ตอนที่ 249 หวานจนมดขึ้น
ซือคงอวี้ไม่ไหวติง แววตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวัง ทุกอย่างดูขวางหูขวางตาไปหมด ทุกอย่างที่นี่กักขังเขาเอาไว้ เขาอยากจะทำลายวิหารนี้ให้สิ้นซาก
วินาทีต่อมา เขาสติแตกทันที ทำลายแท่นบูชาจนกลายเป็นผุยผง เครื่องรางและสิ่งของต่างๆ ในวิหารถูกกวาดลงบนพื้น มีดบินทั้งแปดเล่มที่อยู่ทั้งสองด้านบ้าคลั่งไปพร้อมกับเขา มันพุ่งทยานชนกำแพงรูปเทพเจ้า
หลังจากระบายอารมณ์เสร็จ ทั่วทั้งห้องโถงพังพินาศ เข้าสู่ความเศร้าโศก
บางทีอาจจะเป็นเพราะตั้งท้อง และบางทีอาจจะเป็นเพราะปล่อยวางความแค้นทั้งหมดแล้ว การได้กลับมาอยู่ในอ้อมกอดของหนานกงเยี่ยอีกครั้ง ทำให้เหลิ่งรั่วปิงหลับสนิท เธอหลับสบายมาก ตอนที่ตื่นขึ้นมานั้น เหลิ่งรั่วปิงพบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในวิลล่าของหนานกงเยี่ย แต่อยู่บนเครื่องบิน เธอลืมตาขึ้น เห็นก้อนเมฆสีขาวกำลังจูบกับหน้าต่างด้วยความสนิทสนม
แน่นอน ไม่ได้เหนือความคาดหมายแม้แต่น้อย เธอยังคงอยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่น
“ตื่นแล้วเหรอ” หนานกงเยี่ยยิ้มเหมือนคุณพ่อใจดี ราวกับว่าผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดไม่ใช่ภรรยาของเขา แต่เป็นลูกสาว แววตาของเขาคล้ายอยากจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดบนโลกใบนี้ให้กับเธอ
เหลิ่งรั่วปิงที่หลุดจากภวังค์ เหยียดตัวลุกขึ้น “พวกเราจะไปไหนคะ”
หนานกงเยี่ยยิ้มด้วยความรักใคร่ “กลับเมืองหลง”
“แต่ว่า…” แต่ว่าเธอยังไม่ได้บอกลาซือคงอวี้ เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกละอายแก่ใจ
หนานกงเยี่ยฉลาดหลักแหลม เขารู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร เลิกคิ้วขึ้นด้วยความเหี้ยมโหด เป็นเพราะไม่อยากให้เธอเจอกับซือคงอวี้อีก เขาจึงบินกลับเมืองหลงทันที ไม่ให้โอกาสซือคงอวี้ได้หายใจ การทำให้ซือคงอวี้เจ็บปวดทรมานเป็นความสุขของเขา
มองดูสายตาเหี้ยมโหดของหนานกงเยี่ย เหลิ่งรั่วปิงกลอกตามองบนด้วยความไม่พอใจ ผู้ชายคนนี้ขี้น้อยใจจริงๆ ซือคงอวี้เป็นถึงผู้มีพระคุณของเธอ ถึงแม้เธอต้องไปจากเขา แต่อย่างน้อยก็ควรบอกลา
หนานกงเยี่ยเพิกเฉยต่อความไม่พอใจของเธอ ยิ้มแล้วยื่นนมให้เธอ “กินอาหารเช้ากันเถอะ”
“ไม่กินค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงหงุดหงิด ทำไมเขาถึงเผด็จการแบบนี้ ไม่สนใจความรู้สึกของเธอเลยสักนิด
หนานกงเยี่ยมีความอดทนสูงมาก เขายิ้มแล้วเอาแก้วไปแนบชิดริมฝีปากของเธอ “เด็กดี คุณไม่หิวแต่ลูกสาวผมหิวนะ ดื่มหน่อยเถอะ เดี๋ยวสามีคนนี้ป้อนเอง”
ขณะพูด หนานกงเยี่ยไม่สนใจว่าเหลิ่งรั่วปิงจะอ้าปากหรือเปล่า เขาเอียงแก้วแล้วป้อนนมให้เธอดื่ม เหลิ่งรั่วปิงถูกบีบบังคับให้ดื่มไปอึกใหญ่
หลังจากดื่มนมเสร็จ เหลิ่งรั่วปิงถลึงตามองหนานกงเยี่ย “คุณมีสิทธิ์อะไรมาบอกว่าลูกของฉันเป็นเด็กผู้หญิงคะ”
หนานกงเยี่ยยิ้มราวกับได้กินน้ำผึ้ง “ผมคิดว่าต้องเป็นเด็กผู้หญิงแน่ๆ”
เหลิ่งรั่วปิงใช้สายตามองคนโง่มองไปที่หนานกงเยี่ย “คุณอยากได้ลูกผู้หญิง อย่าแม้แต่จะคิด ลูกของฉันต้องเป็นเด็กผู้ชาย!”
หนานกงเยี่ยมองกลับด้วยแววตาเดียวกัน ซึ่งความหมายก็คือคุณมองผมเป็นคนโง่ ผมมองคุณเป็นคนที่โง่ยิ่งกว่า “คุณอยากได้ลูกผู้ชาย อย่าแม้แต่จะคิด ถ้าไม่ได้ลูกสาวผมจะขังลืมคุณ!”
“คุณหนานกงเยี่ย คุณมันสารเลว…อื้อ!” เหลิ่งรั่วปิงยังไม่ทันพูดจบ ริมฝีปากอุ่นๆ ประกบลงมาปิดริมฝีปากบางของเธอ
ก่วนอวี้ที่ยืนอยู่ด้านหลังหนานกงเยี่ย พยายามกลั้นหัวเราะ เลิกคิ้วด้วยความตลก สองสามีภรรยาคู่นี้ ตอนทะเลาะกัน สะท้านฟ้าสะเทือนดิน ตอนคืนดีกัน ก็หวานจนมดขึ้น
ถังเฮ่าที่นั่งเล่นโทรศัพท์ตรงข้ามพวกเขาสุดจะทน เขาโยนโทรศัพท์ทิ้ง “นี่ๆๆ พวกแกช่วยเห็นใจความรู้สึกคนอื่นบ้างได้ไหม บนโลกนี้มีสามีภรรยาแบบนี้ด้วยเหรอ หนึ่งเดือนก่อนทะเลาะจะหย่ากันแทบเป็นแทบตาย ทำให้ทุกคนวุ่นวายกันไปหมด ตอนนี้คืนดีกันแล้ว คืนดีก็คืนดีสิ พวกแกอยากจะสวีทหวานกันก็ไปสวีทหวานกันไกลๆ ในที่ที่ไม่มีคนไม่ได้หรือไง”
หนานกงเยี่ยจูบเหลิ่งรั่วปิงอย่างหนักหน่วง จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองถังเฮ่าด้วยความเกียจคร้าน “อิจฉาเหรอ นี่เป็นเครื่องบินของฉัน ถ้าแกรู้สึกขวางหูขวางตาก็กระโดดลงไปสิ”
“หึ!” ถังเฮ่ามองด้วยสายตาดูถูก “หนานกงเยี่ย แกมันคนลืมเพื่อน ฉันว่า หลังจากนี้พวกฉันสามคนไป่หันกับเฉิงซีคงไม่มีชีวิตที่ดีแน่ ผู้ชายที่อยู่กับภรรยาแล้ววิญญาณหลุดจากร่างแบบแก วันไหนเหลิ่งรั่วปิงบอกให้แกเลิกคบพวกฉัน แกคงเลิกคบโดยไม่ลังเลแน่ๆ”
หนานกงเยี่ยหัวเราะ “มีความเป็นไปได้จริงๆ ดังนั้นพวกแกทำตัวดีๆ หน่อย อย่าทำให้ที่รักของฉันไม่พอใจ”
“ให้ตายสิ!” ถังเฮ่าเอียงตัวลงบนโซฟาด้วยความเจ็บปวด เงยหน้าขึ้นพร้อมกับถอนหายใจยาวๆ
เหลิ่งรั่วปิงซบอยู่ในอ้อมกอดหนานกงเยี่ยด้วยความว่าง่าย เธอดื่มนมจนหมดแก้ว แล้วหันไปมองถังเฮ่า “คุณชายถัง คุณดูอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่นะ?”
ถังเฮ่าถอนหายใจเล็กน้อย “ใครบอกว่าฉันอารมณ์ไม่ดี ฉันอารมณ์ดีมาก!”
“แหมๆๆ คำพูดนี้ฟังดูเศร้าฉิบหาย” หนานกงเยี่ยคอยหยิบสตรอเบอรี่ให้เหลิ่งรั่วปิงด้วยความใส่ใจ พร้อมทั้งพูดเย้ยหยัน “ถูกหลินมั่นหรูอะไรนั่นปฏิเสธอีกแล้วเหรอ”
ถังเฮ่ากัดฟันแน่น “อย่าพูดชื่อผู้หญิงคนนั้นให้ฉันได้ยินอีก!” เธอทำให้เขาเจ็บปวดมาก
เหลิ่งรั่วปิงกัดสตรอเบอรี่ที่หนานกงเยี่ยป้อนด้วยท่วงท่าสง่างาม พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ถังเฮ่า คุณอย่าเสียใจไปเลย ระหว่างคุณกับมั่นหรูไม่ได้มีแค่ซือคงอวี้กั้นเอาไว้ ยังมีสถานะที่ไม่อาจข้ามผ่านได้ แม้ว่ามั่นหรูจะไม่ได้รักซือคงอวี้ แต่รักคุณ เธอก็คบกับคุณไม่ได้ เธอเป็นสายลับของวิหาร ห้ามเปิดเผยตัวตนถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากทางวิหาร อย่าพูดถึงเรื่องแต่งงานเลย การที่คุณดึงดันฝืนแบบนี้มีแต่จะทำร้ายมั่นหรู”
ถังเฮ่าเหยียดตัวลุกขึ้นนั่ง “แต่เธอกับหนานกงก็ยังคบกันได้นี่นา?”
เหลิ่งรั่วปิง “ฉันกับหลินมั่นหรูเราต่างกัน”
ถูกต้อง ในวิหารซีหลิง สถานะของเธอพิเศษที่สุด ซือคงอวี้รักเธอมาก อีกทั้งเธอเป็นคนที่ดื้อด้าน ดังนั้นจึงเลือกทางเดินของตน แต่หลินมั่นหรูทำแบบนั้นไม่ได้ ถ้าหากหลินมั่นหรูกล้าขัดคำสั่งของทางวิหาร ซือคงอวี้ย่อมฆ่าเธอได้อย่างไม่ลังเล เพราะความลับของวิหารสำคัญที่สุด
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งรั่วปิงเริ่มรู้สึกสงสารซือคงอวี้อีกครั้ง วันนั้นเธอรับปากกับเขาว่าจะอยู่เคียงข้างเขา ทำให้เขามีความสุข แต่เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมากมาย เธอทำแบบที่รับปากเอาไว้ไม่ได้ ซือคงอวี้รักเธอ รักเธอมากกว่าทุกสิ่งอย่าง ซือคงอวี้ใจดีกับเธอ จนฝืนกฎทุกข้อ แต่สุดท้ายสิ่งที่เธอให้กับเขาคือ ความสิ้นหวัง
ถึงแม้จะรู้สึกสงสารซือคงอวี้ แต่ตอนนี้เหลิ่งรั่วปิงรู้ดีว่าบั้นปลายชีวิตของเธออยู่ที่ไหน เวลาเพียงชั่วข้ามคืน หัวใจของเธอได้รับการชำระล้างแล้ว เด็กในท้องชี้นำทางเดินสุดท้ายให้กับเธอ บั้นปลายชีวิตของเธอคือหนานกงเยี่ย
ถังเฮ่าเข้าใจ เขาพยักหน้าด้วยความจนปัญญา แล้วล้มตัวลงนอนบนโซฟา ไม่ได้พูดอะไรอีก ในเมื่อไม่มีวาสนาต่อกัน ทำไมต้องฝืนโชคชะตาด้วย
โลกเราก็แบบนี้ มีทั้งสุขและเศร้า ขณะที่ถังเฮ่ากำลังเจ็บปวด บอกลากับความรักที่ยังไม่ได้ผลิบาน หนานกงเยี่ยกับเหลิ่งรั่วปิงกลับรักกันหวานชื่น เด็กคนหนึ่ง ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขากลับมาเบ่งบานอีกครั้ง ระหว่างพวกเขามีความสัมพันธ์ที่ไม่อาจตัดขาดกันได้
มองดูทั้งสองที่รักกันดี ก่วนอวี้สูดลมหายใจเข้า ยิ้มบางๆ เขาดีใจกับหนานกงเยี่ย ดูเหมือนตอนจบนี้จะสมบูรณ์แบบ อวี้หลานซีไม่ดื้อดึงอีกแล้ว ในที่สุดเขาก็ได้รับความรักที่เฝ้าภาวนามานานกว่าสิบปี และหนานกงเยี่ยก็เดินเข้าสู่ประตูแห่งความสุข
ความคิดถึงของก่วนอวี้ลอยผ่านเครื่องบิน โบยบินไปยังวิลล่าลี่จิ้งในเมืองหลง เขากำลังคิดว่าคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขาเวลานี้อยู่ที่ไหนในวิลล่า วิลล่าแห่งนี้หนานกงเยี่ยยกให้เขา เป็นวิลล่าที่อยู่ติดกับวิลล่าหย่าเก๋อ หลังจากที่เขาออกจากโรงพยาบาล อวี้หลานซีมักจะทำอาหารให้เขาด้วยตนเองที่วิลล่าลี่จิ้ง ถึงแม้ความสัมพันธ์ของพวกเขายังคงบริสุทธิ์เหมือนกระดาษขาว นอกจากจูบแล้วก็ไม่ได้พัฒนาความสัมพันธ์ไปมากกว่านี้ แต่ความหวานของความรักทำให้ชีวิตของพวกเขามีความสุขในทุกวัน
ตอนนี้เหลิ่งรั่วปิงตั้งท้อง เธอไม่ได้เย็นชาเหมือนเดิมแล้ว แต่เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและขี้เซา หลังจากกินอาหารเที่ยงเสร็จ เธอก็ขดตัวลงนอนในอ้อมกอดของหนานกงเยี่ย หนานกงเยี่ยเองก็ตามใจเธอทุกอย่าง กลายเป็นคนรับใช้ประจำตัวเธอ ไม่ว่าเหลิ่งรั่วปิงจะกินอะไรหนานกงเยี่ยก็พร้อมประเคนให้ เธออยากดื่มน้ำเขาก็เอาน้ำให้เธอดื่ม เธอไปเข้าห้องน้ำเขาก็ยืนรอเธอที่หน้าห้องน้ำ เวลาเธอนอนเขาก็กอดเธอเอาไว้พร้อมกับตบหลังเธอเบาๆ เพื่อกล่อมนอน เหมือนกำลังดูแลเด็กคนหนึ่งก็ไม่ปาน
ตลอดการเดินทาง ถังเฮ่าไม่พอใจนับครั้งไม่ถ้วน บอกให้หนานกงเยี่ยหยุดทำร้ายคนโสดอย่างเขา แต่หนานกงเยี่ยกลับส่งสายตาได้อกได้ใจให้เขาแทน ไม่ได้สนใจเขาเลย เวลาที่เหลือล้วนใช้ไปกับการรักใคร่ภรรยา
ผ่านไปกว่าสิบชั่วโมง เครื่องบินลงจอดที่เมืองหลง เวลานี้เป็นเวลาเที่ยงคืน
พวกเขาลงจากเครื่องบิน ถังเฮ่าขับรถกลับไปยังวิลล่าชิงฉยงของเขา ส่วนก่วนอวี้ขับรถส่งหนานกงเยี่ยและเหลิ่งรั่วปิงกลับวิลล่าหย่าเก๋อ
ระหว่างทาง ก่วนอวี้รับโทรศัพท์ คนที่โทรมาคืออวี้หลานซี “ก่วนอวี้ พวกนายถึงไหนแล้ว”
ก่วนอวี้ “ใกล้แล้ว ใกล้ถึงวิลล่าหย่เก๋อแล้วครับ ทำไมคุณยังไม่นอนอีก”
อวี้หลานซี “ฉันดีใจมากไง ก็เลยรอพวกนายที่วิลล่าหย่าเก๋อ”
ก่วนอวี้ยิ้มอย่างมีความสุข “ครับ อีกเดี๋ยวก็ถึงแล้ว”
ตอนที่ใกล้จะถึงวิลล่าหย่าเก๋อ เห็นร่างบางยืนอยู่ตรงประตูใหญ่ของวิลล่า ตั้งหน้าตั้งตารอด้วยความตั้งใจ
อวี้หลานซียังคงงดงาม ความสวยของเธอกลับไปเป็นเหมือนตอนแรก ไม่สิ ไม่ได้เหมือนตอนแรกไปเสียหมด ในตอนแรกเริ่มเธอสวยสง่าและระมัดระวังทุกกิริยาคำพูด การระมัดระวังของอวี้หลานซีทำให้เธอดูต้อยต่ำ คอยระวังสีหน้าของหนานกงเยี่ยอยู่ตลอดเวลา แต่ตอนนี้รอบตัวของเธอเต็มไปด้วยออร่าแห่งความสุข ผู้หญิงที่ถูกรักและดูแลเอาใจใส่อย่างดีเท่านั้นถึงจะมีออร่านี้
เหลิ่งรั่วปิงซบอยู่ในอ้อมกอดของหนานกงเยี่ย มองอวี้หลานซีที่อยู่ใต้แสงไฟสีเหลืองนวลเงียบๆ เธอคลายยิ้มเล็กน้อย ตั้งแต่สิบเอ็ดปีก่อนที่บ้านแตกสาแหรกขาด เธอผ่านความลำบากมามากมาย หัวใจของเธอจึงเย็นชาและกระหายเลือด ไม่เคยให้อภัยคนที่ต้องการเอาชีวิตเธอมาก่อน อวี้หลานซีเป็นคนแรกที่ทำลายกฎของเธอ ตอนนี้คิดดูแล้ว การตัดสินใจของเธอนั้นไม่ผิด ยกโทษให้อวี้หลานซี ทั้งหนานกงเยี่ยและก่วนอวี้ได้รับการปลอบโยน และตัวเธอก็ถือว่าได้ทำเรื่องดีๆ เธอหวังว่าความดีนี้จะส่งผลให้เด็กที่อยู่ในท้อง
ถูกต้อง เมื่อไรที่ผู้หญิงคนหนึ่งมีลูก สามีคือสวรรค์ ไว้เพื่อพักพิง ลูกคือศูนย์รวมความรักทั้งหมดของเธอ เหลิ่งรั่วปิงเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ถึงแม้เธอจะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของผู้หญิง เคยแข็งแกร่งและกระหายเลือด แต่สุดท้ายเธอก็หนีพ้นสัจธรรมของโลกไม่ได้ เวลานี้ ลูกและสามีคือทุกอย่างในชีวิตเธอ
หนานกงเยี่ยมองผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดเงียบๆ เพียงแค่หนึ่งวันหนึ่งคืน เขาสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของเธออย่างชัดเจน