นครแห่งบาป City of Sin – ตอนที่ 160 แขกผู้มาเยือนตอนที่ 1

นครแห่งบาป City of Sin

นครแห่งบาป – City of Sin เล่ม 2 ตอนที่ 160 แขกผู้มาเยือนตอนที่ 1

เมื่อเวลาค่ําคืนมาถึงอีกครั้ง กองกําลังของริชาร์ดก็เห็นทะเลสาบภูเขาจากระยะไกล เขากับโฟลว์แซนด์หันไปมองทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งเป็นจุดที่ดาวตกข้ามผ่านฟากฟ้าก่อนที่จะตกลงสู่พื้นดินจุดที่เกิดขึ้นเต็มไปด้วยแสงเปล่งประกายจนทําให้จุดอื่นมืดสลัวลงหลังจากที่ดาวตกตกลงไปแล้วมันก็ทิ้งแสงไว้ที่ช่วงท้ายอยู่ครู่ หนึ่งก่อนจางหายไป

ทั้งคู่รับรู้ถึงระลอกคลื่นที่เกิดขึ้นภายในกาลอวกาศ มันมีการกระจายตัวเช่นเดียวกับตอนที่พวกเขาใช้เทเลพอร์ตเพื่อที่จะเข้ามายังเพลนแห่งนี้

เสียงดังกึกก้องไปทั่วฟ้ายามราตรีทันทีที่ดาวตกตกลงสู่โลกสายตาของริชาร์ดยังคงจ้องมองไปที่จุดนั้น ในเวลาเดียวกันเขารู้สึกได้ถึงข้อความที่คลุมเครือมากมายที่ถูกส่งมาจากมัน นี่เป็นความโกรธเคืองที่แสงก่อนหน้านี้รบกวนความเงียบงั้นหรือ ? ตอนนี้ผู้คนต่างก็มองไปที่จุดเดียวกันในขณะที่พวกเขารู้สึกราวกับว่าท้องฟ้ากํา ลังจะร่วงลงมา !

นี่เป็นความโกรธแค้นจากเทพเจ้าหรือไม่ ? โฟลว์แซนด์และริชาร์ดต่างมองหน้ากันก่อนที่เคลริคสาวจะพูดขึ้นว่า “ดูเหมือนว่าจะมีผู้บุกรุกเพิ่มขึ้น ขาสงสัยเหลือเกินว่าพวกเขามาจากไหน”

ริชาร์ดมองไปยังจุดที่ดาวตกตกลงมา เขาใช้พรีซิชั่นของเขาคํานวณระยะทางตรงบริเวณจุดเกิดเหตุก่อนที่จะเลื่อนสายตาไปมองแผนที่ภูมิภาคในมือของเขา มุมปากของเขากระตุกขึ้นเล็กและเขาก็พูดขึ้น“ข้าว่ามันคือข่าวดี ! เรายังมีเวลา เพราะเทพเจ้าบนเพลนนี้จะมัวไปสนใจพวกที่มาใหม่ เทพคงจะไม่สนใจพวกเรา ในตอนนี้หรอก !”

“มาสเตอร์ ข้าว่ามันอาจจะไม่ใช่เสมอไป คงจะเป็นการดีกว่าหากพวกเราจะป้องกันไว้ก่อน”โอล่าพูดขึ้นด้วยความกังวลใจ

ริชาร์ดยิ้มก่อนตอบกลับไป “ไม่มีอะไรต้องกังวลไม่ว่าจะมีกองทัพใดเดินทางมาที่นี่ พวกเขาจะต้องมีความแข็งแกร่งกว่ากองทัพของเราที่ต้องการจะเดินทางไปยังเพลนระดับต่ําอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเทพเจ้าจะต้องระวังคนเหล่านั้นมากกว่าพวกเรา”

“พวกเขาก็แค่คนที่มีระดับที่สูงกว่า” วอเตอร์ฟลาวเวอร์พูดด้วยน้ําเสียงไม่แยแส เหยื่อในค่ายแห่งความตายที่นางเคยอยู่มักจะอยู่ในระดับสูงกว่านาง 2-3 ระดับและบางครั้งก็อาจจะสูงกว่า 4-5 ระดับเลยด้วยซ้ํา

“ฮ่า ๆ แล้วมันไม่ดีกว่ารึไง ?” ริชาร์ดหัวเราะออกมาเสียงดัง “ถ้าเป็นเช่นนั้นอีกไม่นานพวกเราก็จะได้รับพิกัดเพลนอันมีค่าอื่นๆเพิ่มมากขึ้น”

“โดยปกติแล้วมีแค่เพลนหลักเท่านั้นที่จะสามารถเปิดเส้นทางไปยังเพลนรองได้ ดังนั้นพิกัดที่เราจะได้รับก็อาจเป็นเพลนหลักก็เป็นได้” โฟลว์แซนด์กล่าวออกมาตามที่นางคิด

“ถ้าเช่นนั้นพิกัดเหล่านั้นก็มีค่ามากขึ้นไม่ใช่รึไง ?” ริชาร์ดถามอย่างไม่ใส่ใจทว่าคําพูดของเขาทําให้เลือดในกายของคนอื่นๆเดือดขึ้นมาทันที

ในช่วงที่พวกเขากําลังเดินทางกลับไปที่ค่ายของตนเองเชลยกลุ่มใหม่ก็ถูกจับรวมเข้ากับตระกูลของเซอร์โคโจ ในตอนนี้จึงมีทหารราบเกือบ 50 คนแล้วโดยที่ภายในกลุ่มคนเหล่านี้มีในท์ฝึกหัดรวมอยู่ด้วย

บรรยากาศภายในค่ายนั้นเปราะบางมาก มีทหารเพียง 2 คนเท่านั้นที่กําลังปฏิบัติหน้าที่ของตนเองโดยการนั่งอยู่ข้างกองไฟพร้อมด้วยอาวุธที่อยู่ข้างกายของพวกเขา แร็พเตอร์อีก 2 ตัวก็ได้รับมอบหมายให้ดูแลความเรียบร้อยเช่นกันโดยที่พวกมันกําลังนอนหมอบอยู่ไม่ไกลจากทหารเหล่านั้นมากนัก ตอนนี้ไม่มีแสงใดเล็ดลอดอ อกมาจากเต็นท์เลยและทุกอย่างก็เต็มไปด้วยความเงียบสงบทว่าเมื่อริชาร์ดกลับมาเต็นท์ก็ถูกเปิดออกจนทําให้เห็นว่าคนเหล่านี้ยังไม่ได้นอนหลับอย่างที่เขาคิดไว้ทันทีที่เขากลับมานั้น บรรยากาศที่อึดอัดจนเกิดความตึงเครียดจากความกังวลว่าอาจเกิดการเผชิญหน้าระหว่างเชลยกลุ่มเก่าและใหม่ก็ผ่อนคลายลงในที่สุด

เมื่อเห็นวีรกรรมของริชาร์ดที่สังหารไนท์ติดยศมาแล้วหลายคนอีกทั้งยังได้ยินว่ามีการทําลายล้างวิหาร เหล่าในท์ที่ถูกจับได้ก็เลือกที่จะยอมแพ้เพราการตัดสินใจเช่นนี้จะทําให้ริชาร์ดไม่ปล้นดินแดนของพวกเขา

ริชาร์ดแบ่งทหารที่แปรพักตร์เหล่านี้ออกเป็น 3 กลุ่มโดยให้ในท์ของเขาเป็นผู้นํากองทัพ เหล่าทหารที่เคยร่วมรบกับเขาก่อนหน้านี้ถูกจัดให้เป็นแกนหลักในกลุ่มในขณะที่คนอื่น ๆ ถูกจัดให้เป็นส มาชิกระดับปลายแถววิธีนี้จะทําให้เขาสามารถควบคุมคนกลุ่มนี้ได้ง่ายขึ้นและในเวลาเดียวกันมันยังเพิ่มประสิทธิภาพของกอ งกําลังของเขาให้มากขึ้นด้วยไนท์ของอาเครอนไม่ใช่แค่มีระดับที่สูงเท่านั้นทว่าพวกเขายังมีประสบการณ์ในการต่อสู้เป็นอย่างดี

หลังจากที่อยู่ตรงริมทะเลสาบต่ออีก 2 วัน ริชาร์ดก็คาดการณ์ไว้ว่ากองกําลังเสริมจากเมืองเจย์ลีออนก็คงเดินทางเกือบถึงเมืองของฟอร์ซ่าแล้ว เขาจึงส่งตัวประกันทั้งหมดกลับไปซึ่งนั่นรวมถึงไนท์ฝึกหัดอีก 2 คนที่ไม่แปรพักตร์มาเข้ากับเขาก็ถูกส่งออกไป ด้วยเขาให้รถม้าไป 2 คันเพื่อส่งคนเหล่านั้นกลับไปในขณะที่คนอื่น ๆ จะต้องเดินด้วยเท้า

หลังจากที่ปล่อยตัวประกันไปแล้ว เขาก็เดินทางออกจากค่ายทันทีกองกําลังถูกแบ่งออกเป็น 2 กองโดยที่กองกําลังแรกมีไนท์ 2 คนที่ทําหน้าที่นําเหล่าทหารที่แปรพักตร์ขี่ม้าออกสํารวจเพื่อค้นหาเส้นทางลับสู่ดินแดนของดยุกไดร์วูล์ฟ ในขณะที่ริชาร์ดพาคนอื่น ๆ เดินทางกลับไปยังฐานทัพเพราะในเวลานี้มีสิ่งของอีกมากที่เขาจะ ต้องกลับไปจัดระเบียบให้เรียบร้อย รวมถึงกลับไปเตรียมของที่เขาจะต้องใช้ในอนาคตด้วย แน่นอนว่าส่วนที่มีค่ามากที่สุดของฐานทัพคือประภาคารแห่งกาลเวลาแต่เป็นที่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถเคลื่อนย้ายมันไปที่อื่นได้

เขาคิดไว้ว่าเขาจะอยู่ที่ฐานทัพต่ออีกสองสามวันเพื่อถอดรหัสได้อารีของเอสเซียนเพราะในเวลานี้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะยังพอมี เวลาเหลืออยู่

หลังจากมื้อเที่ยงของวันรุ่งขึ้น ท่ามกลางควันบนถนนที่เป็นเส้นทางเดินทางไปสู่ปราสาทของบารอนฟอร์ซ่ากลุ่มของเหล่าไนท์ยังคงมุ่งหน้าอย่างต่อเนื่องโดยที่คนเหล่านั้นสวมใส่ชุดเกราะสีเงินแวววาวและสวมเสื้อคลุมสีแดงเข้มที่ทําให้พวกเขาดูมีออร่าที่น่าประทับใจด้านหลังของไนท์เหล่านั้นมีสไควร์จํานวนหนึ่งพร้อมด้วยทหารติดอาวุธที่สามารถโจมตีได้ด้วยตัวของพวกเขาเองด้านหลังของเหล่าสไควร์เป็นเหล่าทหารราบซึ่งคนเหล่านั้นสวมใส่ชุดเกราะและยังมีอาวุธหนักที่แขวนอยู่ตามร่างกายหลากหลายประเภทรวมไปถึงโล่ขนาดใหญ่ที่อยู่ในมือของพวกเขาส่วนด้านหลังสุดเป็นทหารธนูยาวที่มีจํานวนกว่าร้อยคนพวกเขามีคันธนูขนาดใหญ่ที่มีความยาวเท่ากับความสูงของพวกเขาแขวนไว้อยู่ด้านหลัง

กองกําลังไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนักเพราะจํานวนคนทั้งหมดมีเพียง 500 คนเท่านั้น ทว่าอุปกรณ์ในมือของพวกเขาที่มีครบครันทําให้พวกเขาดูมีศักยภาพและมีกําลังมากกว่ากองกําลังของ บารอนฟอร์ซ่าธงสีแดงทองหลายผืนถูกยกขึ้นสูงเพื่อเป็นการประกาศและเป็นสัญลักษณ์ที่ทําให้ศัตรูได้รู้ว่าคนเหล่านี้เป็นกองทัพของ เอิร์ลเจย์ลีออนธงเหล่านี้ผ่านการต่อสู้มาหลายครั้งและทันทีที่ศัตรูได้เห็นสัญลักษณ์เหล่านี้ของพวกเขาเหล่าศัตรูก็จะสามารถรับรู้ได้ถึงความกล้าหาญของกองทัพได้ในทันที

หน่วยลาดตระเวนของฟอร์ซ่าได้แจ้งให้ทราบถึงขบวนที่เดินทางมาถึง บารอนลุกขึ้นยืนและใช้กล้องส่องทางไกลส่องไปยังทิศทางของคนเหล่านั้น เขามองเห็นธงที่พลิ้วไปมาตามแรงลมขณะที่สายตาของเขาจับจ้องไปที่ธงสีดําที่มีสัญลักษณ์ขวา นสีแดงเข้มเขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะเบะปาก

“เพียร์เซจ… ทําไมถึงเป็นเขา ?” ฟอร์ซ่าพึมพําด้วยความรู้สึกปวดศีรษะที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ปัญหาที่เขาเจอก่อนหน้านี้มันก็มากพอสําหรับเขาแล้ว ทว่าการมาของเพียร์เซจดูเหมือนว่าจะสร้างปัญหาให้เขาเพิ่มมากขึ้นไปอีก และเขาเองก็ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดปัญหาอะไรขึ้นอีกบ้าง

บารอนเพียร์เซจอยู่ตรงส่วนกลางของขบวนกองทัพ เขาสวมใส่ชุดเกราะหนาสีดําที่โดดเด่น รูปร่างของเขานั้นผอมบางและเขามีผิวสีโทนเหลือง หนวดสั้นที่ถูกตัดแต่งอย่างสวยงามไม่ได้เพิ่มความสง่างามให้กับเขาแต่อย่างใดทว่ามันกลับทําให้เขามีออร่าที่น่ากลัวมากยิ่งขึ้นสายตาของเขาหรี่ลงครึ่งหนึ่งราวกับว่าเขากําลังจะหลับอยู่ ตลอดเวลาทว่าหลังของเขายังคงตั้งตรงตําแหน่งที่สง่างามบนอานม้าที่เขาอยู่ในเวลานี้ส่งผลให้ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยออร่าที่ทรงพลังอย่างมาก

เมื่อกองทัพของเขาเดินทางมาถึงทางเข้าของปราสาท พวกเขาก็ได้พบกับขบวนอีกขบวนหนึ่งที่เดินทางมาจากเส้นทางอื่นขบวนที่มาใหม่นี้นําโดยไนท์ฝึกหัด 3 คนและรถม้าที่ตามหลังเขามาทันทีที่พวกเขาเห็นธงสัญลักษณ์ของเอิร์ล พวกเขาก็หยุดขบวนของตนเองเพื่อกล่าวทักทายบารอนเพียร์เซจและแจ้งว่าพวกเขายอมให้กอง ทัพของบารอนมุ่งหน้าไปก่อน

ประตูทางเข้าปราสาทถูกเปิดออกเผยให้เห็นร่างของฟอร์ซ่าที่เดินออกมาพร้อมผู้ติดตามของเขาและเขาก็ทักทายแขกผู้มาเยือนสายตาของเพียร์เซจกวาดผ่านร่างของฟอร์ซ่าไปอย่างไร้มารยาทในเวลานี้สิ่งที่เขาสนใจคือรถม้าที่อยู่ด้านหลัง เขาจึงยกมือขึ้นเพื่อเป็ นสัญญาณให้ขบวนทั้งหมดของเขาหยุดลง

นครแห่งบาป City of Sin

นครแห่งบาป City of Sin

Status: Ongoing
เด็กหนุ่มที่เกิดมาพร้อมกับสายเลือดของเอลฟ์และปีศาจ ต้องเดินบนสมรภูมิแห่งการทำลายล้าง เพื่อที่จะลากพวกที่สูงส่งให้ลงมา วันหนึ่งเมื่อเขาสำรวจรอบๆตัวเอง และจะพบว่า—-ไม่หลงเหลือศัตรูให้ฆ่าอีก

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท