นครแห่งบาป City of Sin – ตอนที่ 103 การเตรียมความพร้อม ตอนที่ 1

นครแห่งบาป City of Sin

เมล็ดพันธุ์นี่มันคืออะไร ? ไม่ว่าจะพยายามเพ่งมองไข่สีเขียวเข้มใบนี้มากแค่ไหน ริชาร์ดก็ไม่ได้รับข้อมูลใดเพิ่มขึ้นมาเลย เบาะแสเดียวที่เขาได้รับจากมังกรนิรันดรก็คือคำว่าเมล็ดพันธุ์ และคาถาตรวจสอบของเขาก็ไม่สามารถให้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับมันได้

ไฮพรีสเทสเฟอร์ลินได้เข้ามาพูดคุยกับเขาก่อนที่เขาจะกลับออกไปจากวิหารมังกรนิรันดร นางเล่าให้ริชาร์ดฟังถึงการเดินทางไปที่วิหารอื่น ๆ ในทวีปเมื่อตอนนางยังเด็ก ตลอดหลายปีของการฝึกฝนนั้นนางเคยได้อ่านข้อความส่วนหนึ่งจากตำนานที่ถูกเขียนขึ้นตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์จะบันทึกไว้ มันยกย่องพระราชาผู้มีอาวุธที่น่ากลัว เขาทะนุถนอมอาวุธอันทรงคุณค่านั้นอย่างยิ่งไม่ว่าต้องแลกกับอะไรก็ตาม เขาพกมันไปด้วยในทุกที่ที่เดินทางไป ขณะที่ทำทุกอย่างเพื่อป้องกันและพัฒนาความสามารถของมันให้ดีที่สุด

ริชาร์ดขอบคุณไฮพรีสเทสเฟอร์ลินอย่างจริงใจ แม้ว่าข้อมูลที่นางให้มานั้นจะมีแต่ความคลุมเครือแต่ก็เห็นได้ชัดว่านางพยายามบอกเขาเป็นนัย ๆ แล้วถึงวิธีการใช้เมล็ดพันธุ์นั้น รวมถึงบอกความสำคัญและทรัพยากรที่เขาต้องทุ่มเทให้กับมันในอนาคตด้วย อีกทั้งเขายังสังเกตเห็นอีกว่ามีรอยย่นเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นตรงหางตาทั้งสองเมื่อนางพูดจบ การที่นางบอกข้อมูลี้กับเขามันทำให้นางดูแก่ลงหลายปี แต่นางคงจะดูสดใสเป็นพิเศษได้หลังจากที่พิธีกรรมจบลง !

นี่เป็นหลักฐานที่เห็นได้ทันทีว่าเฟอร์ลินได้สูญเสียความสง่างามไปบางส่วน โดยปกติแล้วพรีสเทสที่ดูแลพิธีกรรมจะได้รับความสง่างามจากมังกรนิรันดร ทว่าเพียงแค่เผยข้อมูลที่เป็นความลับนี้กลับทำให้นางสูญเสียมากกว่าที่นางได้รับจากพิธีที่ยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ เพียงเท่านี้ก็อธิบายความสำคัญของเมล็ดพันธุ์นี้ได้อย่างชัดเจนแล้ว

นั่นคือเหตุผลที่ริชาร์ดโค้งคำนับให้กับเฟอร์ลินอย่างจริงใจก่อนเดินทางออกจากวิหารแห่งมังกรนิรันดร “ขอบคุณมากสำหรับคำแนะนำของท่าน !”

เฟอร์ลินยิ้มและตบไหล่ริชาร์ดเบา ๆ ด้วยคทาในมือของนาง “ริชาร์ด อย่าเมตตาใครทั้งนั้น การทำลายศัตรูทุกคนตรงหน้าเจ้าจะเป็นวิธีการแสดงความขอบคุณที่ดีที่สุดที่สามารถทำให้ข้าได้”

เขาพยักหน้ารับคำอย่างจริงจังและยืนตัวตรงขณะที่สีหน้าเคร่งเครียดปรากฏบนใบหน้าเยาว์วัยของตนเอง เขาเผชิญกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันมาแล้วนับไม่ถ้วนในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เหตุการณ์ความเป็นความตายทำให้อ่อร่าที่เขาปล่อยออกมาดูเกินกว่าอายุที่เขามี

ในที่สุดกาตอนก็ตบไหล่เขาเบา ๆ “ไปกันได้แล้วเจ้าเด็กน้อย เจ้ามีเวลาไม่มากนัก เจ้าต้องเก็บข้าวของคืนนี้และเริ่มออกเดินทางพรุ่งนี้แต่เช้า เราจะพูดถึงทุกสิ่งทุกอย่างไประหว่างทาง… เอาล่ะ ดูแลเมล็ดพันธุ์ในมือของเจ้าให้ดี อย่าปล่อยให้มันคลาดสายตา”

พวกเขากลับออกจากวิหารด้วยวิธีเดียวกับตอนเข้ามาคือมีกาตอนนำอยู่หน้าสุด เคย์เลนและเคย์ดีคุ้มกันอยู่ด้านข้างของริชาร์ด และเซนม่ากับมอร์เดร็ดคอยคุ้มกันอยู่ด้านหลังสุด

ขณะเดินทางลงไปตามเส้นทางออกจากวิหาร พวกเขามองเห็นว่าเกาะของอาเครอนยังคงขยายอาณาเขตอยู่ มันกำลังสลับตำแหน่งกับเพื่อนบ้านใกล้เคียง เกาะอันดับที่ 2 ในชั้นที่ 7 เต็มไปด้วยเสียงตะโกน และมีลำแสงนับไม่ถ้วนยิงขึ้นรอบ ๆ ตัว ขณะที่คนที่อาศัยอยู่ตรงขอบเริ่มหลบหนีออกจากสิ่งก่อสร้างที่พังทลาย หินบนขอบด้านนอกแยกออกและตกลงไปในก้อนเมฆ รากฐานของสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ พังทลายลงและพวกมันก็เอียงตัวช้า ๆ ก่อนที่จะตกลงไปเช่นกัน

เกาะเหล่านี้ลอยอยู่บนท้องฟ้าสูงกว่า 3 กิโลเมตร ซึ่งแน่นอนว่าเพราะมีอบิลิตี้ที่ทรงพลังหรือคาถาจึงทำให้มันลอยอยู่ได้ หากสิ่งมีชีวิตตกลงไปตามความสูงมากขนาดนี้ก็จะต้องตายทันทีอย่างไม่ต้องสงสัย พืชผักและก้อนหินจะหายสาบสูญไปในก้อนเมฆ ส่วนสิ่งก่อสร้างและสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นทีหลังน่ะเหรอ ? ทั้งหมดเหล่านั้นก็จะตกลงไปเช่นกัน

ในขณะนั้น สายตานับไม่ถ้วนจับจ้องที่ภาพเหตุการณ์ที่น่าทึ่งนั้น ทั้งจากเกาะอื่น ๆ เฟาสต์ และแม้แต่พื้นที่อื่น ๆ บนทวีป เหตุการณ์นี้ก็ดึงดูดความสนใจของทุกอย่างมาได้ กาตอนชี้นิ้วไปที่เกาะลอยทั้ง 2 ที่กำลังสลับที่กันและพูดขึ้น “เห็นหรือไม่เจ้าเด็กน้อย นี่คือผลลัพธ์ของการกระทำของเจ้า มันไม่สำคัญว่าเกาะของเราจะเลื่อนไปข้างหน้าหรือถอยหลังเพราะมันเป็นแค่ชื่อเสียงจอมปลอม จริง ๆ มันไม่ได้ยั่งยืน หากข้าต้องการเลื่อนขึ้นไปอีก ข้าก็จะเอาชนะต่อไปด้วยตัวของข้าเอง หากเจ้าต้องการตอบแทนอะไรให้อาเครอนจริง ๆ ก็จงเอาตัวรอดจากสงครามในเพลนให้ได้ เจ้าต้องสามารถประสบความสำเร็จในระหว่างที่อายุเท่าข้าเท่านั้นจึงจะสามารถพูดเรื่องตอบแทนให้ตระกูลได้ !”

ริชาร์ดกอดเมล็ดพันธุ์นั้นไว้และพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ ตอนนี้เขามีเรื่องให้คิดเต็มไปหมดและไม่รู้เลยว่าจะรับมือกับความสัมพันธ์กับกาตอนและอาเครอนคนอื่น ๆ ได้อย่างไร เขาจึงตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับสถานการณ์อย่างสงบและมีเหตุผล

เมื่อกลับถึงเกาะของพวกเขา หัวหน้าพ่อบ้านก็รีบจัดกระเป๋าสัมภาระให้ริชาร์ด ทายาทของตระกูลได้ข่าวเรื่องริชาร์ดกำลังจะออกเดินทางจึงมากันพร้อมหน้าเพื่อส่งเขา เดมี่ เวนิก้า และเวนนิงตันก็อยู่ท่ามกลางคนกลุ่มนั้นอย่างที่คาดไว้ ทว่าพวกเขามาเพราะความต้องการรูน อย่างไรก็ตาม การมาของพวกเขาก็มีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงด้วย

โดยเฉพาะเดมี่ที่ไม่ยอมปล่อยริชาร์ดไปง่าย ๆ นางมาถึงตอนที่เวนนิงตันกำลังจะกลับไป และปรี่เข้ามาบังคับให้ริชาร์ดสัญญาว่าเขาจะต้องสร้างรูนของนางให้เสร็จก่อนกลับออกไปด้วยความโกรธเคือง เมื่อนางกลับไปแล้ว หัวหน้าพ่อบ้านจึงเข้ามาบอกริชาร์ดว่ากาตอนกำลังรอพบเขาอยู่

สถานที่นัดพบครั้งนี้คือห้องหนังสือของกาตอน มันเป็นห้องที่ไม่ได้กว้างมากนัก มีชั้นวางหลายชั้นวางพิงผนังอยู่ ซึ่งเป็นที่จัดเก็บแผนที่ที่ถูกวาดขึ้นบนกระดาษเวทมนตร์ รวมถึงมีหนังสือประวัติศาสตร์และปรัชญาจำนวนหนึ่งและมีหนังสือเกี่ยวกับเทคนิคการรบและศิลปะของการทำสงครามอยู่เป็นจำนวนมาก หนังสือหน้าตาแปลก ๆ เกี่ยวกับวัฒนธรรมประวัติศาสตร์เองก็มีอยู่ถึง 10 เล่ม ทว่าทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องราวของเอลฟ์ซิลเวอร์มูน บนผนังด้านหลังกาตอนคือแผนที่ของทวีปนัวแลนด์รวมถึงแผนที่ของเพลนอื่น ๆ อีก 3 เพลน

เมื่อเขาเดินเข้าไปในห้องเป็นครั้งแรก เขาไม่ได้รู้สึกถึงออร่าของวัฒนธรรมหรือวิชาการใด ๆ แต่เขากลับได้กลิ่นคลุ้งของเลือดและเปลวไฟแทน กาตอนนั่งอยู่บนโต๊ะและกำลังทำความสะอาดดาบเวทมนตร์อยู่ เขาพยักหน้าให้ริชาร์ดเข้ามาในห้องและปิดประตูขณะที่ตัวเขาเริ่มพูดพึมพำ “ริชาร์ด เจ้าต้องเริ่มสำรวจเพลนอื่นในทันทีเพราะตอนนี้เจ้ามีเมล็ดพันธุ์อยู่ในครอบครอง มีคำกล่าวถึงสงครามเพลนอยู่ว่า แม้แต่เผ่าอสูรของนัวแลนด์ก็ยังงดงามกว่าเอลฟ์จากเพลนอื่น ๆ วินาทีที่เจ้าก้าวเท้าไปบนเพลน ทุก ๆ สิ่งมีชีวิตแม้แต่เทพเจ้าแห่งดินแดนนั้นก็คือศัตรูของเจ้า ทุก ๆ คนไม่เว้นแม้แต่คนเดียว สังหารศัตรูของเจ้าซะก่อนที่จะคิดเรื่องปัญหาอื่น จงไร้ความปราณีและไม่เห็นอกเห็นใจใครทั้งนั้น ทางเลือกที่ดีที่สุดในเกือบทุกกรณีก็คือทำลายศัตรูทั้งหมดของเจ้าให้หมดสิ้นไป จำไว้ว่าความเมตตานั้นจะเป็นการขุดหลุมฝังตัวเจ้าเอง”

“เข้าใจแล้ว ข้าจะไม่เมตตาใครทั้งนั้น” ริชาร์ดให้คำมั่น

กาตอนหัวเราะเบา ๆ “หึ ๆ อย่าเพิ่งมั่นใจไปนักเลย สงครามบนนัวแลนด์กับบนเพลนแตกต่างกันมากจนแม้แต่ข้าเองก็ยังไม่ค่อยจะชินกับมัน เจ้าจะเดินทางไปยังเพลนระดับต่ำซึ่งจะจำกัดพลังของผู้อยู่อาศัยให้อยู่ในระดับ 15 ตามระดับมาตรฐานของพวกเรา ข้าได้ตั้งฐานไว้ที่นั่นแล้ว ดังนั้นเมื่อเจ้าไปถึง เจ้าจะมีแนวทาง หากมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นก็ไม่ต้องตกใจไป มันคงจะเป็นเรื่องแปลกถ้าไม่มีความผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้นเลย ไม่ว่าเจ้าจะเตรียมตัวยังไงมันก็ไม่มีวันเพียงพอ”

นครแห่งบาป City of Sin

นครแห่งบาป City of Sin

Status: Ongoing
เด็กหนุ่มที่เกิดมาพร้อมกับสายเลือดของเอลฟ์และปีศาจ ต้องเดินบนสมรภูมิแห่งการทำลายล้าง เพื่อที่จะลากพวกที่สูงส่งให้ลงมา วันหนึ่งเมื่อเขาสำรวจรอบๆตัวเอง และจะพบว่า—-ไม่หลงเหลือศัตรูให้ฆ่าอีก

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท