จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 783 ไม่ต้องการความหวังดีของเขา

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 783 ไม่ต้องการความหวังดีของเขา

“เจ้าอยากทำอะไรก็ทำไป ทุกอย่างมีข้าอยู่ ไม่ต้องกังวล ต้องระวังตัวให้ดี!” จวินหย่วนโยวพูดอย่างห่วงใย

“มีท่านพี่อยู่ ข้าไม่กังวล!”

หยุนถิงแอบอิงในอ้อมอกของจวินหย่วนโยว เพราะมีเขาอยู่ ไม่นานหยุนถิงก็หลับแล้ว หนำซ้ำหลับสบายไร้ที่เปรียบ

จนกระทั่งวันต่อมาได้ยินเสียงเคาะประตู หยุนถิงถึงตื่นขึ้นมา วินาทีนั้นที่ลืมตาขึ้นมองเห็นจวินหย่วนโยวไม่อยู่ในห้อง จึงหัวเราะอย่างจำใจ

นางหลับเป็นตายอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไร แม้แต่จวินหย่วนโยวไปแล้วยังไม่รู้สึกตัว

หยุนถิงลุกขึ้นมาแต่งตัวให้เรียบร้อยถึงออกมา ก็มองเห็นทุกคนวุ่นวายขึ้นมากันหมด

“สหายถิงหยุน เหตุใดเจ้าตื่นสายปานนี้ พวกเรากินข้าวเช้ากันแล้ว” ผางซิงพูดอย่างกระตือรือร้น

“อ่อ ข้าไม่ค่อยหิว เมื่อวานนั่งเรือมาทั้งวันเหนื่อยเหลือเกิน ข้าไม่ได้ลุกขึ้นเลย” หยุนถิงตอบ

“ข้าเหลือหมั่นโถวอันหนึ่งไว้ให้เจ้า เจ้ารีบกินตอนที่ยังร้อนๆ ตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มแข่งขัน ยังมีเวลา” ผางซิงล้วงหมั่นโถวลูกหนึ่งออกมาจากในกระเป๋าแล้วส่งเข้ามา

มองหมั่นโถวนั้นอยู่ หยุนถิงทั้งประทับใจทั้งจำใจ เจ้าทึ่มคนนี้ไม่รู้จริงว่าหมั่นโถวนี้มีพิษ

“ผางซิงดีต่อเจ้าเสียจริง คาดไม่ถึงยังแอบซ่อนหมั่นโถวไว้ ตอนข้าถามเขาว่าเอามาทำไม เขาพูดกับข้าว่าให้ทาย ใช่แล้ว ข้าชื่อโจวปู้ ต่อไปพวกเราก็เป็นศิษย์สำนักเดียวกันแล้ว” อีกคนหนึ่งที่ด้านข้างพูดขึ้น

จวินหย่วนโยวที่อยู่ด้านข้างชายตามองหมั่นโถวในมือผางซิง สีหน้าอึมครึมแทบไม่ไหว เพิ่งอยากยื่นมือรับเข้ามา ก็เห็นหยุนถิงรับเข้าไปเรียบร้อย

“ผางซิงขอบใจเจ้ามาก แต่ต่อไปเจ้าไม่ต้องช่วยข้าหยิบข้าวมาแล้ว ข้าไม่ชอบกินหมั่นโถว!” หยุนถิงปฏิเสธ

ถ้าเกิดต่อไปเจ้าหมอนี่เห็นตนเองไม่ไปกินข้าว ก็เอามาให้ตนเองอีก นี่ใครจะไปทนไหว

ผางซิงทำหน้ากระอักกระอ่วน “ที่แท้เจ้าไม่ชอบกินหมั่นโถว เจ้าชอบกินอะไร คราวหน้าข้าจะช่วยหยิบให้เจ้า”

“ไม่ต้องหรอก ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีมือ ไม่ต้องการเจ้าช่วยเหลือ” จวินหย่วนโยวทนจนถึงขีดสุดจึงพูดออกมาแล้ว

ผางซิงตกใจจนตัวสั่น พี่ชายผู้นี้ลักษณะพลังแข็งแกร่งเหลือเกิน ช่างเย็นชา น่าตกใจนัก

“ได้ ข้ารู้แล้ว” เสียงของผางซิงสั่นเครือไปหมด

“พี่ใหญ่ เขาก็แค่หวังดี” หยุนถิงรีบพูดโน้มน้าว

“ไม่ต้องการความหวังดีของเขา!” จวินหย่วนโยวพูดอย่างไม่ปรานีแม้แต่น้อย

เขาเพียงแค่ไม่อยากให้เจ้าอ้วนคนนี้ช่วยหยิบอาหารมีพิษมาให้หยุนถิงทุกครั้ง บางครั้งพูดจาดีๆ คนอื่นเพียงคิดว่าเจ้าเกรงใจ คราวหน้ายังจะทำเช่นนี้

