เพราะเขาหน้าบึ้งแบบนี้กุ๊กไก่จึงคิดว่าอชิหึงเธอชัด ๆ ถึงแม้ว่านายนั่นจะปากแข็งไม่ยอมรับก็ตามเถอะ
“โต ๆ กันแล้วมีอะไรก็พูดกันตรง ๆ”
เธอบอกเขาพร้อมกับเดินมานั่งตักยังคล้องแขนเข้าที่คอของเขาด้วย
“กุ๊กไก่เธอกำลังทำอะไรของเธอ”
กุ๊กไก่ก้มลงมาจูบแก้มของเขาเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้นบิดขี้เกียจสองสามที
“ฉันถามว่าเมื่อกี้คิดจะทำอะไร”
กุ๊กไก่ส่ายหน้า
“ไม่ได้คิดจะทำอะไร ก็แค่อยากจูบนายก็เท่านั้น”
“เห๊อะ ยัยหื่น”
กุ๊กไก่ยิ้ม
“น้อยกว่านายล่ะกัน”
อชิหัวเราะ
“เพราะฉันเป็นคนมีศีลธรรมแต่งงานกับเธอแล้วก็ไม่อยากไปหาเศษหาเลยเข้าใจ๊ อย่าได้เข้าใจผิด”
“ย่ะ”
กุ๊กไก่ไม่แคร์ล่ะ เธอตัดสินใจแล้วว่าแล้วแต่นายนั่นล่ะกันว่าแล้วก็คิดได้จึงหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาแชทหาฝรั่งคนโปรดที่คุยกันแทบทุกคืน แต่ทักไปยังไงเขาก็ไม่ตอบเธอจึงบ่นเบา ๆ
“เธอจะไม่ให้เขาทำการทำงานวัน ๆ รอตอบแต่แชทของเธอหรือยังไงตอนนี้กี่โมงกี่ยามแล้วฝั่งยุโรปน่ะคนเขานอนกันหมดแล้ว”
อชินั่งฟังกุ๊กไก่บ่นกระทั่งเขาดื่มกาแฟที่เธอชงให้จนหมด
“จริงด้วย”
“ยัยโง่”
“ไอ้บ้า”
อชิยิ้ม
“ด่าฉันทำไม”
“ก็นายว่าฉันโง่นี่ นายเริ่มก่อนเดี๋ยวนี้ปากจัดยิ่งกว่าฉันอีกนะ”
กุ๊กไก่แหวใส่เขา อชิหัวเราะเบา ๆ ดูมีความสุขไม่น้อยเขาเท้าคางแล้วมองเธอนิ่ง ๆ ไม่พูดอะไรอีก เขามองจนกุ๊กไก่หน้าร้อนผ่าวก่อนจะพูดขึ้นมา
“กุ๊ก ถ้าไม่มีฉันเธออยู่ด้วยตัวเองได้จริง ๆนะ”
กุ๊กไก่วางโทรศัพท์เธอมองเขาแล้วตอบไม่จริงจัง
“อชินายอย่าสำคัญตัวเองผิด ก่อนหน้านี้นายก็หายไปจากชีวิตของฉันไม่ใช่เหรอ ฉันก็มีชีวิตอยู่ดี”
อชิถอนหายใจ
“เพราะแบบนี้ไงถึงได้ห่วง ชีวิตเธอมันล้มเหลวตอนนี้ที่ฉันอยู่ด้วยก็พยายามเรียนรู้ให้เร็วก็แล้วกันคราวนี้ฉันอาจจะหายไปจริง ๆ ก็ได้”
น้ำเสียงของอชิดูผิดปกติแต่กุ๊กไก่ย่อมรู้อยู่แล้วว่าเขาใกล้จะไปแล้ว
“ไม่ต้องห่วงฉันไม่ตายหรอกน่าจะใช้ชีวิตอย่างระวัง บทเรียนก็มีมาแล้วจะหาผัวดี ๆ ให้เหมือนคนอื่นเขา”
กุ๊กไก่ยิ้มแต่เป็นยิ้มที่เศร้ามากจนอชิอดสงสารไม่ได้ ยัยนี่พยายามเต็มที่จริง ๆ ที่จะเข้มแข็ง เขาลุกขึ้นไม่พูดเรื่องนี้อีกดึงแขนของเธอขึ้นมา
“ไปเถอะ วันนี้เรามีนัดกินข้าวกับเจ้าของที่เธอแสดงเป็นภรรยาที่น่ารักมาก ๆ หน่อยล่ะกันวันนี้ชี้เป็นชี้ตายแล้วว่าเขาจะขายที่ให้เราหรือเปล่า”
กุ๊กไก่เดินตามเขา
“อ้าวคิดว่าเขาตกลงแล้ว”
“คนแก่น่ะ บางทีก็ลืมว่าตัวเองตกลงแล้วแต่วันนี้จะเซ็นสัญญาซื้อขายกินข้าวเย็นเสร็จก็จะเซ็นเลยคราวนี้ยังไงเขาก็อ้างไม่ได้ว่าลืมอีก”
กุ๊กไก่พยักหน้า คนพวกนี้ทำเหมือนเด็กเล่นได้ยังไงตกลงก็คือตกลงไม่ใช่เหรอ แต่ก็พูดไม่ได้เพราะคนแก่ยังไงก็คือคนแก่ที่บางครั้งอาจจะหลงลืมไปจริง ๆ
วันนี้เธอรู้อยู่แล้วว่าต้องไปพบคนแก่จึงแต่งตัวเรียบร้อยเป็นพิเศษจนกระทั่งอชิพาเธอไปถึงร้านอาหารเก่า ๆ ธรรมดาร้านหนึ่ง ร้านนี้เป็นบ้านไม้เก่าแก่ มีโต๊ะนั่งไม่กี่โต๊ะแต่เต็มทุกโต๊ะ บรรยากาศเหมือนกำลังกินอาหารอยู่ในบ้าน
อชิและกุ๊กไก่นั่งรอไม่นานคุณป้าคนหนึ่งก็เข็ญรถพาคุณตาสูงอายุมาที่โต๊ะของพวกเขา อชิและกุ๊กไก่ยกมือไหว้อย่างสุภาพ คุณตาและกุ๊กไก่เพิ่งพบกันเป็นครั้งแรกเมื่ออชิแนะนำว่ากุ๊กไก่คือภรรยาของเขาคุณตาก็ขยิบตาให้อชิเป็นเชิงหยอกเย้า
“หนุ่มหล่อก็ย่อมคู่กับสาวสวยสินะ แต่งตัวเรียบร้อยเลยท่าทางไม่ค่อยชอบชุดนี้นะเรา”
กุ๊กไก่ถึงกับสะอึกเมื่อคุณตาประเมินได้ถึงรสนิยมการแต่งตัวของเธอได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
“ปกติก็ไม่ชอบค่ะ แต่มาพบผู้ใหญ่กุ๊กต้องแต่งตัวให้เหมาะสม”
กุ๊กไก่หัวเราะแห้ง ๆ เธอตอบอย่างจริงใจ ดูเหมือนคุณตาจะพอใจมากยังพูดกับเธอต่อว่า
“ภรรยาของตาน่ะก็ชอบแต่งตัวเซ็กซี่ คิดดูว่ารุ่นตานี่โบราณขนาดไหนเขายังชอบใส่เสื้อกล้ามเอวลอยโชว์หุ่นแซ่บ ๆ เหมือนหนูนี่แหละ หลายคนบอกไม่เหมาะแต่ตาไม่เคยว่าเพราะเขาใส่แล้วเขามีความสุข”
ดวงตาของคุณตาเป็นประกายเมื่อพูดถึงภรรยา กุ๊กไก่จึงเข้าใจว่าทำไมเขาถึงคิดจะขายที่ให้คนสร้างภาพว่ารักเมียอย่างอชิ อาหารมาวางข้างหน้าแล้วกุ๊กไก่ถึงได้รู้ว่าที่นี่คือบ้านของคุณตาเอง และร้านอาหารนี่ก็เป็นแม่ครัวของคุณตาที่จะเปิดอาทิตย์ละสามวันและรับโต๊ะจองเท่านั้น
“แม่ครัวเขาเป็นคนเก่าแก่ อาหารสืบทอดชาววังต้นตำหรับมาจากรัชการลที่ห้า ถึงภรรยาของตาจะเปรี้ยวแต่ทำอาหารอร่อยมากต้นตระกูลของเขาเป็นคนในวังน่ะ เขาชอบความครึกครื้นจึงเปิดบ้านเป็นร้านอาหารส่วนใหญ่ก็คนกันเองจองมา หลังเขาเสียตาเลยเปิดต่อแม่บ้านเขามาเป็นแม่ครัวแทน เขาเรียนรู้มาจากภรรยาของตาโดยตรงอยากให้คนมาทานแล้วมีความสุข”
กุ๊กไก่ยิ้มแล้วพูดว่า
“สุดยอดเลยค่ะ กุ๊กก็ว่าแล้วดูอาหารแต่ละอย่างจัดแต่งมาแปลกตาสวยจนไม่กล้ากินเลยค่ะ”
คุณตายิ้มแก้มปริ กุ๊กไก่เป็นคนพูดเก่งทุกครั้งที่เธอพูดอชิจะมองเงียบ ๆ ใบหน้าเปื้อนยิ้ม คุณตาเองก็สังเกตุท่าทางของอชิแทบจะตลอดเวลา ในเวลาที่กุ๊กไก่กำลังคุยอย่างออกรสชาติเขาจะคอยส่งแก้วน้ำมาให้ กระทั่งเธอจะเข้าห้องน้ำยังต้องดึงทิชชู่ออกจากกล่องแล้วถือทิชชู่ตามเธอไปด้วยความเคยชิน
เขาเฝ้าอยู่หน้าห้องน้ำรอจนกุ๊กไก่ออกมาแล้วเดินมาด้วยกัน ระหว่างกินข้าวอชิยังคอยตักอาหารเอาก้างปลาออกให้ ใส่ใจกระทั่งรู้ว่าเธอไม่ชอบอะไรก็จะกินเองแล้วตักแต่ของที่เธอชอบกินให้บนจาน
คุณตายิ้มคอยสังเกตุอยู่เงียบ ๆ กระทั่งพูดขึ้นมา
“กุ๊กไก่ลองเล่าให้ฟังหน่อยสิว่ารู้จักกันกับอชิได้ยังไง”
กุ๊กไก่หัวเราะ
“หมอนี่เหรอคะ เรื่องยาวมากเลยค่ะกว่าจะได้แต่งงานกัน”
“ตาไม่รีบเล่ามาเถอะตาชอบฟัง”
กุ๊กไก่เริ่มเล่า
“บ้านเราอยู่ใกล้กันรู้จักกันตั้งแต่ยังไม่ถึงขวบค่ะ แม่ของพวกเราต่างพาพวกเราไปเดินเล่นในสนามส่วนกลางของหมู่บ้าน เพราะเกิดปีเดียวกันจึงทำให้คุ้นเคยกันตั้งแต่นั้นมาก็เป็นเพื่อนเล่นกันค่ะ หลังจากนั้นแม่ของเราก็ไม่ค่อยว่างต้องหาเงิน เราเข้าเรียนโรงเรียนเดียวกันอยู่ห้องเดียวกันตั้งแต่อนุบาลค่ะ”
คุณตาหัวเราะ
“ได้ข่าวว่าอชิเป็นเด็กอัจฉริยะไม่ใช่เหรอแล้วหนูล่ะ”
กุ๊กไก่ตอบตามตรง
“หนูเรียนไม่เก่งค่ะ ก็เลยต้องเกาะติดเขาแจเพราะแม่ชอบบ่นแต่อยู่กับอชิเขาลากหนูจนผ่านการสอบมาได้ เราเลยตัวติดกันค่ะต่อมาเขาย้ายไปอยู่ต่างประเทศก็ไม่ได้เจอกันแล้ว”
กุ๊กไก่เล่าไปเรื่อย ๆ คุณตาเองก็สงสัย
“แล้วกลับมาพบกันและแต่งงานกันเหรอ”
กุ๊กไก่พยักหน้า
“ใช่ค่ะ ก่อนหน้าหนูเคยมีแฟนและเลิกกันแล้วค่ะสุดท้ายก็มาลงเอยกับเขา”
คุณตาหันไปมองอชิ
“แล้วอชิล่ะ ตาได้ข่าวว่ามีลูกอยู่ที่ต่างประเทศนี่แม่ของเด็กเลิกกันเด็ดขาดแล้วเหรอ”
อชิอึ้งไปเล็กน้อย ในขณะที่กุ๊กไก่ตกตะลึงเรื่องที่คุณตาพูดเป็นเรื่องจริงเหรอ อชิมองหน้าเธอเขาจับมือกุ๊กไก่เอาไว้หญิงสาวอยากจะดึงมือหนี เธอแทบจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่แล้วแต่เธอยังยิ้มออกมา
“คุณตาหมายความว่ายังไงคะ”
คุณตาหัวเราะ เขาเป็นคนแก่ก็จริงแต่เขารวยมากคนที่มาซื้อที่ของเขาเขาเองก็อยากจะรู้ว่าจริงหรือไม่จริง อชิกุมมือของกุ๊กไก่แน่นแล้วพูดอย่างตรงไปตรงมา
“ครับผมมีลูกแล้วครับแต่กับแม่ของเด็กเราก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันและไม่ได้แต่งงานกันครับ”
คุณตาหันมาถามกุ๊กไก่
“รู้เรื่องนี้หรือเปล่าเราน่ะ ตาเอ็นดูหนูมากนะแค่ได้คุยก็เหมือนได้คุยกับลูกสาว”
คุณตาพูดเป็นนัยว่าไม่อยากให้กุ๊กไก่โดนอชิหลอก แต่กุ๊กไก่กลับยิ้ม
“หนูรู้อยู่แล้วค่ะ อชิเองก็เล่าทุกอย่างคุณตาไม่ต้องห่วงหนูนะคะลูกของอชิก็เหมือนลูกหนูค่ะ หนูสัญญาว่าจะรักเขาเหมือนลูกแท้ ๆ เลย”
คุณตาพยักหน้า
“เด็กก็คือผู้บริสุทธิ์การที่อชิเคยมีคนอื่นมาก่อนก็ไม่แปลกจริง ๆ พวกหนูแยกกันนานขนาดนั้น”
กุ๊กไก่กลืนน้ำลายแห่งความเจ็บช้ำลงคอ เธอยอมรับว่าช็อกจนพูดไม่ออก ได้แต่คิดคนเดียวเงียบ ๆ ในใจ
น้ำตาแทบจะไหลลงมาถึงส้นตีนแล้วไอ้กุ๊กเอ๊ย แต่แกต้องฝืนเอาไว้ให้ได้อย่าเผยพิรุธเป็นอันขาด
อชิเองก็เงียบลงมาก เงียบจนเหมือนเขาได้ทิ้งปากของเขาไปแล้ว กุ๊กไก่อยากจะทุ่มเก้าอี้ใส่หัวสักสองสามทีเผื่อว่าตัวเองจะรู้สึกดีขึ้น คุณตาดื่มชาร้อนของตัวเองก่อนจะถามคำถามอีกคำ
“ว่าแต่อชิจะซื้อที่ไปทำอะไรล่ะ ทำไมถึงอยากได้มากขนาดนี้ทั้ง ๆ ที่ตาเรียกไปสูงเกินราคาประเมินไปมาก”
อชิยิ้ม
“ที่ดินผืนนี้เคยเป็นของคุณย่าของผมครับ ก่อนที่บ้านเราจะล้มละลายคุณย่าเป็นอัลไซเมอร์ญาติคนหนึ่งได้แอบให้คุณย่าโอนที่ให้เขาและเขาได้ขายมันกระทั่งคุณตามาซื้อเอาไว้ครับ จริง ๆ แล้วคุณย่าอยากจะทำมูลนิธิเพื่อเด็กที่ป่วยเป็นมะเร็งซึ่งเป็นความฝันของท่านคุณพ่อของผมได้ฝากเรื่องนี้เอาไว้ก่อนท่านเสีย หากมีโอกาสก็อยากได้ที่คืนทำมูลนิธิตามที่คุณย่าต้องการครับ”
“อ้อเข้าใจแล้ว ใจบุญจริงนะพ่อ”
คุณตายิ้มเขากระดิกนิ้วมือเรียกเลขาที่ยืนอยู่ห่าง ๆ เข้ามาใกล้
“เตรียมเอกสารเลย วันนี้เพราะหนูกุ๊กไก่ทำให้ตาสนุกมากและความตั้งใจของพ่อหนุ่มนี่ทำให้ตารู้สึกว่าได้ทำประโยชน์ ที่ดินผืนนี้เหมาะทำมูลนิธิจริง ๆ ยกให้ลูกหลานก็คงขายกินสู้ส่งต่อให้คนเอาไปทำประโยชน์จะดีกว่า”
เรื่องที่ดินสำเร็จแล้วกุ๊กไก่จึงกราบลาคุณตาก่อนกลับ คุณตาจึงพูดคำหนึ่งกับเธอ
“ตาไม่เคยเห็นใครเอาใจใส่ภรรยาเท่าอชิมาก่อน เขารักหนูจริง ๆ นะ ตาดูออก รักกันให้มาก ๆ นะ ตาดีใจกับหนูด้วย”
กุ๊กไก่น้ำตาไหลจริง ๆ ไม่ใช่เพราะคำอวยพรแต่เพราะความจริงอันเจ็บปวดที่เธอกำลังเผชิญต่างหาก
“ขอบคุณค่ะคุณตา”
กุ๊กไก่และอชิกราบลาคนแก่ กระทั่งเข้าไปนั่งในรถเมื่อคนขับรถขับออกมาได้หลายกิโลกุ๊กไก่กับอชิที่นั่งเงียบอยู่นานในที่สุดจึงพูดขึ้นมาพร้อมกัน
“เรื่องลูกของฉัน”
“เรื่องลูกของนาย”
กุ๊กไก่ถอนหายใจ และบอกเขาว่า
“นายพูดก่อน”
“เธอพูดก่อน”
อชิเองก็พูดพร้อมเธอเหมือนกัน กระทั่งกุ๊กไก่พยักหน้าแล้วพูดขึ้นมา
“ถ้างั้นฉันพูดก่อน”
คราวนี้คนสองคนก็พูดพร้อมกันอีก สุดท้ายกุ๊กไก่ยกมือปิดปากของอชิเป็นการแสดงว่าเธอต้องการพูดก่อน
“ฉันไม่สนเรื่องลูกของนายเพราะยังไงเราก็ต้องหย่ากันอยู่ดี ว่าแต่ที่ดินนายจะทำมูลนิธิจริงเหรอ เรื่องคุณย่าของนายอีกมันจริงเหรอ”
อชิยิ้มดึงมือของกุ๊กไก่ออกแต่เขาไม่ปล่อยยังจับมันเอาไว้แน่น
“เธอเชื่อด้วยเหรอ ก็แค่เรื่องแต่ง ที่ดินตรงนั้นติดแม่น้ำเจ้าพระยา อากาศดีบรรยากาศดีถ้าสร้างคอนโดทำกำไรได้หลายพันล้านเลยล่ะ”
กุ๊กไก่อ้าปากค้าง
“ไอ้เลวหลอกลวงคนแก่อีกแล้ว คนเลวอย่างนายคอยดูเถอะไม่ตายดีแน่ไปหิวเงินมาจากไหนกันนายเองก็มีมากมายแล้วไม่ใช่เหรอ”
อชิไม่ตอบเขาแค่ยิ้มบาง ๆ
“ช่างฉันเถอะ ฉันจ่ายเธอคุ้มแน่นอนตามสัญญา ว่าแต่เรื่องลูกของฉันเธอไม่ถือสาแน่เหรอ”
กุ๊กไก่อยากตะโกนใส่หน้าเขาว่าเธอถือสา และถือเป็นอย่างมากแต่มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะจึงได้แต่ส่ายหน้า
“ไม่เลย ไม่ถือสาเลยสักนิดเดียว ไม่แคร์ ไม่สน ไม่อะไรทั้งนั้นย่ะ”
อชิยิ้มแต่เป็นยิ้มที่เศร้าสร้อยนัก เขาพยักหน้ารับรู้
“ก็ดีฉันจะได้เบาใจกลัวเธอจะหาว่าปิดบังกันอีก แต่ก็นะสัญญาก็ได้มาแล้วฉันสบายใจแล้วล่ะ”
ว่าแล้วอชิก็หันหน้าไปมองกระจกด้านข้าง กุ๊กไก่เองก็ไม่พูดอะไรอีกเธอน้ำตาไหลออกมาจนไม่สามารถหยุดได้ กระทั่งมาถึงคอนโดก็เอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมมองเขา ในขณะที่อชิเองก็ไม่เซ้าซี้เธออีกต่อไป
หลังอาบน้ำเสร็จเธอก็เอาแต่นอนหันหลังให้เขา อชิให้คนเอาที่นอนเล็กของเขาไปทิ้งแล้วคนสองคนจึงนอนเตียงใหญ่ด้วยกัน กุ๊กไก่แอบนอนร้องไห้เจ็บใจทั้งพยายามกลั้นสะอื้นจนหลับไปโดยที่คิดว่าอชิไม่รู้เรื่อง
กุ๊กไก่กรนเบา ๆ อชิคิดว่าเธอคงเหนื่อยมากที่พยายามปกปิด เขาดึงตัวเธอมากอดแล้วพูดเบา ๆ
“กุ๊กฉันของโทษนะที่ทำเธอเสียใจ ฉันขอโทษจริง ๆ”
เมื่อไม่รู้ตัวกุ๊กไก่ที่เคยชินอ้อมกอดของเขาก็หันหน้ามาแล้วกอดเขาแนบแน่น น้ำตาของเธอไหลออกมาจนเสื้อนอนของอชิเปียกชุ่ม เขาลูบหัวเธอเบา ๆ กล่อมจนกุ๊กไก่คลายสะอื้นลงแล้ว
อชิถอนหายใจเขาเองก็เจ็บปวดไม่น้อย เพื่อยุติความรู้สึกพวกนี้เห็นทีว่าหลังโอนที่แล้วเขาต้องรีบจัดการหย่าจากกุ๊กไก่ให้เร็วที่สุด