าเลยกระมัง”

โม่เทียนเกอตะลึงไป จ้องมองหลิงอวิ๋นเฮ่อผู้นี้ ในดวงตามีแววตื่นตัว

เห็นสีหน้าอย่างนี้ของนาง หลิงอวิ๋นเฮ่อรีบโบกมือ “สหายเต๋าฉินอย่าได้เข้าใจผิด เหตุที่รู้เรื่องนี้เป็นเพราะจ้ายเซี่ยตั้งแต่ที่เริ่มสร้างฐานพลังก็ออกไปท่องเที่ยวไปทั่วบ่อย ๆ อย่าว่าแต่แผ่นดินใหญ่อวิ๋นจง หยวนโจวกับเซียวหยางก็เคยไปมาแล้ว สำเนียงที่สหายเต๋าฉินพูดจาเป็นสิ่งที่ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย อีกทั้งวิธีการกระทำการก็ไม่เหมือนกับผู้ฝึกตนที่เคยเห็นในอดีตไปเสียหมด ดังนั้นจึงคาดการณ์ว่าสหายเต๋าฉินไม่ใช่ชาวอาณาจักรตงถังข้า หรือถึงขนาดที่อาจจะไม่ใช่ชาวอวิ๋นจงด้วย”

ได้ยินคำอธิบายของเขา โม่เทียนเกอผ่อนคลายลงช้า ๆ คิด ๆ ดูแล้วกล่าวโดยสงบว่า “สหายเต๋าหลิงเดาได้ไม่ผิด ข้าไม่ใช่ชาวอวิ๋นจงจริง ๆ”

ได้รับคำยืนยัน หลิงอวิ๋นเฮ่อเผยรอยยิ้มออกมา “นี่ก็ใช่แล้ว สหายเต๋าฉินมิใช่คนอวิ๋นจงเรา ย่อมจะไม่มีผลประโยชน์พัวพัน ครั้งนี้ผู้แซ่หลิงเชิญสหายเต๋ามาช่วยเหลือน่าเชื่อถือยิ่งว่าคนอื่นอยู่บ้าง”

โม่เทียนเกอยิ้มอย่างเฉยเมย ไม่ได้ถามต่อไปทันทีว่าสิ่งที่เขาอยากให้ช่วยคือเรื่องอะไร ทว่ากล่าวว่า “ไม่ทราบว่าสหายเต๋าหลิงส่งเครื่องรางถ่ายทอดเสียงมาเมื่อใด หรือไม่กังวลว่าตอนที่จ้ายเซี่ยออกจากการกักตนจะช่วยไม่ได้แล้วเลยหรือ”

หลิงอวิ๋นเฮ่อเอ่ยอย่างจนใจว่า “ส่งเครื่องรางถ่ายทอดเสียงตอนหนึ่งเดือนก่อน หลังจากสหายเต๋าฉินเข้าถ้ำพำนัก ครึ่งปีเต็ม ๆ ปิดประตูไม่ออกมา ผู้แซ่หลิงติดต่อไม่ได้มาโดยตลอด แต่ว่า สหายเต๋าฉินเพียงจ่ายค่าเช่าหนึ่งปี อย่างไรเสียก็ต้องออกมาต่อสัญญาเช่ากระมัง นับเวลาดูแล้วกลับยังทันกาล”

วาจานี้ทำให้โม่เทียนเกออดหัวเราะไม่ได้ เดิมทีนางไม่ได้ตั้งใจจะอยู่ที่เมืองเทียนเสวี่ยนาน เพราะเฟยเฟยเลื่อนขั้นจึงได้เตะถ่วงไปนานขนาดนี้ นางก็ลืมไปแล้วว่าตนเองเพียงจ่ายค่าเช่าหนึ่งปี

หลิงอวิ๋นเฮ่อมองนาง กล่าวอย่างจริงใจว่า “สหายเต๋าฉิน สาเหตุที่จ้ายเซี่ยมาได้อธิบายโดยครบถ้วนแล้ว ไม่ทราบว่าสหายเต๋าฉินจะช่วยธุระนี้ได้หรือไม่”

“สหายเต๋าหลิง” โม่เทียนเกอขัดคำพูดเขา ยิ้มบางถามว่า “เจตนาของใต้เท้า ข้าเข้าใจแล้ว แต่จะรับปากอย่างนี้เลยก็เลินเล่อเกินไป ไม่ทราบสิ่งที่สหายเต๋าหลิงอยากให้ช่วยเป็นเรื่องอะไร หากอันตรายเกินไป จ้ายเซี่ยกลับไม่มีความจำเป็นต้องเสี่ยงอันตราย”

“อืม ที่สหายเต๋าพูดมาก็ใช่” หลิงอวิ๋นเฮ่อพยักหน้าแสดงว่าเข้าใจ “สหายเต๋าฉินมิใช่คนอวิ๋นจง คาดว่าไม่ได้ทราบกระจ่างถึงเนื้อหาการคัดเลือกเจ้าสำนักสำนักจิ่วเยี่ยนข้า คนที่สามารถนั่งบนตำแหน่งเจ้าสำนักสำนักจิ่วเยี่ยน สภาวะจิตใจ, ระดับการฝึกตน, ความสามารถ, สายสัมพันธ์เป็นตัวเลือกบน ๆ หัวข้อทุก ๆ หัวข้อล้วนต้องผ่านการทดสอบอันเข้มงวด กล่าวตามสัตย์ ด้านสภาวะจิตใจความสามารถ จ้ายเซี่ยค่อนข้างมั่นใจ มีแค่ระดับการฝึกตน ช่วงก่อนจ้ายเซี่ยได้รับบาดเจ็บ ส่งผลกระทบต่อความแข็งแกร่งอย่างใหญ่หลวง ขณะนี้การเลือกเจ้าสำนักจ่อเข้ามาใกล้แล้ว สกุลหลิงข้าจะต้องไม่สามารถปล่อยวาง ดังนั้น เพื่อให้ชนะในการคัดเลือกเจ้าสำนัก เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเสาะหาสมบัติสักหน่อย……”

“สหายเต๋าหลิง” ฟังถึงตรงนี้ โม่เทียนเกออดถามมิได้ “สกุลหลิงในเมื่อเป็นตระกูลฝึกเซียนใหญ่ของสำนักจิ่วเยี่ยน คิดว่าในสกุลจะต้องมีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ด้วยกระมัง? เช่นนี้แล้ว ให้ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ประทานสมบัติชิ้นสองชิ้นไม่ใช่ได้แล้วหรือ เหตุใดจะต้องยุ่งยากปานนี้”

หลิงอวิ๋นเฮ่อฟังคำแล้วกลับยิ้มขม “สหายเต๋าฉินไม่ได้รู้ทั้งหมด ซือเกอตี้เหล่านี้ที่เข้าคัดเลือก คนไหนจะไม่มีผู้อาวุโสจิตวิญญาณใหม่หนุนหลังกันเล่า สมมติว่าเพียงเท่านี้ก็สามารถชนะ เช่นนั้นการคัดเลือกเจ้าสำนักก็เรียบง่ายเกินไปแล้ว! ในการคัดเลือกเจ้าสำนัก หนึ่งสนามเพียงสามารถใช้อาวุธเวทสามชิ้น ดังนั้นในเวลาส่วนใหญ่ยังต้องพึ่งพาทักษะเวทของตัวเอง ทว่าเผอิญว่าข้าได้รับบาดเจ็บที่ระดับการฝึกตน ในการคัดเลือกเจ้าสำนักนี้ตกเป็นฝ่ายตั้งรับถึงสิบส่วน”

“อ้อ? ที่แท้เป็นเช่นนี้ เช่นนั้นสิ่งที่สหายเต่าหลิงคิดออกมาคือหนทางอะไร สิ่งที่ต้องไปเอาเป็นสมบัติอะไร”

เห็นนางไม่ได้ปฏิเสธ หลิงอวิ๋นเฮ่อยินดีเล็ก ๆ กล่าวต่อว่า “สมบัติที่ผู้แซ่หลิงต้องการเสาะหาคือผลไร้กังวลในหุบเขาไร้กังวล ไม่ทราบสหายเต๋าฉินเคยได้ยินมาหรือไม่”

“ผลไร้กังวล?” โม่เทียนเกอส่ายหน้า ถึงนางจะอ่านตำราโบราณมามากมายยิ่ง แต่สำหรับเรื่องของอวิ๋นจงรู้ไม่ได้มากมายเลย ในบันทึกเหล่านั้นของโม่เทียนเกอไม่ได้เอ่ยถึงนางก็ไม่รู้แล้ว

หลิงอวิ๋นเฮ่ออธิบายว่า “พูดถึงผลไร้กังวล ก่อนอื่นต้องพูดถึงหุบเขาไร้กังวล หุบเขาไร้กังวลเป็นสถานที่ลับแห่งหนึ่งของอวิ๋นจงเราทีมีชื่อเสียงอย่างยิ่งยวด ตำนานเล่าขานว่าที่นี่เดิมทีเป็นแดนสุขาวดีของยุคโบราณกาล พลังวิญญาณเปี่ยมล้น สมบัติวิญญาณมีเกลื่อนกลาด สิ่งที่น่าเสียดายคือ ภายหลังทะเลกลับกลายป็นท้องนา ฟ้าดินพลิกผัน หุบเขาไร้กังวลเปลี่ยนเป็นมีปราณพิษก่อเกิด ด้วยเหตุนี้กลายเป็นสถานที่อันตราย แต่ว่า ข้างในยังคงหลงเหลือพลังวิญญาณของยุคโบราณกาล ดังนั้นยังคงมีสมบัติวิญญาณมากมาย สิ่งที่ขึ้นชื่อที่สุดในนั้นก็คือผลไร้กังวล”

“ผลไร้กังวลนี้งอกเงยบนต้นไร้กังวล ต้นไม้นี้เพียงงอกเงยในหุบเขาไร้กังวล เป็นประดุจสัตว์มีชีวิต พอลงดินก็หลบหนี ดังนั้นหาเจอได้ยากเป็นพิเศษ แต่หากสามารถหาเจอต้นไร้กังวล เก็บผลไร้กังวล กลับมีคุณประโยชน์มหาศาล กินผลไร้กังวลไปแล้ว ภายในหนึ่งวันพลังวิญญาณจะไม่หมดไม่สิ้น”

“ถึงกับเป็นเช่นนี้?” ฟังถึงตรงนี้ โม่เทียนเกออดจิตใจสั่นคลอนมิได้ ภายในหนึ่งวันพลังวิญญาณไม่หมดไม่สิ้น….. มิน่าเล่าหลิงอวิ๋นเฮ่ออยากจะไปหาผลไร้กังวล มีวัตถุนี้ ในสถานการณ์ที่เพียงสามารถนำพาอาวุธเวทสามชิ้น ตอนที่เขาต่อสู้แทบจะไร้เทียมทานแล้ว

สมบัติอย่างนี้ถึงจะเป็นในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนของนางก็ไม่มี!

หลิงอวิ๋นเฮ่อมองสีหน้าของโม่เทียนเกอ กล่าวต่อว่า “สหายเต๋าฉิน หากท่านช่วยข้าไปเสาะหาผลไร้กังวล ข้าสามารถรับประกันว่าข้าเพียงต้องการหนึ่งผล ไม่ได้โลภมาก”

โม่เทียนเกอสายตาขยับวูบ ไม่ได้รับปากทันที ทว่ายิ้มถามว่า “ไม่ทราบสหายเต๋าหลิงยังมีแรงสนับสนุนอะไร ไม่ใช่มีเพียงท่านกับข้าสองคนกระมัง”

“ย่อมมิใช่” หลิงอวิ๋นเฮ่อเอ่ย “ข้าก็มีสหายที่ดีหลายคน ครั้งนี้เชิญสหายสองคนมาช่วยเหลือ พวกเขายังเชื้อเชิญมาเพิ่มอีกสองคน นับอย่างนี้แล้ว รวมสหายเต๋าฉินเข้าไป ทั้งหมดหกคน”

โม่เทียนเกอสายตาขยับไหวเล็กน้อย กลับเอ่ยว่า “เช่นนั้นหรือ สหายของสหายเต๋า รวมทั้งสหายของสหาย พวกเขายังนับว่าเป็นคนกันเองกระมัง”

หลิงอวิ๋นเฮ่อฟังความหมายในวาจาของนางออกอย่างเฉียบคม กล่าวทันทีว่า “สหายสองคนนั้นของข้ามีมิตรภาพกันมาหลายปีแล้วจริง ๆ แต่สองคนที่เพิ่มมากลับไม่มีมิตรภาพเลย เพียงเพราะว่าหุบเขาไร้กังวลภูมิประเทศพิเศษเฉพาะ จึงเชิญมาช่วยเหลือ”

สามต่อสาม โม่เทียนเกอผงกศีรษะเล็กน้อย หลิงอวิ๋นเฮ่อผู้นี้ครุ่นคิดได้รัดกุม เขามีสหายสองคนช่วยเหลือ ในการเดินทางนี้จะไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เชิญมาเพิ่มอีกสามคน พวกเขาวางใจได้

“ระดับการฝึกตนของพวกเขาเล่า”

“สองคนก่อเกิดตานขั้นกลาง สองคนก่อเกิดตานขั้นต้น สหายสองคนของข้าพอดีเป็นอย่างละหนึ่ง” หลิงอวิ๋นเฮ่อตอบทันที เห็นชัดว่าทางด้านนี้เขาคิดมาจนปรุโปร่งแต่แรกแล้ว

โม่เทียนเกอวางสายตาบนตัวเขา แต่กลับยิ้มหนึ่งที “พูดมากขนาดนี้ สหายเต๋าหลิงคล้ายจะมั่นใจแน่ว่าจ้ายเซี่ยจะไป? สมมติว่าจ้ายเซี่ยไม่ได้ออกจากการกักตนตลอดเลย ใต้เท้าจะทำเยี่ยงไร”

ได้ยินคำถามนี้ หลิงอวิ๋นเฮ่ออึ้งไปแล้วยิ้มขม “หากเป็นเช่นนี้ ข้าก็ได้แต่เสาะหาตัวเลือกอื่นแล้ว ไม่ปิดบังสหายเต๋าฉิน หนึ่งเดือนมานี้ ข้าก็เสาะหาไปทั่ว น่าเสียดายที่ไม่พบตัวเลือกที่เหมาะสมมาโดยตลอด ระดับการฝึกตนไม่สามารถสูงเกินไป แล้วก็ไม่สามารถต่ำเกินไป ศักดิ์ฐานะนิสัยใจคอล้วนต้องเหมาะสม ผู้แซ่โหม่วในฐานะผู้อาวุโสสำนักจิ่วเยี่ยน ในยามปกติซือเกอตี้ที่มีมิตรภาพอันดีก็มีไม่น้อย เผอิญว่าช่วงนี้กลับไม่สะดวกจะเชิญสักคน ทว่าหุบเขาไร้กังวลนั้นก็มิใช่เรียบง่าย พวกเราเคยคำนวณกันแล้ว อย่างน้อยที่สุดก็ต้องการหกคนขึ้นไปจึงจะสามารถผ่านปากหุบเขาอย่างปลอดภัย โชคดีที่สหายเต๋าออกจากการกักตนเวลานี้ หากมิเช่นนั้น ข้าต้องปวดหัวแล้วจริง ๆ”

พูดถึงตรงนี้ หลิงอวิ๋นเฮ่อรับประกันอีกว่า “สหายเต๋าฉินวางใจ การเดินทางเที่ยวนี้ถึงจะมีอันตรายประมาณหนึ่ง จ้ายเซี่ยกลับมีความมั่นใจมากกว่าเจ็ดส่วนว่าจะกลับมาอย่างปลอดภัย สหายเต๋าฉินเดินท่องอยู่ภายนอกเพียงคนเดียว คิดว่าก็คงจะต้องประสบกับอันตรายบ่อย ๆ ความมั่นใจเจ็ดส่วนเพียงพอที่จะเดิมพันสักตั้งแล้ว”

กระบวนการฝึกเซียนแทบจะเป็นการวางเดิมพันอย่างไม่หยุดหย่อน เลื่อนระดับเป็นการเดิมพัน เสาะหาวาสนายิ่งเป็นการเดิมพัน จุดนี้ ไม่ว่าผู้ฝึกตนของเทียนจี๋หรืออวิ๋นจงล้วนเหมือนกัน โม่เทียนเกอก็รู้ว่าไม่ได้พูดจาเลื่อนลอย ความมั่นใจเจ็ดส่วนขึ้นไป สามารถเสาะหาสิ่งของอย่างผลไร้กังวล ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ล้วนเต็มใจจะเดิมพันสักตั้ง แต่ว่า นางมีความจำเป็นนี้ไหม?

………………………………………..

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

Status: Ongoing
ในฐานะผู้ฝึกตนหญิง ถนนสู่อมตะต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมายนัก คุณสมบัติ, วิชา, ยา, อาวุธเวท ล้วนไม่อาจขาดสักสิ่ง อารมณ์, ความอ่อนแอ, ความเมตตา, ความโลภ ล้วนไม่อาจมากสักสิ่ง ไม่มีของสิ่งแรก การฝึกจะช้าเกินไป ของสิ่งหลังมาก จะตายเร็วเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น หน้าตาต้องไม่มากไม่น้อย สติปัญญาต้องไม่มากไม่น้อย งดงามเกินไปย่อมจะถูกผู้ฝึกตนระดับสูงบังคับไปเป็นอนุ อัปลักษณ์เกินไปพบปะผู้คนจะถูกรังเกียจชนกำแพงไปทุกที่ ฉลาดเกินไปจะกลายเป็นนกโผล่หัวที่ถูกตี โง่เกินไปถูกขายแล้วยังช่วยคนนับเงิน ม่อเทียนเกอนึกว่าอย่างไหน ๆ ล้วนสามารถทำได้ แต่ดันมีเรื่องน่าตายเพิ่มขึ้นมาหนึ่งอย่าง ถนนเซียนสายนี้ จะเดินทางอย่างสงบสุขได้อย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท