The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1252 – ทูตมาเยือน

ตอนที่ 1252 - ทูตมาเยือน

  ต่อให้เขาเป็นนักพยากรณ์เขาก็ไม่มีคิดว่าเทพกาลกิณีจะทิ้งพลังสุดยอดเอาไว้หลังจากความตาย

  แต่ในตอนนี้เทพตำราต้องหลบอย่างรวดเร็วด้วยก้าวพริบตา

  เคราะห์ร้ายที่พลังกาลกิณีหาใช่การจู่โจมโดยตรงมันสามารถปล่อยพลังเทพติดตามไปได้ทุกที่

  คลื่นพลังทมิฬเข้าใกล้เทพตำราราวกับเงาและแฝงเข้าร่างของเขาอย่างง่ายดาย

  รอยดำปรากฏที่หน้าผาก

  เทพตำราเรียกพลังเทพออกมาขับพลังกาลกิณีออกไปด้วยความสะพรึงกลัว

  ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วแน่นใบหน้าเขาดำมืดราวกับวารีลึก

  เป็นดั่งตำนานเล่าขานโชคร้ายเลี่ยงได้แต่มิอาจหายไป แม้จะหลบเลี่ยงได้ แต่ก็ไม่นาน

  เทพตำรารู้ทุกสิ่งบนโลกต้องขอบคุณความรู้มากมายของเขา เขารู้ว่าพลังกาลกิณีนี้แทบจะลบล้างไม่ได้นอกจากจะใช้วิธีร่วมกัน

   เทพกาลกิณีจากโลกเสี้ยววิญญาณรึ?แปลกจริง มันตายไปแล้วไม่ใช่รึ? ทำไมพลังสุดยอดของมันยังเหลืออยู่บนโลกได้? 

  องค์หญิงหกถามด้วยความแปลกใจ

  นางสุขุมเยือกเย็นอยู่ตลอดเวลาไม่ตกใจแม้ว่าเทพตำราจะถูกพลังของเทพกาลกิณี

  เทพตำราสีหน้าหม่นหมองในแววตามีแต่ความชิงชัง

   จะเป็นใครไปได้นอกจากเทพขนนกเล่า? 

  อะไรนะ?องค์หญิงหกที่ใจเย็นในทีแรกเลิกคิ้ว

   ฝีมือเขารึ? 

  ความเยือกเย็นแผ่เข้าสู่แววตาสดใสดั่งแก้วของนางนางไม่มีวันลืมว่าซือหยูคนเดียวจัดการสายลับทั้งหมดในโลกอสูรที่โลกเสี้ยววิญญาณของนางไป!

  และนางก็ไม่ลืมว่าซือหยูทำต่อตกลงกับเทพแห่งความตายที่ทำให้เขาตกมาสู่โลกอสูรผ่านแหวนผนึกเก้าเทพอสูร

  หากไม่ใช่เพราะจักรพรรดิอสูรนางกับองค์ชายเจ็ดผู้เป็นน้องของนางก็คงจะตายไปแล้ว

  หากไม่นับสองเรื่องนี้…ตอนนี้ซือหยูกำลังขัดขวางแผนการใหญ่ของนางอีกครั้ง!

   เทพขนนก!อสูรขนนก! 

  องค์หญิงหกหัวเราะอย่างขมขื่นเสียงหัวเราะนางเยือกเย็นจนน่ากลัว

   ในจักรวาลเจ้าทำลายแผนการข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในโลกอสูร เจ้ายังขัดขวางข้าอีกครั้งและอีกครั้ง ทำลายแผนข้าไม่รู้จบสิ้น! ผิดพลาดนักที่ข้าไว้ชีวิตเจ้า! 

  เทพตำราโศกเศร้าที่โลกเสี้ยววิญญาณ เขาแทบจะเอาตัวไม่รอดจากอุบายของซือหยู  ใครจะไปคิดเล่าว่าเขาจะตกเป็นเหยื่ออุบายซือหยูอีกครั้งในโลกอสูรและถูกคำสาปของเทพกาลกิณี!

   เทพตำราข้าครองตำแหน่งองค์หญิง มิอาจยุ่งเกี่ยวเรื่องในดินแดนจิงหยูและสั่งให้เทพภายใต้อำนาจข้าให้จัดการเองได้ มิเช่นนั้นจะทิ้งร่องรอยเอาไว้ และเราจะถูกจักรพรรดิอสูรลงโทษ! 

   แต่เจ้าเป็นเทพจากต่างแดนต่อให้เจ้าพลิกทั้งแผ่นดินจิงหยู มันก็ไม่เกี่ยวกับข้า! ข้าจะทิ้งเทพขนนกให้เจ้าจัดการ! 

  เทพตำรานิ่งเงียบหากองค์หญิงหกจัดการเรื่องนี้ นางจะถูกลงโทษ แต่เขาเป็นคนนอกไม่ใช่รึ? เขาจะถูกลงโทษที่น่ากลัวกว่านางไม่ใช่รึยังไงกัน?

   ข้าเข้าใจสิ่งที่เจ้ากำลังคิดแต่สิ่งที่เจ้าต้องทำก็แค่จัดการเทพขนนก ตราบที่องค์หญิงเก้าไม่รู้ จักรพรรดิอสูรก็จะไม่รู้เช่นกัน 

  เทพตำราครุ่นคิด   สบายใจได้ถ้าเจ้าจับเทพขนนกทั้งเป็นได้ ข้าจะให้ท่านพ่อช่วยเจ้ากำจัดพลังเทพกาลกิณี! คนเดียวที่จะแก้ไขพลังนั้นได้ก็คือสุดยอดแห่งจักรวาล จักรพรรดิอสูร! 

  เมื่อได้รับข้อเสนอที่ปรารถนาเทพตำราจึงพยักหน้า

  มียอดฝีมือเพียงหยิบมือเดียวที่จะขจัดพลังของเทพกาลกิณีได้และหนึ่งในนั้นก็คือจักรพรรดิอสูร

  ไม่แปลกเลยที่องค์หญิงหกจะเพียงนั่งมองเทพตำราถูกพลังของเทพกาลกิณีนางกำลังรอให้นางมีข้อต่อรองให้เขารับใช้นั่นเอง

   ข้าลงมือได้แต่ข้าฆ่ามันได้ไหม? 

  ความพยาบาทระหว่างเทพตำรากับซือหยูนั้นมิอาจพูดได้เพียงคำพูด

   ไม่ได้!ข้าต้องการมันทั้งเป็น มีสภาพสมบูรณ์แบบ! 

  ไม่ว่าจะยังไงนางก็ต้องได้พลังสุดยอดของซือหยูในการคืนชีพมาครอง  เทพตำราเก็บความโกรธแค้นไว้ในใจศัตรูอยู่ต่อหน้าต่อตา แต่เขาทำได้แค่จับตัวงั้นรึ? น่าเศร้านัก

  แต่ใบเบื้องหน้าของเทพตำรานั้นไม่แสดงออกอะไรนัก

   ย่อมได้! 

  เมื่อพูดจบเทพตำราหายตัวไปจากห้องลับราวกับหมอกควัน

  เมืองชมทะเลในแดนจิงหยูที่มีเทพเก้าคนคอยปกป้องยังคงเต็มไปด้วยผู้คน

  การค้าขายประชากร และในทุกด้านกำลังพัฒนาและเติบโต

  เทียบกับพันธมิตรบูรพาแล้วแดนจิงหยูนั้นเจริญรุ่งเรืองยิ่งกว่า

  ข่าวลือว่ากันว่าแดนอสูรเต็มไปด้วยความปั่นป่วนวุ่นวายและความป่าเถื่อนในทั่วทุกมุมเมือง…

  แต่จากที่เห็นมันคือความสงบสุข เป็นความรุ่งเรืองอันตระการตา ซึ่งเหนือกว่าพันธมิตรบูรพามากมายนัก

  เพียงเมืองชมทะเลเมืองเดียวก็มีทรัพยากรเกือบครึ่งของพันธมิตรบูรพาแล้ว

  อสูรเจ้าดินแดนในเมืองเดียวทั้งแปดสิบเอ็ดคนยังเป็นว่าที่เทพในพันธมิตรบูรพามีว่าที่เทพมากเพียงใดน่ะรึ? ไม่ถึงสองร้อยคนด้วยซ้ำไป

  ซือหยูมองเมืองชมทะเลและรู้ซึ้งถึงความต่ำต้อยของพันธมิตรบูรพาและประจิม

  เผ่าอสูรไม่ต้องการทัพอสูรจากทั้งโลกอสูรเลยไม่ว่าจะองค์ชายหรือองค์หญิงคนใดก็สามารถนำทัพมาบุกที่พันธมิตรบูรพาได้อย่างง่ายดาย

   มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?หากโลกอสูรต้องการทำลายพันธมิตรบูรพา พวกมันก็ทำได้มาตั้งนานแล้ว ทำไมถึงต้องระแวดระวังมาหลายร้อยปีกัน? 

  ซือหยูสงสัยมากยิ่งขึ้นมีเพียงอสูรราชวงศ์เท่านั้นที่จะตอบคำถามเขาได้  ดูเหมือนว่าเขาจะต้องช่วยเจ้าหมาฟื้นคืนพลังเพื่อที่จะพูดคุยกันได้ง่ายขึ้น

  ซือหยูมีว่าที่เทพหลายสิบคนในมือเขาได้พำนักในตำหนักเจ้าเมือง

  ตำหนักนี้เป็นของเจ้าเมืองคนก่อนไม่เพียงจะถูกตกแต่งไปด้วยภาพเขียนของเทพ แต่มันยังมีสมบัติในตำหนักเหลืออยู่ด้วย

  ซือหยูตรวจสอบพวกมันและต้องตกใจที่พบว่าทุกอย่างสามารถใช้ได้เมื่อเป็นเทพแล้วเท่านั้นมันอาจจะไม่มีประโยชน์นักกับซือหยูในตอนนี้ แต่มันจะมีประโยชน์อย่างมากกับเทพปีศาจและเทพกิเลน

  แน่นอนว่ามีหลายอย่างที่ซือหยูใช้ได้เช่นกันโดยเฉพาะสิ่งที่จะทำให้เขากลายเป็นเซียน

  เมื่อผ่านการต่อสู้ครั้งก่อนซือหยูรู้สึกได้ว่าวิบัติต่อมากำลังอยู่อีกไม่ไกล

  เขามีเวลาว่างน้อยมากเขาจึงต้องใช้โอกาสนี้ทะลวงพลังเป็นเซียน  หากเขาได้เป็นเซียนโอรสสวรรค์จ้องนภาและจิตวิญญาณเทพของเขาจะเติบโตขึ้นอีก เขาจะก้าวกระโดดขึ้นอีกครั้ง

  ปัญหาเดียวก็คือซือหยูเป็นมนุษย์หากเขากลายเป็นเซียนและสร้างปรากฏการณ์ประหลาดต่อเผ่าอสูร นั่นจะเป็นภัยพิบัติอย่างแน่นอน

  ดังนั้นเขาต้องหาทางปกปิดวิบัติที่จะมาถึงในระหว่างทะลวงพลัง

  ขณะที่ซือหยูกำลังคิดอยู่นั้นเองชาเอ๋อก็เดินมาหาเขาจากด้านหลัง

  เฉียนจุนนำทัพจู่โจมเจ้าดินแดนที่ขัดคำสั่งซือหยูชาเอ๋อต้องมาทำหน้าที่รับคำสั่งซือหยูชั่วคราว อสูรอื่น ๆ นั้นเห็นนางเป็นคนที่ซือหยูไว้ใจ

   ท่านเจ้าเมืองเจ้าดินแดนเมฆาอสูรส่งทูตมาพบท่าน 

  เมืองเมฆาอสูรเป็นหนึ่งในเก้าเมืองใหญ่ในแดนจิงหยูอสูรเจ้าดินแดนนั้นเป็นเทพตัวจริง

   พาไปในที่รับรอง… 

  ซือหยูพุดเขาเพิ่งจะส่งคำสั่งไปถึงเจ้าดินแดน และซือหยูก็คิดว่าเจ้าดินแนดคนอื่นจะมา

  เขาไม่แน่ใจว่าผู้มาเยือนนั้นเป็นมิตรหรือศัตรู

  เขามิอาจมั่นใจได้ว่าอสูรเจ้าดินแดนที่เป็นเทพเหล่านี้จะยังคงภักดีต่อองค์หญิงเก้าหรือไม่

  พวกเขาเหล่านั้นอาจจะภักดีต่อนางในยามที่นางมีพลังสุดยอดแต่ด้วยสภาพนางในตอนนี้ เทพเหล่านั้นจะยังสนับสนุนนางอยู่หรือ

  เมื่อชาเอ๋อออกไปซือหยูเรียกองค์หญิงเก้าออกมาลูบหัว

   เจ้าหมาเจ้าคิดว่าข้าเชื่อใจเทพคนใดได้บ้าง? 

  ซือหยูถามแม้จะรู้อยู่ว่ามิอาจเชื่อใจใครได้

  เจ้าหมาคิดหนักก่อนจะส่ายหน้า  ไม่มีสักคนเลยรึ?เจ้าหมาเข้าใจสถานการณ์ดี เวลานี้มิอาจมีใครเชื่อใจได้อีกแล้ว

  ซือหยูขมวดคิ้วเมื่อรู้ความจริงว่าจะไม่มีเทพคนใดช่วยเขาศัตรูคือองค์หญิงหกที่มีเทพตำราและเทพหลายคนอยู่ในมือ การที่เทพขององค์หญิงเก้ายังภักดีอยู่นั้นไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย

   ไม่มีอะไรให้ข้าใช้เพื่อทำให้พวกมันยอมภักดีเลยหรือ? 

  เจ้าหมาส่ายหน้า

   มีทางหนีหรือทางหยุดไม่ให้เรื่องเหมือนในวันนี้เกิดขึ้นอีกครั้งหรือไม่? 

  เจ้าหมาส่ายหน้าอีกครั้ง

  ซือหยูเส้นเลือดปูดโปนเขาจ้องนางและถาม

   องค์หญิงอย่างเจ้าทำอะไรกันแน่? 

   กิน! 

  เจ้าหมาพูดออกมาด้วยความยากลำบาก   อะไรอีก? 

   ดื่ม! 

   เจ้าทำอะไรอีก? 

   เล่น! 

   พอทีเจ้าองค์หญิงไร้ประโยชน์! 

  ซือหยูปวดขมับนางเป็นราชวงศ์แท้ ๆ แต่กลับไม่รู้เรื่องความโหดร้ายของการแก่งแย่งบัลลังก์ที่เหนือกว่าคนธรรมดารับรู้ได้ยังไง?

  หากเป็นการแข่งขันคนทั่วไปย่อมชนะหรือพ่ายแพ้

  แต่หากเป็นในตระกูลราชวงศ์แพ้ชนะหมายถึงความเป็นความตาย!

  แม้โลกอสูรจะกว้างใหญ่ไพศาลราชวงศ์ที่มาจากจักรพรรดิอสูรก็มีอยู่เพียงเก้าคน พี่น้องของจักรพรรดิอสูรหายไปที่ใดหรือ?

  แน่นอนว่าทุกคนย่อมนอนจมกองเลือดไปแล้ว

  เจ้าหมาแยกเขี้ยวใส่นางอยากจะบอกซือหยูว่าจะกัดเขาถ้าเรียกนางว่าไร้ประโยชน์อีก

   ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ไม่ได้ควบคุมเทพทั้งเก้าภายใต้เจ้าหรือวิธีที่จะใช้งานพวกมันเลย 

  ซือหยูปวดสมองอย่างหนักมีเทพอยู่ถึงเก้าคนที่เขายังไม่รู้จัก หากใครก็ตามคิดร้าย เรื่องร้ายแรงใหญ่จะมาถึงแน่นอน

  จากสถานการณ์ตอนนี้ทูตเมืองเมฆาอสูรดูเหมือนจะไม่ได้มาดี

  เพียงไม่นานในที่รับรอง…

  ทูตจากเมืองเมฆาอสูรเป็นว่าที่เทพขั้นกลางและที่หายากไปกว่านั้น…เขาเป็นอสูรเลือดบริสุทธิ์!

   ข้ามาจากเมืองเมฆาอสูรมาที่นี่เพื่อคารวะอสูรขนนก… 

  เขามองตาซือหยูอย่างเรียบเฉยไม่อวดดี ไม่ถ่อมตน

  ชาเอ๋อขมวดคิ้วนางตะโกน

   อวดดีนัก!เจ้าต้องคุกเข่าหนึ่งข้างเมื่อคารวะเจ้าเมือง ราชาอสูรต่ำต้อยอย่างข้ายังรู้ เจ้าไม่รู้ได้ยังไงกัน? 

  ทูตควรจะรู้ดีกว่าใครในเรื่องของมารยาท

  เขาแววตาไม่สั่นคลอน

   เมืองเมฆาอสูรชื่นชมวีรษบุรุษจากกำลังเท่านั้นหากต้องการความเคารพนับถือ ย่อมต้องแข็งแกร่งให้เทียบเท่าตำแหน่งนั้นด้วย 

  คำพูดของเขาหมายถึงซือหยูผู้ที่เป็นเพียงอสูรเนรมิตรไม่คู่ควรกับมารยาทระดับเทพ

  ชาเอ๋อตะโกน

   หยาบช้า!กล้าดียังไงมาดูหมิ่นเจ้าเมืองของเรา! 

   ข้าแค่พูดความจริงถ้าเจ้าคิดจะลงโทษข้า ข้าก็ไม่มึอะไรจะพูด 

  เขาพูดอย่างไม่แยแส

  ชาเอ๋อหัวเราะด้วยความโกรธทูตผู้นี้หยาบคายเกินไป เขาไม่นับถือซือหยูแม้แต่น้อย

  แม้เรื่องซือหยูถูกแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองคนใหม่จะแพร่กระจายออกไปแล้วข่าวเรื่องที่เขาล้างสังหารที่เมืองอสูรปราดเปรียวและสังหารว่าที่เทพขั้นกลางถึงสามคนนั้นยังไม่ถึงหูแดนไกล นั่นก็เพราะเรื่องเพิ่งจะเกิดขึ้นภายในวันนี้เอง

  หากทูตผู้นี้รู้เขาจะไม่มีวันมาหาซือหยูอย่างหยาบคายเช่นนี้

  ชาเอ๋ออยากจะเถียงต่อแต่ซือหยูก็ยกมือขึ้นหยุดนาง

   นั่นเป็นแขกเราข้าไม่เคยให้ความสำคัญกับเรื่องมารยาทมากนัก บอกข้ามา เจ้าดินแดนเมฆาอสูรส่งเจ้ามาทำไม? 

  ทูตมองซือหยูและหยิบตราเหล็กดำออกมา

  มันคือตราประจำตัวของเจ้าดินแดนเมฆาอสูร!

   เห็นตรานี่ก็หมายถึงท่านเมฆาอสูรมาด้วยตัวเอง! 

  ทูตถือตราในมือและเปล่งเต็มเสียงเขาจ้องซือหยูรอให้ซือหยูตอบรับ

  ซือหยูนั่งโดยไม่ขยับตัวแม้แต่น้อยเขากล่าว

   เมฆาอสูรส่งเจ้ามาที่นี่เพื่อเอาตราให้ข้าดูหรือ? 

  ทูตเก็บตรากลับไปเขาตอบด้วยความนอบน้อม

   ข้ารับคำสั่งจากท่านเมฆาอสูรเพื่อเป็นตัวแทนในการหารือกับเจ้าเมืองชมทะเล 

  ฮื่ม!ซือหยูเลิกคิ้วเล็กน้อย เมฆาอสูรผู้นี้ไม่ให้ความเคารพเขาเลย!

  เขาเป็นเจ้าเมืองแต่เมฆาอสูรกลับส่งลูกน้องของตนมาหารือแทน นั่นหมายความว่าเขาไม่ได้มองซือหยูแตกต่างไปจากว่าที่เทพขั้นกลาง

  ชาเอ๋อไม่พอใจเป็นอย่างมาก

   เมฆาอสูรทำเกินไปแล้ว!    เจ้าหมากระพริบตา

   เมฆาอสูรร้ายนักมันโอหังเสมอตอนที่ข้าไม่อยู่ เมินคำสั่งข้างั้นรึ? 

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

Status: Ongoing

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ

เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน