ริชาร์ดกางแผนที่บนโต๊ะก่อนจะชี้ไปยังเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง “นี่คือเมืองโจเว่นซึ่งเป็นเป้าหมายในการโจมตีของพวกเรา”
เมืองโจเว่นแตกต่างจากเมืองออสฟ่าเพราะเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างใหญ่และเจริญรุ่งเรือง มันเชื่อมต่อหลาย ๆ เมืองที่อยู่บนภูเขาเข้ากับปราสาทของบารอน เมืองโจเว่นเป็นศูนย์กลางสำหรับวัสดุเช่นไม้ แร่ และหนัง ตำแหน่งของเมืองเป็นที่น่าสนใจจนทำให้นักเดินทางหลายคนเลือกเดินทางมายังที่แห่งนี้มากกว่าที่จะไปออสฟ่า
ภายในเมืองแห่งนี้มีครอบครัวมากกว่า 500 ครอบครัว ที่นี่มีประชากรกว่า 2,000 คนและเต็มไปด้วยร้านค้าจึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเหล่านักเดินทางที่กำลังมองหาวัสดุในที่แห่งนี้ ที่นี่มีทุกอย่างตั้งแต่ช่างตีเหล็กจนถึงช่างทอง ทว่าภายในเมืองนี้ไม่มีวิหารที่ตั้งอยู่ทั่ว ๆ ไป มีเพียงวิหารเดียวซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากคฤหาสน์ของบารอนมากนัก
วิหารแห่งนั้นเป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นเพื่อพิสูจน์การอุทิศตนของบารอนฟอร์ซ่า มันมีราคาแพงมากพอที่จะนำมาสร้างและบูรณะวิหารได้หลายแห่ง ทว่าดูเหมือนว่าบารอนจะไม่มีเงินมากพอที่จะสร้างวิหารที่สองภายในดินแดนแห่งนี้จึงทำให้ที่นี่ยังคงมีวิหารเพียงแห่งเดียว
เมืองโจเว่นเป็นเมืองที่อยู่ภายใต้การปกครองของเซอร์โคโจ เขามักจะอาศัยอยู่ตรงที่ดินขนาดใหญ่นอกเมืองหรือในค่ายฝึกซ้อมสำหรับกองทัพของเขาที่อยู่ใกล้เคียงโดยมีวอริเออร์จำนวนกว่า 30 คนอยู่ใต้คำสั่งของเขาและประจำการอยู่ที่ค่ายแห่งนี้
ทว่าในเวลานี้ค่ายได้ถูกทิ้งร้างไปแล้ว จะมีก็แต่ผู้ที่ประจำการอยู่ไม่กี่คนคือผู้ติดตามของเขาซึ่งมีอายุน้อย ส่วนวอริเออร์คนอื่น ๆ ทั้งหมดนั้นได้ตามลอร์ดของพวกเขาเดินทางไปกำจัดผู้บุกรุกและในเวลานี้ก็ยังไม่มีใครกลับมา
และผลลัพธ์ที่ได้คือคฤหาสน์ของไนท์เริ่มเกิดความวุ่นวายขึ้นภายในช่วงไม่กี่วันมานี้ มีผู้คุ้มกันจำนวนมากที่ตื่นตระหนกกับการสูญเสียผู้คนไปมากมาย และผู้คุ้มกันเหล่านี้เพิ่งจะถูกฝึกฝนมาเป็นเวลาเพียงสั้น ๆ เท่านั้นจึงทำให้ยังไม่ถูกจัดว่าเป็นทหาร การสูญเสียเหล่าทหารไปมากมายจึงทำให้ต้องเรียกอาสาสมัครจากทุ่งนามาเพื่อดำรงตำแหน่งผู้คุ้มกันแทนอย่างเลี่ยงไม่ได้ ผู้ที่สามารถหลบหนีจากการต่อสู้ครั้งที่สองได้กลับมาเมื่อ 2 วันก่อนโดยนำข่าวของการสูญเสียและความพ่ายแพ้มารายงานด้วย ข่าวร้ายในครั้งนี้ถูกแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วจนไปถึงหูบารอนในที่สุด ในเวลานี้แม้แต่เมนต้าและฮิวเบิร์ตที่เก่งกาจก็ถูกผู้บุกรุกฆ่าตาย ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจึงทำให้พวกเขาเห็นชะตากรรมที่กำลังจะมาถึงอย่างชัดเจน
ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่าปีศาจจากเพลนอื่นจะปรากฏตัวขึ้นเมื่อไหร่ ดังนั้นบางตระกูลจึงเริ่มที่จะเตรียมของเพื่อหลบหนีการโจมตีที่กำลังจะเกิดขึ้น การกระทำของพวกเขาสร้างความตื่นตระหนกอย่างมากทว่าส่วนใหญ่ก็ยังเลือกที่จะใจเย็นและทำตัวตามปกติ เพราะอย่างไรเสียคนเหล่านั้นก็ยังอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองและกองทหารของบารอนก็ยังอยู่ที่นี่ อีกทั้งวิหารแห่งความกล้าหาญก็ไม่ได้เพิกเฉยต่อผู้บุกรุกเหล่านั้นเช่นกัน และนอกจากนี้บารอนฟอร์ซ่าก็ยังมีเอิร์ลเจย์ลีออนเป็นผู้สนับสนุนที่อยู่เบื้องหลังเขาอีกด้วย ซึ่งบุคคลผู้นี้เป็น 1 ใน 3 ของขุนนางระดับเอิร์ล ดังนั้น แม้ผู้คนที่อยู่ภายในเมืองโจเว่นจะเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกแต่ก็น่าจะสามารถมีชีวิตรอดไปได้
เมืองโจเว่นอยู่ห่างจากภูเขาออกไปไกลกว่า 40 กิโลเมตร เนื่องจากมีทหารรับจ้างและนักเดินทางจำนวนมากเคลื่อนผ่านเมืองต่าง ๆ จึงทำให้เกิดการกบฏอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งนั่นทำให้ต้องมีการสร้างกำแพงล้อมรอบเมืองไว้และในส่วนของที่ดินของโคโจเองก็มีการป้องกันไว้เช่นเดียวกัน
ทันทีที่พระอาทิตย์ตกดินเงาที่มีความรวดเร็วก็ปรากฎขึ้นตรงด้านหน้าเมืองโจเว่น กลุ่มเจ้าของเงาเหล่านั้นทำการล้อมเมืองไว้อย่างเงียบ ๆ ก่อนที่หลาย ๆ เงาจะกระโดดข้ามกำแพงสูงกว่า 3 เมตรอย่างไร้ปัญหา และการปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นก็เกิดขึ้นอีกครั้งในพื้นที่ของโคโจโดยที่เงานั้นเดินไปรอบ ๆ เพื่อทำการสำรวจภูมิประเทศของที่แห่งนี้รวมไปถึงการป้องกันของพวกเขา การมาของพวกเขาสามารถหลุดรอดสายตาของกองกำลังที่ประจำการอยู่บนหอคอยธนูได้ ซึ่งนั่นทำให้ผู้บุกรุกสามารถตรวจสอบพื้นที่สำคัญ ๆ ก่อนจะออกไปจากที่แห่งนี้ภายในความมืดมิดได้อย่างง่ายดาย
หลังจากนั้น 1 ชั่วโมง กองกำลังขนาดใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบ ๆ ในเขตชานเมือง ริชาร์ดมองพื้นที่ที่ห่างไกลออกไปผ่านความมืดมิดในยามค่ำคืน ซึ่งแม้มันจะมืดแต่มันก็ยังสว่างมากพอที่จะทำให้เห็นเมืองโจเว่นอยู่ราง ๆ ในระยะสายตาของเขาได้ เขายังคงรอสถานการณ์อย่างใจเย็นในขณะที่โอล่าโผล่ออกมาจากความมืดก่อนกระซิบข้างหูเขาว่า “มีกองกำลังทหารอาสาสมัครอยู่ในเมืองโจเว่นประมาณ 50 คน คนเหล่านั้นทั้งอ่อนแอและดูไร้ความสามารถเอามาก ๆ แต่นอกจากคนเหล่านั้นแล้วภายในเมืองยังมีนักเดินทางหลายคนและทหารรับจ้างอีกประมาณ 50 คน ซึ่งข้าดูแล้วเหมือนว่าจะเก่งกาจกว่ากองกำลังทหารอาสาสมัครพวกนั้น ข้าคิดว่าในกลุ่มคนเหล่านั้นอาจจะมีคนที่อยู่ในระดับมากกว่า 6 อยู่ด้วยจึงทำให้ข้าไม่กล้าเข้าไปใกล้
มีคนจำนวนมากภายในคฤหาสน์ของโคโจ แต่คนเหล่านั้นก็เป็นแค่เพียงทหารอาสาสมัคร และดูเหมือนว่าค่ายฝึกก็น่าจะอยู่ไม่ห่างจากที่นี่สักเท่าไหร่นัก ภายในนั้นคงจะมีทหารราว ๆ 30 คนกับผู้ได้รับว่าจ้างให้มาเสริมอีกในจำนวนที่เท่า ๆ กัน หากพวกเขาต้องการ พวกเขาก็สามารถสร้างกองกำลังของตนเองขึ้นมาได้เลย”
“แล้วม้าศึกล่ะ ?” ริชาร์ดถามถึงสิ่งที่เขากำลังกังวล
“ม้าศึกอยู่บริเวณคฤหาสน์แล้วก็ค่ายฝึก พวกมันมีอยู่ราว ๆ 20 ตัวซึ่งแต่ละตัวก็มีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยม”
ริชาร์ดฟังข้อมูลอย่างเงียบ ๆ ก่อนหยิบแผนที่ขึ้นมาเพื่อยืนยันสิ่งที่เขาวางแผนไว้อีกครั้งพร้อมทั้งชี้ไปยังเหล่าเชลยที่เขาพามาก่อนจะพูดขึ้นว่า “พวกเขาสามารถนำทางพวกเราได้เป็นอย่างดี ให้อาวุธกับพวกเขา !”
มีเดียมแรร์นำกระสอบอาวุธและโล่ลงจากหลังของเขาก่อนที่จะส่งมันให้กับเชลยทั้ง 5 คน ซึ่งในเวลานี้อาวุธที่อยู่ในมือของพวกเขาคือดาบขนาดเล็กและโล่ไม้ทรงกลม
วอริเออร์ทั้ง 5 คนนี้เกิดมาเป็นคนธรรมดาสามัญและมีความจงรักภักดีต่อเจ้านายของพวกเขาน้อยมาก เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความตายพวกเขาจึงเลือกที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้มีชีวิตรอดไว้ก่อน แต่คนเหล่านี้ก็มีความคุ้นเคยกับพื้นที่แห่งนี้เป็นอย่างดีซึ่งนั่นทำให้ริชาร์ดสามารถส่งเข้าไปตรวจสอบบริเวณรอบนอกของเมืองได้โดยที่ไม่ถูกสงสัย
ในครั้งนี้ริชาร์ดนำไนท์ของเขาที่มีอาวุธเป็นโล่และขวานมาเพียง 3 คนเท่านั้น เขาให้ไนท์ที่เหลืออีก 4 คนประจำการที่ฐานทัพเพื่อให้คุมเหล่าเชลยที่ในเวลานี้ยังไม่ยอมจำนนให้แก่เขา ในขณะที่คนอื่น ๆ ที่เหลือก็ได้ร่วมเดินทางมาต่อสู้พร้อมกับเขา
“ไปที่คฤหาสน์ก่อน !” หลังจากที่ได้รับคำสั่งจากริชาร์ดแล้ว กองกำลังก็เดินหน้าไปยังคฤหาสน์โคโจทันที เงาของกลุ่มเหล่านั้นเป็นเงามืดขนาดใหญ่ทว่าภายในมีเงาถึง 3 เงาที่มีลักษณะผิดไปจากปกติและดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์
ประตูหลักที่ใช้ในการเข้าสู่คฤหาสน์ของโคโจถูกปิดอย่างแน่นหนาโดยที่ภายในมีพื้นที่ว่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ภายในพื้นที่แห่งนี้ได้รับแสงสว่างจากคบเพลิง ส่วนทางด้านหน้าของประตูทางเข้ามีหอคอยธนู 2 ฝั่งไว้ใช้สำหรับสังเกตการณ์และรักษาความปลอดภัย แม้ว่าในเวลานี้จะเป็นช่วงฤดูร้อนทว่าตกกลางคืนกลับมีความหนาวเหน็บและอุณหภูมิก็มักจะลดต่ำลงกว่าปกติ ลมที่พัดผ่านรุนแรงจนทำให้ทหารทั้ง 2 คนที่อยู่ด้านบนหอคอยเกิดอาการหนาวสั่นอย่างทุกข์ทรมาน
หนึ่งในนั้นงอตัวด้วยความหนาวเหน็บจนทำให้เขาหลุดปากเอ่ยสาปแช่งอากาศที่เลวร้ายในคืนนี้ภายใต้ลมหายใจติดขัดของเขาอย่างอดไม่ได้ ทว่าทันทีที่เขาต้องการจะขยับตัวก็เกิดเสียงของอะไรบางอย่างดังขึ้น
ทหารยามรีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วก่อนที่จะมองออกไปนอกกำแพง ทว่าในเวลานี้กองกำลังของริชาร์ดได้เข้ามาในเมืองราวกับวิญญาณร้ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาใช้มือปิดปากทหารยามผู้นั้นอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งลากร่างของเขาไปด้านหลัง ทหารยามพยายามดิ้นและบิดตัวไปมาเพื่อให้หลุดออกจากพันธนาการทว่าเพียงครู่เดียว เขาก็ไร้เรี่ยวแรงไปในที่สุด ในเวลาเดียวกันโอล่าก็ยิงธนูไปที่ชายอีกคนก่อนที่ชายคนนั้นจะล้มลงในทันที
ในเวลานั้นเอง กองทหารลาดตระเวนก็ค้นพบว่าผู้บุกรุกเปิดประตูของพวกเขาได้แล้วแต่กว่าจะรู้ตัวมันก็สายเกินไป เสียงผิวปาก เสียงกรีดร้อง และเสียงกระดิ่งดังลั่นไปทั่วจนเกิดความวุ่นวายในคฤหาสน์อย่างฉับพลัน !