ครึ่งวันต่อมาซือหยูถอนหายใจยาว
ยอดฝีมือระดับราชาอสูรหลายคนมาที่นี่เพื่อลี้ภัยกับอสูรปราดเปรียวข้าเดาว่าหลายคนคงเป็นอดีตพรรคพวกเจ้าสินะ?
เฉียนจุนเงยหน้ามองซือหยูด้วยความนับถือ
นายท่านแม่นอย่างกับหมอดู!ยอดฝีมือทั้งหลายที่มา ส่วนใหญ่มาจากเมืองอสูรไร้กังวลและเป็นอดีตพรรคพวกข้า ราชาอสูรที่เหลือรอดชีวิตเข้ามาลี้ภัยที่เมืองอสูรปราดเปรียวหลังจากเมืองอสูรไร้กังวลถูกทำลาย!
ซือหยูพยักหน้า
ส่วนใหญ่มาเพื่อลี้ภัยยากยิ่งนักที่จะพบอสูรปราดเปรียวที่กำลังยุ่งอยู่ ไม่ต้องพูดถึงการได้คุยกับนาง!
เหตุผลหลักของซือหยูในการมาครั้งนี้คือการหาข้อมูลเรื่องทางเข้าออกแดนอสูร หากไม่ได้ข้อมูลที่ใช้ได้พวกเขาจะต้องออกจากที่นี่และตรงไปยังเมืองใหญ่แดนอสูร
แต่อย่างน้อยซือหยูก็แน่ใจแล้วว่าสตรีนามเมฆากุหลาบคือสนมของจักรพรรดิอสูร
ขณะที่สังเกตตำหนักอสูรปราดเปรียวอยู่สตรีหนึ่งคนกับบุรุษสองคนได้เดินลงมาจากชั้นบนของร้านอาหาร
สตรีนั้นเตะตาและดูสง่าผ่าเผย
ส่วนบุรุษอีกสองคนนั้นยืนขนาบข้างนางพวกเขาค่อนข้างสุขุมและหล่อเหลา
เมื่อทั้งสามปรากฏตัวทุกคนบนชั้นหยุดพูดคุยกันและมองทั้งสามด้วยความสะพรึงพลัว เมื่อมองสตรี พวกเขาถึงกับยืนขึ้นตรงด้วยความเลื่อมใส
ทั้งสามเดินลงบันไดสตรีเหลือบมองกลุ่มซืหยูและขมวดคิ้วเบา ๆ
เจ้ามองดูตำหนักอสูรปราดเปรียวมานานมากแล้ว!
เฉียนจุนตกใจหรือว่านางจะรู้ว่าพวกเขาทำอะไรอยู่?
เพื่อเลี่ยงการเข้าใจผิดเฉียนจุนรีบตอบ
ท่านราชาอสูรพวกเรามาที่นี่เพื่อเยี่ยมท่านอสูรปราดเปรียว แต่มีคนที่มามากมาย เราจึงรอที่นี่เพื่อให้ถึงรอบของเรา!
แม้เฉียนจุนจะไม่รู้จักทั้งสามคนเขาก็พูดกับทั้งสามที่มีพลังราชาอสูรอย่างระมัดระวัง
ข้ออ้างของเขามีเหตุผลเพราะอสูรปราดเปรียวนั้นกำลังยุ่งอยู่จริง
เจ้าเยี่ยมอสูรปราดเปรียวได้แต่หยุดสังเกตการณ์ที่นี่ มิเช่นนั้นจงอย่าโทษพวกเราถ้าหากเจ้าถูกจับเพราะทำตัวน่าสงสัย!
นางไม่ยอมให้พวกเขาอยู่ต่อ
จากนั้นนางก็เหลือบมองเจ้าตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างขาของซือหยูนางตกใจในทันทีที่ได้เห็น
แต่นางก็รีบคืนใบหน้ากลับมาโดยละสายตาออกไป
หึหึ!พวกเขาคือเหล่าราชาอสูรที่หวาดกลัวยักษ์ทะเลขม! ตอนนี้พวกเขาไร้บ้าน เป็นธรรมดาที่จะทำทุกอย่างด้วยความระวัง อย่าอารมณ์เสียไปเลย นายหญิงเฟยหลาน!
ชายหนุ่มผิวคล้ำที่ยืนทางด้านซ้ายของนางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ชายหนุ่มผิวซีดอีกฝั่งเองก็พยักหน้ายิ้ม
จากนั้นทั้งสามก็เดินลงบันไดไป
เมื่อทั้งสามมาถึงที่เงียบสตรีได้หยุดและพูดในทันที
หาทางจับตัวสามคนนั้นให้ได้!
อะไรนะ?ชายหนุ่มทั้งสองตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยิน พวกเขาเพิ่งจะเดินผ่านคนเหล่านั้น ใยต้องจับตัวด้วยเล่า?
เจ้าสัตว์วิญญาณสีขาวนั่นคุ้นตาข้าข้าไม่รู้ว่าข้าเดาถูกหรือไม่ เราต้องชิงมันมาจากพวกมัน!
คุ้นตารึ?ชายหนุ่มทั้งสองไม่ได้สนใจเจ้าตัวเล็กเลย
นายหญิงเหตุใดไม่จับมันตั้งแต่เมื่อครู่เล่า? ด้วยตัวตนท่าน ไม่มีใครกล้าหยุดท่านแน่!
สตรีตอบ
ไม่ได้!ข้าเดาว่าเจ้าตัวเล็กนั่นแข็งแกร่งมาก เราใช้กำลังเอามันมาไม่ได้ เจ้าต้องหาทางเอามันมาให้ข้า ส่วนเจ้าสามคนนั้น เจ้าฆ่าปิดปากไม่ก็ผนึกปากมันไม่ให้เรื่องแพร่งพราย…และต้องแอบเอาเจ้าตัวเล็กนั่นมาให้ข้า ห้ามให้อสูรปราดเปรียวรู้เรื่องนี้เด็ดขาด!
ขอรับนายหญิง!
ในร้านอาหารซือหยูถอนหายใจและลูบหัวเจ้าตัวเล็ก
เจ้าหมาข้าให้อาหารเจ้าทุกวัน! เจ้ายังไม่ทันทำประโยชน์อะไรกับข้าเลย แต่ข้าว่าเจ้าคงจะหาเรื่องให้ข้าซะแล้ว! ถึงเวลาที่ต้องออกจากเมืองแล้วล่ะ!
ซือหยูสังเกตเห็นสายตาของสตรีเมื่อครู่
ซือหยูไม่คิดว่าเจ้าตัวเล็กจะมีตัวตนซ่อนเร้นเขาเชื่อว่านางที่มองเช่นนั้นจะต้องมองมายั่งสัตว์วิญญาณล้ำค่าของเขา
ดูเหมือนว่านางจะมีฐานะชั้นสูงแม้ซือหยูจะไม่กลัวใครรวมถึงอสูรผู้คุมแดนในเมืองนี้ เขาก็ยังอยากจะเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น
ไปที่เมืองหลวงกันเถอะ!
เมืองหลวงรึ?เจ้าตัวเล็กหูกระดิกในขณะที่ขบเคี้ยวกระดูกเงียบ ๆ มันย่นจมูกคัดค้านซือหยู
เฉียนจุนเคร่งเครียดเขารู้สึกว่าสตรีที่เพิ่งเจอนั้นแปลก และก็คิดเช่นเดียวกับซือหยูว่าควรออกจากเมืองนี้ให้เร็วที่สุด
แม้เฉียนจุนจะตกใจที่ซือหยูบอกว่ากำลังจะไปเมืองหลวงเขาก็ไม่มีที่ให้ไปอีกแล้วบนโลกใบนี้ ดังนั้นเขาจึงยินดีที่จะติดตามซือหยู
ทั้งสามและเจ้าหมาไปที่ประตูมิติที่จะพาไปยังเมืองอื่น
แต่เมื่อมาถึงพวกเขาก็พบว่าประตูมิติถูกผนึกไว้ชั่วคราว หึหึ!พวกเราช้าไปสินะ!
ซือหยูพูดด้วยความใจเย็น
หากผู้หญิงคนนั้นรู้ว่าซือหยูเคยทำลายโลกเสี้ยววิญญาณมาก่อนบางทีนางอาจจะไม่คิดหยุดเขาที่นี่ก็ได้
ฟึ่บ!ฟึ่บ! ฟึ่บ!
กลุ่มทหารในเครื่องแบบที่มีพลังระดับเซียนบินมายังที่นี่นำโดยชายหนุ่มสองคนจากร้านอาหารที่เป็นราชาอสูร
เฉียนจุนเริ่มใจไม่ดีราชาอสูรสองคน! พวกเขาจะเอาชนะราชาอสูรสองคนได้ยังไง?
เฉียนจุนที่แสร้งทำเป็นใจเย็นเดินกอดอกไปที่ทหารเหล่านั้น
พวกท่านเป็นผู้คุมกฎที่เมืองอสูรนี่หรือ?ข้ามีนามว่าเฉียนจุน เป็นหน่วยลาดตระเวนจากเมืองอสูไร้กังวล พวกท่านกำลังจะ…
หุบปาก!ข้าไม่สนว่าเจ้ามาจากไหน! เราสงสัยว่าเจ้าสามคนกำลังคิดทำอะไรกับตำหนักท่านอสูรปราดเปรียว เจ้าจะต้องมารับการไตร่สวนของพวกเรา!
ราชาอสูรสองคนปล่อยพลังเซียนขั้นสูงสุดออกมา
เฉียนจุนโมโหพวกเขาพูดแบบนี้ได้ยังไงกัน? พวกเราก็แค่มองตำหนักจากด้านนอก คนมากมายเองก็มองตำหนักจากร้านอาหารเหมือนกัน!
นี่ท่านนี่คือตราประจำตัวข้า โปรดดูก่อน! เราไม่ใช่คนเลว!
เฉียนจุนแสดงตราประจำตัวของตัวเอง
ราชาอสูรผิวคล้ำคว้าตราและมองมันอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะพังตราทิ้งเขามองเฉียนจุนด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น
เจ้าก็แค่สุนัขไร้บ้านมิใช่หน่วยลาดตระเวนอีกแล้ว! ลืมตาตื่นซะ! อสูรไร้กังวลของเจ้าตายไปแล้ว! เจ้ามันไม่เหลืออะไรแล้ว!
จับพวกมัน!
อสูรหน้าซีดที่ไม่เคยพูดโบกมือสั่ง ฟึ่บ!
ทหารด้านหลังบุกเข้ามาล้อมพวกซือหยูเอาไว้ด้วยจิตสังหารรุนแรง
ยอมจำนนซะ!หากเจ้าขัดขืน พวกเรามีสิทธิ์ฆ่าเจ้าก่อนจะรายงานกับผู้ที่มีอำนาจสูงกว่า!
ราชาอสูรผิวคล้ำสั่งพร้อมกับเหลือบมองเจ้าตัวเล็ก
ในตอนนี้ที่ประตูมิติ ราชาอสูรสองคนสามารถนำเจ้าตัวเล็กกลับไปให้กับแม่นางเฟยหลานได้
เฉียนจุนใจหายเขากระวนกระวายเป็นอย่างมาก หากขัดขืน พวกเขาจะถูกฆ่าตายที่นี่ ถ้าหากยอมจำนน พวกเขาก็จะถูกจับไปทรมานอยู่ดี
หึหึ!ข้าไม่อยากจะก่อเรื่อง อย่าทำให้เรื่องมันยากนักเลย!
ซือหยูพูดและจัดการทหารตรงหน้าด้วยลำแสงสีทองมากมาย พวกเขากำลังขัดขืน!
เมื่อเห็นเช่นนี้ราชาอสูรสองคนยินดีแทนที่จะโกรธ ราชาอสูรผิวคล้ำพูดอย่างดุร้าย
นี่แหละที่ข้ารออยู่!ทุกคน พวกมันขัดขืนการจับกุมของพวกเรา ฆ่ามันได้เลย!
เขาพุ่งไปหาซือหยูจากนั้นเขาก็ใช้มือหนึ่งข้างที่มีพลังเซียนอันยิ่งใหญ่ซัดใส่ลำตัวซือหยู
แต่ต่อมารอยยิ้มของเขาได้หายไป ร่างของเขาถูกฝ่ามือสีทองทะลวงจากด้านหลัง
ฝ่ามือสั่นเล็กน้อยร่างของราชาอสูรแตกเป็นเสี่ยง ๆ !
อ๊ากกก!
ดวงวิญญาณราชาอสูรผิวคล้ำลอยออกจากร่างพร้อมกับเสียงกรีดร้องและรีบกระโจนไปที่ราชาอสูรอีกคนทันที
แต่ดวงวิญญาณของเขาก็ถูกศรทลายเทพยิงทะลุในเวลาต่อมาดวงวิญญาณของเขาสลายไปโดยสมบูรณ์
เพียงไม่กี่ลมหายใจราชาอสูรหนึ่งคนก็ถูกฆ่าตาย
ราชาอสูรอีกคนและกำลังที่เหลืออ้าปากค้างแม้แต่เฉียนจุนเองก็ตกใจมาก
เฉียนจุนรู้ว่าซือหยูแข็งแกร่งเพราะเขาสามารถสังหารเซียนขั้นสามสองคนได้อย่างง่ายดาย
แต่เฉียนจุนไม่คิดเลยว่าซือหยูจะสังหารราชาอสูรได้ในกระบวนท่าเดียว!
การโจมตีอันเฉียบขาดของซือหยูทำให้เฉียนจุนประทับใจมาก!
ฟึ่บ!
ซือหยูเรียกศรทลายเทพกลับมาและสะบัดเลือดด้วยความใจเย็น
รอบตัวเขามีเหล่ากำลังทหารที่ไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อยพวกเขาจ้องซือหยูและเบิกตากว้าง พวกเขารู้ว่าซือหยูสามารถสังหารพวกเขาทุกคนได้อย่างง่ายดาย ราชาอสูรอีกคนตกตะลึงถึงขีดสุดเขาทำอะไรไม่ได้นอกจากจ้องซือหยูด้วยความกลัว หัวใจเขาเต้นระรัวจนแทบจะทะลักออกมา
จากนั้นซือหยูพูดด้วยความใจเย็น
บอกผู้หญิงคนนั้นว่าจงอย่าพยายามทำอะไรแบบนี้อีก!มิเช่นนั้น แม้แต่ราชาอสูรก็ปกป้องนางไม่ได้!
เมื่อพูดจบซือหยูออกจากเมืองอสูรไปด้วยความใจเย็น คนที่มาขวางได้แต่มองเขาอย่างทำอะไรไม่ได้
ผ่านไปนานกว่าพวกเขาจะได้สติกลับมา
ท่านราชาอสูรพวกเรา…ควรจะทำเช่นใดต่อ?
ราชาอสูรหน้าซีดพูดด้วยความสะพรึงกลัว
กลับไปรายงานท่านเฟยหลานก่อน!พลังเจ้านั่นมัน…น่าหวาดกลัวนัก!
ในโถงใหญ่สตรีที่กำลังรอการมาของเจ้าตัวเล็กได้รับข่าวที่ทำให้รำคาญใจ ปั้ง!
นางทุบโต๊ะด้วยความโมโห
มันกล้าดียังไง!
นางไม่คิดว่าซือหยูจะขู่นางอย่างอวดดีเช่นนี้!
คำขู่นี้ทำให้นางไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
ไม่มีใครกล้าขู่ข้าเช่นนี้ในอาณาเขตของอสูรปราดเปรียว!
ราชาอสูรหน้าซีดกล่าว
ท่านเฟยหลานโปรดใจเย็นลงก่อน! พลังเจ้าหมอนั่นไร้เทียมทาน! มันยังมีสมบัติชั้นดี ราชาอสูรเทียบมันไม่ได้เลย!
นางคิดเพียงไม่นานก่อนจะพูดด้วยความแค้น
เจ้าสัตว์ตัวจ้อยนั่นสำคัญกับอนาคตข้า!ข้าต้องเอามันมาให้ได้! หากราชาอสูรทำอะไรมันไม่ได้ ว่าที่เทพก็ต้องเอาชนะได้! มือสังหารที่องค์หญิงหกส่งมาคงได้ออกโรงแล้ว! ราชาอสูรหน้าซีดมองรอบๆ ด้วยความระแวง
หากส่งมือสังหารเหล่านั้นไปทำภารกิจเจ้าหมอนั่นจะต้องตายไม่ว่าจะแข็งแกร่งเพียงใด
เพื่อความปลอดภัยขอให้อสูรสะกดจิตจัดการพวกมัน!
นางพูดอย่างเกรี้ยวกราด
เป็นเพราะคำขู่เจ้าพวกเจ้าทุกคนจะต้องตายอย่างทุกข์ทรมาน!