จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 519 ซวนอ๋องมอบของให้หยุนถิงต่อหน้าจวินหย่วนโยว
“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องท่านเป็นอย่างไรบ้าง?” ลูกน้องพุ่งเข้ามาทันที และถามอย่างเป็นห่วง
แต่อ๋องเก้าที่อยู่บนพื้นกลับยังคงนิ่ง ทำเอาลูกน้องร้อนใจยิ่งนัก
“อ๋องเก้าของเจ้าน่ะเจอจวินหย่วนโยวพูดไม่กี่คำก็ตกใจเป็นลมแล้ว ยังกล้าพูดว่าจะแก้แค้น ช่างน่าขันเสียจริง!” โม่ฉือชิงเปิดโปงอย่างไม่ไว้หน้า
“ข้ายังไม่ได้ลงมือเลย ขี้ขลาดจริง!” หยุนหลีสบถ
คนอื่นพากันหัวเราะครืน อ๋องเก้านี่คิดจะล้างแค้นหยุนถิง ถือเป็นเรื่องน่าขันยิ่ง
“อ๋องเก้าไม่สบาย คนมา ส่งอ๋องเก้ากลับไปพักผ่อน ให้หมอหลวงรักษาเขา!” ฮ่องเต้แค่นเสียงเย็น
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!” ลูกน้องถวายบังคมอย่างนอบน้อม รีบพาอ๋องเก้าออกไปทันที
หยุนถิงนั่งจนเริ่มเมื่อยแล้ว เลยออกจากงานเลี้ยงมาเดินเล่นสักหน่อย
ซูชิงโยวรีบตามเธอมาทันที หยุนถิงยื่นแขนให้ “ด้านนอกสบายกว่าจริงด้วย”
“เจ้านี่น้า อิสระจนเคยตัว” ซูชิงโยวบอก
“เจ้ามีคนที่สงสัยแล้วหรือไม่?” หยุนถิงถาม
ซูชิงโยวส่ายหัว “ข้าไม่ชอบเข้าวังมาแต่ไหนแต่ไร หากมิจำเป็นก็ไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงดอก คิดไม่ออกจริงๆว่าข้าไปทำให้ใครไม่พอใจ”
“เช่นนั้นก็ไม่ต้องคิดหรอก อีกเดี๋ยวข้าจะให้หลงเอ้อร์ส่งเจ้ากลับไป วางใจเถอะ ข้าจะสืบให้รู้แน่ชัดแน่นอน” หยุนถิงปลอบ
“ขอบคุณเจ้ามากหยุนถิง การได้รู้จักเจ้าเป็นสหายถือเป็นโชคดีที่สุดของข้าในชาตินี้”
“หยุดเลย เจ้าอย่ามาน้ำเน่าใส่ข้า ข้ารับไม้นี้ไม่ได้ที่สุด ข้าเกิดอยากกินทับทิมขึ้นมาแล้วสิ ทับทิมในพระราชวังเจ้าต้องมิเคยลองชิมมาก่อนแน่ ข้าพาเจ้าไปเด็ดนะ!” หยุนถิงหมุนตัวจากไป
“ได้” ซูชิงโยวรีบตามไปทันที
หยุนถิงไปไหน นางก็จะไปที่นั่น มันเป็นสิ่งที่ปลอดภัยที่สุด
จวินหย่วนโยวคิดถึงครั้งก่อนที่เด็ดทับทิม คนตระกูลเก๋อลอบฆ่าหยุนถิง รีบเร่งฝีเท้ามากขึ้น
ครั้งนี้จวินหย่วนโยวให้หลิงเฟิงขึ้นต้นไปเด็ดทับทิม ตนยืนอยู่ข้างกายหยุนถิง
ซูชิงโยวเริ่มกระดากขึ้นมา หยุนถิงกับซื่อจื่อรักใคร่กันเช่นนี้ นางช่างเป็นก้างขวางคอจริงๆ ดังนั้นซูชิงโยวถอยหลังไปหลายก้าว แต่ก็ไม่กล้าห่างไกลนัก กลัวจะมีคนลอบฆ่าตน
หลิงฟิงเด็ดทับทิมลงมาหลายผล หยุนถิงแบ่งให้ซูชิงโยวหนึ่งลูก ทั้งสองกินไปเดินไป และได้ยินเสียงลอยมาไม่ไกลนัก
“ข้าไม่ชอบโคลงกลอน และไม่สนใจด้วย!” น้ำเสียงเย็นชาของโม่เหลิ่งเหยียนลอยมา
หยุนถิงเหล่มองตรงนั้น คือซวนอ๋องและอวี้เซียนเอ๋อร์ อดแปลกใจไม่ได้
เธอเองก็อยากรู้ว่าอวี้เซียนเอ๋อร์ชอบก้อนน้ำแข็งใหญ่อย่างซวนอ๋องไปได้ยังไง ความอยากเผือก หยุนถิงเลยลากซูชิงโยวเดินเข้าไปใกล้อย่างระมัดระวัง
เดิมซูชิงโยวไม่กล้า แต่นางเองก็สงสัย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหยุนถิงอยู่ด้วย ดังนั้นเลยตามไปดีกว่า
จวินหย่วนโยวกลับทำหน้าไม่พอใจ เรื่องรักใคร่ของซวนอ๋องมีอะไรน่าฟังกัน เขาอยากเรียกคนมาเก็บซวนอ๋องไปเลยมากกว่า
เห็นเพียงอวี้เซียนเอ๋อร์แสร้งไม่ใส่ใจ “ได้ยินว่าซวนอ๋องชอบดนตรี ข้าอยากเรียนรู้จากซวนอ๋องสักหน่อย”
“ข้าไม่ว่าง!” โม่เหลิ่งเหยียนปฏิเสธนางออกมาเลย
อวี้เซียนเอ๋อร์เดาไว้ก่อนแล้วว่าซวนอ๋องต้องปฏิเสธตน แต่มาได้ยินกับหู ก็ยังคงเสียใจอยู่ดี
“ข้าน้อยเสียมารยาทเอง ท่านปู่มักพร่ำบอกถึงฝีมือการเล่นหมากอันล้ำเลิศของซวนอ๋อง บอกว่าหากมีโอกาสต้องขอประมือกับซวนอ๋องเสียสองกระดาน!” อวี้เซียนเอ๋อร์บอก
“เจ้าบ้านอวี้เกรงใจไปแล้ว มีโอกาสข้าจะไปเยี่ยมเยียนแน่นอน!” โม่เหลิ่งเหยียนตอบเสียงเรี
อวี้เซียนเอ๋อร์หยิบกล่องหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ “นี่เป็นของขวัญที่ท่านปู่ไหว้วานข้านำมาให้ซวนอ๋อง ขอซวนอ๋องอย่าได้รังเกียจเลย”
โม่เหลิ่งเหยียนเหล่มองกล่องนั้น สีหน้ายังคงเย็นชาดุจเดิม “ขอบคุณเจ้าบ้านอวี้ที่มีน้ำใจ แต่ข้าไม่อาจรับของขวัญนี้ได้”
“ซวนอ๋องไม่อยากรู้รึว่าในกล่องนี้มีอะไร?” อวี้เซียนเอ๋อร์ถาม
“ไม่ว่าจะเป็นอะไร ข้าก็ไม่ต้องการ น้ำใจของเจ้าบ้านอวี้ข้าขอรับด้วยใจแล้วกัน!” น้ำเสียงโม่เหลิ่งเหยียนมีแววรำคาญ
อวี้เซียนเอ๋อร์เองก็ไม่โกรธ เหล่มองทางภูเขาปลอมพลางว่า “ในกล่องนี้คือดอกมังกรโรยราซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าของตระกูลอวี้เรา ทั่วทั้งสี่แคว้นมีเพียงดอกนี้ดอกเดียว หายากยิ่งนัก ดอกไม้นี้หากโดนแสงก็จะเหี่ยวเฉาไป ในเมื่อซวนอ๋องไม่ต้องการ เช่นนั้นข้าทำลายมันก็ได้”
อันที่จริง พอพวกหยุนถิงเข้าใกล้ภูเขาปลอม อวี้เซียนเอ๋อร์ก็รู้สึกไดแล้ว แกล้งทำเป็นไม่รู เพื่อดึงดูดความสนใจของหยุนถิง
ในเมื่อโม่เหลิ่งเหยียนไม่มีช่องโหว่เลย นางได้แต่พุ่งเป้าไปที่หยุนถิงแล้ว
นั่นไง หยุนถิงที่อยู่ด้านนอกภูเขาปลอมพอได้ยินคำนี้ ตื่นเต้นยิ่งนัก พอเห็นอวี้เซียนเอ๋อร์ทำท่าจะเปิดกล่องออก หยุนถิงไม่ทันอธิบายกับจวินหย่วนโยว รีบพุ่งเข้าไปทันที
“คุณหนูอวี้จะโกรธไปไย ซวนอ๋องแค่ล้อเล่นกับท่านเท่านั้นเอง ไม่รู้ว่าข้าจะมีโอกาสได้เห็นดอกมังกรโรยรานี่สักหน่อยได้หรือไม่?” หยุนถิงถาม
โม่เหลิ่งเหยียนเห็นจู่ๆหยุนถิงก็ปรากฏตัว อดประหลาดใจไม่ได้ ฟังหยุนถิงพูดอย่างนี้ดูท่าจะแอบฟังอยู่นานแล้ว
นังหนูนี่เรียนรู้ที่จะแอบฟังตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
หากเป็นคนอื่น โม่เหลิ่งเหยียนคงเดือดดาลแล้ว แต่อีกฝ่ายเป็นหยุนถิง โม่เหลิ่งเหยียนไม่เพียงไม่โกรธ กลับดีใจเสียอีก
จากนั้นโม่เหลิ่งเหยียนก็เห็นจวินหย่วนโยวเดินเข้ามา ใบหน้าดำทะมึนทันที “ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่า จวินซื่อจื่อชอบแอบฟังคนอื่นพูดด้วย!”
“ข้าเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผย พวกเจ้าพูดกันเสียงดังปานนี้ ข้าไม่อยากได้ยินยังยากเลย” จวินหย่วนโยวแค่นเสียงเย็น
ซูชิงโยวเดินเข้ามา พยายามให้การคงอยู่ของตนลดลงเหลือน้อยที่สุด นางไม่อยากโดนหางเลขไปด้วย
โดนจวินหย่วนโยวพูดออกมาอย่างนี้ต่อหน้าธารกำนัล อวี้เซียนเอ๋อร์กระดากอายนัก กำลังคิดว่าจะอธิบายอย่างไรดี
โม่เหลิ่งเหยียนยื่นมือเข้ามา “บอกว่าจะให้ข้ามิใช่รึ ทำไมเปลี่ยนใจแล้วเล่า?”
น้ำเสียงเย่อหยิ่ง เย็นชายิ่งนัก
อวี้เซียนเอ๋อร์ถึงได้สติกลับมา ประหลาดใจเล็กน้อย ซวนอ๋องยอมรับของขวัญของ
ตนแล้ว รีบยื่นไปให้ “ซวนอ๋องยอมรับไว้ ข้าดีใจแทบไม่ทัน ย่อมไม่เปลี่ยนใจอยู่แล้ว”
ยิ้มที่ริมฝีปากของอวี้เซียนเอ๋อร์แข็งค้างทันที เพราะโม่เหลิ่งเหยียนรับกล่องไปก็ยื่นให้หยุนถิงทันที “เจ้าอยากดู ก็ให้เจ้าแล้วกัน!”
หยุนถิงซาบซึ้งนัก รับกล่องมาอย่างไม่เกรงใจ “ขอบคุณซวนอ๋อง!”
จวินหย่วนโยวเดือดดาลนัก สีหน้ากลายเป็นทะมึนเย็นชาทันที ถิงเอ๋อร์รับของจากโม่เหลิ่งเหยียนต่อหน้าตน นี่ทำเหมือนเขาไม่อยู่รึ
แต่เขารู้ว่าถิงเอ๋อร์ทำอะไรรู้การณ์ควรไม่ควร นางทำอย่างไม่ปิดบังตนเช่นนี้ ดูท่าตัวยานี้จะหายากอย่างยิ่ง
“ซวนอ๋อง ระยะนี้ท่านมิใช่พึ่งคิดกลอนออกมาบทหนึ่งมิใช่รึ ท่องให้คุณหนูอวี้ฟังสักหน่อยสิ!”
หยุนถิงแกล้งหาข้ออ้าง
โม่เหลิ่งเหยียนมุมปากกระตุก เขาท่องกลอนเมื่อไหร่กัน ทำไมเขาเองไม่รู้เล่า
สีหน้าจวินหย่วนโยวน่าเกลียดนัก โม่เหลิ่งเหยียนน่าตายนักกล้าแอบอวดอ้างต่อหน้าถิงเอ๋อร์ลับหลังตน กลับไปเขาต้องท่องกลอนออกมาให้ได้ร้อยบท
เหล่มองสีหน้าเหมือนกินแมลงวันเข้าไปเดือดดาลนักของจวินหย่วนโยว โม่เหลิ่งเหยียนอารมณ์ดีมาก นานๆจะได้เห็นจวินหย่วนโยวเดือดดาลแต่ทำอะไรไม่ได้อย่างนี้ สาแก่ใจนัก
“หยุนถิงพูดถูกแล้ว ระยะนี้ข้าพึ่งท่องกลอนบทใหม่มาจริงๆ—“ โม่เหลิ่งเหยียนท่องออกมาหนึ่งบท
อวี้เซียนเอ๋อร์มีหรือจะเหลือความรู้สึกยินดีเช่นเมื่อครู่ นางทำหน้าราวกับกินแมลงวันเข้าไป รู้สึกเหมือนโดนเหยียดหยามหนักหนา
เมื่อครู่นางถามซวนอ๋อง ซวนอ๋องบอกไม่ชอบท่องกลอน แต่หยุนถิงพูดแค่คำเดียว เขาก็ร่ายกลอนออกมาเลย ยังมีจะสิ่งใดหยามหยันตนไปมากกว่านี้อีกรึ