จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 776 คืนนี้ข้าไม่ยอมอ่อนข้อให้เจ้า

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 776 คืนนี้ข้าไม่ยอมอ่อนข้อให้เจ้า

“พวกเราไปที่เมืองฉือ ก็คือวี่อู๋เสียพวกเขาล่อให้ไปผิดทาง บางทีชางเอ่อคนนี้เป็นคนที่พวกเขาส่งมา จงใจพาพวกเรามาที่นี่” หยุนถิงตำหนิตนเองอยู่บ้าง

“ในเมื่ออีกฝ่ายมีเป้าหมาย เช่นนั้นก็รอดูการเคลื่อนไหวของเขาเงียบๆ!” จวินหย่วนโยวพูดปลอบใจ

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ช่วงกลางดึกผ่านไป ประตูบ้านคนอื่นๆ ในหมู่บ้านประมงเปิดออก คนชุดดำนับไม่ถ้วนกรูออกมา วิ่งตรงมายังเรือนที่จวินหย่วนโยวพวกเขาพักอยู่ ล้อมรอบไว้ทั่วสารทิศ

จวินหย่วนโยวที่อยู่ในห้องได้ยินการเคลื่อนไหว ดวงตาดำขลับอันดุร้ายอยู่ท่ามกลางยามค่ำคืนดุจหินอัคนี มืดครึ้มล้ำลึก

“พวกเขามาแล้ว!”

“อืม คืนนี้พวกเราสองคนพยายามเต็มที่กัน ตั้งแต่แต่งงานมาพวกเราสองคนเหมือนว่าไม่ได้ประลองฝีมือกันนานมาก คืนนี้สามารถประลองกันสักตั้งพอดี!” หยุนถิงคึกคักขึ้นแล้ว

“ได้ คืนนี้ข้าจะไม่ยอมอ่อนข้อให้เจ้า!” จวินหย่วนโยวตอบ

หยุนถิงรีบล้วงอาวุธออกมาจากในมิติ หลิงเฟิงกับหลงยีและคนอื่นๆ รีบมาด้วยความเร็วไวที่สุด ทุกคนแบ่งอาวุธกัน แล้วยึดครองตำแหน่งได้เปรียบหลบซ่อนกัน

คนชุดดำนับไม่ถ้วนฉวยโอกาสยามค่ำคืนอำพรางตัว วิ่งตรงมาที่เรือนแห่งนี้ มองเห็นหน้าประตูห้องที่ปักธงเอาไว้ รีบวิ่งเข้าไปโดยเร็ว เพราะนั่นคือสัญลักษณ์ของพวกเขา

คนชุดดำล้วงกระบอกไม้ไผ่เป่าก๊าซพิษใส่ด้านในแล้ว รอสักพักไม่ได้ยินเสียงอะไร ถึงผลักประตูเข้าไป

ในห้องมืดสนิท มองเห็นไม่ชัด ได้เพียงอาศัยแสงจันทร์นอกหน้าต่างเดินไปข้างในอย่างเลือนราง คนชุดดำที่เข้ามาพวกนั้นเดินมาไม่กี่ก้าวก็โดนยิงตายแล้ว

หยุนถิงจงใจใช้ปืนไร้เสียง ฉะนั้นจึงไม่มีเสียงสักนิด

ส่วนที่ห้องอื่นๆ ยังคงเป็นเช่นนี้ ก่อนจะมาที่เขตทะเลนิรนาม หยุนถิงก็สะสมเครื่องมืออย่างเพียงพอไว้ในมิติแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกำลังต่อสู้ของเขตทะเลนิรนามทางนี้แกร่งเหลือเกิน ช่วงเวลาสำคัญยังต้องใช้เครื่องมือ

รอตอนที่คนชุดดำข้างนอกเห็นว่าพรรคพวกที่เข้าไปไม่ได้ออกมา และไม่มีการเคลื่อนไหว ชั่วขณะหนึ่งรู้สึกผิดปกติ ต่างเข้ามาตรวจดู

เพียงแต่คนเข้ามาเป็นระลอก กลับยังไม่มีใครออกมา และไม่มีเสียงด้วย

บนหลังคาที่หนึ่งของเกาะ ภาพคนสองคนยืนอยู่ตรงนั้น กำลังมองทางห้องที่จวินหย่วนโยวและคนอื่นพักอยู่

“เจ้าว่าคืนนี้จวินหย่วนโยวกับหยุนถิงพวกเขาจะรอดออกไปได้หรือไม่?” ฮวาเชียนจั่นถามอย่างค่อนข้างสนใจ

ความจริง ตั้งแต่หยุนถิงและคนอื่นออกเดินทางกลางทะเลฮวาเชียนจั่นก็ได้รับข่าวมาแล้ว เรื่องราวในเมืองฉือที่พวกเขาประสบพบเจอฮวาเชียนจั่นก็ได้ยินมาเช่นกัน เหตุผลที่ไม่ได้ยุ่งวุ่นวายมาก คือเขาอยากดูความสามารถของหยุนถิงและจวินหย่วนโยวเสียหน่อย

“เกาะนี้เป็นเจว๋กู๋กับวี่อู๋เสียจัดเตรียมเพื่อจวินหย่วนโยวกับหยุนถิงและคนอื่นเป็นพิเศษ หนำซ้ำทั้งหมดบนเกาะล้วนเป็นกองกำลังชั้นเลิศของพวกเขา ถ้าพวกเขาอยากจะมีชีวิตรอดออกไป กลัวว่าคงยากมากเจ้าค่ะ!” อี้ชิวตอบ

“ถ้ามาตายเยี่ยงนี้แล้ว เช่นนั้นคงไม่ใช่หยุนถิงกับจวินหย่วนโยว หวังว่าพวกเขาอย่าทำให้ข้าผิดหวัง!” มุมปากฮวาเชียนจั่นเผยรอยยิ้มขึ้น

เขารอคอยผลต่อสู้ในวันพรุ่งนี้เช้าอย่างมาก ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้เจว๋กู๋กับวี่อู๋เสียมองเห็นเหตุการณ์ฉากนี้จะเป็นอย่างไรกัน?

ทางนี้ ท่ามกลางบ้านคนสักแห่งหนึ่ง เจว๋กู๋กับวี่อู๋เสียจามกันคนละที

“ดึกๆ ดื่นๆ ผู้ใดมันด่าข้ากันเล่า ถ้าให้ข้ารู้ว่าเป็นเจ้าสารเลวที่ใด ข้าจะถลกหนังมันเป็นๆ แน่!” วี่อู๋เสียลูบจมูกแล้วพูดขึ้น

เจว๋กู๋ทำหน้าเย็นชา วันนี้เขาจงใจเตรียมคนมากปานนี้ไว้ลอบฆ่าจวินหย่วนโยวกับหยุนถิง จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้ยินการเคลื่อนไหว ไม่รู้เป็นอย่างไรบ้าง

“เหตุใดเจ้าไม่พูดจาเล่า เจ้าก็จามเหมือนกันไม่ใช่หรือ?” วี่อู๋เสียมองเข้ามา

“คนที่อยากฆ่าข้ามีเยอะไป นับประสาอะไรกับคนที่ด่าฆ่า ทำตกอกตกใจไปได้!” เจว๋อู่พูดอย่างรำคาญ

“พูดมาก็ถูก ถ้าคืนนี้คนของพวกเราทำสำเร็จแล้ว ข้าจะโยนจวินหย่วนโยวกับหยุนถิงลงคอกหมู ให้พวกเขากินขี้หมู ดื่มเหยี่ยวหมู แล้วใช้ชีวิตที่เหลือในคอกหมูไปเลย เพื่อลบล้างความอัปยศก่อนหน้านี้!” วี่อู๋เสียพูดอย่างแค้นเคือง

เจว๋อู๋มองค้อนแล้ว “ช่างไม่ได้เรื่องเอาเสียจริง!”

“ข้าไม่ได้เรื่องเช่นนั้นหรือ นี่คือข้ากำลังแก้แค้นอยู่ สหายเจ้าไม่รู้หรอกว่าช่วงนั้นที่ข้าอยู่ในคอกหมูมันเป็นเช่นไร คนเราฆ่าได้แต่หยามไม่ได้ ชาตินี้ข้าจะไม่กินเนื้ออีกเด็ดขาด!” วี่อู๋เสียพูดอย่างกัดฟันแน่น

เจว๋กู๋หรี่ดวงตาขึ้นเล็กน้อย ชายตามองทางเรือนของจวินหย่วนโยวและคนอื่น ตอนนี้ได้เพียงแค่รอ

ส่วนในเรือนแห่งนี้ คนชุดดำทั้งหมดไม่ได้กลับมา ชางเอ่อและตาเฒ่าที่รออยู่ในห้องก็ร้อนใจพอสมควร

“อาจารย์ขอรับ จนถึงตอนนี้ยังเงียบอยู่ พวกเขาทำสำเร็จแล้วหรือยัง?” ชางเอ่อถาม

ตาเฒ่าส่ายหน้า “ถ้าทำสำเร็จแล้ว ต้องส่งสัญญาณให้นายท่านเป็นแน่ แต่ตอนนี้ยังไม่มีการเคลื่อนไหว บางทีอาจเกิดเรื่องไม่คาดคิดแล้ว”

“เช่นนั้นพวกเราควรทำเช่นไรขอรับ?” ชางเอ่อสีหน้าตึงเครียด

“ออกไปดูเสียหน่อย ต้องระวังตัวด้วย!”

“ขอรับ!”

อาจารย์กับศิษย์ทั้งสองคนรีบออกไป วิ่งตรงไปยังห้องของจวินหย่วนโยวและหยุนถิงอย่างระวัง

ประตูห้องปิดสนิท มองข้างในไม่ชัด ด้านนอกประตูก็ไม่มีการกระทำใดๆ

ชางเอ่อแนบหูฟังที่หน้าต่างอย่างระวัง จากนั้นส่ายหน้าให้ตาเฒ่า

ทั้งสองคนส่งสายตาให้กันและกัน ชางเอ่อผลักประตูห้องออก ทั้งสองคนเดินย่องเข้าไป

หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวมองเห็นคนที่เข้ามา ทั้งสองหัวเราะเยาะ

ห้องอันมืดมิดยามค่ำคืน ทันใดนั้นมีเสียงหัวเราะลอยมา ชางเอ่อกับตาเฒ่าตกใจยกใหญ่แล้ว “ไม่ได้การแล้ว รีบหนี!”

“มาแล้วยังอยากหนี?” หยุนถิงพึมพำอย่างเย็นชา รีบลั่นไกปืน

ไม่ใช่ยิงจนถึงแก่ชีวิต แต่ว่ายิงบนขาสองข้างของชางเอ่อ จวินหย่วนโยวก็ยิงปืนในขณะเดียวกัน ยิงที่ขานัดหนึ่ง ยิงที่ไหล่นัดหนึ่ง

“อ่า!” ชางเอ่อกับตาเฒ่าต่างล้มลงและร้องโหยหวน เหมือนว่าสะดุดอะไรเข้าแล้ว ทั้งสองคนหกล้มลงไปทางด้านข้าง

ห้องที่เดิมทีมืดมิดแวบเดียวก็สว่างขึ้น จวินหย่วนโยวล้วงไข่มุกราตรีที่ขนาดเท่ากำปั้นเม็ดหนึ่งออกมา ส่องสว่างทั่วทั้งห้อง

ตอนที่มองเห็นศพที่นอนอยู่บนพื้น ชางเอ่อกับตาเฒ่าล้วนตกตะลึงแล้ว และไม่ได้สนใจความเจ็บปวด “เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้?”

“เหตุใดจะเป็นเช่นนี้ไม่ได้ ตั้งแต่วินาทีนั้นที่พวกเจ้าวางแผนกับพวกข้า ก็ควรนึกถึงผลลัพธ์นี้!” หยุนถิงพึมพำอย่างเย็นชา

“บอกมา ผู้ใดบงการพวกเจ้า?” เสียงเย็นเฉียบของจวินหย่วนโยวลอยมาประหนึ่งน้ำแข็งหมื่นปี

ชางเอ่อเจ็บจนสีหน้าซีดเซียว ขาทั้งสองเลือดไหลพราก ทำให้เขาเจ็บปวดยิ่งนัก กลับไม่ได้เอ่ยปาก

ส่วนตาเฒ่าไม่เพียงไม่ยอมพูด ยังวางแผนอยู่ในใจว่าจะหนีไปอย่างไร

หยุนถิงเดินเข้ามาสองสามก้าว มองคนที่พื้นจากบนลงล่าง “สิ่งที่ข้าคนนี้เกลียดที่สุดก็คือการหลอกลวงและการทรยศ ในเมื่อเจ้าแสร้งยอมจำนนและวางแผนถึงเพียงนี้ ฉะนั้นจะโทษข้าไม่ได้!”

“ท่านต้องการอะไร?” เสียงของชางเอ่อสั่นเครือไปหมด ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าหยุนถิงตรงหน้านี้ดูน่ากลัวมาก

หลงเอ้อกับหลิงเฟิงก็วิ่งเจ้ามา พอเห็นสองคนบนพื้น ชั่วขณะนั้นโมโหยกใหญ่

“พวกเจ้าคนระยำสองคนนี้ กล้าวางแผนการในคืนนี้กัน วอนหาที่ตาย!” กระบี่ในมือของหลงเอ้อแทงเข้ามาโดยตรง

“เดี๋ยวก่อน ยังไม่ได้บอกคนบงการ” หลิงเฟิงล้วงยาออกมาทันที ยัดเข้าในปากของสองคนแล้ว

ชางเอ่อกับตาเฒ่าอยากปฏิเสธ เดิมทีไม่มีโอกาส เพราะเมื่อครู่หลิงเฟิงถือโอกาสกดจุดพวกเขาไปด้วย

ในห้องมืดลงมากะทันหัน เพราะจวินหย่วนโยวเก็บไข่มุกราตรีกลับไป “ป้องกันพวกเขาโดนฆ่าปิดปาก!”

“ยังเป็นท่านพี่ที่คิดรอบคอบ!” หยุนถิงอดยกนิ้วหัวแม่มือให้ไม่ได้

ถ้ามีแสงสว่าง คนด้านนอกยิงอาวุธลับมาโดยตรงก็จะฆ่าปิดปากได้ แต่ว่ามืดมิดไปทั่ว แม้ว่าคนด้านนอกจะเก่งเพียงใด ก็ตัดสินตำแหน่งของพวกเขาไม่ออก

“บอกมา ผู้ใดบางการพวกเจ้า?”

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท