ผูกรักท่านประธานพันล้าน – บทที่ 31 ผู้หญิงไร้ยางอาย

ผูกรักท่านประธานพันล้าน

ตอนแรกเซิ่งอันหรานคิดว่าอวี้หนานเฉิงไม่ต้องการรบกวนเธอ เธอจึงพูดซ้ำ ๆ ว่าไม่เป็นไร เธอให้มือทั้งสองผลักชิงช้าไปมา จากนั้นเธอก็ได้ยินน้ำเสียงที่พูดดูเหมือนจะกัดฟันเล็กน้อยออกมาจากปากของอวี้หนานเฉิง

“เซิ่งอันหราน ปล่อยมือเดี๋ยวนี้”

เธอค่อยๆคลายมือออก “มี…มีอะไรเหรอ?”

อวี้หนานเฉิงใช้เท้าทั้งสองแตะลงที่พื้นเพื่อควบคุมการแกว่งของชิงช้า รองเท้าหนังราคาแพงทั้งสองข้างเปื้อนไปด้วยดินโคลน

อวี้หนานเฉิงหันหน้าไปจ้องที่เซิ่งอันหรานและพูดขึ้นว่า

“ผมบอกว่าผมอยากจะเล่นชิงช้าอย่างนั้นเหรอ?”

“คุณไม่คิดเลยหรือว่ามันจะไม่ปลอดภัย ก็นึกซะว่าลองเล่นแทนจิ่งซีลูกของคุณ”เซิ่งอันหรานไม่คิดว่าเธอทำผิดอะไร ดังนั้นเธอจึงไม่ได้สนใจ

“ยิ่งไปกว่านั้น การที่จะทำตัวให้เข้ากับเด็กได้ ก็ต้องลองเล่นและเข้าใจในสิ่งของที่เด็กๆชอบเล่นไม่ใช่เหรอ หรือว่าคุณไม่เคยเล่นเป็นเพื่อนจิ่งซีเลย”

“นั่นเป็นเหตุผลที่คุณคิดว่าผมควรจะลองเล่นแกว่งชิ่งช้าที่นี่?”

แววตาของอวี้หนานเฉิงดูหงุดหงิดเล็กน้อย เขาจ้องไปที่เซิ่งอันหรานอย่างไม่พอใจ

แม้ว่าเซิ่งอันหรานจะไม่ค่อยรู้เรื่องนี้มาก แต่หลังจากที่มองดูสายตาของอวี้หนานเฉิงอย่างใกล้ชิดแล้ว รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของเธอก็ค่อยๆแข็งทื่อขึ้นที่ล่ะเล็กน้อยๆ

เขาสวมชุดสูทและรองเท้าหนังแบบนี้ แน่นอนว่ามันดูจะไม่ค่อยจะเหมาะสมกับการเล่นชิงช้า เมื่อกี้เธอก็แค่อยากจะปลอบใจเขา แต่จู่ๆก็นึกขึ้นได้ ว่าภาพลักษณ์โดยปกติของเขานั้นเย็นชาราวกับภูเขาน้ำแข็ง

“เอ่อ…แคกๆ … จู่ๆฉันก็นึกขึ้นได้ว่าฉันกำลังรีบ ฉันจะต้องไปทำงานแล้ว ฉัน… ฉันไปก่อนนะ”

เซิ่งอันหรานแสร้งทำเป็นดูนาฬิกาข้อมือ เธอค่อยๆถอยหลังไปสองถึงสามก้าว จากนั้นก็หันหลังกลับและวิ่งจากไป

เมื่อเห็นว่าแผ่นหลังของเซิ่งอันหรานค่อยๆไกลห่างออกไป ความหงุดหงิดบนใบหน้าของอวี้หนานเฉิงก็ค่อยๆจางหาย เขากลับมีท่าทางที่ดูอบอุ่นขึ้น อวี้หนานเฉิงมองไปรอบๆ และเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ นิ้วเรียวของเขาก็ค่อยๆจับเข้ากับเชือกแกว่งทั้งสองข้างของชิงช้า มุมตาของเขาค่อยๆยกขึ้นราวกับว่ายิ้มได้

เซิ่งอันหรานวิ่งออกจากโรงเรียนโดยไม่หยุดฝีเท้า จนกระทั่งเธอวิ่งพ้นออกจากประตูโรงเรียน จากนั้นจึงหยุดวิ่งด้วยความหอบเหนื่อย

ตกใจหมดเลย หากว่าเมื่อกี้ยังอยู่ต่ออีกนิด เธอคงจะต้องถูกสายตาของอวี้หนานเฉิงฆ่าตายแน่ๆ

“ผู้จัดการเซิ่ง ออกมาคนเดียวเหรอ?”

ทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้น เธอก็พบกับเกาหย่าเหวินที่กำลังลงมาจากรถVIPของอวี้หนานเฉิง เกาหย่าเหวินยืนกอดอกและกำลังจ้องมองมาที่เธอด้วยแววตาที่ไม่ค่อยดีนัก

เซิ่งอันหรานขมวดคิ้ว เธอนึกถึงคำพูดที่เธอเพิ่งไปบังคับถามจากเสี่ยวซิงซิงมา ตอนนี้เธอรู้สึกหงุดหงิดใจเล็กน้อย เธอทำได้เพียงแค่พยักหน้า และเปล่งเสียง อืม ออกไป จากนั้นก็กวักมือเรียกรถแท็กซี่ที่อยู่บนถนน

“เรื่องที่ฉันจะแต่งงานกับหนานเฉิง คุณรู้ใช่ไหม?”

เกาหย่าเหวินยังคงพยายามที่จะไล่ตามถามต่อ

เซิ่งอันหรานหันหน้ากลับมาและตอบกลับไปว่า“ในบริษัทพูดถึงเรื่องนี้กันไปทั่ว จะทำเป็นปิดหูปิดตาไม่รับรู้ก็คงเป็นไปไม่ได้”

“ถ้าคุณรู้ก็ดีแล้ว” เกาหย่าเหวินจับที่ผมของเธอและยกคางเชิดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ

“ถึงแม้ข่าวจะยังไม่ถูกประกาศออกไป แต่ก็จะมีงานแถลงข่าวในเร็ว ๆ นี้ งานวิวาห์ระหว่างฉันกับหนานเฉิงจะต้องเป็นข่าวใหญ่ที่คนทั้งประเทศต้องรู้ ดังนั้นหากว่ามีใครที่คิดไม่ดี คิดที่จะหาโอกาสทำเรื่องไม่ดีอะไรอยู่ ก็คงจะต้องเตรียมตัวรับการต่อว่าจากคนเป็นร้อยเป็นพัน ”

“คุณเกาคงคิดมากเกินไปแล้ว” เซิ่งอันหรานแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ แต่ก็ยังคงพูดรักษาหน้าของทั้งสองฝ่าย “ฉันก็ไม่เข้าใจเรื่องที่คุณพูด”

เกาหย่าเหวินไม่สามารถระงับอารมณ์ของตัวเองได้ เธอพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและตรงไปตรงมา

“ฉันอยากให้คุณอยู่ห่างๆจากหนานเฉิง”

เธอรู้จักอวี้หนานเฉิงมาหกปีแล้ว และไม่เคยเห็นอวี้หนานเฉิงทำดีกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน เดิมทีเธอเคยคิดว่าเรื่องนี้มันเป็นข้อดีสำหรับเธอ เนื่องจากเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องของผู้หญิงเลย เพียงแค่เธอพยายามอยู่ครองตำแหน่งนี้ให้ดีที่สุด เธอก็จะสามารถได้ในทุกสิ่งที่เธอต้องการ โดยไม่ต้องกังวลใจว่าเขาจะเกิดเปลี่ยนใจ

แต่ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า เธอจะสามารถทำให้อวี้หนานเฉิงตั้งใจช่วยเหลือลูกสาวของเธอและหาโรงเรียนเป็นการส่วนตัว ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากๆ

พอพูดประโยคนี้ออกไป ก็เหมือนกับถูกฉีกหน้า

เซิ่งอันหรานสูดหายใจเข้าลึก ๆ เธอกำหมัดแน่น และพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ

“คุณเกา ฉันขอแนะนำให้คุณเอาคำพูดประโยคนี้ของคุณกลับคืนไป”

“ทำไมเหรอ?” เกาหย่าเหวินพูดอย่างเย็นชา “หรือว่ามันแทงใจดำ?”

“หรือคุณคิดว่า ถ้าคุณได้เป็นผู้หญิงข้างกายของประธานอวี้ จะสามารถทำให้คุณเชิดหน้าชูคอได้?”

“เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ใครๆก็รู้ว่าคุณพยายามช่วยจิ่งซีเพราะว่ามีแผนการอะไรอยู่ ไม่อย่างนั้นคุณก็บอกฉันมาสิว่า เป็นผู้จัดการฝึกหัดในโรงแรม จะมีปัญญาที่ไหนมาส่งลูกสาวของตัวเองไปเรียนที่หลานเป่า ยังจะมาแก้ตัวอีก คุณคิดอยากจะอยู่ใกล้ๆกับหนานเฉิง อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ ความคิดของผู้หญิงอย่างพวกคุณ ฉันเจอมาเยอะแล้ว”

เมื่อได้ฟังความคิดที่น่ารังเกียจและคำพูดไม่น่าฟังของเกาหย่าเหวิน ใบหน้าของเซิ่งอันหรานก็ดูเคร่งขรึมขึ้น เธอถามย้อนกลับไปว่า

“ผู้หญิงอย่างฉัน?”

“คิดอยากจะใช้ผู้ชายเป็นเครื่องมือ เพื่อทำให้ตัวเองดูสูงขึ้น ผู้หญิงไร้ยางอาย” เกาหย่าเหวินแสยะริมฝีปากเยาะเย้ย “ฉันขอเตือนคุณไว้เลยนะว่า อย่าคิดอยากจะได้สิ่งของหรือคนที่ไม่ใช่ของตัวเอง ไม่อย่างนั้นก็คิดถึงลูกสาวของตัวเองให้มากๆ ”

ทันทีที่เซิ่งอันหรานได้ยินคำพูดประโยคนี้ มือทั้งสองของเธอก็กำแน่นขึ้น

“คุณเกา คุณควรจะรู้ผิดชอบชั่วดีในสิ่งที่คุณกำลังพูด ฉันไม่ได้คิดอะไรกับท่านประธานอวี้เลยแม้แต่น้อย สิ่งที่คุณสงสัย มันล้วนเป็นสิ่งที่คุณคิดไปเองเท่านั้น”

เกาหย่าเหวินยังคงต้องการที่จะพูดต่อ แต่ทันใดนั้นหางตาของเธอก็เหลือบไปเห็นเหงาของบุคคลที่คุ้นเคยกำลังเดินออกมาจากประตู สีหน้าของเกาหย่าเหวินเปลี่ยนไปในทันที ใบหน้าของเธอปรากฏรอยยิ้ม พร้อมกับหันหน้ากลับไป “หนานเฉิง ทำไมคุณเพิ่งจะออกมาล่ะ?”

“มีเรื่องที่ทำให้เสียเวลานิดหน่อย”อวี้หนานเฉิงเหลือบมองเธออย่างไม่แยแส จากนั้นก็มองไปที่เซิ่งอันหรานซึ่งยืนอยู่ทางด้านหลังของเธอ และถามเซิ่งอันหรานขึ้นว่า

“ผมมีเรื่องที่จะต้องไปทำที่โรงแรมสักหน่อย คุณจะไปด้วยกันไหม?”

เป็นเพราะคำเตือนของเกาหย่าเหวินก่อนหน้านี้ หากว่าครั้งนี้เธอไม่คิดให้ดีๆ นั่นมันก็หมายความว่าเธอจงใจยั่วยวนเขา

เซิ่งอันหรานไม่ต้องการสร้างปัญหาให้ตัวเอง ดังนั้นเธอจึงส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันนั่งแท็กซี่ไปเองได้”

เมื่อเห็นเช่นนั้น อวี้หนานเฉิงก็ไม่บังคับเธอ เขาเดินขึ้นรถไปพร้อมกับเกาหย่าเหวินและมุ่งหน้าเดินทางไปที่โรงแรมก่อน

ในระหว่างทาง เกาหย่าเหวินคอยมองดูอวี้หนานเฉิงอยู่ตลอดเวลา เธอเห็นว่าวันนี้เขาดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ มันยิ่งทำให้เธอเริ่มรู้สึกสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นในโรงเรียนอนุบาลกันแน่ ดังนั้นเธอจึงถามหยั่งเชิงออกไปว่า

“หนานเฉิง แม้ว่าผู้จัดการเซิ่งจะช่วยชีวิตขอวจิ่งซีไว้ แต่คุณไม่ทำดีกับเธอมากจนเกินไปหน่อยเหรอ?”

อวี้หนานเฉิงมองออกไปที่ถนนทางด้านนอกหน้าต่างของรถ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติว่า “จริงเหรอ ?คุณคิดมากเกินไปแล้ว”

“เรื่องที่ลูกสาวของผู้จัดการเซิ่งได้ไปเรียนในโรงเรียนอนุบาลหลานเป่า คุณเป็นคนจัดการให้ใช่ไหม?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ คิ้วของอวี้หนานเฉิงก็ขมวดขึ้นเล็กน้อย เขามองไปที่คนขับที่กำลังขับรถอยู่

น้ำเสียงอันเย็นชาของอวี้หนานเฉิงดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของรถ

“โจวฟัง ตอนนี้การคัดเลือกคนประสิทธิภาพแย่ลงเรื่อยๆเลยนะ ฉะนั้นตอนบ่ายคุณไปจัดการเรื่องเงินที่แผนกการเงินได้เลย แล้วต่อไปก็ไม่ต้องมาทำงานแล้ว”

“ท่านประธานอวี้” คนขับมีน้ำเสียงที่ตื่นตระหนก “ผมผิดไปแล้ว ผม…”

“ใช่ ฉันถามเขาเอง” เกาหย่าเหวินอธิบายอย่างเร่งรีบ “ฉันก็แค่ถามเฉยๆ ไม่ได้คิดที่จะทำอะไร ทำไมคุณถึงได้มีปฏิกิริยาโต้ตอบมากขนาดนั้น ไหนบอกว่าคุณไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่เกินเลยกับเซิ่งอันหราน?”

“ผมก็พูดไปแล้ว”

อวี้หนานเฉิงมองเธอด้วยความหงุดหงิด พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจว่า “คุณคิดมากเกินไปแล้ว”

“จริงเหรอ? แต่ฉันคิดว่า…”

“ผมไม่สนใจว่าคุณจะคิดอะไร” อวี้หนานเฉิงจ้องไปที่เกาหย่าเหวิน พร้อมกับเตือนเธอด้วยสายตาที่เย็นชา

“ถ้ายังถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อ คุณก็ลงจากรถไปได้เลย ช่วงนี้คุณมีคำถามมากเกินไปแล้ว ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เกาหย่าเหวินก็เม้มริมฝีปากของตัวเองไว้แน่น มือของเธอค่อยๆกำรวบเข้ากับต้นขาของตัวเอง เส้นเอ็นและกระดูกเกร็งไปหมด

สัญชาตญาณของเธอบอกเธอว่า เซิ่งอันหราน ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา

ผูกรักท่านประธานพันล้าน

ผูกรักท่านประธานพันล้าน

Status: Ongoing
เซิ่งอันหรานถูกกพี่สาวต่างมารดาให้ร้าย ว่าเธอไปนอนค้างคืนกับชายแปลกหน้า และยังตั้งท้อง! เธอไปโรงพยาบาล แต่มีคนสั่งว่าให้รักษาชีวิตของเด็กเอาไว้ และไม่อนุญาตให้เธอทำแท้ง เธอตั้งครรภ์สิบเดือน ชีวิตเซิ่งอันหรานต้องเผชิญกับอันตรายถึงชีวิต แต่สุดท้ายเธอก็ได้แค่มองดูเด็กคนนั้นถูกอุ้มตัวไป ไม่กี่ปีต่อมาเซิ่งอันหรานเดินทางกลับจากต่างประเทศ ในขณะที่เซิ่งอันหรานกำลังจูงมือเด็กน้อยหน้าตาน่ารัก เธอก็บังเอิญได้พบกับชายคนหนึ่ง ชายคนนั้นเดินเข้ามาคว้าแขนของเธอและพูดด้วยความโมโหว่า “คุณกล้าดียังไงที่ขโมยลูกของผมไป” เด็กน้อยผลักชายคนนั้นออกและพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “คุณไม่ได้รับอนุญาตให้มาแตะต้องตัวหม่าม้าของผม เธอเป็นของผม!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท