The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1247 – ทุกคนจงฟัง

ตอนที่ 1247 - ทุกคนจงฟัง

  วิหคเพลิงทมิฬปรากฏตัวด้านหลังซือหยูเงียบๆ เพราะสงสัยว่าอสูรปราดเปรียวจะพาเจ้าหมาหนีไป นางจ้องอสูรปราดเปรียวอย่างเย็นชา

   นายท่านให้ข้าฆ่านางเสีย นางอวดดียิ่งนัก นางไม่รู้อะไรเลยแต่กลับตั้งคำถามต่อทุกเรื่อง ฆ่านางเสีย นางจะได้หุบปาก 

  วิหคเพลิงทมิฬพูดอย่างเย็นชานางกำลังหาทางออกให้ซือหยู

  ซือหยูส่ายหน้าเบาๆ

   พวกมันไม่เข้าใจข้าแต่เจ้าเข้าใจข้าไม่ใช่หรือ? 

  เพื่อที่จะยืนท่ามกลางอสูรเจ้าดินแดนมากมายในเมืองซือหยูจำต้องกล้าเผชิญหน้ากับเหล่าว่าที่เทพที่มีว่าที่เทพขั้นกลางสองคน ดังนั้นเขาจะสนใจอสูรมากมายในอำนาจของเขาที่กังขาในความเป็นผู้นำของเขาหรือ?   เขาไม่ต้องสนใจใครเหล่านั้นเลย!

   นายท่านกำลังปกป้ององค์หญิงเก้าอยู่จริงๆ ว่าที่เทพเหล่านั้นดูภักดีต่อองค์หญิงเก้า แต่ข้าก็ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่คิดทรยศ หากพวกมันถูกใช้เป็นกำลังในยามต่อสู้ คนที่จะต้องเจ็บปวดที่สุดจะต้องเป็นองค์หญิงเก้าแน่นอน! 

   นายท่านเชิญให้พวกอสูรเจ้าดินแดนเหล่านั้นมาก็เพื่อเชือดไก่ให้ลิงดูเป็นเยี่ยงอย่างอสูรปราดเปรียวโง่เง่านักที่อ้างตนถูกต้องเพราะสนใจแต่ความเป็นความตายขององค์หญิงเก้า 

  นางรู้สึกเดือดดาลใจเพราะสิ่งที่ซือหยูต้องเจอ

  ทุกคนบนโลกใบนี้เข้าใจเขาผิดคิดว่าเขาเป็น้บา แต่ไม่เข้าใจเลยว่าเขาคือคนที่คิดอ่านได้ถูกต้องที่สุดที่นี่แล้ว

  หลายคนไม่รู้ว่าซือหยูกำลังทำสิ่งที่สำคัญที่สุดให้กับองค์หญิงเก้านั่นคือการรับประกันว่านางจะต้องรอดชีวิตในวันนี้  ซือหยูพูดอย่างไร้อารมณ์

   จะว่านางไม่ได้เราบอกเรื่องนี้กับใครไม่ได้เช่นกัน พวกทรยศที่แฝงตัวในทัพเราจะถูกหลอกหรือหากเราแสดงธาตุแท้ออกมา? 

   เจ้าจับตาดูอสูรปราดเปรียวให้ดีอย่าให้นางพาเจ้าหมาออกนอกสายตาเจ้า หากนางล้ำเส้น จงฆ่านางซะ 

   ตามบัญชา 

  สายลมพัดผ่นเหลือซือหยูเพียงผู้เดียวในกระโจม

  หากมีหนึ่งคนต้องต่อสู้กับว่าที่เทพนับร้อยซือหยูก็รู้ว่ามันบ้าเพียงใด

   หากอาจารย์หยุนหยาซือรู้ว่าศิษย์ผู้นี้กำลังอยู่ที่ใดในวันนี้อาจารย์จะพอใจหรือไม่นะ? 

  ซือหยูยิ้มจางๆ

  …

  ในจักรวาลอันมืดมิดเรือกระดูกเทพแล่นไปตามเส้นทาง  ที่กราบเรือมีชายแก่ยืนมองทะลวงไปยังธารดารา

   ไม่คิดเลยศิษย์ข้าเติบโตก้าวกระโดดไม่หยุดยั้ง… 

  เรือกระดูกเทพของหยุนหยาซือแล่นผ่านโลกเสี้ยววิญญาณมาหลายเดือนแล้ว

  เขาโล่งใจ

   แม้หากไร้ซึ่งข้าเขาก็จะกลายเป็นเทพได้ด้วยตัวเอง…และอาจไปถึงระดับที่ข้าไม่เคยเอื้อมถึง 

  เขาไม่เคยเข้าใจศิษย์ตัวเองอย่างถ่องแท้ซือหยูเป็นคนที่ระเบิดความสามารถที่เกินกว่าความคาดคิดเขาเสมอมา

  เขาคิดชี้นำซือหยูในก้าวถัดไปแต่ซือหยูมัดจะก้าวข้ามดัชนีของเขาไปหนึ่งก้าวเสมอ หยุนหยาซือต้องประเมินซือหยูใหม่ในทุกครั้ง

  โดยเฉพาะเมื่อได้เข้าสู่ธารดาราซือหยูยิ่งคาดเดาได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ

  เขาจัดการชำระล้างทรราชย์ออกจากพันธมิตรบูรพาและยังทำลายโลกเสี้ยววิญญาณ สิ่งเหล่านี้ล้วนอยู่ในขอบเขตของอำนาจพลังที่เหนือกว่าความเป็นเทพ แต่ซือหยูกลับทำได้

  เวลานี้ซือหยูอยู่ในโลกอสูรแล้ว เป็นตายมิอาจล่วงรู้

   หวังว่าข้าจะไม่สายไปจักรพรรดิอสูรซ่อนเร้นลึกล้ำ กลอุบายเหนือกว่าจักรพรรดิอสูรในอดีต หากซือหยูไม่ทันระวัง คงยากที่จะได้ออกจากโลกอสูร 

  หยุนหยาซือแสดงความกังวลผ่านแววตา

  เรือกระดูกเทพแล่นช้าๆ ในจักรวาลเฉกเช่นดาวตก

  …

  ที่เมืองอสูรปราดเปรียว…

  เฉียนจุนรีบจัดแจงตามที่ซือหยูชี้แนะ

  อสูรเจ้าดินแดนทั้งหกสิบคนที่มาล้วนอยู่ในที่พักอาศัยของตำหนัก

  พลังเทพมักจะหลุดรอดออกมาจากโถงผู้ที่ไม่ใช่ว่าที่เทพมิอาจรับแรงกดดันมหาศาลนี้ได้เลย

  ตำหนักตอนนี้เต็มไปด้วยว่าที่เทพ

  มิใช่ทุกคนที่ถูกลิขิตให้เป็นเทพในอนาคตแต่หากรวมพลังกันแล้ว มันแข็งแกร่งจนมิอาจเมินได้

  เฉียนจุนดูแลพวกเขาอย่างดีตามที่ซือหยูสั่งเขาบริการอย่างไร้ข้อบกพร่อง

  ถึงอย่างนั้นเหล่าอสูรเจ้าดินแดนก็คงไม่พอใจ

   เฮ้ยเจ้าเมืองเรียกพวกเรามา เขาแค่ปล่อยให้พวกข้าดื่มชาเฉย ๆ เช่นนี้เรอะ? 

  ว่าที่เทพคนหนึ่งจ้องเฉียนจุน

  แม้เฉียนจุนจะไม่ชอบซือหยูก็ดูแลเขาอยู่ เขาตอบด้วยความนอบน้อม

   นอกจากดื่มชาแล้วพวกท่านจะได้พักฟื้นพลังเงียบ ๆ พูดคุยกันและยังมีสิ่งอื่นให้ทำ ตราบเท่าที่ท่านไม่ขัดคำสั่งเจ้าเมืองและออกจากที่นี่โดยไร้คำอนุญาต พวกท่านจะทำสิ่งใดก็ได้ 

   อะไรของเจ้า! 

  ว่าที่เทพเครายาวคนหนึ่งลุกขึ้นโดยพลัน

   ใครเป็นคนสั่งให้เจ้ามาสั่งพวกเราเช่นนี้?ไปบอกเจ้าเมืองเดี๋ยวนี้ว่าถ้าหากเราไม่ได้เจอเขา เราจะกลับไปที่ดินแดนของตัวเองเดี๋ยวนี้แหละ! 

  เฉียนจุนพูดเบาๆ สีหน้าเขาไม่เปลี่ยนเลย

   ท่านเจ้าเมืองพวกว่าท่านกลับไปได้แต่ท่านจะไม่ได้กลับมาอีกหากก้าวออกจากที่นี่ไปแล้ว 

  จากนั้นเฉียนจุนจึงหยิบเอาชิ้นกระดาษบางขึ้นมาเขาจรดขนนกในมือและจ้องมองคนผู้นั้น

   ท่านมีนามว่าอะไรหรือ? 

  อ๊ะ…

  เหล่าอสูรเจ้าดินแดนมองที่กระดาษและเห็นว่ามีรายนามอยู่สิบเก้ารายแล้ว  พวกเขาคิดอยู่ครู่หนึ่งและรู้ว่ามันคือชื่อของอสูรเจ้าดินแดนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่

  อสูรเครายาวตัวแข็งทื่อไปครู่หนึ่งเขาเงียบลงทันที พวกที่ไม่มานั้นจะถือว่าไม่ฟังคำสั่งสินะ

  นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?

  อสูรเครายาวอับอายและถอนหายใจแรงอย่างเย็นชา

   แล้วเราจะขอพบองค์หญิงเก้าก่อนได้หรือไม่? 

   ไม่ได้! 

  เฉียนจุนตอบสั้นๆ

   อะไรนะ!เจ้าเมืองไม่ให้พวกเราพบเขา แล้วทำไมยังขอพบองค์หญิงไม่ได้ด้วยเล่า? 

  เขาหัวเราะด้วยความโมโห

  เฉียนจุนตอบ

   นี่เป็นคำสั่งท่านเจ้าเมืองไม่เหมาะสมที่ท่านจะได้พบกับฝ่าบาท     ฮื่ม! 

  อสูรเจ้าดินแดนอีกคนถอนหายใจแรงด้วยโทสะ

   องค์หญิงมีตำแหน่งสูงกว่าหากเราอยากพบองค์หญิง ทำไมต้องให้เจ้าเมืองตัดสินใจ? บอกมา องค์หญิงอยู่ที่ไหน? เราจะไปหานางเอง! 

   ใช่แล้ว!พวกเราจะบอกนางว่าเจ้าเมืองคนนี้ไม่คู่ควรกับตำแหน่ง 

   ทุกท่านไปด้วยกันเถอะ เจ้าเมืองทำตามอำเภอใจไร้ผู้ใดขัดขวาง ข้าสงสัยว่าฝ่าบาทกำลังถูกข่มขู่โดยเจ้าเมืองเพราะนางกำลังบาดเจ็บ ไปหาองค์หญิงด้วยกันเถอะ 

  กลุ่มคนกำลังวุ่นวายซือหยูขอให้พวกเขามา แต่กลับถูกสั่งให้ไม่เคลื่อนไหวจนพวกเขาไม่พอใจ และความไม่พอใจนี้ก็นำโดยอสูรเจ้าดินแดนที่มีความตั้งใจซ่อนเร้น

  เฉียนจุนแสยะยิ้มที่มุมปากเขาจรดขนนกในมือเขียนลงบนกระดาษ  อสูรเจ้าดินแดนบางคนเห็นว่าเรื่องร้ายกำลังจะเกิดขึ้นและรีบตะโกน

   เดี๋ยวก่อน!เจ้าเขียนอะไรลงไป? 

  เฉียนจุนหลบทางเขาพูดเบา ๆ

   ข้าขอพูดอีกครั้งคำสั่งท่านเจ้าเมืองมีผลลแ้ว และพวกท่านยังไม่คิดทำตาม ข้ามิอาจหยุดพวกท่านได้ แต่พวกท่านต้องรับผลที่จะตามมาด้วยตัวเอง 

  หลังพูดจบเขาเดินออกจากโถงในทันที เขาทิ้งเหล่าว่าที่เทพอย่างไร้เยื่อใย

  เท่านั้นเหล่าอสูรเจ้าดินแดนจึงเงียบลงได้ บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นมา ไม่มีใครคิดจะก่อเรื่อง โดยเฉพาะเมื่อไม่รู้ถึงพลังของเจ้าเมืองคนใหม่

   ท่านอสูรเขตสิบท่านเป็นข้ารับใช้อดีตเจ้าเมืองชมทะเลคนแรก ท่านจะพูดอะไรเพื่อพวกเราได้หรือไม่? 

  หลังคิดไม่นานเหล่าเจ้าดินแดนก็มองไปที่มุมหนึ่ง ชายหนุ่มชุดแดงนั้นเงียบอยู่เสมอ  เพียงมองเขาก็ให้ความรู้สึกหนาวสั่น

  เขาอยู่เงียบๆ ที่มุมนั้นราวกับสัตว์ยักษ์ที่ไม่มีใครกล้ายุ่งเกี่ยว

  อสูรทุกคนหันไปมองว่าใครที่กล้าเอ่ยถึงเขาแต่ก็รอให้อสูรเขตสิบพูดออกมาด้วย

  เขาเป็นทั้งอสูรเขตสิบและเจ้าดินแดนที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองชมทะเลเขาเคยเป็นเจ้าดินแดนที่สำคัญที่สุดในเมืองชมทะเล บางคนยังแอบเรียกเขาว่าท่านเหนือหัว

  นั่นก็เพราะเขาคือว่าที่เทพขั้นกลางคนเดียวในเมืองชมทะเล!

  อสูรเขตสิบลืมตาช้าๆ เขาเหลือบมองเหล่าอสูรทั้งหมดอย่างไม่แยแส เขาหลับตาช้า ๆ

   จงอดทน 

  เขาพูดเพียงเท่านั้นโดยไม่พูดอะไรอีก

  แม้เหล่าอสูรเจ้าดินแดนจะร้อนใจพวกเขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากอดทนรอ

  ในตอนนั้นเองอสูรเจ้าดินแดนคนหนึ่งชักสีหน้าและมองไปที่ท้องนภา

  เหล่าอสูรเจ้าดินแนดคนอื่นก็ลืมตาด้วย

   พลังมหาศาลนัก! 

  พวกเขาสัมผัสได้ถึงว่าที่เทพหลายร้อยคนในท้องฟ้า!

   ใครกัน? 

  อสูรเขตสิบกล่าวเขาเองก็ตกใจเช่นกันเพราะมีศัตรูสองคนที่เขาสัมผัสได้และต้องหวาดกลัว

   แย่แล้ว!ข้าศึกกำลังจะมาหาฝ่าบาท! 

  พวกเขาเดาได้ในทันที

   เคลื่อนตัวไปปกป้องฝ่าบาท! 

  เริ่มมีคนตะโกนเขาซัดหลังคาด้วยฝ่ามือเดียวและบุกออกไป

  อสูรเจ้าดินแดนคนอื่นเองก็ร่วมด้วยพวกเขาออกจากโถง

  แต่ก็มีบางคนที่รออยู่บนฟ้าแล้ว

   ตามคำสั่งเจ้าเมืองอสูรเจ้าดินแดนทุกท่านต้องชมการต่อสู้ที่นี่ หากไม่มีคำสั่งเจ้าเมือง ห้ามใครหน้าไหนลงมือทั้งนั้น 

  เฉียนจุนพูดเสียงดัง

  มองดูการต่อสู้…เมื่อรู้ว่าเจ้าเมืองคนใหม่กำลังจะแสดงพลังเหล่าอสูรเจ้าเมืองบางคนตกตะลึงและโกรธเกรี้ยวขึ้นพร้อมกัน

   ใครกันจะไปสู้กับว่าที่เทพมากมายเช่นนี้ได้? 

   เจ้าเมืองบ้าไปแล้วเรอะ?ฝ่าบาทกำลังตกอยู่ในอันตรายแต่กลับให้พวกเรายืนรอ นี่มันกับดักที่จงใจให้พวกเราเข้ามาตายเรอะ? 

   อย่าไปสนใจไอ้บ้านั่นเลยเราคือคนขององค์หญิง ไปสังหารศัตรูแล้วปกป้ององค์หญิงด้วยกันเถอะ! 

  เสียงของอสูรเครายาวดังขึ้นเสียงของเขากำลังปลุกใจให้อสูรเจ้าดินแดนที่เหลือลงมือ

  ฉั่วะ!

  ในตอนนั้นเองหอกพลังปีศาจแล่นมาอย่างรวดเร็วจนเกินคลื่นกระแทก

  เป้าหมายเล็งไปที่อสูรเครายาวนั่นเอง

  เมื่อหอกปีศาจปรากฏอสูรเครายาวจึงได้มองเห็น หอกอยู่ห่างจากเขาร้อยศอก

  เหล่าอสูรเจ้าดินแดนคนอื่นที่เห็นหอกต่างกระจายกันหลบแต่หอกปีศาจก็รู้เป้าหมายของมันเอง

  เมื่อเห็นว่าไร้ทางหนีอสูรเครายาวกระซิบ ที่มือของเขามีเครื่องประดับที่ทำจากกะโหลกสิบหกหัว

  เอาอัดพลังลงไปกะโหลกปล่อยคลื่นกระแทกทะลวงวิญญาณออกมา

  อสูรเจ้าดินแดนใกล้ๆ ก้าวถอยหลัง เขาตกใจ

   คลื่นเสียงล่าวิญญาณเรอะ? 

  อสูรเจ้าดินแดนที่เหลือรีบหลบไปหาเครื่องป้องกัน

  เมื่อคลื่นเสียงพุ่งออกไปมันก็มากพอที่จะทำให้หอกปีศาจสั่นสะเทือน  อสูรเครายาวใช้โอกาสนี้ตะโกน

   ทุกท่านเจ้าเมืองเราสมคบคิดกับข้าศึกและแอบสั่งให้เราสังหารกันเอง แท้จริงแล้วพวกมันใช้ทัพศัตรูเพื่อทำลาย้รา! ทุกคนจับมือกัน เราจะไม่แพ้… 

  อสูรเครายาวตะโกนแต่สิ่งที่ได้รับก็คือความสะพรึงกลัวจากอสูรเจ้าดินแดนที่เหลือ เหล่าอสูรรีบทิ้งห่างจากเขาร่างกับหนีให้พ้นจากโรคระบาด

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

Status: Ongoing

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ

เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท