บทที่ 4 คุณต้องรับผิดชอบ!
“คุณซือฉีไปอยู่ไหนมาน่ะครับ? พวกเราเลือกผู้ที่จะมาสัมภาษณ์ในวันนี้ไว้ 3 คนเรียบร้อยแล้วนะครับ แล้วก็ตรวจสอบคุณสมบัติของพวกเขาแล้วด้วย ไม่มีปัญหาอะไรเลย ถ้ายังไงพรุ่งนี้คุณซือฉีช่วยมาประเมินพวกเขาอีกทีด้วยตนเองในการสัมภาษณ์รอบสุดท้ายด้วยนะครับ” เจ้าของปลายสายอีกด้านคือ หมินจงจู่ ผู้จัดการที่ทำงานอยู่ภายในอาคารเว่ยหานแห่งนี้ ครั้งนี้น้ำเสียงของเขาดูจะสูญเสียความเยือกเย็นไปอย่างผิดปกติ
ทางหานซือฉีที่ฟังเงียบ ๆ ก็ถอนหายใจ “อย่าคิดนะว่าฉันจะไม่รู้ที่พวกนายทำอะไรกันวันนี้น่ะ เอาข้อมูลของคนที่มาสัมภาษณ์ทั้งหมดส่งให้ฉันภายในคืนนี้ ไม่งั้นนายก็เตรียมตัวเก็บของแล้วออกจากบริษัทฉันไปได้เลย”
ไม่มีรีรอให้อีกฝ่ายได้โอกาสแก้ตัว หานซือฉีวางสายทันที และในขณะที่เขาโยนโทรศัพท์ลงไปบนเบาะที่นั่งข้างคนขับนั้น สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นกระปุกเงินที่ฝูซิงให้มาวางอยู่บนนั้น เขาค่อย ๆ ได้ไอเดียอะไรบางอย่างขึ้นมาก่อนจะเก็บเรื่องที่คิดไว้ในหัวแล้วขับรถกลับออกไป
—————-
วันถัดมา บริเวณหน้าประตูห้องรองประธานภายในอาคารเว่ยหาน หญิงสาวหน้าตาสะสวยกำลังยืนสูดหายใจเข้าออก เพื่อทำให้จิตใจสงบลงก่อนจะผลักประตูห้องตรงหน้าเข้าไปเพื่อที่จะสัมภาษณ์งานรอบสุดท้าย
ฝูเจิ้งเจิ้ง เจ้าของใบหน้างามนี้พยายามฝืนยิ้มให้ดูสดใสที่สุด เธอทักทายชายที่นั่งก้มหน้าอยู่กลางห้องด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณหาน ฉันมาตามคำแนะนำของผู้จัดการหมินนะคะ…”
“เธออยากทำงานในบริษัทเว่ยหานงั้นเหรอ?” ยังไม่ทันที่ฝูเจิ้งเจิ้งจะพูดจบ ชายตรงหน้าก็เอ่ยถามขึ้นโดยที่ยังไม่เงยหน้ามองเธอเสียด้วยซ้ำ
“ค-ค่ะ!” ก่อนหน้านี้ฝูเจิ้งเจิ้งต้องขอร้องผู้จัดการฝ่ายบุคคลอยู่ตั้งนานกว่าจะได้มาในวันนี้ เพราะฉะนั้นเธอจะใช้โอกาสที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทยักษ์ใหญ่นี่ไปอย่างไม่สูญเปล่าแน่นอน!
“ทำไมล่ะ?” คนตรงหน้ายังคงถามต่อ
“เอ่อ… บริษัทเว่ยหานมอบข้อเสนอเรื่องเงินเดือนที่สมน้ำสมเนื้อ มีสวัสดิการที่ดี แล้วยังมีมนุษยธรรมกับเหล่าพนักงานทุกคนน่ะค่ะ เพราะงั้นฉันเองก็อยากจะได้เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทในฝันเช่นนี้เหมือน ๆ กับพนักงานคนอื่น ๆ เช่นกัน” คำถามนี้ไม่ได้คณามือฝูเจิ้งเจิ้งเสียเท่าไหร่ เพราะงั้นเธอจึงสามารถตอบได้อย่างฉะฉานเพราะเตรียมตัวมาดี
“แล้วอะไรอีก?”
“อะไรอีกงั้นเหรอคะ?” แต่กับคำถามนี้มันต่างออกไป ไม่เห็นรู้เลยว่าจะมีถามอะไรแบบนี้ด้วย ทว่าเมื่อชายคนนั้นเงยหน้าขึ้น ภาพจำเมื่อวันก่อนก็ฉายขึ้นในความทรงจำ เขาคือหานซือฉี …
นี่มันคนที่ฝูซิงพยายาขอมาเป็นพ่อนี่! แล้วหานซือฉีคนนั้น ก็ยังเป็นคนที่เหมือนเหนียนซี่อีกด้วย!
“ค-คุณ…” เธอพูดอะไรไม่ออก
“คุณผู้หญิง ฉันจะบอกเหตุผลอีกข้อให้ฟังก็แล้วกันนะ ‘พนักงานทุกคนล้วนมีความสุขกับตำแหน่งที่ตนเองมี’ ” แม้จะเป็นเพียงคำพูดที่ฟังดูเรียบเฉย หากแต่การที่คนพูดเป็นหานซือฉีนั้น มันราวกับมีเข็มนับพันเล่มที่ถูกปล่อยออกมาทิ่มแทงหัวใจเธอในคราวเดียว โดยเฉพาะประโยคทิ้งท้าย “แต่อย่าลืมล่ะ ว่าฉันไม่ได้มีรสนิยมชอบคนเป็นแม่นะ”
ในเมื่อเขาพูดออกมาแบบนั้น ดูเหมือนเส้นทางในการทำงานที่บริษัทนี้ของเธอก็ดูจะมืดมนลงเสียแล้ว คิดได้ดังนั้น เธอจึงเลือกที่จะใช้ไม้อ่อนอ้อนวอนเขา
“ม-ไม่นะ คุณหาน ฉันอยากได้งานจริง ๆ! พวกเราสองแม่ลูกนั้นหมดหนทางแล้ว ได้โปรดเถอะค่ะ ถือว่าเพื่อตัวฝูซิงเองก็ได้…” ก่อนที่น้ำตาของเธอจะไหลออกมาจริง ๆ เลขาในห้องนั้นก็นำตัวฝูเจิ้งเจิ้งออกมาเสียก่อน
บ้าเอ๊ย! ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ! ทำไมคนแบบนั้นถึงได้เป็นรองประธานอยู่ที่นี่กัน!
ด้วยความโกรธและหมดหนทาง ฝูเจิ้งเจิ้งทำได้เพียงนั่งอยู่มุมใดมุมหนึ่งตรงหน้าอาคารเว่ยหานเท่านั้น ครู่ถัดมา เธอจึงตัดสินใจโทรหาใครบางคน ไม่นานหลังจากที่โทรไป ชายร่างผอมสูงก็ปรากฏตัวขึ้นด้วยความเร่งรีบ
“เธอยังไม่ได้ทำงานในบริษัทเว่ยหานอีกเหรอ?”
คำถามนั้นของชายหนุ่มทำให้ฝูเจิ้งเจิ้งได้แต่พยักหน้าด้วยความเสียใจ “ที่นี่ยังไม่มีตำแหน่งว่างเลยค่ะ ดูเหมือนฉันจะพลาดโอกาสอีกแล้ว”
“อย่ากังวลไปเลย ถ้ายังไงเราค่อย ๆ หาที่ถัดไปต่อก็ได้” ชายผู้นี้ชื่อหยางเต๋า เขาเป็นรุ่นพี่ที่อยู่ในโรงเรียนตำรวจของฝูเจิ้งเจิ้ง เมื่อเขาต้องมาเห็นสาวสวยอย่างฝูเจิ้งเจิ้งต้องเศร้าสร้อยเช่นนี้ ตัวชายหนุ่มเองก็อยากจะเข้าไปปลอบใจเธอ แต่เธอดันหลบเลี่ยงเขาด้วยการนั่งลงไปกับพื้นตรงจุดนั้นแทน
นั่นทำให้มือของหยางเต๋าต้องหยุดชะงักกลางอากาศก่อนจะรีบชักกลับไปอย่างรวดเร็วเพื่อแก้เก้อ ตัวเขาตัดสินใจรีบทลายความอึดอัดนี้ทิ้งด้วยการถามไถ่เธอไปเรื่อยเปื่อย “เธออยากจะดื่มอะไรหน่อยไหม? อากาศร้อนแบบนี้ เดี๋ยวฉันไปหาอะไรเย็น ๆ มาให้ดีกว่า”
ไม่ทันที่หญิงสาวจะได้ตอบอะไรไป หยางเต๋าก็รีบเดินออกไปเพื่อหาน้ำดื่มให้เธอเสียแล้ว เธอรู้ดีว่าเมื่อครู่เขาตั้งใจจะทำอะไร เพราะงั้นตอนที่มองแผ่นหลังของอีกฝ่ายที่กำลังเดินห่างออกไป ภายในใจของเธอก็เต็มไปด้วยคำขอโทษ
จริง ๆ แล้วนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หยางเต๋าทำดีกับเธอแบบนี้ เขาเป็นผู้ชายแบบนี้มาตลอด ซึ่งหนึ่งในเหตุการณ์ที่เธอจำได้ขึ้นใจก็คือตอนที่ฝูเจิ้งเจิ้งยังเป็นนักเรียนในโรงเรียนตำรวจปีแรก หยางเต๋านี่แหละที่เป็นคนไปรับเธอที่สถานีรถไฟและพาเธอกลับบ้าน วันนั้น…เป็นวันที่ทุกสิ่งทุกอย่างในวันนั้นประทับตราบาปย้ำเตือนในหัวใจเธอมาจนถึงทุกวันนี้
และในตราบาปครั้งนั้น ฝูซิงคือผลลัพธ์
“อะไรกัน วันที่อากาศร้อนแบบนี้เธอไม่คิดจะหาสถานที่เดตที่มันดีกว่านี้แล้วหรือไง?” ภวังค์อดีตของฝูเจิ้งเจิ้งถูกทำลายลงอีกครั้งด้วยเสียงของหานซือฉีที่ลอยเข้ามาจากด้านหลัง เธอรีบสลัดความทรงจำในอดีตเหล่านั้นทิ้งเพื่อกลับมาเผชิญเหตุการณ์ปัจจุบันก่อนที่มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่
“ค-คุณหาน ชู่ว! อย่าพูดอะไรให้ชวนเข้าใจผิดสิ พวกเราน่ะไม่ได้…เอ่อ….”
เธอจะไม่ยอมให้หยางเต๋าต้องมารู้ความลับของเธออย่างเด็ดขาด
“โอ๊ะ คุณผู้หญิง อย่าบอกนะว่านั่นคือพ่อของฝูซิงที่เธอเลือกน่ะ?” ชะตาฟ้าเล่นตลกกับฝูเจิ้งเจิ้งอีกครั้ง เพราะเธอไม่สามารถหยุดปากของหานซือฉีไว้ได้จริง ๆ
หยางเต๋าที่กลับมาจากการซื้อน้ำดันเข้ามาในจังหวะที่หานซือฉีอยู่กับฝูเจิ้งเจิ้งอย่างพอดิบพอดี เขาจ้องมองหานซือฉีด้วยความหึงหวงก่อนจะเอ่ยถามออกไป “คุณเป็นใครน่ะ?”
“ฉันเป็นใครงั้นเหรอ?” ทันทีที่ได้ยินคำถามนั้น หานซือฉีก็แสยะยิ้มแล้วโอบไหล่ร่างบางของฝูเจิ้งเจิ้งเข้ามาแนบชิดทันที “เข้าใจแล้วหรือยัง?”
เขาเลือกใช้การกระทำแทนคำตอบ จึงไม่เสียเวลาต้องพูดต่อและพาสาวสวยในอ้อมแขนของเขาตรงดิ่งไปยังรถส่วนตัวของตนทันที โดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะยินยอมหรือไม่
“เฮ้! หยุดก่อนสิ!” ไม่ว่าหยางเต๋าจะตะโกนเรียกอย่างไรก็ไม่มีทีท่าว่าหานซือฉีจะหยุดลง จนในท้ายที่สุดพวกเขาก็ไม่อยู่ในระยะที่จะได้ยินเสียงของหยางเต๋าอีกต่อไป
เมื่อพ้นจากสายตาของหยางเต๋าแล้ว ฝูเจิ้งเจิ้งก็สูดหายใจเข้าให้เต็มปอด ก่อนจะเริ่มหันไปบ่นใส่ชายหนุ่มที่ทำอะไรบุ่มบ่ามข้าง ๆ เธอ “หานซือฉี! คุณทำฉันอับอายขายขี้หน้ามาทั้งวันแล้วนะ! คุณต้องรับผิดชอบ!”
“เห~? แล้วจะให้ฉันพาไปรับผิดชอบที่ไหนดีล่ะ?” เขาพูดพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ เธอ
ตาบ้าเอ๊ย! หมอนี่คิดได้แต่เรื่องใต้สะดือหรือยังไงนะ!?
“ความพยายามของฉันทั้งหมดมันต้องมาสูญเปล่าก็เพราะคุณ คุณทำให้ฉันไม่ได้งาน เพราะงั้นคุณต้องรับผิดชอบให้ฉันได้ทำงานในบริษัทเว่ยหาน!” เธอพูดพร้อมกับหันไปจ้องหน้าเขาด้วยความโกรธ
“ไอ้เรื่องนั้นไม่ใช่ว่าเธอก็ได้ไปแล้วเหรอ?” เขาเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเรียบเฉยตามแบบของเขา
“ห๊ะ? คุณ…ว่าอะไรนะ?” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่นจนแทบจะเป็นปม คำพูดของหานซือฉีทำให้เธอลืมความโกรธไปครู่หนึ่ง
“นี่ความจำสั้นหรือกำลังเว้าวอนอยากโดนเตือนความจำน่ะ?” เขาพูดแล้วส่งยิ้มชั่วร้ายให้เธอ
“ไม่! ฉ-ฉันได้งานที่นี่แล้วงั้นเหรอ?” หญิงสาวทั้งงุนงงและทั้งดีใจในคราวเดียวกัน เธอแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เพิ่งได้ยินไป
“หน้าฉันเหมือนคนพูดจริงจังไม่เป็นหรือไง คุณผู้ช่วยรองประธาน?”