ถึงแม้รู้ว่าถิงเอ๋อร์ไม่อาจถูกพิษใดๆ ทำร้ายได้ แต่ให้นางกินพิษทุกมื้อ จวินหย่วนโยวย่อมไม่ยอม ดังนั้นถึงจงใจด่าผางซิง

ชั่วขณะนั้นผางซิงสีหน้าดูแย่อย่างยิ่ง ไม่รู้ควรทำอย่างไรอยู่บ้าง

“เดี๋ยวการแข่งขันจะเริ่มขึ้นแล้ว พวกเราไปทางนั้นก่อนเถิด” โจวปู้ดึงผางซิงไว้แล้วเดินไป

“พี่ใหญ่!” หยุนถิงตะโกนอย่างจำใจ

“ข้าอยู่นี่! เจ้าไม่ชอบกินหมั่นโถวต่อไปก็พูดไปตามตรง หิวก็ไปที่ครัว ห้ามให้คนอื่นนำของกินมาให้เจ้า!” จวินหย่วนโยวตอบอย่างเย็นชา

แม้แต่ศิษย์ของสำนักหมอเทวดาที่อยู่ไม่ไกลนักมองเห็นเหตุการณ์ฉากนี้ ต่างอดขมวดคิ้วไม่ได้

พี่ชายคนนี้เหมือนจะยุ่งมากเกินไปแล้ว เหมือนว่าตั้งแต่แรกตอนที่ขึ้นเรือมาเขาก็เอาแต่ทำหน้าบึ้งตึง ทันใดนั้นพวกเขาเห็นใจถิงหยุนพอสมควร

“ทุกคนต่อแถวให้ดี ตอนนี้เริ่มการแข่งขันรอบที่สอง วัตถุดิบในนี้ทุกคนสามารถเลือกได้ตามสบาย งัดเอาฝีมือที่ดีที่ของพวกเจ้าออกมาทำอาหารจากยาอย่างหนึ่ง

จากนั้นให้ผู้อาวุโสห้าท่านของสำนักหมอเทวดาชิมแล้วตัดสิน เวลาหนึ่งชั่วยาม ห้ามกระซิบกระซาบกัน ยิ่งห้ามช่วยเหลือกันและกัน ถ้าเกิดพบเข้าก็ตัดสิทธิ์การแข่งขัน

การแข่งขันรอบนี้คัดเลือกคนครึ่งหนึ่งผ่านเข้าไป และหมายความว่าคนอีกครึ่งหนึ่งได้เพียงเป็นคนปลูกสมุนไพรหรือทำความสะอาด ทุกคนเริ่มกันเถิด!” ผู้ดูแลพูดด้วยเสียงเย็นชา

พอพูดออกมา ทุกคนรีบไปเลือกตัวยา เลือกเตากันแล้ว หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวก็รีบเข้าไปเช่นกัน

วินาทีนี้หลิงเฟิงและหลงยีอดนับถือความเก่งกาจของซื่อจื่อเฟยไม่ได้ ยังถูกนางเดาได้แล้ว

โชคดีที่เมื่อคืนซื่อจื่อเฟยสอนอาหารจากยาและเรื่องยาแก่พวกเขาอย่างเร่งด่วน เวลานี้หลิงเฟิงกับหลงยีรับมือได้ทันกาล ไม่นานก็เลือกวัตถุดิบที่ซื่อจื่อเฟยให้พวกเขาจำไว้เมื่อคืนนี้ออกมา

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ไม่นานหนึ่งชั่วยามก็มาถึงแล้ว

“ทุกคนหยุดมือลงให้หมด การแข่งขันสิ้นสุด!” ผู้ดูแลตะโกนเสียงดัง

ทุกคนต่างถอยหลัง ปล่อยให้ผู้เชี่ยวชาญนำอาหารจากยาเข้าไปชิม สุดท้ายเลือกคนที่ผ่านเข้ารอบออกมา

หยุนถิงพวกเขาสี่คนผ่านอย่างราบรื่นมาก ส่วนคนที่ผ่านอีกยังมีผางซิงกับโจวปู้

“สหายถิงหยุน พวกเราผ่านเข้ารอบเหมือนกัน ดีเสียจริง” ผางซิงพูดอย่างปลื้มใจ

“อย่าเพิ่งได้ใจไป ยังมีอีกรอบ” หยุนถิงตอบ

“พูดก็ถูก ข้าได้ใจไปไม่ได้ แม่ข้ายังรอข่าวดีของข้าอยู่” ผางซิงทำหน้าจริงจัง

“ยินดีกับทุกคนที่ผ่านการแข่งขันรอบที่สอง ต่อไปเข้าสู่รอบที่สาม ในนี้มีอาหารจากยาสิบอย่าง หลังทุกคนลองชิมแล้วแยกดูเขียนตัวยาที่อยู่ด้านในออกมา ผู้ตอบถูกทั้งหมดผ่านการทดสอบ!” ผู้ดูแลเอ่ยปากอีกครั้ง

ทุกคนต่างไปลองชิม ส่วนผางซิงก็ชิมอย่างเดียวกันกับหยุนถิงพอดี ผางซิงดูดีใจมาก

จวินหย่วนโยวมองทางนี้ด้วยหน้าตาเย็นชา ไม่ได้พูดอะไร ไปชิมอีกอย่างหนึ่ง

หลังจากทุกคนชิมแล้วเขียนคำตอบลงมา จากนั้นจึงมอบให้ผู้ดูแล

เหล่าผู้อาวุโสมองเห็นคำตอบ ขมวดคิ้วมาตลอด ชัดเจนมากว่าไม่ได้เห็นคำตอบที่พวกเขาพึงพอใจ

จนกระทั่งมองเห็นของหยุนถิง ถึงแม้วาดรอยสีดำมากมายบนกระดาษขาวแล้ว แต่ดีที่คำตอบถูกต้องหมด มองออกว่าน่าจะเดาถูก

แต่ ถือว่าถูกแล้ว

สุดท้ายคนที่ผ่านรอบที่สาม มีทั้งหมดสิบคน จวินหย่วนโยวกับหยุนถิงรวมอยู่ในนั้น ส่วนผางซิง โจวปู้ หลงยีและหลิงเฟิงคนอื่นๆ ไม่ได้ผ่านเข้ารอบ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลงยีกับหลิงเฟิงก็ไม่ถนัดเรื่องยา ผ่านรอบสองมาได้ก็ยากมากแล้ว

“มีเพียงคนที่ผ่านรอบที่สาม ถึงสามารถกลายเป็นศิษย์ฝ่ายในของสำนักหมอเทวดาได้ ต่อไปขอเชิญผู้อาวุโสทั้งห้าเลือกศิษย์เถิด!” ผู้ดูแลเอ่ยปาก

ผู้อาวุโสห้าท่านต่างเข้ามากัน คนหนึ่งเลือกจวินหย่วนโยวไป คนหนึ่งเลือกหยุนถิงไป ชั่วขณะนั้นจวินหย่วนโยวทำหน้าหม่นหมอง

“ข้าจะไปด้วยกันกับน้องชายข้า!” จวินหย่วนโยวพูดพึมพำอย่างเย็นชา

เหล่าผู้อาวุโสตะลึง ต่างมองเข้ามากัน ทำเอาหยุนถิงกระอักกระอ่วนมาก

“เหล่าผู้อาวุโสอย่าได้เข้าใจผิดขอรับ ตั้งแต่เด็กพ่อแม่ข้าตายกันแล้ว พึ่งพาอาศัยกันมีชีวิตมากับพี่ชาย ตอนสิบขวบปีนั้นป่วยหนักเข้า เกือบเอาชีวิตไม่รอด ฉะนั้นพี่ชายจึงเป็นห่วงข้ามากขอรับ!” หยุนถิงพูดไปพลาง น้ำตาไหลออกมาไปพลาง

พอฟังทุกคนดูเข้าใจพฤติกรรมของพี่ชายขึ้นมามากแล้ว ต่างมองทางพวกเขาอย่างเห็นใจ

ศิษย์ของสำนักหมอเทวดาที่พาพวกเขานั่งเรือเข้ามา ตลอดทางมานี้มองออกจริงว่าพี่ชายผู้นี้เป็นห่วงใยต่อน้องชายมากนัก พวกเขาจึงพยักหน้าให้ผู้อาวุโส

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าสองคนก็ติดตามข้ามาเถิด สหายเจ้าช่วยให้สมปรารถนาเถิด!” ผู้อาวุโสถังเอ่ยปากบอก

“สหายช่างมีเมตตานัก ข้ายอมยกให้แล้ว!”

เหล่าผู้อาวุโสต่างเลือกศิษย์แล้ว พาพวกเขาไปที่เรือนของตนเอง

ก่อนจะไปหยุนถิงมองเห็นท่าทางเศร้าใจของผางซิง อดพูดปลอบใจไม่ได้ “ความจริงไม่ผ่านเข้ารอบก็ดีมาก บางทีที่นี่คงไม่เหมาะสมกับเจ้า!”

ผางซิงทำหน้าผิดหวัง ไม่เข้าใจว่าทำไมถิงหยุนถึงพูดอย่างนี้

คนที่ผ่านรอบสอง ต่างถูกจัดแบ่งไปหมด ส่วนหลิงเฟิงกับหลงยีถูกส่งไปดูแลหอยา

สายของฮวาเชียนจั่นรีบนำผลลัพธ์อันนี้ไปรายงานแก่เขา ฮวาเชียนจั่นได้ยินผลลัพธ์อันนี้ ดูพอใจมาก

“ทุกอย่างล้วนอยู่ในการคาดการณ์ โอกาสข้าได้มอบให้พวกเจ้าแล้ว ต่อไปนี้ก็ดูหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวตัวพวกเจ้าเองแล้ว!”

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท