The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1266 – เซียนขั้นสาม

ตอนที่ 1266 - เซียนขั้นสาม

  อัตลักษณ์เทพทั้งสองที่อยู่ด้านหลังซือหยูไม่ต่างกับองครักษ์ที่แข็งแกร่ง

   ข้าพร้อมแล้ว!เข้ามา! 

  ซือหยูจ้องมองอวตาลในวัยเด็กของเหล่าผู้เป็นหนึ่งในใต้หล้า

  แม้วัยเด็กของจักรพรรดิและเทพจะมาจากวิบัติเทพทั้งสามก็มีลักษณะของตัวจริง

  ซือหยูไม่หวาดกลัวแม้แตค่น้อยแววตามุ่งมั่นของเขาแสดงความต่อต้านด้วยความโอหังและเกียรติยศ

  จักรพรรดิอสูรทั้งสองและเทพแห่งความตายมองซือหยูด้วยสีหน้าสงสัย

  ฟึ่บ!

  ต่อมาทั้งสามพุ่งเข้าใส่ซือหยูโดยหลงเหลือเพียงเส้นทางสายลมบนท้องภนา เพียงพริบตาเดียวทั้งสามก็มาถึงตัวซือหยู

  อดีตจักรพรรดิอสูรปล่อยสายฟ้าอันน่ากลัวออกจากดวงตามันเป็นพลังสายฟ้าที่หลอมรวมกับพลังอสูร

  เมื่อเห็นดังนั้นซือหยูไม่ก้าวถอยหลัง เขาเตรียมสร้างผนึกพลังในมือ ต้นไม้ใหญ่ด้านหลังปล่อยเถาวัลย์ออกมาจู่โจมอดีตจักรพรรดิอสูร

  มันเข้าจู่โจมตามคำสั่งซือหยูตามความเข้าใจในวิถีเทพของเทพไม้

  ปั้ง!

  สายฟ้าอสูรแล่นเข้าปะทะกับเถาวัลย์สายฟ้าถูกทำลาย พร้อมกับอดีตจักรพรรดิอสูรที่กลายเป็นเถ้าถ่านจากพลังเทพของอัตลักษณ์เทพ

  หนึ่งในสามพ่ายแพไปแล้ว

  เมฆาอสูรกับลี่หยิงที่ยืนมองจากระยะไกลตกตะลึงจักรพรรดิอสูรคนปัจจุบันและเทพแห่งความตายในร่างเด็กเองก็ตกใจเช่นกัน

  ทุกคนตกตะลึงเพราะอดีตจักรพรรดิอสูรพ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียว

  นั่นหมายความว่าชายที่กำลังฝ่าวิบัติเทพผู้นี้แข็งแกร่งพอๆ กับจักรพรรดิอสูรคนปัจจุบันที่เป็นสุดยอดแห่งแดนอสูรงั้นรึ?

   เจ้านั่น…มันเป็นใครกันแน่? 

  ลี่หยิงถามด้วยเสียงสั่นเครือเขาไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นตำนานหน้าใหม่ที่ยิ่งใหญ่พอ ๆ กับจักรพรรดิอสูรคนปัจจุบันกับตาตัวเอง!

   ขะ…ข้าจะพยายามสุดฝีมือเพื่อรับเขาเข้ามา! 

  เมฆาอสูรพูดกับตัวเองเขารู้ว่าชายที่เขากำลังมองดูจะได้เป็นใหญ่ในอนาคต เขาจะต้องรับชายคนนี้เพื่อไม่ให้ใครอื่นมีโอกาส

  ในลานต่อสู้…

  ฉึบ!

  เถาวัลย์ซัดอย่างรวดเร็ว

  ปั้ง!ปั้ง!

  จักรพรรดิอสูรคนปัจจุบันและเทพแห่งความตายถูกเถาวัลย์ซัดใส่ซึ่งทำให้ทั้งสองหยุดการโจมตีและต้องแสดงตัวให้เห็น

  แม้เถาวัลย์จะบดขยี้อดีตจักรพรรดิอสูรได้แต่จักรพรรดิอสูรคนปัจจุบันกับเทพแห่งความตายนั้นไม่มีแม้แต่รอยข่วน ทั้งสองจ้องซือหยูด้วยความเย็นชา

  จักรพรรดิอสูรคนปัจจุบันถือกระบี่กระดูกดำที่มีพลังอสูรอยู่มหาศาล

  ในมือของเทพแห่งความตายนั้นมีมีดสีเขียวที่เปล่งแสงงดงามแต่เต็มไปด้วยพลังความตาย

  อาวุธทั้งสองคือสมบัติศักดิ์สิทธิ์รูปแบบจักรพรรดิ

  เถาวัลย์ทั้งสองกระเด็นกลับเกิดรอยเฉือนลึกสองรอยอย่างชัดเจน

  การโจมตีอันแข็งแกร่งของซือหยูที่ได้จากการฝึกฝนพลังวิถีธาตุไม้มิอาจทำอะไรสองคนนั้นได้

  เพราะทั้งสองนั้นแข็งแกร่งกว่าอดีตจักรพรรดิอสูรราวฟ้ากับเหว!

  จักรพรรดิอสูรคนปัจจุบันและเทพแห่งความตายพุ่งเข้าใส่ซือหยูอีกครั้งด้วยความหยิ่งผยองในแววตา

  ซือหยูหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะเพราะความกลัวเขาไม่ต่างกับเรือลำเล็กที่แล่นในมหาสมุทรอันเชี่ยวกราก เขาพร้อมจะถูกคลื่นวารีกลืนกินในทุกเมื่อ

  แต่แววตาเขายังคงมั่นคงไม่ว่าเขาจะเป็นกังวลสักแค่ไหน

   ข้าไม่ยอมหรอก! 

  เขาไม่เคยยอมแพ้ง่ายๆ ไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไร จิตใจอันแน่วแน่ของเขาช่วยให้เขาต่อต้านอยุติธรรม สวรรค์ และลิขิตฟ้า!

  อัตลักษณ์เทพผมดำก้มหน้ามองจักรพรรดิอสูรและเทพแห่งความตายอย่างเยือกเย็น

  ปั้ง!ปั้ง!

  ทั้งสองรู้สึกว่าพลังของตนถูกพลังต่อต้านอันน่ากลัวสะท้อนกลับ

  ริมฝีปากซือหยูเต็มไปด้วยเลือดแต่จิตสังหารของเขาทะยานไปสู่นภา

  จักรพรรดิอสูรถือกระบี่กระดูกทมิฬไว้ตรงหน้าและพูดภาษาอสูรโบราณพลังเทพอันยิ่งใหญ่ระเบิดมาจากกระบี่

  แสงอรหันต์ปกคลุมครึ่งซ้ายของเทพแห่งความตายในขณะที่ด้านขวาถูกปกคลุมไปด้วยเงามืดจากมีดสีเขียวที่มือขวา เขาไม่ต่างจากอสูรและอรหันต์

  ครืน…

  สายฟ้าคำรามดังจากวิบัติเทพราวกับสัญญาณบอกการต่อสู้สุดท้าย

  สายฟ้านับไม่ถ้วนผ่าแยกธรณีลาวาร้อนแรงปะทุจากใต้พิภพ

  ลานต่อสู้เต็มไปด้วยสายฟ้าและลาวาในเวลาเดียวกัน

  สอง…ไม่สิสามผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคสมัยกำลังจะต่อสู้เอาชีวิตโดยมีฟ้าดินเป็นพยาน  การต่อสู้เริ่มขึ้นแล้ว!

  จักรพรรดิอสูรจู่โจมด้วยกระบี่กระดูกมันสังหารทุกสิ่งในเส้นทาง

  เทพแห่งความตายพุ่งเข้าใส่ซือหยูด้วยมีดที่พร้อมจะเอาชีวิตซือหยูเขาไม่ต่างจากผีนักบวชในนรก

  ซือหยูเจอพลังไร้ขอบเขตของทั้งสองกดดัน

  ต้นไม้ใหญ่ด้านหลังปล่อยเถาวัลย์นับไม่ถ้วนที่ปกคลุมท้องนภาได้ออกมาเสียงระเบิดรุนแรงดังขึ้นเมื่อเถาวัลย์นับไม่ถ้วนเหล่านั้นถูกตัดขาด

  สองผู้ยิ่งใหญ่บินเข้าใส่เป้าหมายทำลายสิ่งกีดขวางบนเส้นทางไม่ต่างกับกระบี่คมที่กรุยทางไปข้างหน้า

  ไม่นานเถาวัลย์ทั้งหมดก็ถูกทำลายสองผู้ยิ่งใหญ่กำลังเข้าประชิดตัวซือหยู

  อัตลักษณ์เทพผมดำดา้นหลังซือหยูจ้องจักรพรรดิอสูรและเทพแห่งความตายจากนั้นร่างของทั้งคู่ก็ถูกปกคลุมไปด้วยพลังต่อต้านอันไร้ขอบเขต

  แต่สองผู้ยิ่งใหญ่ยังคงเข้าใกล้ซือหยูต่อไปทั้งสองฝ่าพลังต่อต้านของวิถีเทพ ราวกับเรือลำเล็กสองลำที่กำลังแล่นทวนคลื่น

  ในตอนนี้เองซือหยูที่ไม่ได้ขยับตัวแม้แต่น้อยตั้งแต่แรกเริ่มจึงได้ขยับตัว

  แต่เขาไม่ได้ก้าวถอยหลังเขาเดินไปข้างหน้า

  แววตาของเขาส่องแสงสี่สีอันงดงามออกมา

  เกิดพลังสี่รูปแบบปั่นป่วนทั่วบริเวณ

  บางอย่างที่ใหญ่ยักษ์ปรากฏบนท้องนภา

  มันสูงจนแม้แต่ยักษ์ทะเลขมสูงไม่เท่า

  สิ่งที่ปรากฏขึ้นมานั้นยืนอยู่บนพื้นศีรษะนั้นสูงไปถึงสวรรค์ ไม่ต่างกับผู้ที่สร้างโลกขึ้นมา

  มันเป็นเงามนุษย์ที่มีร่างกายเพียงครึ่งร่าง  ร่างนี้มีเนตรสีม่วงใหญ่ยักษ์ปกคลุมพื้นที่หลายล้านลี้

  สีของร่างใหญ่นั้นแดงดั่งโลหิตสีเข้ม

  มือซ้ายที่ปกคลุมผืนนภาเป็นสีมรกต

  ขาข้างซ้ายนั้นขนาดใหญ่และสีซีด

  ร่างนี้ไม่ต่างจากผู้ที่จะกลืนกินโลก

  แสงสีสี่เปล่งประกายจากร่างอย่างแปลกประหลาด

  เมื่อซือหยูก้าวเท้าเดินร่างยักษ์ก็ทำแบบเดียวกัน

  ทันใดนั้นพลังอันลึกล้ำทั้งสี่ก็ได้เคลื่อนไหวพร้อมกัน มันสั่นสะเทือนเป็นคลื่นออกมาเมื่อซือหยูก้าวเดิน

  นี่คือพลังของซือหยูที่ได้จากพลังทั้งสี่ของหม้อเก้ามังกรมีพลังเวลา มิติ ดวงวิญญาณ และชีวิตผสานเข้าด้วยกัน

  ต่อหน้าพลังมหาศาลนี้ยากที่สองผู้ยิ่งใหญ่จะรุดหน้าเข้ามาได้อีก  ในขณะเดียวกันซือหยูเริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วขึ้นไปยังสองผู้ยิ่งใหญ่ท่ามกลางพลังที่ปลดปล่อยออกมา

  สิบลี้!หนึ่งลี้! เสี้ยวลี้!

  เขากำลังเข้าใกล้!

  ทั้งสามกำลังจะปะทะกันเป็นครั้งสุดท้าย

  สามสิบศอก!

  สามศอก!!

  ตู้ม…

  สายฟ้าดังสนั่นเกิดขึ้นในเมฆาวิบัติราวกับคนในโลกที่มองไม่เห็นร้องคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวทั้งแดนจิงหยูสั่นสะเทือนภายใต้สายฟ้า สิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอมากมายตายลง

  เสียงระเบิดดังลั่นเกิดจากการปะทะสุดท้ายของทั้งสามผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคสมัย

  ไม่มีใครเห็นการปะทะอย่างชัดเจนเห็นได้เพียงสิ่งที่หลงเหลือ  กระบี่กระดูกในมือจักรพรรดิอสูรหักเขากำลังมองกระบี่ที่หักด้วยสีหน้าสับสน

  มีดเขียวในมือเทพแห่งความตายหายไปร่างของเขาที่มีพลังอรหันต์และอสูรยุ่งเหยิง

  เกิดรอยแผลเป็นรูขนาดใหญ่ที่ลำตัวของทั้งคู่หัวใจของทั้งสองหายไปอย่างไร้ร่องรอย

  ไม่สิหัวใจของทั้งสองระเหิดไปจากพลังอันยิ่งใหญ่

  ทั้งสองกระอักเลือดหายตัวไปช้า ๆ ในความว่างเปล่า

  จักรพรรดิอสูรพ่ายแพ้!เทพแห่งความตายก็เช่นกัน

  เหลือเพียงผู้ยิ่งใหญ่คนเดียวที่ยังยืนอยู่!

  เขาคือผู้ชนะ!

  เทพทุกคนเห็นฉากนี้พวกเขาได้เห็นผู้ชนะไร้เทียมทานที่สามารถเอาชนะสุดยอดฝีมืดแห่งประวัติศาสตร์แดนอสูรกับตาตัวเอง!

  เมฆาอสูรสั่นกลัวเขามองซือหยูจากระยะไกล   ข้าควบคุมชายคนนี้ไม่ได้แน่! 

  เขาพูด

  เขารู้ว่าผู้ชนะไร้เทียมทานคนนี้มิอาจถูกผู้ใดควบคุมได้เลย!

  แม้แต่จักรพรรดิอสูรคนปัจจุบันก็มิอาจควบคุมเขาได้!

  เขามีพลังเหลือล้ำจนเมฆาอสูรได้แต่รักษาระยะห่าง

  ลี่หยิงตกตะลึงความริษยาในใจหายไปจนสิ้น มันแทนที่ด้วยความเคารพนับถือและความกลัว!

  ลี่หยิงรู้ดีว่าเขาไม่มีแม้แต่คุณสมบัติที่จะริษยาชายคนนี้ด้วยซ้ำ

  เพราะชายคนนี้คือผู้เป็นหนึ่งในใต้หล้าที่จะก้มลงมองทุกสิ่งบนโลกได้ในอนาคต!

  เมื่อเหล่าร่างอวตาลจากวิบัติเทพพ่ายแพ้เสียงสายฟ้ายังคงดังออกมาจากเมฆาราวกับไม่อยากจะยอมรับความล้มเหลว แต่มันก็ได้แต่สลายไปอย่างช้า ๆ ในท้ายสุด  วิบัติเทพจบลงแล้ว

  ต่อมาแสงหนึ่งได้ส่องประกายลงมาจากวิบัติเทพที่สลายไป มันตรงเข้าสู่หน้าผากของซือหยู

  เกิดแสงประกายอีกแห่งในจุดกำเนิดพลังของซือหยู

  มันคือ…แหล่งพลังเทพ!

  มันคือแหล่งพลังเทพที่สองในร่างของเขา

  ไม่เคยมีผู้ใดบนโลกมีแหล่งพลังเทพสองดวงมาก่อน

  ซือหยูมองเมฆาวิบัติที่กำลังสลายไปด้วยความเย็นชาในดวงตา

   เจ้ามิอาจดับลมหายใจข้าได้!ข้าจะเดินไปข้างหน้าทีละก้าว และหาเจ้าให้เจอ! 

  เขาสาบานกับตัวเอง

  บนโลกที่มองไม่เห็นเจตจำนงอันเยือกเย็นรู้ว่าจะต้องหาทางอื่นในการสังหารซือหยู มันรู้ว่าถึงเวลาต้องไปแล้ว!   วิบัติเทพหายไป

  ต่อมาแสงอันอ่อนโยนได้ส่องมาจากฟ้า เข้าสู่ร่างกายของซือหยู

  จิตวิญญาณตั้งต้นของซือหยูที่อยู่ในจุดกำเนิดพลังได้กลายเป็นซือหยูร่างเด็กซือหยูน้อยผู้นี้อายุยังน้อย แต่เขามีความมุ่งมั่นไม่จำยอมไม่ต่างกับเด็กหนุ่มในสำนักเซี่ยนหยู

   เซียนขั้นสามรึ? 

  ซือหยูแปลกใจตามปกติ เมื่อจิตวิญญาณตั้งต้นกลายเป็นเด็กสามขวบ ซือหยูจะเป็นเซียนขั้นหนึ่ง

  เมื่อจิตวิญญาณตั้งต้นกลายเป็นเด็กแปดขวบซือหยูจะเป็นเซียนขั้นสอง

  ดังนั้นจิตวิญญาณตั้งต้นของซือหยูในตอนนี้กำลังบอกว่าเขาคือเซียนขั้นสาม

   ข้ากลายเป็นเซียนขั้นสามหลังจากเป็นอสูรเนรมิตรขั้นสูงสุดในคราเดียวเลยรึ? 

  เขาสงสัย

  แต่เขาก็ไม่แปลกใจเพราะเขาเคยเป็นอสูรเนรมิตรจากที่เคยเป็นภูติจากการที่เขาผ่านวิบัติเทพคราวที่แล้ว

  ดังนั้นจึงไม่ใช่ก้าวที่ใหญ่นักสำหรับซือหยูที่เคยเพิ่มพลังมาพร้อมกันหลายขั้น

  จะอย่างไรก็ตามวิบัติเทพที่ซือหยูได้เจอครั้งนี้เป็นวิบัติเทพขั้นหนึ่ง

  จิตวิญญาณตั้งต้นของซือหยูที่เป็นรูปลักษณ์เด็กไม่ได้เกิดจากพลังอสูรเนรมิตรแล้วมันคือพลังของเซียน!

  มีก้อนพลังแสงสองพลังลอยอยู่รอบจิตวิญญาณตั้งต้นของเขา

  มันคือแหล่งพลังเทพนั่นเอง!

  เมื่อมีพลังระดับนี้ซือหยูจะใช้พลังเซียนเพื่อบ่มเพาะแหล่งพลังเทพจนสร้างพลังเทพออกมาได้ จากนั้นเขาจะบ่มเพาะแหล่งพลังเทพในแข็งแกร่งขึ้นไปอีก

   หึหึ!ในที่สุดข้าก็มีพลังเทพเป็นของตัวเองแล้ว! 

  ซือหยูตื่นเต้น

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

Status: Ongoing

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ

เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน