Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 83.3 ท้าทายกลุ่มตัวเต็ง (3)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

หากพวกเขาสามารถเอาชนะในการประลองครั้งนี้ไปได้ กลุ่มนักรบเฟยหลี่ก็จะเข้าสู่การประลอง 8 อันดับแรกด้วยอันดับที่ 1 ของสาย

หากเป็นเช่นนั้น ในรอบก่อนรองชนะเลิศพวกเขาจะได้เผชิญหน้ากับอันดับที่ 2 ของสายตรงข้าม กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ในการแข่งขันครั้งสำคัญเพื่อคัดเลือก 4 อันดับแรก พวกเขาไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มตัวเต็งอีกต่อไป!

ด้วยการวิเคราะห์เช่นนี้ โจวเหว่ยชิงจึงสามารถโน้มน้าวสหายทั้งหมดของเขาให้คล้อยตามได้ มันเป็นแผนการที่สุ่มเสี่ยงเป็นอย่างยิ่ง บางทีอาจจะเรียกได้ว่าบ้าบิ่นเลยด้วยซ้ำ แต่มันก็ถือเป็นโอกาสใหญ่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขาในการเข้าสู่ 4 อันดับแรกได้ง่ายขึ้น แน่นอนว่าพวกเขามีโอกาสเอาชนะกลุ่มนักรบตันตุ้นได้ง่ายกว่ากลุ่มตัวเต็งกลุ่มอื่นๆ อีก 3 กลุ่มในรอบรองชนะเลิศ แม้ว่าโอกาสนั้นจะมีเพียงแค่ 3 ใน 10 ส่วน แต่นั่นก็ยังเป็นโอกาสที่สำคัญสำหรับพวกเขา

ดังนั้นการประลองในครั้งนี้จึงอาจกล่าวได้ว่าเป็นการต่อสู้ที่สำคัญที่สุดในเส้นทางสู่ 4 อันดับแรก พวกเขาทั้งหมดได้เตรียมความพร้อมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อต่อกรกับกลุ่มนักรบตันตุ้น ไม่ว่าจะผลจะออกมาดีหรือร้าย พวกเขาก็กำลังจะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการตกลงต่อสู้กับกลุ่มตัวเต็งในการประลองรอบอุ่นเครื่องเบื้องต้น!

สภาพอากาศวันนี้ไม่ค่อยดีนัก มีเมฆหมอกสีดำปกคลุมอยู่ทั่วท้องฟ้า ราวกับว่าลมพายุอาจจะโหมกระหน่ำเข้ามาได้ทุกเมื่อ อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ก็ไม่ได้ทำให้อารมณ์ตื่นเต้นของผู้ชมลดลงแต่อย่างใด เวลานี้ยังถือว่าเช้าอยู่ แต่จตุรัสจ้งเทียนก็กลายเป็นคลื่นฝูงชนแล้ว

เนื่องจากวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการแข่งขันรอบอุ่นเครื่อง หลายคนจึงรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ดูการต่อสู้เป็นครั้งสุดท้ายและวางเดิมพันกันอย่างสนุกสนาน สำหรับวันสุดท้ายนี้มีการเดิมพันหลายประเภท ตั้งแต่การเดิมพันในการต่อสู้แต่ละรายการไปจนถึงการคาดเดารายชื่อกลุ่มตัวจริง 8 อันดับแรก แต่ไม่ว่าการเดิมพันจะมีหลากหลายแค่ไหน อาณาจักรจ้งเทียนก็เป็นผู้กำหนดแต่ละรายการขึ้นมาเอง

สำหรับเหล่าฝูงชน นี่เป็นโอกาสดีที่พวกเขาจะได้ฟันเงินก้อนสุดท้าย

ด้วยเหตุนี้ วันนี้จึงมีผู้คนหนาแน่นมากเป็นพิเศษจนต้องเปิดหอพนันเพิ่มอีกหลายจุดทั่วเมือง

ในเรือนพักของกลุ่มนักรบเฟยหลี่เต็มไปด้วยบรรยากาศที่กดดันและรุนแรง ทั้งความกังวลใจและความตื่นเต้นผสมปนเปกันไปขณะที่ทุกคนรอคอยให้ถึงตาตัวเอง

สมาชิกกลุ่มต่างกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ ยกเว้นเพียงโจวเหว่ยชิง และพวกเขาทั้งหมดก็มองไปที่โจวเหว่ยชิงเป็นตาเดียว

“เหว่ยชิง จัดลำดับการต่อสู้ของพวกเรามา” หลินเทียนอ้าวกล่าวอย่างเคร่งขรึม

ก่อนหน้านี้ไม่มีใครคิดจะถามโจวเหว่ยชิงว่าวันนี้เขาจัดวางกลยุทธ์อย่างไร หลังจากการต่อสู้กับกลุ่มนักรบป่ายต้าผ่านไป พวกเขาก็ไว้วางใจในตัวของโจวเหว่ยชิงและเชื่อถือเขาได้อย่างสนิทใจ

โจวเหว่ยชิงพยักหน้ากล่าวว่า “การต่อสู้กับกลุ่มตันตุ้นในครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเรา เนื่องจากเรากำลังจะเสี่ยงโชคครั้งใหญ่ หากต้องการเอาชนะพวกเขา พวกเราทุกคนจะต้องยอมสูญเสียอยู่บ้าง ในครั้งนี้ข้าจะไม่ปรากฏตัวซ้ำใน 2 รอบอีก ในบรรดาพวกเรา 7 คน หากต้องประลองทั้ง 5 ครั้ง ทั้ง 6 คนจะได้ออกไปต่อสู้ในวันนี้”

“หากเปรียบเทียบพลังที่แท้จริงของทั้ง 2 กลุ่ม ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากลุ่มนักรบตันตุ้นนั้นเหนือกว่าเราอยู่หนึ่งขั้น ในการเอาชนะพวกเขา เราต้องพยายามทำให้พวกเขาตกใจและคว้าชัยชนะมาให้ได้อย่างรวดเร็วก่อนที่พวกเขาจะทันได้คิดตอบโต้ พวกเขาจะต้องประหลาดใจแน่ที่พวกเรากล้าท้าทายพวกเขา และการคาดเดาของข้าคือพวกเขาจะส่งสมาชิกที่มีพลังปานกลางออกมาเพื่อลองเชิงพวกเราในการต่อสู้ครั้งแรก นั่นจะเป็นการทดสอบเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของพวกเรา ในความคิดของข้า นั่นเป็นโอกาสที่ดีที่เราที่จะคว้าชัยชนะครั้งแรกมาครอง และเราก็ต้องทำให้ได้ ดังนั้นหัวหน้า ข้าขอฝากการต่อสู้ครั้งแรกไว้กับท่าน”

ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าโจวเหว่ยชิงจะส่งสมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขา หัวหน้ากลุ่มและผู้นำของทุกคน หลินเทียนอ้าวออกไปก่อนในรอบแรก ทำให้ทุกคนตกตะลึงไปในทันที

โจวเหว่ยชิงกล่าวต่อไปอย่างเคร่งขรึม “ในการต่อสู้ 5 ครั้ง เราจะชนะ 3 ครั้ง นี่คือเกมตัวเลข และชัยชนะทุกครั้งก็ถือว่ามีความสำคัญสูงสุด การใช้ผู้นำที่แข็งแกร่งที่สุดของเรากำจัดสมาชิกที่ค่อนข้างอ่อนแอของพวกเขา นั่นจะช่วยเพิ่มโอกาสในการชนะครั้งแรกได้มากขึ้น เมื่อเราทำเช่นนั้น ในรอบที่ 2 พวกเขาจะตอบสนองต่อการสูญเสียนั้นอย่างรุนแรงและจะต้องการเอาคืนทันที ดังนั้นข้าคาดว่าพวกเขาจะส่งหนึ่งในนักสู้อันดับต้นๆของพวกเขาออกมา สี่น้อย ท่านจะรับผิดชอบการต่อสู้ครั้งที่ 2 อย่างไรก็ตาม ท่านไม่ควรเอาชีวิตไปทิ้งเพียงเพื่อชัยชนะ และที่สำคัญกว่านั้นคืออย่าได้รับบาดเจ็บเด็ดขาด เมื่อเราเข้าสู่ 8 อันดับแรก ข้าต้องการท่านสำหรับรอบต่อไป”

สี่น้อยมองไปรอบๆด้วยรอยยิ้มขมขื่นขณะพูดว่า “ดูเหมือนว่าข้าจะต้องรับหน้าที่ของเย่เป่าเปาไปซุ่มทำร้ายผู้ทรงพลังเพื่อทำให้แผนของพวกเขาพัง…”

โจวเหว่ยชิงหัวเราะร่าและกล่าวว่า “นั่นเป็นการเสียสละเพื่อชัยชนะครั้งสุดท้ายของเรา ในรอบที่ 2 พยายามอย่าแสดงพลังของท่านมากเกินไป ไม่เพียงแต่ข้าจะเก็บท่านสำหรับรอบต่อไปเท่านั้น ข้ายังอยากให้กลุ่มนักรบตันตุ้นเข้าใจว่านอกจากหัวหน้าแล้ว พวกเราก็ไม่มีผู้ทรงพลังคนอื่นอีก”

สี่น้อยพยักหน้ากล่าวว่า “ข้าเข้าใจแล้ว หัวหน้าจะเป็นคนฟาดหัวพวกเขา ส่วนข้าก็จะทำให้พวกเขามึนงงต่อไป”

โจวเหว่ยชิงพยักหน้า “ก็ตามนั้นแหละ รอบที่สามคือการแข่งขันแบบคู่ รอบนี้คือรอบที่เราต้องชนะอย่างเดียวเท่านั้น”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ขี้เมาเป่าก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เหว่ยชิง ดูเหมือนนั่นจะไม่ค่อยถูกต้อง เพราะพลังโดยรวมของเราอ่อนแอกว่าพวกเขา หากในการต่อสู้แบบตัวต่อตัวพวกเราเป็นเช่นนั้น ช่องว่างระหว่างพลังก็จะยิ่งกว้างมากขึ้นในการต่อสู้แบบคู่น่ะสิ ในกรณีนั้น พวกเราจะเอาชนะพวกเขาได้อย่างไร?”

โจวเหว่ยชิงตอบว่า “ข้าก็ไตร่ตรองเรื่องนั้นเช่นกัน และในความคิดของข้า หากท่านคิดเช่นนั้น ฝ่ายตรงข้ามก็ย่อมคิดเช่นเดียวกัน เนื่องจากความแข็งแกร่งโดยรวมของพวกเขาเหนือกว่าของเรา และเมื่อพวกเขาชนะในรอบที่ 2 พวกเขาก็น่าจะส่งสมาชิกที่อ่อนแอที่สุด 2 คนออกมาต่อสู้ในการประลองแบบคู่ สำหรับสมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุดอาจเป็นผู้นำของพวกเขา นี่เป็นกลยุทธ์ทั่วๆไปที่หัวหน้าจะออกมาเก็บกวาดใน 2 นัดสุดท้าย สำหรับกลุ่มของเรา นอกจากหัวหน้าแล้ว สมาชิกที่แข็งแกร่งรองลงมาคือท่านและเซียวเอี๋ยน ในการแข่งขันแบบคู่ ข้าต้องการให้ท่านทั้งคู่ออกไปต่อสู้ร่วมกัน พวกท่านล้วนร่ำเรียนมาด้วยกันในโรงเรียนจ้าวมณีสวรรค์เป็นเวลาหลายปีและคุ้นเคยกันดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานประสานร่วมกันเป็นกลุ่ม นอกจากนี้ก็ยังไม่เคยมีใครเห็นพวกท่านมาก่อนและพวกเขาย่อมไม่มีข้อมูลใดๆเกี่ยวกับพวกท่านเช่นกัน ในการต่อสู้แบบคู่ ข้าขอให้ท่านทั้งสองชนะเท่านั้น ไม่ว่าจะต้องใช้อะไร แม้ว่าท่านจะต้องเผาเปลวไฟแห่งชีวิตอีกครั้ง ท่านก็จะต้องชนะในรอบนี้”

เซียวเอี๋ยนและขี้เมาเป่าสบตากันแล้วพยักหน้าอย่างจริงจัง ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ได้ขึ้นเวทีต่อสู้มาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรอบที่ปะทะกับกลุ่มนักรบป่ายต้า และตอนนี้พวกเขาก็รู้สึกอยากคันไม้คันมืออยากจะออกไปต่อสู้เต็มแก่ หลังจากพักผ่อนมาหลายวัน ร่างกายของพวกเขาก็ฟื้นตัวเต็มที่และอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดแล้ว ในที่สุดก็ถึงเวลาที่พวกเขาจะได้เจิดจรัสเสียที

โจวเหว่ยชิงกล่าวต่อว่า “ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนของข้า เราควรจะชนะ 2 ใน 3 ครั้งแรกและขึ้นนำก่อน ในการต่อสู้ 2 ครั้งสุดท้าย ข้าไม่สามารถเดาได้แน่นอนว่าหัวหน้าของพวกเขาจะเลือกใครออกมา อย่างไรก็ตาม อู่หยากับข้าจะออกไปสู้คนละครั้ง เราจะต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสิ่งนี้ หากเราคนใดคนหนึ่งชนะ กลุ่มของพวกเราก็จะคว้าชัยชนะไปได้ในที่สุด”

หลังจากพูดทั้งหมดนั้น โจวเหว่ยชิงก็หยุด เขายกมือขึ้นและกำหมัดฟาดลงบนอกกว้างของเขา “อย่างที่พวกท่านทุกคนรู้ดี โอกาสที่จะชนะของเรานั้นมีน้อยมาก แม้จะมีแผนสร้างความตกตะลึง กลยุทธ์ และวิธีการต่างๆ มันก็ยังไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะโค่นคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังเช่นนี้ลงได้ อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกันนี่ก็เป็นโอกาสยิ่งใหญ่ที่สุดในการเข้าสู่ 4 อันดับแรกของเรา และเราก็จะต้องทุ่มเทอย่างสุดกำลังเพื่อทำให้สำเร็จให้จงได้ หัวหน้า สี่น้อย ขี้เมาเป่า เซียวเอี๋ยน ข้ารู้ว่านี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายของท่านในการเข้าร่วมงานประลองมณีสวรรค์ ดังนั้นข้าเชื่อว่าพวกท่านไม่อยากทำให้ตนเองต้องเสียใจภายหลังหรอก”

หลังจากพูดจบ โจวเหว่ยชิงก็ยื่นมือออกมา หลินเทียนอ้าวและคนที่เหลือวางฝ่ามือของตัวเองไว้บนมือของเขา และในช่วงเวลานั้น ขวัญกำลังใจของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุด เลือดในร่างกายเดือดพล่านด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้และความกระตือรือร้น

คนในกลุ่มสงบลงเมื่อผู้ตัดสินประกาศเริ่มการประลองรอบแรก และการแข่งขันวันสุดท้ายก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการเสียที เรือนพักของกลุ่มนักรบเฟยหลี่เงียบลงอย่างน่าประหลาด ทุกคนนั่งอยู่เงียบๆพลางปิดตาควบคุมลมหายใจและพลังปราณสวรรค์ นั่งสมาธิเพื่อทำให้ร่างกายเข้าสู่สภาพที่ดีที่สุด

มีเพียงคนเดียวที่ไม่ได้ถูกจัดให้ออกไปต่อสู้ เย่เป่าเปาไม่ได้เตรียมตัวเช่นเดียวกับคนอื่นๆ เขายืนนิ่งเงียบอยู่ที่ประตูเรือนพักเพื่อเฝ้าดูการต่อสู้และเตรียมการในแบบของตัวเองอย่างเงียบๆ สำหรับการต่อสู้ที่จะมาถึง เตรียมพร้อมเพื่อเรียกสหายของเขาให้ออกไปเมื่อถึงเวลาจริง

บางทีอาจเป็นเพราะการพยายามต่อสู้ในรอบนี้ไร้ความหมายไปแล้ว การประลองในหลายๆครั้งจึงเริ่มขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็ว การต่อสู้ระหว่างกลุ่มนักรบเฟยหลี่และกลุ่มนักรบตันตุ้นเป็นการต่อสู้รอบที่ 7 ของวัน แต่ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงก็มาถึงตาพวกเขาแล้ว

“ถึงเวลาแล้ว” น้ำเสียงอันเคร่งขรึมของเย่เป่าเปาดังขึ้นในเรือนพัก ปลุกให้สมาชิกทุกคนตื่นจากภวังค์ของพวกเขา

เมื่อมาถึงจุดนี้ ผู้ตัดสินบนเวทีก็ทำหน้าที่ของตนเองด้วยการประกาศเสียงดัง “สายที่ 3 กลุ่มนักรบตันตุ้นปะทะกลุ่มนักรบเฟยหลี่ ทั้งสองฝ่ายโปรดส่งสมาชิกคนแรกขึ้นไปบนเวที”

ในสายตาของผู้ตัดสิน เขากำลังประกาศเรื่องนี้ผ่านๆพอเป็นพิธีเท่านั้น ถึงอย่างไรกลุ่มนักรบเฟยหลี่ก็ได้เข้าสู่ 8 อันดับแรกแล้ว พวกเขาย่อมไม่มีเหตุผลให้ต่อสู้กับกลุ่มนักรบตันตุ้น กลุ่มนักรบคาลิเซก็ทำเช่นเดียวกัน พวกเขายอมจำนนต่อกลุ่มตัวเต็งโดยไม่ต่อสู้และเข้าสู่ 8 อันดับแรกไปอย่างเป็นทางการแล้ว

อย่างไรก็ตาม การประกาศยอมแพ้ที่ผู้ตัดสินคาดว่าจะเกิดขึ้นก็ไม่ได้มาถึงอย่างที่คิด ในวินาทีนั้น จู่ๆ ชายร่างใหญ่ผู้มีไหล่กว้างกลับเดินออกมาจากเรือนพักกลุ่มนักรบเฟยหลี่ ก้าวขึ้นไปบนเวทีอย่างช้าๆ แต่ทว่ามั่นคง

อีกด้านหนึ่ง สมาชิกของกลุ่มนักรบตันตุ้นคนหนึ่งก็เดินออกมาเช่นกัน เมื่อเขาเห็นว่ามีใครบางคนเดินออกมาจากด้านข้างเรือนพักกลุ่มนักรบเฟยหลี่ เขาก็ผงะไปเล็กน้อย เช่นเดียวกับผู้ตัดสินบนเวที ไม่มีสมาชิกกลุ่มนักรบตันตุ้นคนใดคาดคิดว่ากลุ่มเฟยหลี่จะต่อสู้กับพวกเขา

เมื่อมองไปที่หลินเทียนอ้าว ผู้ตัดสินก็พูดอย่างงุนงง “เจ้าต้องการต่อสู้หรือ?”

หลินเทียนอ้าวกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ การต่อสู้ของเรากับกลุ่มนักรบตันตุ้นได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ทำไมพวกเราจะไม่สู้ล่ะ?”

เสียงของหลินเทียนอ้าวนั้นทุ้มและหนักแน่น และแม้ว่าผู้ชมจะไม่อาจได้ยินคำพูดของเขา แต่กลุ่มอื่นๆในเรือนพักใกล้เคียงก็สามารถได้ยินเสียงของเขาชัดเจน ทันใดนั้นความปั่นป่วนก็เกิดขึ้นท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านั้น น้ำเสียงตื่นเต้นดังขึ้นเจี๊ยวจ๊าว บางคนถึงกับด่าว่ากลุ่มนักรบเฟยหลี่ประมาทและไม่เจียมตัวเอง

“กลุ่มนักรบเฟยหลี่ของเจ้ามั่นใจแล้วเหรอ? กล้าที่จะประลองกับอาณาจักรตันตุ้นของเรา?” สมาชิกที่เป็นตัวแทนของอาณาจักรตันตุ้นค่อนข้างตกใจ ทว่ามีความโกรธเจือปนอยู่ในน้ำเสียง ราวกับว่าอีกฝ่ายดูถูกเขาอย่างลึกล้ำ

เป็นเรื่องปกติที่อีกฝ่ายจะรู้สึกแบบนี้ เพราะตั้งแต่เริ่มงานประลองมณีสวรรค์ พวกเขาเป็นกลุ่มตัวเต็งกลุ่มแรกที่ถูกท้าทายโดยกลุ่มที่มีพื้นเพ “ธรรมดา”

หลินเทียนอ้าวกล่าวอย่างเฉยชา “ข้าแค่ทำตามกฎของการแข่งขัน เจ้ากำลังพยายามบอกว่ากลุ่มตัวเต็งสามารถขอผ่านการต่อสู้ได้ตามใจชอบหรือ?”

สมาชิกอาณาจักรตันตุ้นอุทานด้วยความโกรธ “ได้! เพราะเจ้าไม่รู้ฐานะของตัวเองและพยายามจะยัดอาหารคำใหญ่เข้าปากตัวเอง พวกเราอาณาจักรตันตุ้นก็ไม่รังเกียจที่จะกำจัดเจ้าทิ้ง!”

ถึงตอนนี้ผู้ตัดสินก็กลับมามีอาการสงบเยือกเย็นอีกครั้ง ใบหน้าของเขาเป็นปกติเหมือนเคย

เขากล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ทั้งสองฝ่ายโปรดแนะนำตัวเอง”

“กลุ่มนักรบเฟยหลี่ หลินเทียนอ้าว”

“กลุ่มนักรบตันตุ้น หลานเฟิง”

“การประลองเริ่มได้”

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

Status: Ongoing
นี่คือโลกใบใหม่ที่ไม่คุ้นเคย ระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร อัปเดตวันละ 2 ตอนในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอมีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!?ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น…หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย!ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตาไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขามันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด!สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า…แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ?ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร!นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใครมาร่วมหัวเราะและร้องไห้ไปกับผลงานชิ้นใหม่ของ Tang Jia San Shao ผู้เขียน ตำนานจอมยุทธ์ภูตถังซาน

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท