สำรับมนตราของชายาอ๋อง [戏精王妃的魔力美食屋] – บทที่ 76 ทำดีหวังผล

สำรับมนตราของชายาอ๋อง [戏精王妃的魔力美食屋]

บทที่ 76 ทำดีหวังผล

หมี่ฉงไม่ได้บอกว่าเขาต้องการจะก้าวไปข้างหน้าหรือจะเดินจากไป

“เหตุใดจึงชักช้านัก จัดการนางก่อนแล้วค่อยคุยกัน”

ฉินปู้เข่อหยิบเมล็ดแตงโมหนึ่งกำมือยื่นให้หมี่โม่หรู่ “จะมาที่นี่หรือไม่เพคะ?!”

หมี่โม่หรู่ยกยิ้มอย่างอบอุ่น เขาหยิบเมล็ดแตงโมราวหนึ่งโหลแล้วแกะเปลือกด้วยมือของเขา

หมี่ฉงกวาดสายตาไปมาระหว่างคนทั้งสองแล้วเดินไปหาอู๋เยว่ด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ ข้าไม่มีความคับข้องใจหรือเป็นศัตรูกับเจ้า หากพรุ่งนี้เจ้ายังโกรธอยู่ก็ไปหาพระชายาของเจ้าเองก็แล้วกัน”

ฉินปู้เข่อกลอกตาแล้วถ่มเปลือกเมล็ดแตงโมสองสามชิ้นจากปากของนางไปทางหมี่ฉงเสียงดัง ‘ถุ้ย’

เพียะ! เพียะ!

ด้วยการตบเสียงดังสองครั้ง ฉินปู้เข่อก็อดตากระตุกไม่ได้

การโจมตีของหมี่ฉงนั้นไม่เบาไปกว่าของนางเลย

อู๋เยว่ถ่มน้ำลายออกมาเป็นเลือดและฟันสองสามซี่ก็หลุดจากปากของนาง นางเงยใบหน้าอันซีดเซียวขึ้นมาและกล่าวว่า “พระชายาไม่มีสิทธิ์ลงโทษผู้ใด ทำเช่นนี้ข้าน้อยไม่พอใจ”

“เมื่อก่อนเจ้าคิดว่าข้าถูกองค์รัชทายาทบังคับให้ข้าเข้ามาอยู่ในตำหนัก ฉะนั้นการที่เจ้าเพิกเฉยต่อข้าจึงไม่สำคัญ แต่เมื่อสามวันก่อน ท่านอ๋องของเจ้ามอบหน้าที่จัดการตำหนักให้ข้าแล้ว เจ้ารู้หรือไม่?”

อู๋เยว่เหลือบมองหมี่โม่หรู่แล้วพูดด้วยความงุนงง “หม่อมฉันรู้เพคะ”

“แล้วเหตุใดตอนนี้อู๋อวิ๋นจึงคุกเข่าให้ข้า ทว่าเหตุใดเจ้าจึงไม่คุกเข่าลง? ประการแรกคือข้าเป็นนายหญิงของเจ้า และประการที่สองคือคืนนี้ข้าช่วยชีวิตพวกเจ้าทั้งสองเอาไว้ หากเจ้าคิดว่าเจ้าอาบน้ำร้อนมาก่อนก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ท่านอ๋องจะจัดการได้ ซึ่งข้าจะเป็นคนจัดการเอง!”

“นอกจากนี้ วันนั้นที่ข้าไปตำหนักของอ๋องจั่วเสียนเพื่อเขียนเพลง เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าจึงลากเจ้าไปที่นั่นด้วย”

ขณะที่นางกำลังพูดอยู่ หมี่โม่หรู่ก็สะกิดแขนของฉินปู้เข่อที่อยู่ข้างเขาเบา ๆ และนางก็หันหน้ามา “หือ?”

หมี่โม่หรู่ไม่ได้เอ่ยคำใด เขาหยิบเมล็ดแตงโมในมือของนางมาไว้ที่ตัวเอง แล้ววางเมล็ดที่แกะเปลือกแล้วลงในมือของนาง ก่อนพูดเบา ๆ ว่า “พูดต่อเถิด”

“อ่า ขอบพระทัยเพคะ” ฉินปู้เข่อกล่าวขอบคุณเขาอย่างเป็นธรรมชาติ มองอู๋เยว่และพูดต่อไป

“เจ้าอยู่เคียงข้างข้าในตอนที่อ๋องจั่วเสียนส่งปิ่นปักผมคืนให้ข้า และเสี่ยวหวนหวนซึ่งอยู่ไกลจากข้าได้ยินการสนทนาระหว่างเราสองคนอย่างชัดเจน แล้วเจ้าไม่ได้ยินหรือ?! หลังจากกลับมาแล้วเจ้าไปรายงานแก่ท่านอ๋องว่าอย่างไร?! เจ้ากำลังพยายามทำให้ท่านอ๋องไม่เชื่อใจข้า หรือว่าเจ้าต้องการให้ท่านอ๋องไม่เชื่อใจข้า?”

ไม่กี่วันมานี้ซวงหวนบอกฉินปู้เข่ออย่างเงียบ ๆ ว่าเหตุใดนางจึงพ่ายแพ้ในวันนั้น

ตอนนั้นเองที่ฉินปู้เข่อเข้าใจว่าเหตุใดหมี่โม่หรู่จึงขว้างปิ่นปักผมของนางอย่างไม่มีเหตุผลในตอนนั้น

วันนั้นนางพาอู๋เยว่ไปที่นั่น สาเหตุแรกคือนางรู้สึกว่าหากมีอะไรเกิดขึ้นก็จะมีคนช่วยต่อสู้มากขึ้น สาเหตุที่สองคือตามวิสัยของหมี่โม่หรู่แล้ว เขาจะต้องหาคนมาคอยจับตาดูนางอย่างแน่นอน ซึ่งเมื่อเทียบกับผู้แจ้งข่าวคนอื่น ๆ ในตำหนักของอ๋องจั่วเสียนแล้วก็เป็นการดีกว่าสำหรับนางที่จะพาคนที่หน้าตาสดใสมาด้วยเพื่อแก้ปัญหา

นางเพียงแค่คิดไม่ถึงว่า ‘ความรัก’ ของอู๋เยว่ที่มีต่อหมี่โม่หรู่จะมาถึงระดับที่ชั่วร้าย ไม่เพียงแต่ไม่ช่วยแก้ปัญหาของนางเท่านั้น แต่ยังบังคับให้หมี่โม่หรู่เข้าใจนางผิดด้วย

“อย่างไรเสียข้าก็ไม่สนหรอกว่าเจ้าจะอยู่กับท่านอ๋องของเจ้ามาแล้วกี่ปี ความทุกข์ยากและความลำบากที่เจ้าทั้งสองเคยได้รับนั้นมากเพียงใด หรือความรักระหว่างนายกับบ่าวลึกซึ้งเพียงใด การดำรงอยู่ของเจ้าส่งผลต่อความสามัคคีในตำหนัก ฉะนั้นตำหนักนี้จึงไม่มีที่ว่างสำหรับเจ้าอีกต่อไปแล้ว”

“แน่นอน ข้าหาได้โง่เขลาไม่ เจ้าเก่งเรื่องศิลปะการต่อสู้และเจ้าก็รู้เรื่องของท่านอ๋องเป็นอย่างดี มันจึงอันตรายเกินไปที่จะปล่อยให้เจ้าออกไปอย่างง่ายดาย เหตุใดเจ้าไม่ลอง…” ฉินปู้เข่อจับจมูกแล้วมองหมี่โม่หรู่อย่างลังเล “มนุษย์หมู*(1) เจ้าเคยทำแล้วไม่ใช่หรือ”

“มะ มนุษย์หมู…” หมี่ฉงเหลือบมองฉินปู้เข่อด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง

น้องสะใภ้ของเขาค่อนข้างโหดร้าย

“พี่ชายสามจะทำหรือเพคะ?!” เมื่อได้ยินหมี่ฉงส่งเสียง ฉินปู้เข่อก็มองมาที่เขา

“ไม่ ไม่” หมี่ฉงส่ายหัวครั้งแล้วครั้งเล่าและหลบอยู่ข้างหลังของหมี่โม่หรู่

“อันที่จริงหากไม่ใช่เพราะเกรงว่าคืนนี้เจ้าจะถูกค้นพบว่าเลือดออกและทำให้ข้าต้องเดือดร้อน ข้าก็คงจะช่วยแค่อู๋อวิ๋นเท่านั้นและปล่อยให้เจ้าดูแลตัวเอง ดังนั้นตอนนี้ข้าจึงต้องหาวิธีลงโทษเจ้า เอ่อ แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว”

“เช่นนั้นให้ข้านวดให้พระชายาดีหรือไม่?!” เมื่อกล่าวจบหมี่โม่หรู่ก็ยืนตัวตรงและเดินไปข้างหลังฉินปู้เข่อเพื่อกดขมับของนางอย่างแผ่วเบา

“หือ?” ฉินปู้เข่อลุกขึ้นยืนแล้วมองเขาอย่างหวาดกลัว

ทำดีหวังผล ประจบประแจงเพื่อผลประโยชน์

“ท่านต้องการจะอ้อนวอนเพื่อช่วยอู๋เยว่หรือเพคะ?”

………………………………………………………………………………

*(1) มนุษย์หมู (人彘) หมายถึง การลงโทษโดยการตัดแขน ตัดขา ตัดลิ้น ควักลูกตา แล้วยัดลงไปในไหจนกว่าจะตาย

สำรับมนตราของชายาอ๋อง [戏精王妃的魔力美食屋]

สำรับมนตราของชายาอ๋อง [戏精王妃的魔力美食屋]

Status: Ongoing
เธอแค่ออกมาหาอะไรกินแก้หิวตอนดึก แต่อยู่ดี ๆ ก็ทะลุมิติและฟื้นขึ้นมาพบว่าตนเองอยู่ในร่างของชายาอ๋องขี้โรคผู้อ่อนแอ ไหนจะระบบบ้า ๆ ที่ติดตัวมาอีกหญิงสาวที่ออกมาหาอะไรกินยามค่ำคืน จู่ ๆ ก็เกิดอุบัติเหตุทะลุมิติมายังยุคจีนโบราณเมื่อฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในร่างของ ‘ฉินปู้เข่อ’สตรีที่งดงามและปราดเปรื่องอันดับหนึ่งแห่งต้าเซี่ย ซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงว่าที่พระชายาขององค์รัชทายาท แต่แล้วก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นจับพลัดจับพูลได้แต่งงานกับ ‘หมี่โม่หรู่’ อ๋องเจ็ดผู้ขี้โรคแทนการทะลุมิติครั้งนี้นางไม่ได้มาตัวเปล่า แต่มาพร้อมกับ ‘ระบบวิเศษ’ ที่เมื่อเก็บแต้มได้ตามเป้าหมายจะสามารถแลก ‘อาหาร’ วิเศษไว้ใช้ในยามคับขัน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท