นครแห่งบาป City of Sin – ตอนที่ 55 ความจริงและคำโกหก

นครแห่งบาป City of Sin

ในค่ำคืนที่มืดมิด เสียงคำรามดังไปทั่วห้องพักของสตีเว่น มินนี่นอนขดตัวอยู่บนโซฟาโดยไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมา ทว่าบนใบหน้าของนางกลับมีรอยนิ้วมือสีแดงประทับอยู่อย่างเห็นได้ชัด ในขณะเดียวกัน เหล่านักแปรธาตุของตระกูลโซแลมก็กำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้นอยู่ตรงโต๊ะทดลอง แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มีทักษะในการเป็นรูนมาสเตอร์ แต่คนเหล่านี้ก็มีความรู้เกี่ยวกับรูนเป็นอย่างดี ซึ่งความรู้ของพวกเขาก็ช่วยให้สตีเว่นประหยัดเวลาลงไปได้มาก หลังจากที่ได้ยินเสียงคำรามของสตีเว่น พวกเขาต่างก็หันมาจ้องตากันและยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจก่อนเริ่มลงมือทำงานที่ได้รับมอบหมายต่อไปราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

สตีเว่นเขวี้ยงแจกันลงพื้นด้วยความเดือดดาลแต่มันกลับไม่ได้ทำให้เขาใจเย็นลงเลยแม้แต่น้อย เขาตะโกนออกมาด้วยความโกรธแค้น “ริชาร์ด ! ริชาร์ดอีกแล้ว ! มันจะเอาอะไรไปจากข้าอีก ? ตอนแรกก็ชารอน ตอนนี้ยังจะเป็นเจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิมิลเลนเนียลอีก ทำไมพวกผู้หญิงเหล่านั้นถึงต้องสนใจคนอย่างมันด้วย ? เจ้าเด็กอ่อนหัดนั่นมันมีดีอะไร !”

หลังจากตะโกนออกมาด้วยความโมโห สตีเว่นก็หันกลับมามองมินนี่ ถึงแม้ว่ามินนี่จะเป็นหญิงสาวที่สวยสง่าและน่ามองคนหนึ่งทว่าด้านอื่น ๆ ของนางก็ไม่สามารถเทียบกับเม้าเทนซีได้เลยแม้แต่น้อย บางทีสิ่งเดียวที่มินนี่จะสามารถเทียบได้ก็คงจะเป็นเรื่องของบุคลิกภาพ แต่สิ่งเหล่านี้ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร เพราะถึงอย่างไรในภาพรวมนั้น เม้าเทนซีก็ยังโดดเด่นกว่ามินนี่อยู่ดี ยิ่งโดยเฉพาะในเวลานี้ มินนี่เป็นเพียงหญิงสาวที่มีจิตวิญญาณแห้งเหี่ยว ท่าทีที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของนางก่อนหน้านี้มลายหายไปจนหมดสิ้นนานแล้ว

ในสายตาของสตีเว่น มินนี่เป็นเพียงภาระที่ไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้ เมื่อเทียบกับเม้าเทนซีที่อยู่ข้างกายของริชาร์ด มินนี่เองก็รู้ดีถึงความหมายที่สตีเว่นแสดงออกมาผ่านทางสายตาของเขา ในเวลานี้รอยตบบนใบหน้าของนางได้ทำให้นางตื่นขึ้นมาอีกครั้ง นางยืดตัวตรงก่อนจะโพล่งขึ้นมา “ผู้หญิงคนนั้นคือเม้าเทนซี”

“ข้ารู้จักชื่อของนางแล้ว ! และข้าก็รู้ด้วยว่านางเป็นหลานสาวของจักรพรรดินีเจลัน ! ทุกคนในดีพบลูรู้กันหมดแล้ว เจ้ามันคนไร้ประโยชน์ !” สตีเว่นตะโกนใส่มินนี่อย่างเดือดดาล

“ข้าได้ยินมาว่านางมีความมั่งคั่งอย่างมากและนางใช้เบย์สเลซ สไปเดอร์คริสตัลเป็นสกุลเงินด้วย” เสียงของมินนี่ยังคงนิ่งสงบราวกับว่านางไม่ได้เกรงกลัวสตีเว่นที่กำลังเดือดดาลอยู่เลย

สตีเว่นหัวเราะ “นั่นข้าก็รู้แล้ว ! ตอนที่นางหยิบสไปเดอร์คริสตัลออกมาจ่ายในครั้งนั้น ข้าคือคนที่ถูกนางสร้างความอับอายให้ในวันนั้น เจ้าก็รู้ดี ! ที่เจ้าพูดเช่นนี้เจ้าต้องการจะเยาะเย้ยข้าหรืออย่างไรกัน !?”

มินนี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย “ในตอนนี้นางย้ายเข้าไปอยู่กับริชาร์ดแล้ว แน่นอนว่าเขาจะสามารถใช้ทรัพยากรจากนางได้อย่างเต็มที่ ข้าเกรงว่าคริสตัลเพียงชิ้นเดียวก็อาจจะเป่าแผนงานของเจ้าให้ลอยออกไปเป็นฝุ่นได้ หากนางยอมใช้คริสตัลสัก 2 ก้อนหรือแม้แต่ทรัพยากรทั้งหลายในมือของนางเพื่อสนับสนุนริชาร์ด โอกาสในการที่เจ้าจะชนะเขาดูเหมือนว่าจะลดน้อยลงกว่าครึ่งเลยด้วยซ้ำ”

สตีเว่นเกิดอาการตกใจขึ้นมาก่อนที่เขาจะรีบปรับเป็นสีหน้าที่เคร่งขรึม ในเวลานี้เขาเริ่มรู้สึกกลัวกับสิ่งที่มินนี่บอกเขาแล้ว นี่เป็นเรื่องที่รุนแรงเกินไปสำหรับเขา ดยุกโซแลมยอมจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อสนับสนุนเขา ทว่าจำนวนเงินที่เขาได้รับก็มีเพียง 2–3 ล้านเหรียญเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่ามูลค่าของมันไม่สามารถเทียบได้กับมูลค่า 3 ใน 10 ของสไปเดอร์คริสตัลด้วยซ้ำ และเมื่อเขาคิดถึงหนังมังกรไฟ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดหัวใจขึ้นมาอีกครั้ง

“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เจ้าคิดว่าข้าควรทำยังไง ?” เขาถามมินนี่ เขารู้ดีว่าในตอนนี้นางคงมีบางอย่างที่อยากจะพูด และเขาก็พอจะรู้ความคิดของนางเช่นเดียวกัน

“ง่ายนิดเดียว ตอนนี้เจ้าไม่สามารถหมกมุ่นอยู่กับผลงานของตัวเองได้ สิ่งที่จำเป็นในตอนนี้จึงเป็นการที่เจ้าต้องรู้ให้ได้ว่าริชาร์ดกำลังทำอะไรอยู่ สืบข้อมูลเกี่ยวกับผลงานของเขามาเพื่อนำสิ่งเหล่านั้นมาปรับปรุงผลงานของเจ้าให้โดดเด่นกว่าของเขา”

สตีเว่นยิ้มแต่เขาก็ยังถามต่อด้วยความสงสัย “ถ้าเช่นนั้น ข้าจะทำยังไงเพื่อให้ได้ล่วงรู้ในสิ่งที่ริชาร์ดกำลังทำอยู่ ? เจ้าเองก็รู้ว่าข้ากับริชาร์ดไม่ใช่คนที่สามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นได้เหมือนกับคนอื่น ๆ”

มินนี่สางผมของตัวเองก่อนจะกล่าวต่อไป “ข้าจะไปเอง ข้าจะแสร้งทำเป็นเข้าร่วมกับเขา ทำให้เขาไว้ใจและพาข้าเข้าไปข้างใน ริชาร์ดยังเป็นเด็กที่ดูเหมือนว่ามีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นอยู่ไม่น้อย อีกอย่าง เขาก็กลายเป็นหนุ่มเมื่อไม่นานมานี้ ตราบใดที่ข้ายังเป็นผู้หญิง การที่เขาจะตกเป็นเหยื่อของข้าก็ไม่น่าใช่เรื่องยากอะไร”

“กลายเป็นหนุ่มเมื่อไม่นานมานี้…” สตีเว่นทวนคำ เขาไขว้มือไว้ด้านหลังพร้อมกับเดินไปมาทั่วห้อง ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็หยุดตรงหน้ามินนี่ สตีเว่นจ้องตาของนางก่อนที่จะกล่าวออกมาช้า ๆ ว่า “ถ้าจะให้ดูสมจริงกว่านั้น เจ้าก็อาจจะต้องขึ้นเตียงกับเขาใช่หรือไม่ ?”

“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว หากไม่ทำเช่นนี้ เขาไม่มีทางเชื่อใจข้าแน่ ๆ”

ดราก้อนวอล็อคหัวเราะด้วยท่าทางที่แปลกประหลาด “ฮ่า ๆ ๆ เจ้านี่ช่างเสียสละซะจริง !”

“นั่นเป็นเพราะเจ้าลงทุนไปกับเรื่องนี้มากไม่ใช่หรือ ? และเราไม่สามารถที่จะพ่ายแพ้ได้อีกแล้ว !” คำพูดของมินนี่ทำให้สตีเว่นหัวเราะออกมาอีกครั้ง เขาจ้องมองนาง ส่วนสายตาที่จริงจังของนางก็จ้องตอบกลับมาเช่นกัน นางไม่ได้หลบสายตาของเขาเหมือนที่ผ่านมา

“ผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งจริง ๆ… ” สตีเว่นพึมพำ เขายืดตัวตรงก่อนจะเดินตรงไปที่หน้าต่างและมองไปยังอ่าวโฟลในยามค่ำคืน แสงกระทบจากดวงจันทร์ทำให้พื้นผิวของทะเลมืดกว่าทุก ๆ วัน ใช้เวลาเกือบ 15 นาทีก่อนที่สตีเว่นจะพูดขึ้นอีกครั้ง “อืม… ดี งั้นเจ้าก็จัดการซะ แต่จำไว้ว่าเรามีสัญญาการแต่งงานของเราอยู่ หากเจ้าตั้งครรภ์และเลือกที่จะคลอดเด็กคนนั้นออกมา สัญญาระหว่างเราจะถือเป็นโมฆะทันที”

“ข้ารู้ขอบเขตของข้าดี” มินนี่เอ่ย นางลุกขึ้นยืนก่อนที่จะก้าวมายืนด้านหลังของสตีเว่น “ตบข้าอีกครั้ง ข้างที่เจ้าตบข้าก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะไม่เพียงพอ มันเริ่มจางแล้ว”

สตีเว่นเหล่ตามองนางก่อนที่จะหันกลับไปจ้องมองพระจันทร์ที่อยู่ด้านนอก ทันใดนั้นเขาก็หันกลับมาพร้อมใช้หลังมือฟาดไปที่หน้าของนางอย่างแรงจนทำให้นางกระเด็นลอยออกไป

ร่างของมินนี่กระแทกลงบนพื้นอย่างแรง เลือดตรงมุมปากและจมูกไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ ใบหน้าของนางในเวลานี้เต็มไปด้วยรอยนิ้วมือสีแดงที่ประทับไว้บนใบหน้า และหน้าผากที่กระแทกกับพื้นอย่างแรงเมื่อครู่ก็ส่งผลให้มีเลือดสด ๆ ไหลอาบลงมาเกือบครึ่งหน้าเช่นกัน

นางส่งเสียงร้องทว่านางกลับยิ้มก่อนจะพูดอย่างพึงพอใจ “นี่คงเพียงพอแล้ว”

ในคืนนั้น ริชาร์ดยังคงหมกมุ่นอยู่กับโลกแห่งคณิตศาสตร์และสูตรต่าง ๆ โดยที่มีเม้าเทนซียืนอยู่ข้าง ๆ เขา นางจ้องมองตัวเลขบนนั้นพร้อมกับคิดอะไรบางอย่าง

นางเริ่มที่จะมีส่วนร่วมในการออกแบบรูนของเขา และพรสวรรค์ของนางที่เกี่ยวกับตัวเลขและความละเอียดอ่อนของมานาก็ทำให้นางตามความคิดของเขาได้ทัน และแม้ว่านางจะไม่ได้คุ้นเคยกับโครงสร้างเฉพาะของรูนเท่าไหร่นัก แต่นางก็สามารถใช้ทฤษฎีของเซเคร็ดโทเท็มเพื่อเสนอความความคิดเห็นให้กับเขาได้อย่างดี หลายครั้งที่คำแนะนำของนางเสนอทางเลือกมากมายให้แก่เขา โดยที่เขาเองก็คาดไม่ถึง

เม้าเทนซีหลงไหลกับทฤษฎีเบื้องหลังของการออกแบบรูน ส่วนใหญ่เป็นเพราะความเรียบง่ายและความแม่นยำ เขาเองก็ให้หลักการและแนวคิดต่าง ๆ ในการสร้างรูนแก่นาง และแน่นอนว่าการช่วยเหลือเหล่านี้เป็นเหตุผลเพียงพอที่ทำให้นางสามารถอยู่กับเขาและเพลิดเพลินไปกับกลิ่นที่หอมหวานของเขาไปนาน ๆ

ทันใดนั้น กระดิ่งเวทมนตร์ก็ดังขึ้นซึ่งเป็นสัญญาณว่ามีใครบางคนต้องการที่จะพบกับเขา ริชาร์ดขมวดคิ้วด้วยความสงสัยก่อนจะรีบเดินไปเปิดประตู

ด้านนอกประตูปรากฏร่างของหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งสวมเสื้อคลุมสีดำ ใบหน้าของนางซ่อนอยู่ภายใต้หมวก ทว่ารูปลักษณ์ของนางสามารถบ่งบอกได้ชัดเจนว่าเป็นมินนี่

“มินนี่รึ ?” เขาถาม

หญิงสาวถอดหมวกออกเผยให้เห็นใบหน้าที่กำลังยิ้มเยาะตัวเอง “ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะจำข้าได้”

ริชาร์ดไม่ได้รู้สึกแปลกใจที่เขาทายถูก ทว่ามีสิ่งที่ทำให้เขาตกใจอย่างมากก็คือใบหน้าของนางในเวลานี้ที่เต็มไปด้วยเลือด

“เจ้าไม่คิดจะให้ข้าเข้าไปหน่อยหรือ ?” นางถาม

“เจ้า… เอ่อ เข้ามาสิ” ริชาร์ดพามินนี่เข้ามายังห้องรับแขกและหยิบจานผลไม้ส่งให้กับนาง เขาสังเกตเห็นกระเป๋าในมือของนาง มันเป็นกระเป๋าที่ไม่ได้ปิดซิปทำให้เขามองเห็นเสื้อผ้าหลายชิ้นอยู่ในนั้น…

ตั้งแต่เม้าเทนซีมาที่นี่ แบล็คโกลด์ก็ส่งผลไม้กว่า 50 จานมาให้เขาในทุก ๆ วัน เม้าเทนซียื่นข้อเสนอว่านางจะจ่ายสไปเดอร์คริสตัลให้กับเขา ทว่าแบล็คโกลด์ก็ปฏิเสธที่จะรับ เพราะค่าบริการรวมถึงค่าอาหารนั้นรวมอยู่ในค่าเทอมของนางทั้งหมดแล้ว และแม้ว่าเม้าเทนซีจะมีความมั่งคั่ง แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเขาจะคิดราคานางเกินกว่าเหตุได้ ยกเว้นก็แต่การประมูลกลางฤดูร้อนที่ผ่านมา เหล่าลูกค้าที่เข้ามาภายในงานย่อมมีอิสระในการเสนอราคา ราคาจึงสามารถปรับให้สูงขึ้นได้แล้วแต่ความเหมาะสม

รายละเอียดเหล่านี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความน่าภาคภูมิใจของดีพบลู ไม่ว่าชารอนและแบล็คโกลด์จะชื่นชอบเงินเพียงใด แต่พวกเขาก็จะไม่รับเงินที่อยู่นอกเหนือจากที่ตกลงกันไว้ แบล็คโกลด์เองก็ให้ความสำคัญกับการบริการที่สมบูรณ์ของเขาเช่นกันเพื่อแลกกับรายได้ที่จะได้รับ ในขณะที่ชารอนเลือกที่จะออกไปยังเพลนไร้ขอบเขตเพื่อหารายได้เข้ามา

ริชาร์ดนั้นอยู่ภายในดีพบลูมาเป็นระยะเวลาประมาณ 3 ปีแล้ว ซึ่งนั่นก็นานพอที่จะทำให้เขาได้รับอิทธิพลจากความคิดนี้อยู่ไม่น้อย เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหยิบผลไม้ที่มีราคาแสนแพงเหล่านี้ให้กับมินนี่เพราะมันเป็นของสำหรับเม้าเทนซี ทว่าในเวลานี้นอกเหนือจากผลไม้แล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถหาสิ่งอื่นมาต้อนรับแขกที่เพิ่งมาเยือนได้เลย

เขานั่งลงตรงข้ามกับมินนี่ ไฟเวทมนตร์ภายในห้องรับแขกสว่างเพียงพอที่จะเผยให้เห็นแผลบนใบหน้าของนางได้อย่างชัดเจน ภาพตรงหน้าทำให้เขารู้สึกปวดใจขึ้นมา เขาไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไรทว่าเขาก็รู้สึกเสียใจที่ต้องมาเห็นหญิงสาวถูกทำร้ายจนอยู่ในสภาพแย่ขนาดนี้

“ใครทำกับเจ้าเช่นนี้ ?” ริชาร์ดถามพร้อมขมวดคิ้ว มินนี่เป็นถึงศิษย์ฝึกหัดของชารอน ดังนั้นคงมีเพียงไม่กี่คนที่กล้าลงมือกับนางอย่างรุนแรง

มินนี่ยิ้มทว่าสีหน้าของนางเต็มไปด้วยความเจ็บปวดก่อนกล่าวว่า “สตีเว่น แต่เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องบอกผู้คุมกฎหรอกเพราะมันเป็นเรื่องภายในครอบครัว เราสองคนหมั้นกันแล้ว”

ริชาร์ดเข้าใจในทันที เขามองมินนี่เงียบ ๆ ก่อนถามออกไป “เนื่องจากเป็นเรื่องของครอบครัว ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ข้าเองก็ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ แต่อะไรทำให้เจ้าเก็บกระเป๋าแล้วมาที่นี่ล่ะ ? เจ้าคิดว่าข้าจะให้เจ้าเข้ามาอย่างนั้นรึ ?”

มินนี่ก้มหน้าลงก่อนจะกล่าวว่า “อย่างที่เจ้าเห็น ข้าอยู่กับสตีเว่นไม่ได้แล้ว เจ้า… เจ้าเป็นคนเดียวที่ข้านึกถึง…”

“โกหก” เม้าเทนซีแทรกขึ้นขณะที่นางเดินออกมา เวลานี้เป็นเวลานอนของนางแล้ว เปลือกตาของนางปิดลงครึ่งหนึ่งในขณะที่นางเดินมาที่โต๊ะและนั่งลงข้างริชาร์ด นางใช้ศีรษะของนางพิงเข้าที่แขนของเขาก่อนหลับตาลง

เขายิ้มให้กับเม้าเทนซีก่อนหันกลับไปมองมินนี่และเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “เจ้าได้ยินที่นางพูดแล้วใช่ไหม และข้าเชื่อนาง”

นครแห่งบาป City of Sin

นครแห่งบาป City of Sin

Status: Ongoing
เด็กหนุ่มที่เกิดมาพร้อมกับสายเลือดของเอลฟ์และปีศาจ ต้องเดินบนสมรภูมิแห่งการทำลายล้าง เพื่อที่จะลากพวกที่สูงส่งให้ลงมา วันหนึ่งเมื่อเขาสำรวจรอบๆตัวเอง และจะพบว่า—-ไม่หลงเหลือศัตรูให้ฆ่าอีก

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท