ความจริงเก่งอยากจะพบกุ๊กไก่มาก เขาและเธอเคยทะเลาะจิกกัดกันเล็กน้อยในอดีตหากเป็นผู้หญิงคนอื่นเก่งคงลืมไปแล้วแต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไรเขาถึงไม่เคยลืมเรื่องพวกนี้เลย มันคล้ายจะเป็นความสุขเล็ก ๆ ในใจที่เขาแอบเก็บไว้อยู่มุมหนึ่งไม่ได้เปิดเผยให้ใครรู้แม้กระทั่งเควิลคนที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทและเจ้านาย
เป็นเพราะตัวเองต้องมาสะสางงานแทนเควิลเขาต้องประจำอยู่ที่เมืองไทยไม่ต่ำกว่าหกเดือน เพราะแบบนี้ใบหน้าเล็กสวยหวานของกุ๊กไก่จึงผุดขึ้นมาในความทรงจำของเขาอีกครั้ง
และเหมือนนาชาจะรู้ใจเขาว่าเก่งเองก็อยากที่จะพบกุ๊กไก่ก่อนเขาเดินทางกลับไทยเธอจึงฝากของให้กุ๊กไก่จนเต็มกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เขาไม่รู้ว่านาชาฝากอะไรมาบ้าง แต่เขารู้ว่าตัวเขาก็มีเช่นกันเป็นกำไลหยกนำโชคเนื้อดีที่เป็นของเก่าแก่ตั้งแต่ราชวงศ์ถังที่เก่งได้มาตอนไปเปิดสาขาที่เซี่ยงไฮ้
เพียงเห็นกำไลหยกที่มีมูลค่ามหาศาลนี้กลับทำให้เขาคิดถึงกุ๊กไก่ แน่นอนว่าเมื่อเขาอยากได้เขาก็สามารถครอบครองได้ไม่อยาก แต่เมื่อได้มันมาแล้วเขาเก็บกำไลหยกนี่เอาไว้ถึงปีกว่าแม้จะเคยมาเมืองไทยบ้างแต่ก็ไม่เคยคิดที่จะแวะหากุ๊กไก่นั่นเป็นเพราะว่าเธอมีแฟนอยู่แล้ว
กระทั่งล่าสุดนาชาบอกว่ากุ๊กไก่เลิกกับแฟนแล้ว แต่เธอไม่ได้บอกเหตุผลเก่งเองก็ไม่ได้ถามเขายังเก็บอาการตัวเองเอาไว้อย่างแนบเนียน ไม่ได้แสดงความสนใจจนออกนอกหน้าทั้ง ๆ ที่ในใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมา
เขาคุยสายกับกุ๊กไก่ด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่เหงื่อกลับชื้นเต็มฝ่ามือ ตั้งใจฟังน้ำเสียงหวานใสร่าเริงของเธอด้วยความคิดถึง ที่ตัวเองได้แต่คิดว่าบ้าจริง นี่เขาบ้าไปแล้วจริง ๆ ด้วย
เธอคงจะทำใจได้แล้วที่เลิกกับแฟน และเธอไม่ได้เศร้าเหมือนที่เขาเข้าใจ เพราะเรื่องของไฮโซณัฐกับกุ๊กไก่นั้นโด่งดังไปทั่ว เพียงค้นเข้าไปในกูเกิ้ลก็เจอ
แม้ว่ากุ๊กไก่จะไม่ได้ถูกเปิดเผยหน้าตา ทั้งในข่าวยังบอกว่าไฮโซณัฐทิ้งแฟนเก่าที่คบหากันมาเจ็ดปีเพื่อแต่งงานกับคนที่เหมาะสม และที่แย่คือแฟนสาวของเขากลับไม่มีอาชีพอะไรเรียนจบมาก็เอาแต่เกาะไฮโซณัฐกิน เมื่อถูกผู้ชายทิ้งก็ไร้ค่า
มีคอมเม้นท์ในเน็ตต่อว่ากุ๊กไก่มากมาย ว่าเป็นเพียงเด็กเสี่ยไร้ค่าคนหนึ่งทั้ง ๆ ที่พวกเขาไม่เคยเห็นเธอเลยสักครั้ง เพราะแบบนี้ทำให้เก่งสงสารเธอเป็นอย่างมาก
แม้ว่ากุ๊กไก่จะคล้ายหยิบจับอะไรไม่เป็นสักอย่างแต่เก่งรู้ดีว่าเธอตั้งใจทำร้านกาแฟแค่ไหน และเธอก็ทำได้ดีนี่คือมุมมองของเขา ในขณะที่กุ๊กไก่เองกำลังซ้อมบทว่าจะบอกเก่งยังไงเรื่องร้านกาแฟ เก่งเป็นคนของเควิลยังไงก็ต้องไปรายงานนายของตัวเอง เควิลกับนาชาเป็นสามีภรรยากัน ถ้าเควิลรู้นาชาย่อมรู้
“หรือฉันจะพูดกับพี่เก่งตรง ๆ และขอให้เขาช่วยปิดเอาไว้”
จู่ ๆ ที่ก็พูดขึ้นในคืนนั้น อชิที่นอนอยู่บนฟูกสำรองด้านล่างกำลังดูกราฟเหรียญดิจิตอลที่มีแท่งสีเขียวสีแดงอยู่ในนั้นอย่างตั้งใจกลับตอบออกมา
“บอกตรง ๆ สิ เธอเป็นคนขี้โกหกตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
กุ๊กไก่ที่นอนอยู่บนเตียงแล้วทำตัวเป็นเจ้าของห้องขยับตัวมาใกล้เธอใส่เสื้อนอนตัวใหญ่ของอชิเพราะเสื้อผ้าของตัวเองเพิ่งส่งซักรีดไปเมื่อช่วงเย็น ทั้งยังใส่กางเกงใส่เล่นของเขาโชคดีที่มันเป็นแบบเชือกรัดเธอจึงใส่ได้ แต่ว่าลักษณะคล้ายผ้าผืนใหญ่ที่ห่อตัวคนมากกว่าเสื้อผ้า
“นายว่าฉันควรบอกความจริงเหรอ”
อชิพยักหน้าแล้วไม่สนใจเธออีก เขาทำงานต่อเล็กน้อยก่อนจะปิดคอมแล้วหันมาถามเธอ
“ว่าแต่คุณเก่งนี่ใคร”
กุ๊กไก่หรี่ตา
“นายบอกว่าไม่สนใจเรื่องของฉันนี่”
อชิทำเสียงเข้ม
“ตอนนี้เธอเป็นเมียฉัน ฉันจำเป็นต้องสนใจฉันก็เป็นคนมีหน้ามีตาคนหนึ่ง อาทิตย์หน้าฉันต้องเปิดตัวบริษัทเป็นความร่วมมือกับรัฐบาล เธอต้องไปงานในฐานะเมียประธานตอนนั้นเธอได้ดังแน่”
เหตุผลของเขาใช้ได้ กุ๊กไก่พยักหน้าเขาเคยเกริ่นเอาไว้แล้วเธอจึงไม่ได้ตื่นเต้นเท่าไหร่ แถมยังสั่งชุดจากแบรนด์ดังมาจากเมืองนอกและส่งตรงมาทางเครื่องบินให้เธอเรียบร้อย
กุ๊กไก่เป็นคนสวยใส่อะไรก็สวย เธอเองในตอนนั้นแค่เปิดเน็ตดูหลายแบรนด์แล้วจิ้มนิ้วลงไปให้อชิดู อชิก็จัดการตามนั้น เงินช่วยให้ทุกอย่างง่ายดายภายในปลายนิ้ว
“ว่าไง เขาเป็นใคร”
กุ๊กไก่อ้าปากหาวจนน้ำตาเล็ด เธอขยับเข้ามาแล้วเลื้อยลงที่นอนของอชิ มันไม่ใหญ่หนานุ่มเหมือนเตียงของเขาเป็นเพียงฟูกปูนอนแต่ก็ราคาแพงไม่น้อย พอได้เอนหลังลงตรงนี้จึงให้ความรู้สึกดีไปอีกแบบ
“ก็คนรู้จัก ลูกน้องของสามีเพื่อน เป็นเพื่อนของฉันอีกทีหนึ่ง เป็นคนดี หล่อไม่เบา สูง การศึกษาดี และโสด”
อชิทำหน้าราบเรียบ
“เธอมันตาถั่วเห็นใคร ๆ ก็หล่อไปหมด”
กุ๊กไก่ส่ายหน้า
“ไม่ใช่ มาตรฐานฉันสูงมากและฉันตาถึงที่สุด”
“โม้ เข้าข้างตัวเอง”
อชิขยับตัวเขาดันโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กออกไปด้านข้างที่เหลือพื้นที่ไม่มากนัก ตอนแรกอึดอัดที่อยู่กันสองคนในห้องเล็ก ๆ กับกุ๊กไก่ แต่ต่อมากลับมีความรู้สึกอบอุ่นประหลาด เขาที่เคยรับปากกุ๊กไก่ว่าจะหาบ้านหลังใหญ่ให้เธอกับลังเลแม้เธอจะถามเขาก็บอกว่ายังไม่ว่างพาไปดูช่วงนี้เขายุ่งมาก
นี่ก็นับได้เป็นเดือนแล้วที่เขาอยู่กับเธอ ความรู้สึกในยามที่ได้เห็นเธอนอนอยู่ข้าง ๆ ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นและย้อนนึกไปถึงตอนที่พวกเขาเป็นเด็ก
กุ๊กไก่พูดอะไรก่อนหน้าเขาไม่ได้ยินเพราะสมองล่องลอย จนกระทั่งเขารู้สึกตัวเมื่อเธอขยับมานอนหนุนตักของเขาแทนหมอน เธอยกมือเรียวของเธอขึ้นมาแล้วจับปลายคางของเขา บังคับอชิให้ก้มลงมามองเธอ
“ฉันบอกว่าฉันตาถึงเพราะอะไรรู้หรือเปล่า”
อชิส่ายหน้า เขาก้มมองเธอที่นอนหนุนตักเขาโดยไม่กระดากแม้แต่น้อย แต่ยามที่ผมนุ่ม ๆ สัมผัสกับขาของเขาอชิรู้สึกประหลาดและน้องชายของเขานั้นไม่สามารถที่จะห้ามได้ไม่ให้มันโด่ขึ้นมา
“อชิ”
กุ๊กไก่บีบคางเขา
“อะไรเรียกอยู่นั่นแหละ”
กุ๊กไก่หน้างอ “ก็นายมัวแต่เหม่อนี่นา คิดมากเรื่องพี่เก่งเพราะหึงเหรอ”
อชิเขกมะเหงกเธอจนกุ๊กไก่ร้องดัง
“เอะอะก็ตี เจ้านายภาษาไรวะ”
เธอบ่นทั้งลูบหัวตัวเอง
“ตีให้สำนึกไงว่าอย่าได้พูดพล่อย ๆ อีกมันรำคาญ ฉันแค่คิดเรื่องงานเล็กน้อย เอ๊าว่ามาทำไมถึงคิดว่าตัวเองตาดี”
กุ๊กไก่ลุกขึ้นแล้วมองหน้าเขา
“อชิก็เพราะตอนเราอยู่ม.ต้น ฉันเป็นคนเดียวในห้องที่มองเห็นความหล่อของนายไง ตอนนั้นนายน่าเกลียดจะตายทำไมฉันยังมองนายหล่อได้”
อชิยักไหล่
“ก็เธอโง่นี่เธอดูผลการวิจัยได้ มันเป็นธรรมชาติที่คนโง่จะชอบคนเก่งและชื่นชมมากเป็นพิเศษยิ่งเธอโง่มากแค่ไหนก็ยิ่งมีโอกาสคิดเกินเลยกับฉันที่ฉลาดขนาดนี้เป็นเท่าตัว เข้าใจหรือยัง”
“ไอ้บ้า”
กุ๊กไก่โกรธเขาเธอจึงโถมตัวเข้าหาเขาอย่างแรง อชิเสียหลักล้มลงไปเธอหยิกเขาไปหลายครั้ง ยังทึ้งผมเขาจนอชิร้องลั่น
“ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้ใครโง่วะ”
ตอนนี้กุ๊กไก่คล่อมร่างนั่งอยู่บนท้องของเขา ก้นนิ่ม ๆ ของเธอเบียดกล้ามเนื้อแน่นในขณะที่อกอวบก็ทาบทับที่หน้าอกของเขาอย่างสนิทสนมจนเกินเพื่อน
“ก็ได้ ปล่อยก่อนเธอทำอะไรยัยโง่ อย่าคิดแตะต้องผู้ชายแบบนี้สิมันไม่ดีนะโว๊ย”
“ทำไมจะไม่ดี ฉันจะตีนาย นี่แน่ะ นี่แน่ะ”
กุ๊กไก่ยังตีเขาไม่ยั้ง อชิหน้าเขียวไปหมดแล้วกระทั่งเขารวบมือถือเอาไว้แล้วพลิกตัวเองทับตัวกุ๊กไก่จนดิ้นไม่หลุด
“อชิ ปล่อยนะไอ้เพื่อนบ้า”
อชิหัวเราะเสียงประหลาดราวกับเป็นสัตว์ร้าย
“เพื่อนกันเขาไม่เสียดสีใกล้ชิดกันแบบนี้หรอก เธอจำไว้เลยว่ามันอันตราย”
กุ๊กไก่กลับท้าทาย
“ทำไมเราสองคนวันไนท์แสตนก็เคยแล้วจะมีอะไรอันตรายได้อีก อย่าโกหกนะว่าไม่คิดไอ้ห่า ฉันเห็นถุงยางแกเต็มลิ้นชักคิดจะเอาไว้ใช้กับใครห๊ะ”
อชิหน้าแดง เขาสบัดหน้าหนีปล่อยกุ๊กไก่ให้ขยับตัวได้
“ไม่ใช่กับเธอแล้วกัน”
“เห๊ะ ตอแหล”
กุ๊กไก่เสียงดัง
“ไม่ได้ตอแหลพูดจริง”
กุ๊กไก่ยิ้มชั่วร้าย ขยับตัวเข้ามาใกล้เชยคางอชิขึ้นมาแล้วยังมองลึกซึ้งเข้าไปในดวงตาคู่นั้น
“อชิแกว่าถุงยางมันมีหมดอายุป่ะวะ”
“มีสิ”
อชิตอบเสียงสั่นเมื่อมือของกุ๊กไก่กำลังลูบไปที่ต้นขาของเขา
“กี่เดือน”
อชิทำท่านึก
“ห้าปีประมาณนี้”
“ขนาดเรื่องวันหมดอายุถุงยางนายยังรู้ จะอัจฉริยะเกินไปแล้ว แล้วนายจะเก็บจนถึงห้าปี หรือว่าอยากจะเอามาใช้ตอนนี้”
กุ๊กไก่ถามเขาแต่ตัวเองก็เสียงสั่นเช่นกัน ไอ้ห่านี่หล่อขนาดนี้กล้ามแน่นขนาดนี้แสนดีขนาดนี้ถึงเธอไม่ได้รักแต่อยู่ด้วยกันแล้วมันเหมือนน้ำมันกับไฟ แค่อชิแตะเธอกุ๊กไก่ก็ใจเตลิดแล้ว หญิงสาวลากนิ้วไปตามแผงมัดกล้ามช้า ๆ อชิใส่เสื้อกล้ามโชวซิกแพ็กคล้ายจะอ่อยเธอ ใครจะไปทนไหววะ เธอไม่ใช่พระอิฐพระปูนสักหน่อย
อชิห้ามเธอพยายามทำหน้าให้เคร่งขรึมแต่เพราะนิ้วน้อย ๆ ที่แสนจะซุกซนนี่ทำให้มันไม่เป็นดั่งใจคิด
“กุ๊ก อย่าเล่น”
กุ๊กไก่ลูบเขาต่อเห็นได้ชัดว่าอชิตัวสั่น
“ไม่ได้เล่นสักหน่อย พูดจริงเราสองคนเป็นเพื่อนที่รู้ใจกันไม่ใช่เหรอ โสดทั้งคู่แถมยังลวงโลกว่าเป็นผัวเมียกันอีก ทะเบียนสมรสก็มีแล้วเราก็ต้องให้มันสมจริงสิ สัญญาว่าถ้าถึงเวลาจะยอมหย่าแต่โดยดี นายเองก็อย่ารั้งฉันเอาไว้ล่ะ เราสองคนแค่สนุกกันเท่านั้น”
เอาล่ะสิ อชิรู้ดีว่ากุ๊กไก่มันพูดจริงแค่ไหนและเขาเองก็ทนไม่ไหวแล้วเมื่อน้องชายของเขาตอนนี้ผงาดง้ำอยู่ในกำมือของกุ๊กไก่ที่ลูบ ๆ คลำ ๆ เรียบร้อยแล้ว ร่างกายของอชิสั่นเล็กน้อยคล้ายจะขยับออกแต่ใจกลับสั่งให้นิ่งอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้กุ๊กไก่ใช้นิ้วมือค่อย ๆ เล้าโลมเขาอย่างช้า ๆ จนคนที่ถูกกอบกุมครางในลำคอเบา ๆ
“อื้อ กุ๊กไก่”
“ความจริงฉันแค่เป็นห่วงว่าถุงยางจะหมดอายุ อชินายไม่กลัวเหรอเสียดายแย่ถ้าไม่ได้ใช้”
“แกแอบไปกินเหล้ามาเหรอ”
ในที่สุดเขาก็ถามออกมา กุ๊กไก่หัวเราะ
“นายนี่มันรู้ทุกเรื่องเบียร์ในตู้เย็นมีสามกระป๋องฉันคอแห้งเลยกินจนหมด ไอ้ห่ากินแล้วร้อนชะมัด อชิอย่าฝืนเลยแข็งขนาดนี้แล้ว เราสองคนตกลงกันได้ไม่ใช่เหรอ”
กุ๊กไก่กำลังจะพูดต่อ ก็ถูกอชิปิดปากด้วยปากของเขาทั้งยังแทรกลิ้นร้อน ๆ เข้ามาในโพรงปากอย่างกระหาย
“ไอ้กุ๊กบอกแล้วว่าอย่าเล่นกับฉัน”