ก่อนที่คนสองคนจะพูดอะไรต่อนาชาและลูกเกดก็เดินเข้ามาเสียก่อน นาชาเมื่อเห็นเพื่อนหน้าซีดทั้งยังเหมือนน้ำตาคลอถึงกับตกใจ
“ไอ้กุ๊กเป็นไรปวดแผลเหรอ”
สีหน้าของกุ๊กไก่ดูจะเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่งกระทั่งลูกเกดและนาชาใจไม่ดี ลูกเกดจับมือเย็นของกุ๊กไก่แล้วไม่สบายใจ
“ฉันว่าแกไปหาหมอดีกว่า แผลอาจจะอักเสบถ้าปวดแบบนี้”
นาชาเห็นด้วย
“ใช่พี่เก่งเตรียมรถเลยค่ะ ชาจะพากุ๊กไปหาหมอ”
กุ๊กไก่กลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่เป็นไรเมื่อกี้เผลอขยับมากไปหน่อยพวกแกไม่ต้องห่วง ให้ฉันนอนพักสักหน่อยก็คงหาย”
นาชามองหน้าซีดของกุ๊กไก่แล้วไม่วางใจ
“แกแน่ใจนะ”
กุ๊กไก่พยักหน้ายืนยัน
“แน่ใจสิ ไม่เป็นไรของพักสักครู่นะ”
ลูกเกดหันไปมองเก่ง แล้วเปิดโอกาสทันที
“พี่เก่งไอ้กุ๊กคงเดินไม่ไหวช่วยอุ้มมันขึ้นห้องหน่อยนะคะ เดี๋ยวเกดจะไปดูอาหารที่ห้องครัวกับนาชาแล้วจะตามขึ้นไปดู”
กุ๊กไก่รีบส่ายหน้า
“ไม่เป็นไรฉันเดินเองได้ พี่เก่งไม่ต้องอุ้มค่ะกุ๊กตัวหนัก”
นาชาร้อง เห๊อะ ออกมา เธอต้องไม่ยอมอยู่แล้วยังไงก็ต้องพาไอ้กุ๊กไปจนถึงฝั่งฝันให้ได้
“ไม่ได้เดี๋ยวแผลปริ แกตัวผอมจนเหลือแต่กระดูกแบบนี้ยังจะบอกว่าตัวหนักอะไร ถ้าแกหนักไอ้เกดกับฉันก็ไม่มีที่ยืนในสังคมแล้วให้ตายเถอะ อย่าดื้อเข้าใจหรือเปล่า”
กุ๊กไก่เถียงไม่ออกเพราะโกหกเพื่อนเองจึงไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าตัวเองไม่เป็นอะไร
“ไม่ต้องเกรงใจนะกุ๊ก เราตกลงกันแล้วนี่ว่าจะเห็นพี่เป็นเพื่อนเหมือนนาชาเหมือนลูกเกดเดี๋ยวพี่พาขึ้นไปเองนะกุ๊กจะได้ไม่เจ็บแผล”
กุ๊กไก่พูดไม่ออกเมื่อเก่งก็เออออกับแม่ตัวดีทั้งสองไปด้วย เธอย่อมรู้ดีว่าทั้งนาชาและลูกเกดกำลังทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชักและยังเป็นFC ของพี่เก่งเต็มตัว
“ก็ได้”
ในที่สุดกุ๊กไก่ก็ยอมรับการช่วยเหลือที่ไม่จำเป็นเลยสักนิดของเก่ง ดูเหมือนว่าเก่งเองก็เต็มใจเป็นอย่างยิ่งถึงจะพยายามปรับสีหน้าให้เคร่งขรึมแต่สองสาวก็ดูออกถึงอาการดีใจของเก่งที่ปิดไม่มิด
“ถ้างั้นฝากพี่เก่งด้วยนะคะ เราเอาอาหารไปใส่ตู้เย็นและดูแม่ครัวทำกับข้าวก่อน”
กุ๊กไก่หันมาถามอย่างรู้ทัน
“จำเป็นด้วยเหรอที่คุณนายอย่างพวกแกต้องลงมือเอง”
“จำเป็น”
สองสาวพูดขึ้นแทบจะพร้อมกันแล้วต่างคนต่างกลั้นขำเดินหนีกุ๊กไก่และเก่งไปเสียดื้อ ๆ กระทั่งกุ๊กไก่ถามเสียงเบาออกมา
“ไม่ห่วงฉันแล้วเหรอวะ”
เก่งยิ้ม
“สองคนเขาไว้ใจพี่น่า”
กุ๊กไก่ยิ้มน้อย ๆ ถึงจะเป็นแค่รอยยิ้มบางๆ แต่เก่งก็รู้สึกดีใจมากอย่างน้อยกุ๊กไก่ก็มีเพื่อนในตอนนี้จึงทำให้เธอไม่เศร้าจนเกินไป เขาไม่ได้คุยกับเธอเรื่องรูปจนกระทั่งพามาถึงห้องนอนแขกที่นาชาจัดไว้ให้เธอพัก เก่งอุ้มเธอเข้าไปด้านในวางลงบนเตียงแผ่วเบาก่อนจะหารีโมทแอร์เปิดจนเย็นฉ่ำ เก่งจึงเดินกลับมานั่งข้างเธออีกครั้ง
“คิดอะไรอยู่ หายตกใจหรือยัง”
กุ๊กไก่ยิ้มเศร้า ๆ เธอหยิบมือถือขึ้นมาดูก่อนที่จะส่ายหน้า
“ทำใจไว้อยู่แล้วค่ะ ว่าอาจจะเจอเรื่องพวกนี้เห็นเขาส่งรูปมาแล้วยังพูดแบบนี้ก็คงยุ่งกับเรื่องของคนที่ต่างประเทศจริง ๆค่ะ”
เก่งขยับมาจับมือเธอเอาไว้ กุ๊กไก่ไม่ได้ดึงออกเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ถ้าอยากร้องไห้ก็ร้องออกมานะ พี่จะรับฟังเองค่ะอย่าเก็บเอาไว้เลย”
กุ๊กไก่พยายามเข้มแข็ง มองรูปอชิที่กำลังอุ้มเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอายุราวสามสี่ขวบและยังมีผู้หญิงเอเชียคนหนึ่งที่โอบเอวของเขาเอาไว้หลวม ๆ อย่างปวดใจทั้งยังมีข้อความนั้นอีก
ถ้าสะดวกแล้วจะโทรหานะ คงไม่ต้องพูดอะไรแล้ว
“แค่นี้ก็คงจะยืนยันแล้วว่าอชิเองก็มีครอบครัวที่ต่างประเทศ ผู้หญิงคนนั้นก็คงเป็นภรรยาของเขาความจริงกุ๊กไก่ก็คิดเอาไว้แล้วค่ะ คิดเอาไว้อยู่แล้วจะมีอะไรให้เสียใจอีกคะ”
ถึงเธอจะรู้สึกเจ็บแทบปางตายแต่เธอก็ไม่โวยวายหรือทำเรื่องไร้สาระอีก เพราะอะไรน่ะเหรอเพราะว่าเธอรู้สึกสมเพชตัวเองที่จะต้องเป็นแบบนั้น เรื่องนี้มันเกิดขึ้นกับเธออีกแล้วเพราะอะไรกัน
ผู้ชายที่เธอปักใจต่างไม่ใช่ผู้ชายของเธอแม้แต่คนเดียว
เก่งไม่รู้ต้องปลอบเธอยังไงจึงได้แต่ลูบหลังมือของเธอแล้วฟังกุ๊กไก่เงียบ ๆ
“พี่เก่งว่าตลกไหมคะ เพิ่งถูกคนหนึ่งทิ้งคิดว่าจะไม่ชอบใครอีกแล้วแต่อีกคนก็มาทำให้หวั่นไหวและสุดท้ายก็ลงเอยแบบเดิม ทุกคนต่างมีคนของตัวเองอยู่แล้ว ไม่มีใครสักคนที่เป็นของกุ๊กน่าหัวเราะจริง ๆ ”
เก่งยิ้มอบอุ่นให้เธอ
“หากเพียงกุ๊กไก่จะมองเห็นว่ามีพี่อยู่ตรงนี้”
กุ๊กไก่ฟังเขาแต่เธอเจ็บปวดเกินกว่าที่จะดึงเขาเข้ามาในตอนนี้ เพราะเธอไม่หน้าด้านพอเก่งดีเกินไปและเธอเองกลับรู้สึกไม่คู่ควร และเธอก็ไม่พร้อมจะเปิดรับใคร
“กุ๊กรู้ค่ะว่าพี่อยู่ตรงนี้ พี่เป็นเพื่อนของกุ๊กไม่ใช่เหรอคะ”
เก่งยิ้ม
“ใช่ พี่เป็นเพื่อนของกุ๊กถ้ากุ๊กต้องการ”
ในใจของเก่งเป็นยังไงกันแน่นะ ความจริงกุ๊กไก่ก็อยากรู้ เขาชอบเธอจริง ๆ หรือแค่สงสารในชะตาชีวิตของเธอกันแน่ ผู้ชายที่เพียบพร้อมทั้งหน้าตาและฐานะการงานแบบเขาคงไม่คิดจะรอเธอจริง ๆ ใช่หรือเปล่า กุ๊กไก่ถอนหายใจเธอวางโทรศัพท์ที่กำแน่นลง เมื่อย้อนคิดถึงอชิความเจ็บปวดก็แล่นเข้าไปทำร้ายหัวใจอ่อนบางของเธอแทบจะขาดเป็นริ้ว ๆ
“ขอบคุณนะคะที่พี่เก่งคอยรับฟัง และยังอยู่ตรงนี้”
เขาลูบมือเธอเบา ๆ ปลอบโยนเธออย่างอบอุ่นแต่ความอบอุ่นนั้นกลับส่งผ่านไม่ถึงหัวใจของกุ๊กไก่เลยแม้แต่น้อย
“พักเถอะ พี่จะอยู่ข้าง ๆ จนกว่าจะหลับ”
กุ๊กไก่พยักหน้า เธอหลับตาลงช้า ๆ เก่งยังนั่งอยู่ข้าง ๆ เธอ กระทั่งเปลือกตาของกุ๊กไก่ปิดลงจนสนิทน้ำใสสองสายไหลลงมาอาบแก้มของเธอ กุ๊กไก่ในตอนนี้ไร้เครื่องสำอางค์แต่งแต้มจึงเหมือนเด็กสาวตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่ดูอ่อนแอและน่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง
เขาใช้หลังมือเช็ดน้ำตาให้เธอเบา ๆ ไม่พูดอะไรออกมาสักคำนอกจากความเงียบแล้วตอนนี้เองที่กุ๊กไก่ยังรู้ว่ามีเก่งคอยอยู่ข้าง ๆ ทำให้เธอสงบลงได้อย่างรวดเร็ว
ไม่รู้ว่าเพราะตัวเองเตรียมใจมานานแล้ว หรือเพราะว่าในตอนนี้เธอไม่ได้รู้สึกว่าอยู่คนเดียวเหมือนกับตอนที่เลิกกันกับณัฐ เมื่อนาชาและลูกเกดอุตส่าห์บินกลับมาหาเธอทันทีที่เธอเกิดเรื่อง ยังมีเก่งคอยเป็นห่วงเป็นใย กุ๊กไก่จึงรู้ว่าตัวเองไม่อาจอ่อนแอได้อีก อย่างน้อยเมื่อล้มแล้วก็ต้องรีบลุกขึ้นให้เร็วที่สุด
เพื่อที่จะไม่ทำให้ใครเป็นห่วงและเดือดร้อนเพราะเธออีก ช่างหัวอชิมันปะไร มันจะเป็นจะตายหรือจะอยู่กับใครก็ไม่เกี่ยวกับเธอแล้ว
จะด้วยฤทธิ์ของยาหรือเพราะความอ่อนล้าก็ตาม ไม่นานกุ๊กไก่ก็หลับสนิทเก่งเฝ้ามองดูเธอใกล้ ๆ ในตอนนี้เขาเท้าคางมองหน้าเธอ ยังใช้หลังมือไล้แก้มใสของกุ๊กไก่เบา ๆ ช่วยเช็ดหยุดน้ำที่ยังไหลออกมาโดยที่เธอไม่รู้ตัว
นาชาและลูกเกดขึ้นมาแล้วพวกเธอเปิดประตูแผ่วเบา เมื่อเห็นเก่งคอยอยู่ข้างกายเพื่อนของตัวเองไม่ห่างก็ไม่อยากรบกวน สองสาวมองหน้ากันแล้วค่อย ๆ ปิดประตูไม่ให้เป็นที่สังเกตุแล้วย่องลงไปชั้นล่าง
ลูกเกดและนาชาจูงมือกันไปปรึกษาที่สวนหลังบ้านพร้อมถาดผลไม้ที่แม่บ้านตัดแต่งไว้ให้อย่างดี
“แกว่าพี่เก่งมีหวังป่ะวะชา”
ลูกเกดถามเพื่อนรักพลางกินองุ่นไปด้วย นาชาถอนหายใจ
“ไม่รู้ดิ ไอ้กุ๊กมันดูแปลก ๆ อ่ะ เหมือนมีเรื่องในใจตลอดเวลามันต้องปิดบังอะไรเราอยู่แน่ ๆ”
ลูกเกดคิดได้
“หรือว่ามันจะยังลืมไอ้ณัฐนั่นไม่ได้วะ ความจริงมันก็เพิ่งอกหักนะคงยังทำใจไม่ได้”
นาชาเองก็คิดแบบนั้น
“น่าจะใช่ ฉันเองก็ไม่อยากสะกิดแผลมัน ความจริงว่าจะส่งคนไปสั่งสอนถ้าไอ้กุ๊กไม่ห้ามไว้ไม่รู้ว่ามันกลายเป็นคนดีไปตั้งแต่เมื่อไหร่”
ลูกเกดหัวเราะ
“คนเราก็ต้องโตขึ้นสิวะ ความจริงอย่ายุ่งกับไอ้ณัฐอีกเลยก็ดีฉันว่าเรื่องนี้ก็ต้องให้เวลามันทำใจ กลัวแต่ว่าพี่เก่งจะถูกใครคว้าเอาไปก่อนน่ะสิ”
นาชาป้อนฝรั่งให้ลูกเกดแล้วพูดอย่างปลง ๆ
“ถ้าเขาไม่ใช่คู่กันเราก็ต้องต้องทำใจเอาไว้บ้างอย่างน้อยเราก็ทำให้ดีที่สุดก็พอไม่ใช่เหรอวะ”
ลูกเกดพยักหน้า
“ถ้างั้นในช่วงนี้ก่อนที่เราจะกลับบ้านก็ต้องทำให้สองคนนั่นใกล้ชิดกันให้มากที่สุด โอเคหรือเปล่า”
สองสาวเพื่อนรักต่างยิ้มด้วยความเข้าใจกัน ทั้งสองคนต่างตัดสินใจแล้วว่าจะพยายามเพื่อกุ๊กไก่ให้ดีที่สุด ไม่ให้พี่เก่งหลุดมือไปได้เป็นอันขาด