จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 642 มีท่านพี่อยู่ ข้าไม่กลัว
“คนที่เจ้าพูดถึงเป็นคนเช่นไรกัน?” หยุนถิงถามขึ้น
จ้าวเม่ยเอ๋อร์ขมวดคิ้วขึ้นทันที “เป็นคนที่รับมือยากมาก ยังจะยุ่งยากเสียยิ่งกว่าท่านลั่วอีก หนำซ้ำนางช่วยหรือไม่ช่วยผู้ใดขึ้นอยู่กับอารมณ์ของตัวเอง ถ้าเห็นเจ้าไม่ถูกชะตา ต่อให้เป็นท่านจักรพรรดิก็ไม่รักษาให้ ฉะนั้นพรุ่งนี้เจ้าระวังด้วย”
หยุนถิงกลับเข้าใจดี ปกติคนที่ยิ่งมีฝีมือ นิสัยก็ยิ่งแปลก
“ได้ ข้ารู้แล้ว ลำบากเจ้าแล้ว ถ้าไม่เช่นนั้นอยู่ต่อสักคืนหนึ่งก่อน พรุ่งนี้ค่อยกลับไป?” หยุนถิงเอ่ยปาก
“ไม่ต้อง ตลอดทางมานี้ข้าเดินพลางพัก ยังไม่ง่วง ข้าจะไปประลองฝีมือกับหลงซานเสียหน่อย เจ้าไปนอนเถิด” จ้าวเม่ยเอ๋อร์หมุนตัวแล้วไป
หยุนถิงส่ายหน้าอย่างจำใจ ดูแล้วจ้าวเม่ยเอ๋อร์เป็นศัตรูกับหลงซานแล้ว
หลงซานทางนี้ยังนอนอยู่บนกำแพง มองเห็นจ้าวเม่ยเอ๋อร์ฟันเข้ามาทางเขา หลงซานขมวดคิ้วแล้วรีบหลบเลี่ยง
“แม่นาง นี่คือเจ้าทำอะไร?”
“ข้าเห็นเจ้าแล้วถูกชะตา ฉะนั้นอยากประลองฝีมือกับเจ้าเสียหน่อย” จ้าวเม่ยเอ๋อร์โจมตีเข้ามาอีกหน
หลงซานเบ้ปาก ยังได้ยินเป็นครั้งแรกที่มีคนใช้เหตุผลประหลาดปานนี้ แต่ว่าเขารีบตอบรับคำท้าดวลทันที
ชั่วขณะนั้นองครักษ์เงามังกรและองครักษ์ลับคนอื่นๆ ต่างดูเรื่องสนุกขึ้นมากัน “พวกเจ้าว่า พวกเขาสองคนเจอหน้ากันก็เล่นใหญ่ปานนี้ คงมิใช่สู้จนเกิดความรักกันขึ้นกระมัง?” หลงซื่อเบ้ปากพูดพึมพำ
“เจ้าตาบอดหรือ เจ้ามองไม่เห็นแม่นางจ้าวใช้สุดแรงฟันใส่หลงซานหรือ ก็เพราะหลงซานตอบสนองไว ไม่เช่นนั้นเปลี่ยนเป็นคนอื่นคงถูกนางฟันจนตายในคราเดียว เจ้าเห็นผู้ใดพลอดรักกันอย่างไม่ไว้ชีวิตเช่นนี้เล่า?” หลงหวู่โต้แย้ง
“พูดมาก็ถูก พวกเราดูเรื่องสนุกเถิด”
จ้าวเม่ยเอ๋อร์กับหลงซานต่อสู้ยกหนึ่ง เป็นเวลาทั้งคืน จนกระทั่งเช้าตรู่วันต่อมา จ้าวเม่ยเอ๋อร์ถึงออกไป
ช่วงอาหารเช้า ซูหลินกับเยว่เอ๋อร์ต่างอุ้มเด็กคนหนึ่งออกมา ดูแลพวกเขาให้กินอาหารเช้า ในที่สุดหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวก็สามารถกินข้าวสักมือได้อย่างสบายใจแล้ว
รับประทานอาหารเช้าเสร็จ หยุนถิงและคนอื่นขึ้นรถม้าแล้ว หลิงเฟิงและรั่วจิ่งควบรถม้า มุ่งตรงไปยังอุทยานจันทร์สีเงินที่ห่างไปร้อยลี้
รอตอนที่มาถึงอุทยาน หยุนถิงตกตะลึงแล้ว
ปกติอุทยานไม่ใช่ว่าอยู่ติดภูเขาและแม่น้ำ รอบด้านล้อมด้วยภูเขา แล้วสร้างเรือนขนาดใหญ่ไว้บนที่ดินฮวงจุ้ยดีๆ และดูน่าประทับใจหรอกหรือ เหมือนกับอุทยานตระกูลเสวี่ยเยี่ยงนั้น
แต่อุทยานจันทร์สีเงินแห่งนี้ เป็นที่เปล่าเปลี่ยวห่างไกลผู้คน สร้างกระท่อมไม่กี่ห้องไว้บนที่ดินว่างเปล่าในป่าแห่งหนึ่ง บนกระท่อมแขวนป้ายอันหนึ่งไว้: อุทยานจันทร์สีเงิน
บนต้นไม้สี่ด้านของบ้านแขวนป้ายผ้าไว้มากมาย หลากหลายสีสัน ดูขึ้นมาแปลกประหลาดยิ่งนัก
ด้านหน้ากระท่อม ตรงหน้าหญิงชราที่หลังค่อมคนหนึ่งมีหนอนฝูงหนึ่งคืบคลานอยู่ เวลานี้หนอนพวกนั้นกำลังบิดงอตัว แสดงสารพัดท่าทาง มองจนขนลุกยิ่งนัก
“ท่านแม่ กลัว!” จวินเสี่ยวเทียนรีบเอ่ยปาก
“ไม่ต้องกลัว หนอนพวกนั้นจะไม่ทำร้ายเจ้า ซูหลินเจ้ากับเยว่เอ๋อร์พาเด็กทั้งสองขึ้นรถม้าไปเถิด” หยุนถิงเอ่ยปากบอก
“เจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่!” ซูหลินกับเยว่เอ๋อร์รีบอุ้มเด็กๆ ไป กลัวหนอนพวกนี้ทำให้พวกเขาตกใจกัน
“ท่านพี่ พวกเราเข้าไปดูกันเสียหน่อย” หยุนถิงจับมือของจวินหย่วนโยวไว้
“ได้!”
ทั้งสองคนก้าวเท้าเดินเข้าไป ดวงตาดุเดือดของจวินหย่วนโยวกวาดมองหนอนพิษกู่พวกนั้นในลานกว้าง และรู้สึกชาหนังศีรษะอยู่บ้าง
“ท่านเฒ่า ขอรบกวนเสียหน่อยเจ้าค่ะ ได้ยินว่าท่านชำนาญการฝึกหนอนกู่ วันนี้ข้ากับสามีตั้งใจมาขอความช่วยเหลือจากท่าน ให้ท่านตรวจดูว่าในร่างกายสามีข้าโดนหนอนกู่เข้าไปหรือไม่เจ้าค่ะ ไม่ว่าท่านมีอะไรสั่งการ พวกเราล้วนรับปากทำตามทั้งสิ้นเจ้าค่ะ!” หยุนถิงพูดอย่างมีมารยาท
หญิงชราหันหลังให้พวกเขา ไม่ยอมหันหน้ามามอง “ไม่รักษา!”
“เพราะเหตุใดกัน?” หยุนถิงขมวดคิ้ว
“ไม่เพราะเหตุใด ข้าไม่อยากรักษา!”
“พวกเราไม่มีเจตนาล่วงเกิน ขอให้ท่านเฒ่าเมตตาด้วย ท่านเฒ่าไม่กล้า หรือว่าไม่มีความมั่นใจต่อวิชาควบคุมหนอนกู่ของตนเองกันแน่?” จวินหย่วนโยวจงใจพูดเช่นนี้
“เหอะ วิธียั่วยุให้ฮึกเหิมทำอันใดข้าไม่ได้ ถ้าหากพวกเจ้าไม่ออกไปจากที่นี่ อย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจแล้วกัน” หญิงชราพูดอยู่ ทันใดนั้นเขย่ากระดิ่งเงินอันนั้นบนข้อมือ
เสียงแสบแก้วหูลอยมา ทันใดนั้นหนอนพิษกู่สีดำมากมายคลานออกมาจากทั่วสารทิศล้อมหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวไว้ตรงกลาง
หยุนถิงมองจนหนังศีรษะชา นี่ถ้าเป็นหนอนปกติยังดี แต่พวกนี้ล้วนเป็นหนอนพิษกู่ หากไม่ระวังถูกกัดหรือว่าถูกพวกมันมุดเข้าร่างกาย จะถูกทรมานจนเหมือนตายทั้งเป็น เจ็บปวดถึงขีดสุด หากร้ายแรงก็กระทั่งกลายเป็นหุ่นเชิด
จวินหย่วนโยวดึงหยุนถิงมาไว้ด้านหลังโดยจิตใต้สำนึก สีหน้าเย็นเฉียบ “ไม่ต้องกลัว ข้าจะปกป้องเจ้าเอง!”
“มีท่านพี่อยู่ ข้าไม่กลัว!” หยุนถิงยิ้มอย่างปลื้มใจ
“พูดจาใหญ่โตนักเชียว!” หญิงชราพึมพำอย่างโมโห ทันใดนั้นสั่นกระดิ่งเงินอย่างรุนแรงและรวดเร็ว
หนอนพิษกู่พวกนั้นยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายทั่วทั้งผืนดินเต็มไปด้วยหนอนพิษกู่ หลิงเฟิงและคนอื่นที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงแล้ว รีบดึงกระบี่ยาวออกมา เตรียมช่วยชีวิตซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยทุกเมื่อ
จวินหย่วนโยวขมวดคิ้วจนเกิดรอยย่นอยู่ระหว่างคิ้ว รวบรวมพลังภายใน ใช้ฝ่ามือเดียวสั่นสะเทือนหนอนพิษกู่บนพื้นกระเด็นไป
เพียงแค่เขายังไม่ทันได้หายใจออก ในท้องหนอนพิษกู่ที่ตายลงพวกนั้นก็มีหนอนพิษกู่เล็กๆ ตัวหนึ่งคลานออกมา โจมตีพวกเขาต่อไป
หลิงเฟิงและคนอื่นยิ่งเป็นกังวล รีบเขามาช่วย
“อย่าเข้ามา ถ้าจัดการไม่ดีพวกเจ้าถูกหนอนพิษกู่กัดเข้าจะต้องโดนควบคุมแน่ หลบไปอยู่ด้านข้างกันให้หมด” หยุนถิงรีบนำผงยาพิษส่วนหนึ่งออกมาจากมิติ นี่คือสิ่งที่นางตั้งใจทำขึ้นเมื่อคืนโดยเฉพาะ ก็คือเพื่อป้องกันหนอนพิษกู่
บริเวณไม่ไกลนัก จวินเสี่ยวเหยียนกำลังก้าวขาสั้นๆ แล้ววิ่งเข้ามา เห็นบนพื้นดำแน่นไปหมด ยังขยับได้อีก จวินเสี่ยวเหยียนตื่นเต้นอย่างยิ่ง ยื่นมือจับหนอนพิษกู่ตัวหนึ่งเอาไว้แล้วเล่นขึ้นมา
นี่ทำเอาเยว่เอ๋อร์ตกใจใหญ่ “เสี่ยวเหยียนระวัง นั่นมันเล่นไม่ได้ รีบเอาทิ้งไป”
หยุนถิงและคนอื่นมองเห็นเหตุการณ์นี้ก็ตกใจแทบแย่เช่นกัน แม้แต่ผู้ใหญ่อย่างพวกเขายังไม่รู้ว่าควรถอยหลบไปเช่นไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเด็กน้อยอายุหนึ่งขวบคนหนึ่งเลย
“เสี่ยวเหยียนรีบวางลง เอามันทิ้งไป!” หยุนถิงตะโกนเสียงดัง
“เสี่ยวเหยียน ทิ้งไป!” ทั้งหัวใจของจวินหย่วนโยวแทบจะทะลุหน้าอกออกมาแล้ว เขารีบใช้ฝ่ามือตบหนอนพิษกู่รอบตัวกระเด็นไป แล้ววิ่งตรงไปหาจวินเสี่ยวเหยียน
จวินเสี่ยวเหยียนมองเข้ามาอย่างไม่รู้เรื่อง “ท่านพ่อ ท่านแม่!” กำลังพูดอยู่ พอไม่ทันระวังในมือก็บีบหนอนพิษกู่ตัวหนึ่งตายแล้ว
“สนุก สนุกจริง ท่านพ่อท่านแม่สนุก!” จวินเสี่ยวเหยียนยกเท้าน้อยๆ ขึ้นแล้วเหยียบขึ้นมา เหยียบหนอนพิษกู่ตั้งหลายตัวเข้า
ส่วนหนอนพิษกู่พวกนั้นราวกับเจอคนที่น่ากลัวอะไรเข้า คลานหนีไปทั้งหมด
“โอ๊ย ลูกรักของข้า นังหนูนี่คาดไม่ถึงเจ้าเหยียบหนอนพิษกู่ของข้าตายแล้ว ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่” หญิงชราวิ่งเข้ามาดุจภูติผี
หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวไม่คิดอะไรทั้งสิ้น รีบตบหนอนพิษกู่รอบตัวจนกระเด็น วิ่งตรงเข้ามาหา
หญิงชราที่เดิมทีโมโหเดือดดาล และอยากฆ่าคนแต่วินาทีที่มองเห็นจวินเสี่ยวเหยียนนั้นก็ตะลึงค้างแล้ว “เด็ก เด็กคนนี้——”
“อย่าแตะต้องลูกข้า ถ้าเจ้ากล้าแตะต้องนางแม้แต่ผมเส้นเดียว ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปเด็ดขาด!” จวินหย่วนโยวพูดอย่างโกรธเคือง
“โอหังนักเชียว วอนหา——” หญิงชราเพิ่งอยากลงมือ ปรากฏว่าตอนที่มองเห็นใบหน้านั้นของหยุนถิง นางมึนงงไปทั้งตัว
“เหมือน ช่างเหมือนเสียจริง เจ้าคือผู้ใดกัน ชื่ออะไร?”
หยุนถิงขมวดคิ้ว หรือว่าหญิงชราผู้นี้รู้จักตนเอง แต่เดิมทีนางไม่เคยพบนางมาก่อน แต่ว่ายังตอบไป
“ข้าชื่อหยุนถิง!”
พูดสองคำเบาๆ ราวกับสายฟ้าผ่าลงบนศีรษะของหญิงชรา ทำให้ทั้งตัวนางลืมตอบสนองกลับมา