สำรับมนตราของชายาอ๋อง [戏精王妃的魔力美食屋] – บทที่ 146 เงา

สำรับมนตราของชายาอ๋อง [戏精王妃的魔力美食屋]

ตอนที่ 146 เงา

หมี่เฉินอี้วางกล่องไม้ลงแล้วนอนแนบพื้นติดกับผนังรถม้า และตรวจสอบภายในรถม้าหลายครั้ง

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง เขาก็เลือกที่จะยอมแพ้

เขาเปิดกล่องที่สามารถเปิดได้ทั้งหมดในรถม้า และเกือบจะรื้อสิ่งที่ทำจากไม้ในรถม้าออกเป็นชิ้นเพื่อตรวจสอบ

“หัวใจของหญิงสาวผู้นี้ใหญ่เกินไป เหลือเพียงห้าขวดที่ใส่ไว้ในรถม้า” สุดท้ายหมี่เฉินอี้ก็เชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าในกล่องไม้มีเพียงห้าขวดเท่านั้น และเขาก็ซื้อมันทั้งหมด

ภายในตำหนัก ก่อนที่หมี่โม่หรู่จะกลับมาจากตำหนักของฉีเหวินกง ฉินปู้เข่อก็ปิดประตูและจะหยิบสิ่งที่อยู่ในแขนเสื้อออกมา

เอ๊ะ?!

สถานการณ์เดียวกันนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง ก้อนกระดาษของนางอยู่ที่ใด

ฉินปู้เข่อกัดริมฝีปากแล้วทุบโต๊ะ หมี่เฉินอี้ ไอ้เวรเอ๊ย!

ครั้งที่แล้วกระดาษที่นางหยิบมาจากฝูหลิงก็หายไปหลังจากที่นางพบกับเขา คราวนี้นางได้พบกับหมี่เฉินอี้อีกครั้งหลังจากได้รับกระดาษที่น่าสงสัย แล้วนางก็ทำมันหายอีกครั้ง

มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับนางที่จะไม่สงสัยหมี่เฉินอี้!

หมี่เฉินอี้แอบติดตามนางอยู่หรือ? เหตุใดนางถึงถูกเขาขโมยทุกครั้งที่นางได้มันมา?!

“ถ้อยคำ”

ฉินปู้เข่อเขียนคำที่นางเห็นบนกระดาษอย่างจริงจังตามความทรงจำของนาง และยังวางตำแหน่งของอักษรแต่ละตัวให้อยู่ในตำแหน่งเดียวกันด้วย

“หมี่… อี้… เหิง?”

นางเขียนชื่อลงบนกระดาษ รวมไปถึงคำบนแผ่นกระดาษที่พบครั้งแรกจากฝูหลิงในตอนนั้น ‘ลี่’ และ ‘อ๋อง’ ที่นางเห็นในวันนั้นกลับกลายเป็นรากศัพท์ของชื่อ

กล่าวคือคนที่พระสนมเสียนผินและหมี่เฉินอี้ไปเซ่นไหว้คือหมี่อี้เหิงหรือ?

ฉินปู้เข่อสับสน ครั้งสุดท้ายที่หมี่โม่หรู่สร้างสงครามเย็นก็เพราะเรื่องนี้ หมี่ฉงก็อธิบายให้นางฟังเป็นพิเศษเช่นกัน ดังนั้นคนผู้นี้จึงน่าจะเป็นบุคคลต้องห้ามสำหรับหมี่โม่หรู่

นางต้องบอกหมี่โม่หรู่ว่าเขาถูกเขียนชื่อลงในกระดาษเปล่าในครั้งนี้หรือไม่?

นางม้วนกระดาษที่นางเขียนเลอะเทอะเป็นแท่งและนำเทียนมาลน ในไม่ช้ากระดาษสีขาวราวกับหิมะก็กลายเป็นเถ้าถ่าน

หมี่เฉินอี้ต้องรู้ว่าคนผู้นี้เป็นใครและมีความสัมพันธ์กับหมี่โม่หรู่อย่างไร เหตุใดจึงไม่ใช้โอกาสนี้ทรมานเขา? แล้วเหตุใดเขาถึงขโมยก้อนกระดาษไป และไม่ต้องการให้หมี่โม่หรู่รู้เรื่องคนผู้นี้ด้วย?

ตอนนี้ก้อนกระดาษหายไปแล้ว นางแค่ต้องการให้หมี่โม่หรู่ได้อ่านเนื้อหาข้างใน แต่นางก็ไม่มีจะให้เขาแล้ว

ฉินปู้เข่อกลิ้งไปมาในผ้าห่มและในไม่ช้าก็หลับไป

ในเวลาเดียวกันที่ห้องเล็ก ๆ ทางมุมตะวันตกของจวนข้าหลวงฝ่ายใน หมี่จิ่งหานถอดปิ่นปักผมออกและสวมชุดธรรมดา แล้วคุกเข่าลงหน้าโต๊ะเพื่อคัดลอกหนังสือ

หัวหน้านางกำนัลที่ฮองเฮาส่งมาทำหน้าที่ในเวลากลางคืนเห็นว่านางมีมารยาทดีและพูดช้า ๆ ว่า “องค์หญิงแปด วันนี้ท่านคัดลอกอีกห้าหน้าแล้วก็สามารถไปพักผ่อนได้ พรุ่งนี้เช้าพวกข้าน้อยจะส่งบทคัดลอกให้ฮองเฮาเพคะ”

“ได้” ใบหน้าของหมี่จิ่งหานไร้อารมณ์ นางไม่แม้แต่จะเหลือบตามองและยังคงเขียนในมือต่อไป

เมื่อเห็นดังนั้น หัวหน้านางกำนัลก็หยุดรบกวนนางและกลับไปพักผ่อนที่ห้องของนาง

ไม่นานหลังจากนั้น ร่างหนึ่งก็เข้ามาในจวน เงาของคนผู้นี้ปรากฏบนพื้นใต้แสงจันทร์ดูยืดยาวเหมือนผี

ประตูห้องไม่ได้ปิด แล้วหมี่จิ่งหานก็หันหลังไปเมื่อได้ยินการเคลื่อนไหวข้างหลังนาง

“คราวนี้องค์หญิงแปดทรงเหน็ดเหนื่อย แต่มีบางสิ่งที่ข้าน้อยยังต้องทำก่อนจะสื่อสารกับนายท่าน ดังนั้นข้าน้อยหวังว่าองค์หญิงแปดจะยกโทษให้ข้าน้อยสำหรับการกระทำความผิดต่อไปนี้” เสียงของคนที่มาที่นี่นั้นแผ่วเบา ไร้วี่แววการโต้เถียงกันระหว่างชายหญิง ราวกับสายน้ำที่ไหลรินในยามค่ำคืนที่ทำให้จิตใจผ่อนคลายอย่างอธิบายไม่ถูก

หมี่จิ่งหานยืนขึ้นและเดินไปหาคนผู้นั้น “ข้าประมาทกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ และข้าจะไม่ทำผิดพลาดเช่นนี้อีกในอนาคต”

ผู้มาเยือนไม่ได้เอ่ยคำใด เขาคุกเข่าลงตรงหน้าหมี่จิ่งหานแล้วยกมือขึ้นตบหน้านาง ‘ผัวะ’ ‘ผัวะ’ สองครั้ง

หมี่จิ่งหานถูกตบ นางกัดฟันแน่นและกลืนเลือดในปากของนาง ก้มศีรษะลงและจ้องเขม็งไปที่เงาบนพื้นอย่างดุเดือด

“นายท่านของข้าน้อยบอกว่าเรื่องตำหนักต้องห้ามจะถูกเก็บไว้ใช้ในภายหลัง ไม่ใช่เรื่องของท่านที่จะจัดการกับสตรีบางคนเพื่อประโยชน์ส่วนตนของท่าน การตบสองครั้งนี้เป็นเครื่องเตือนใจให้ท่านทราบว่าเรื่องนี้เกิดจากองค์หญิง ‘ค้นหาสร้อยข้อมือ’ และ ‘บังเอิญบุกรุกเข้าไปในตำหนักต้องห้าม’ และในอนาคตก็โปรดอย่าทำลายแผนการของนายท่านโดยประมาทอีก”

เสียงแผ่วเบายังคงราวกับแสงจันทร์ที่สาดส่องผู้คน หมองหม่นชวนให้หลงใหล

หมี่จิ่งหานกล่าวว่า “ได้ ข้าจะไม่ทำอีกแล้วในอนาคต”

“ดังนั้นข้าน้อยขอลาก่อน” ประตูห้องถูกปิดเบา ๆ และเงาเรียวยาวก็กระโดดจากเสาขึ้นไปบนหลังคา และหายไปอย่างรวดเร็วเหนือจวนข้าหลวงชั้นใน

ในตำหนักของอ๋องจั่วเสียน หมี่เฉินอี้กำลังนอนอยู่บนเก้าอี้นอนและคลี่ก้อนกระดาษในมือดูสองสามครั้งแล้วหัวเราะเบา ๆ “ทาสใบ้ผู้นี้ เอ็นมือของเขาหักจึงจับพู่กันไม่แน่น หากแม่สาวน้อยอ่านสิ่งนี้ได้อย่างแตกฉานก็แสดงว่านางน่าทึ่งนัก”

“ท่านอ๋อง วันนี้มีคนไปที่จวนข้าหลวงฝ่ายในพ่ะย่ะค่ะ” เซินหมิงผู้สวมชุดนอนคุกเข่าและรายงาน

“พูดมา”

“ชายผู้นั้นตบองค์หญิงแปดสองครั้งแล้วหายตัวไปใกล้ตำหนักบูรพา” เซินหมิงขมวดคิ้ว “กระหม่อมได้จับตาดูตำหนักบูรพาขึ้นและลงในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา และกระหม่อมแน่ใจว่าไม่มีคนรับใช้คนใดมีรูปร่างและความปราดเปรียวเหมือนกับบุคคลนั้นในคืนนี้”

หมี่เฉินอี้ฉีกกระดาษในมือของเขาเป็นชิ้นเล็ก ๆ นับไม่ถ้วน และบิดมันเล่นในมือของเขา

ด้วยท่าทีที่ระมัดระวังของฮองเฮาย่อมไม่ปล่อยให้องค์รัชทายาทรู้เรื่องราวภายในของตำหนักต้องห้ามอย่างแน่นอน และองค์รัชทายาทก็เชื่อฟังคำของฮองเฮาเสมอ ดังนั้นเขาจะไม่จุกจิกกับเรื่องนี้

นอกจากเขายังมีใครอีก

เมื่อเขากลับมาหลังจากพบจดหมายลับที่กล่าวหาว่าเขาทรยศ เขาก็ได้พบกับนักฆ่าของหมี่เซวียนระหว่างทาง แต่ในที่สุดเขาก็พบว่าหมี่เซวียนถูกผู้อื่นใช้มาเท่านั้น

มีคนแจ้งหมี่เซวียนล่วงหน้าว่าเขากำลังจะกลับมาที่ราชวงศ์เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ซึ่งกระตุ้นให้หมี่เซวียนโจมตีเพื่อปกป้องบัลลังก์ของเขา

หลังจากที่เขากลับมาที่เมืองหลวงอย่างเป็นทางการแล้ว หมี่เซวียนก็ทำให้เขาสะดุดหลายครั้งแล้ว แต่ในความเห็นของเขา มันเป็นเพียงกลอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น และหมี่โม่หรู่ที่เป็นเด็กเหลือขอที่ไม่อาจรับมือได้ก็เพิ่มความวุ่นวายอยู่เบื้องหลัง ทำให้เขายุ่งอยู่กับการต่อสู้กับหมี่เซวียนมาครึ่งปีแล้วตั้งแต่เขากลับมา

คนที่ยั่วยุความสัมพันธ์ระหว่างสองคนจริง ๆ ยังคงซ่อนอยู่เบื้องหลัง คนผู้นี้ไม่เพียงแต่ซ่อนลึก แต่ยังรู้อะไรอีกมากมาย แค่ชี้นำให้หญิงสาวตัวเล็ก ๆ เข้าไปในตำหนักวันนี้ก็สามารถเริ่มปราบปรามเจ้าเจ็ดที่เพิ่งเริ่มได้

คนที่อยู่ใต้ดินนั้นคือใคร?

หมี่เฉินอี้ถอนหายใจเบา ๆ เขาหายไปนานเกินไปจริง ๆ จึงไม่รู้ว่าคนรุ่นหลังใจดำเพื่อตำแหน่งนี้มากเพียงใด

หรือบางทีก็ดูเหมือนว่าเขาไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าตำแหน่งนี้เย้ายวนเหล่าองค์ชายมากเพียงใด

“ท่านอ๋อง สตรีที่ถูกพากลับมาจากถนนตอนเช้าตื่นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“พามานี่” หมี่เฉินอี้ถอนใจแล้วยืนขึ้นเล็กน้อย

ลี่หลัวที่อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดแล้วถูกพาเข้ามา

“ถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ” นางก้มศีรษะลงโดยคิดว่าการทำเช่นนี้อาจทำให้รอยสักบนคอของนางเล็กลง

หมี่เฉินอี้พ่นลมเบา ๆ “ในวันนั้นเป็นเจ้าเองที่ขวางถนน และบอกว่าเจ้าต้องการตอบแทนความเมตตาของข้าใช่หรือไม่? เจ้าเคยอยู่ในเมืองหลวงหรือไม่?”

“ใช่เพคะ พระคุณของท่านอ๋องที่ช่วยชีวิตไว้นั้นยากจะลืมเลือน ชีวิตของลี่หลัวในชีวิตนี้เป็นของท่านอ๋อง ไม่ว่าท่านอ๋องจะขอให้ลี่หลัวทำอะไรก็ตามเพคะ” ลี่หลัวเงยหน้าขึ้นและมองเขาอย่างเสน่หา

หมี่เฉินอี้ยกยิ้มอย่างมีเลศนัย “หากข้าต้องการให้เจ้ากลับไปหาต๋งชวนเล่า”

…………………………………………………………………………….

สำรับมนตราของชายาอ๋อง [戏精王妃的魔力美食屋]

สำรับมนตราของชายาอ๋อง [戏精王妃的魔力美食屋]

Status: Ongoing
เธอแค่ออกมาหาอะไรกินแก้หิวตอนดึก แต่อยู่ดี ๆ ก็ทะลุมิติและฟื้นขึ้นมาพบว่าตนเองอยู่ในร่างของชายาอ๋องขี้โรคผู้อ่อนแอ ไหนจะระบบบ้า ๆ ที่ติดตัวมาอีกหญิงสาวที่ออกมาหาอะไรกินยามค่ำคืน จู่ ๆ ก็เกิดอุบัติเหตุทะลุมิติมายังยุคจีนโบราณเมื่อฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในร่างของ ‘ฉินปู้เข่อ’สตรีที่งดงามและปราดเปรื่องอันดับหนึ่งแห่งต้าเซี่ย ซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงว่าที่พระชายาขององค์รัชทายาท แต่แล้วก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นจับพลัดจับพูลได้แต่งงานกับ ‘หมี่โม่หรู่’ อ๋องเจ็ดผู้ขี้โรคแทนการทะลุมิติครั้งนี้นางไม่ได้มาตัวเปล่า แต่มาพร้อมกับ ‘ระบบวิเศษ’ ที่เมื่อเก็บแต้มได้ตามเป้าหมายจะสามารถแลก ‘อาหาร’ วิเศษไว้ใช้ในยามคับขัน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท