สำรับมนตราของชายาอ๋อง [戏精王妃的魔力美食屋] – บทที่ 75 อ๋องคังชินเพลิดเพลิน

สำรับมนตราของชายาอ๋อง [戏精王妃的魔力美食屋]

บทที่ 75 อ๋องคังชินเพลิดเพลิน

“ผู้ใดอนุญาตให้ไปเอามันออกมา!”

ทันทีที่เสื้อผ้าเปื้อนเลือดถูกนำออกมา ซวงหวนก็รีบก้าวเข้าไปเพื่อจะคว้ามันมา

ทหารรีบเบี่ยงตัวหลบไปอีกด้านหนึ่ง

ฉินปู้เข่อเหลือบมองเขาแล้วก้มศีรษะลงทันที มือของนางประสานกันแล้วบิดไปมาอย่างกระวนกระวาย และใบหน้าของนางก็แดงราวกับเลือดจะไหลออกมา

“มันไม่ใช่…” จานหานชิวเหลือบมองเขาแล้วซ่อนใบหน้าอันแดงก่ำของตน

จู่ ๆ บรรยากาศก็แปลกไป หมี่เซวียนจ้องทหารแล้วคำรามว่า “รีบไปหยิบมันมานี่เร็วเข้า!”

“อย่านะ! ไม่ได้… เอามันไปไม่ได้!” ฉินปู้เข่อกลั้นใจตะโกนออกไป และเมื่อฟังดี ๆ ก็เริ่มได้ยินเสียงสะอื้น

จานหานจือเดินไปข้างนางและโอบไหล่ที่สั่นเทาของนางอย่างแผ่วเบา สุดท้ายแล้วพระชายาองค์นี้ก็โตไล่เลี่ยกับน้องสาวตัวน้อยของนาง แม้ว่านางจะอยู่ในตำแหน่งนี้ แต่นางก็ยังเป็นเด็กและไร้ซึ่งประสบการณ์ ใบหน้าของนางจึงค่อนข้างบางเล็กน้อย

นางกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ท่านองค์รัชทายาทเพคะ เสื้อผ้านี้ถูกพระชายาหลี่ชินถอดออกเมื่อตอนหัวค่ำเพคะ”

เมื่อเห็นความสงสัยบนใบหน้าของหมี่เซวียน ใบหน้าของจานหานจือก็สงบนิ่ง “นี่เป็นเพียงเสื้อผ้าสกปรกของสตรีในช่วงมีระดูเท่านั้น หม่อมฉันเห็นตอนที่พระชายาเปรอะเปื้อนในตอนหัวค่ำ หากท่านไม่เชื่อก็ให้สาวใช้มาดูก็ได้เพคะ”

“ว่าอย่างไรนะ?!”

หมี่เซวียนไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยว่าที่เขาคิดว่าโจรปีนเข้ามาในกำแพงนั้นจะกลายเป็นอะไร เขาไม่เชื่อว่าคนที่น่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสกลับไม่มีบาดแผล แม้แต่หลักฐานชิ้นเดียวที่เป็นเสื้อผ้าเปื้อนเลือดก็กลายเป็นเรื่องตลก

“ทหารคนนี้ยังอายุน้อยและไม่รู้ว่ามันคืออะไร เขาจึงย่อมเข้าใจผิดเป็นธรรมดา” จานหานจือเหลือบมองทหารหนุ่มแล้วพูด

“กลั่นแกล้งกันเกินไปแล้ว ท่านกลั่นแกล้งกันเกินไปแล้ว” ตาและจมูกของฉินปู้เข่อเป็นสีแดงก่ำ และมีหยดน้ำตาเล็กน้อยบนขนตายาวของนาง

“หากท่านต้องการป้ายสีโทษก่ออาชญากรรมให้อีกฝ่ายไม่อาจแก้ตัวได้ หากท่านองค์รัชทายาทไม่ชอบท่านอ๋องในครอบครัวของหม่อมฉัน ท่านก็สามารถสร้างมลทินและโยนความผิดให้แก่เขาได้ตามความประสงค์ เหตุใดจึงต้องทำให้เรื่องวุ่นวายถึงเพียงนี้! ท่านพาคนมาปิดล้อมตำหนักยามวิกาล อีกทั้งยังยืนกรานว่าจะให้คนไปค้นเสื้อผ้าสกปรกของหม่อมฉันมาเพื่อเป็นหลักฐานว่าในตำหนักมีพวกโจรซ่อนอยู่!”

พูดจบนางก็ซบศีรษะลงบนไหล่ของจานหานจือแล้วสะอึกสะอื้น “หม่อมฉันยอมรับว่าภูมิหลังของหม่อมฉันไม่ดี และหม่อมฉันก็ไม่ได้อยู่ในสายตาขององค์รัชทายาทและเหล่าชนชั้นสูง ในตอนที่ท่านต้องการแต่งงานกับพี่เสวี่ยเหลียน หม่อมฉันก็ยอมยกเลิกการอภิเษกสมรสอย่างสมัครใจ แต่พี่เสวี่ยเหลียนก็ถูกส่งไปอยู่ชนบท เหตุใดท่านจึงทำให้สิ่งต่าง ๆ ยากสำหรับหม่อมฉันอยู่เรื่อย…”

“ท่านองค์รัชทายาท แค่ก แค่ก แม้กระหม่อมจะร่างกายอ่อนแอแต่ก็ไม่อาจทนดูท่านรังแกผู้อื่นเช่นนี้ได้!”

หมี่โม่หรู่สั่งให้คนเข็นรถเข็นไปข้างหน้าสองสามก้าว ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธ เขาจ้องหมี่เซวียนและหอบหายใจ “ตอนที่องค์รัชทายาทประทานของกำนัลให้ในวันที่มีงานเลี้ยง เป็นเพราะกระหม่อมเองที่ไม่ยอมให้พระชายารับมาเพื่อหลีกเลี่ยงความคลางแคลงใจ หาใช่เป็นเพราะพระชายาจงใจหักหน้าองค์รัชทายาทไม่!”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา สองพี่น้องสกุลจานก็มองหน้ากันโดยปริยาย และรู้แน่ชัดว่าที่แท้หมี่เซวียนมาที่นี่เพื่อหาเรื่อง

เรื่องอื้อฉาวที่แอบกระทำกันลับหลังของฉินเสวี่ยเหลียนแห่งจวนมหาเสนาบดีและองค์รัชทายาท และเรื่องที่นางตั้งครรภ์ก่อนแต่งงานและถูกฮองเฮากรอกยาทำแท้งแพร่กระจายมาเป็นเวลานานแล้ว

เพียงเพราะเห็นแก่หน้ามหาเสนาบดีและองค์รัชทายาทจึงไม่มีผู้ใดนำเรื่องนี้มาคุยกันบนโต๊ะ

คิดไม่ถึงเลยว่าเหตุการณ์นี้จะทำให้องค์รัชทายาทรังแกผู้บริสุทธิ์ เขาไม่เพียงแต่ยุติการหมั้นในคืนหมั้น แต่ยังจับคู่ฉินปู้เข่อกับอ๋องหลี่ชินที่ป่วยและอ่อนแอตามอำเภอใจด้วย

จนถึงบัดนี้เนื่องจากฉินปู้เข่อไม่ยอมรับของกำนัลจากเขา เขาจึงใช้กองกำลังปกป้องเมืองเพื่อค้นตำหนักตามอำเภอใจ

“ท่านองค์รัชทายาท ท่านอ๋อง ได้โปรดระงับโทสะเถิดพ่ะย่ะค่ะ เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ล้วนเป็นความเข้าใจผิดที่เกิดจากดวงตาอันพร่ามัวของกระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ” เหมียวไคก้าวไปข้างหน้าและคุกเข่าคำนับกับพื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยไม่แสดงความเย่อหยิ่งเหมือนก่อนหน้านี้

หมี่เซวียนกำหมัดแน่นในแขนเสื้อแล้วเตะเหมียวไคครั้งหนึ่ง “ไร้ประโยชน์!”

เขาตวาดก่อนจะพาคนออกไปจากสวนเฉินอวี้

หมี่โม่หรู่สงบลงเล็กน้อยและพูดอย่างอ่อนโยน “วันนี้ฮูหยินโซวมาเยี่ยมเยือนและได้พบกับเรื่องไร้สาระเช่นนี้ ฮูหยินโซวและแม่นางจานโปรดอภัยให้ข้าด้วยเถิด”

“ไม่เป็นอะไรเลยเพคะ ถูกหรือผิดนั้นหม่อมฉันรู้อยู่ในใจ บัดนี้ก็ดึกมากแล้ว พวกเราขอทูลลาก่อนนะเพคะ” จานหานจือทำความเคารพ

“มานี่ ไปส่งฮูหยินโซวและแม่นางจานไปยังประตูบ้านสกุลจาน และตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกนางปลอดภัย” หมี่โม่หรู่กวักมือเรียกและองครักษ์สองคนก็ก้าวมาข้างหน้า

จานหานชิวเดินไปอยู่ข้างฉินปู้เข่อแล้วปลอบโยนเบา ๆ สองสามคำก่อนจะตามจานหานจือออกไป

เมื่อสถานการณ์ทุกอย่างสงบลง ฉินปู้เข่อก็มองไปยังชายที่นั่งอยู่บนรถเข็นและกำลังยกยิ้มอยู่ แล้วใบหน้าของเขาก็นิ่งเฉยและมุมปากของเขาก็กระตุก

“วันนี้พระชายาทำให้ข้าประหลาดใจนัก” ปากของหมี่โม่หรู่เหยียดยิ้มเล็กน้อยแสดงให้เห็นว่าเขาอารมณ์ดี

ฉินปู้เข่อเหลือบมองเขาแล้วตะโกนว่า “ซวงหวน นำถาดใส่ธัญพืชมานี่”

จากนั้นนางก็หยิบวอลนัทขึ้นมาสองเม็ดแล้วดึงหนังสติ๊กออกมาจากเอวของนาง

“ฟิ้ว!” วอลนัทถูกยิงออกไป

“โอ๊ย!” สิ้นเสียงร้องร่างสีดำก็ตกลงมาจากต้นไม้โค้งตรงข้างกำแพง

“โอ้ วอลนัทอร่อยดีนะ เจ้าไปซื้อมาจากไหน ข้าจะไปซื้อด้วย” หมี่ฉงแกะวอลนัทแล้วหยิบใส่ปากเคี้ยว

“อ๋องคังชินเพลิดเพลินนัก ดึก ๆ ดื่น ๆ ไม่ยอมนอน แต่กลับมานั่งบนต้นไม้เพื่อดูละครยามค่ำคืน”

นางปวดท้องช่วงล่างทั้งคืน ฉินปู้เข่อจึงไม่มีเวลาว่างที่จะเจอหน้าคนสองคนนี้

หมี่ฉงกระโดดไปข้างหน้านางด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา “ไม่ว่าเจ้าจะร่วมมือกับเจ้าเจ็ดได้ราบรื่นเพียงใด ข้าก็อดไม่ได้ที่จะลงมารบกวนพวกเจ้า”

“รีบออกไปเถิด หม่อมฉันจะนอนแล้ว”

เมื่อได้ยินดังนั้นอู๋อวิ๋นก็เดินไปหานางและคำนับตรงหน้านางแล้วพูดว่า “ขอบพระทัยพระชายาที่ช่วยชีวิตหม่อมฉันไว้เพคะ”

เมื่อเห็นเช่นนั้นอู๋เยว่จึงคำนับตรงหน้านางเล็กน้อยด้วย

ก่อนที่ฉินปู้เข่อจะเอ่ยคำใด ทั้งสองก็ยกขาเตรียมจะออกจากสวนเฉินอวี้

“ประเดี๋ยวก่อน” ฉินปู้เข่อเลิกคิ้วขึ้น “ข้าอนุญาตให้เจ้าทั้งสองออกไปแล้วหรือ”

อู๋อวิ๋นชะงักเท้าแล้วเหลือบมองหมี่โม่หรู่ แล้วกลับไปหาฉินปู้เข่อและประสานมือ “หม่อมฉันไม่ทราบว่าพระชายาจะทำสิ่งใดอีกเพคะ”

“เจ้า หันกลับมา” ฉินปู้เข่อยกนิ้วขึ้นชี้ไปยังอู๋เยว่แล้วพูดอย่างเย็นชา

อู๋เยว่หันมาด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “พระชายาต้องการอะไรหรือเพคะ?”

“มาโดนตบตรงนี้” ฉินปู้เข่อเอนกายพิงต้นไม้ข้างกายนางแล้วกวักมือเรียกอู๋เยว่เบา ๆ

น้ำเสียงนั้นผ่อนคลายและสบายราวกับว่านางกำลังเรียกคนให้มาดื่มชาและทานอาหารว่าง

อู๋เยว่เงยหน้าขึ้นและใบหน้าของนางก็ซีดขาวเกินบรรยาย “หม่อมฉันทำอะไรผิด หม่อมฉันต้องการให้พระชายาบอกมา”

ฉินปู้เข่อสูดหายใจเข้าลึก ๆ ยืนตัวตรงและขยับไหล่ขณะเดินไปหาอู๋เยว่

เพียะ!

นางตบหน้าอู๋เยว่เสียงดังและเซถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างควบคุมไม่ได้

คืนนี้นางเสียเลือดมากและบัดนี้นางก็ไม่อาจยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว

“ตบนี้สำหรับซวงหวนของข้า”

เพียะ!

“ตบนี้สำหรับความกระด้างกระเดื่องของเจ้า!”

หลังจากการตบครั้งนี้ ฉินปู้เข่อก็ยกมือเรียกซวงหวนแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย “เสี่ยวหวนหวน ช่วยข้าตบนางที”

“พรืด~” หมี่ฉงไม่อาจกลั้นหัวเราะได้แล้วรีบหยุดหัวเราะทันที “เอาล่ะ น้องสะใภ้ของข้าช่วยชีวิตเจ้าไว้ อู๋เยว่ไม่มีมารยาทจริง ๆ จึงได้เวลาลงทัณฑ์แล้ว”

“หม่อมฉันต้องตบคนหลังจากคืนที่เหน็ดเหนื่อย พี่ชายสาม ช่วยตบให้หม่อมฉันอีกสักสองฉาด หากไม่มีเลือดออกก็ไม่นับ อย่างน้อยนางต้องเสียฟันกรามสองซี่”

ฉินปู้เข่อพบม้านั่งหินแล้วนั่งลงแกะเมล็ดแตงโมอีกครั้ง

“จะทะเลาะกันอีกทำไม?”

………………………………………………………………………………

สำรับมนตราของชายาอ๋อง [戏精王妃的魔力美食屋]

สำรับมนตราของชายาอ๋อง [戏精王妃的魔力美食屋]

Status: Ongoing
เธอแค่ออกมาหาอะไรกินแก้หิวตอนดึก แต่อยู่ดี ๆ ก็ทะลุมิติและฟื้นขึ้นมาพบว่าตนเองอยู่ในร่างของชายาอ๋องขี้โรคผู้อ่อนแอ ไหนจะระบบบ้า ๆ ที่ติดตัวมาอีกหญิงสาวที่ออกมาหาอะไรกินยามค่ำคืน จู่ ๆ ก็เกิดอุบัติเหตุทะลุมิติมายังยุคจีนโบราณเมื่อฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในร่างของ ‘ฉินปู้เข่อ’สตรีที่งดงามและปราดเปรื่องอันดับหนึ่งแห่งต้าเซี่ย ซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงว่าที่พระชายาขององค์รัชทายาท แต่แล้วก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นจับพลัดจับพูลได้แต่งงานกับ ‘หมี่โม่หรู่’ อ๋องเจ็ดผู้ขี้โรคแทนการทะลุมิติครั้งนี้นางไม่ได้มาตัวเปล่า แต่มาพร้อมกับ ‘ระบบวิเศษ’ ที่เมื่อเก็บแต้มได้ตามเป้าหมายจะสามารถแลก ‘อาหาร’ วิเศษไว้ใช้ในยามคับขัน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน