ทศพรเดินตามคนคนนั้นขึ้นรถโดยสารประจำทาง ตอนที่กำลังเดินขึ้นตามไปนั้น พนักงานคนขับรถก็พูดออกมาทันที “เฮ้ย คนใส่สูทคนนั้น หยอดเงิน!”
ทศพรไม่เคยนั่งรถโดยสารประจำทางมาก่อนเลย พอได้ยินคำว่าหยอดเงิน เขาถึงกับมึนงงทันที
“10บาท ใส่ไปในกล่องนั่นแหละ เร็วหน่อย! ไม่จ่ายเงินก็ลงไปเลย” พนักงานคนขับรถพูดอย่างไม่มีความเกรงใจกันสักนิด เมื่อเหลือบมองคนคนนี้แต่งตัวดีเช่นนี้ แต่กลับไม่จ่ายเงิน
ทศพรลูบคลำบนตัวของตนเอง เขาหยิบกระเป๋าเงินออกมา ทว่าในกระเป๋ามีแค่บัตรต่างๆ แต่กลับไม่มีเงินสดเลย
“รูดบัตรได้ไหม?” ทศพรถามพนักงานขับรถ
“ลงไป!” พนักงานพูดด้วยน้ำเสียงเข้มงวด ในใจก็คิดว่า นี่คุณกำลังล้อผมเล่นอยู่ใช่ไหม คุณเอาบัตรธนาคารมารูดบนรถโดยสารประจำทางเนี่ยนะ
หมดหนทางแล้ว เมื่อเห็นว่ากลายเป็นจุดสนใจขึ้นมาแล้ว ด้วยเหตุเพราะว่าทศพรไม่มีเงิน10 บาทจึงทำให้ถูกไล่ลงจากรถ
ทศพรลงจากรถโดยสารแล้ว ก็รีบโทรศัพท์หาชลธีทันที “ชล มีเรื่องจะบอกนายอยู่เรื่องหนึ่ง เมื่อกี้ฉันเพิ่งไปเจอเข้ากับพ่อของมุกดาแหละ เขามาซื้อของที่HT ซูเปอร์มาร์เก็ต”
“งั้นนายก็ตามเขาไป ดูสิว่าเขาไปที่ไหน” ชลธีลุกขึ้นพรวดด้วยความตื่นเต้นตาม
“ไม่ทันแล้ว ฉันสะกดรอยตามไม่ทันแล้ว” ทศพรพูดอย่างเบื่อหน่าย เขาก็อยากตามไปนะ ทว่าสภาพไม่เอื้ออำนวยนะสิ
“อะไรนะ? ยังมีคนที่ทำให้ทศพรอย่างนายคลาดเคลื่อนได้อีกเหรอ?” ชลธีเริ่มพูดเสียงสูงขึ้น แม้ว่าทศพรดูทรงแล้วจำพวกเพลย์บอยคนรวย ทว่าพื้นเพเขาออกมาจากหน่วยสอดแนมของกองทัพ
“เอ่อ อะแฮ่ม รายละเอียดเดี๋ยวกลับไปที่คุยที่ห้องทำงานของคุณ ที่นี่คนมันเยอะ” ทศพรรู้สึกเคอะเขินเล็กน้อยกับการคลาดเคลื่อนกับคน เรื่องนี้มันทำให้เขาอับอายมาก
“ได้” ชลธีก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว ขนาดทศพรยังคลาดเคลื่อนกับคนได้เลยเหรอ? หรือว่าโดนพ่อของมุกดาจับได้?
ไม่นานนักทศพรก็ถึงห้องทำงานของชลธี พอเขาเปิดประตูเข้าไปนั้นก็ถูกชลธีคว้าหมับทันที
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ตกลงว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“เรื่องมันเป็นแบบนี้ ตอนที่คุณณิชพน ซื้อของฉันก็สะกดรอยตามอยู่ตลอด ทว่าพอเขาขึ้นรถโดยสารประจำทางไปเท่านั้นแหละ!” ทศพรดึงมือของชลธีออก
“แล้วนายทำไมไม่ตามต่อล่ะ?” ชลธีไม่ได้รู้สึกว่าบนรถโดยสารประจำทางจะมีอะไรที่แปลกประหลาดไป
“เพราะว่าฉันไม่มีเงิน10บาทยังไงเล่า เลยโดนคนขับรถไล่ตะเพิดลงมาจากรถ ผมเลยไม่ได้สะกดรอยตามไป รอจนให้ผมขับรถมานั้น รถเมล์คันนั้นก็ไปไม่ทิ้งเงาท้ายรถไว้แล้ว” ทศพรกางแขนพร้อมทั้งยักไหล่ขึ้น
“เฮ้อ ต่อไปพอออกจากบ้านก็ต้องเตรียมเงินเหรียญพกติดตัวไปบ้างแล้วแหละ” ทศพรถอนหายใจยาว ก่อนหน้านี้ไม่เคยสัมผัสได้เลยว่าเงินสดเหรียญย่อยมันจะมีประโยชน์มากมายเช่นนี้
“ช่างเถอะ ตอนนี้ก็รู้แล้วว่าเธอยังอยู่ที่พระนครงั้นก็ดีแล้ว ดีแล้วแหละ” ชลธีคิดว่ามุกดาคงหลบไปอยู่ที่ไกลๆ เสียอีก ไม่คิดเลยว่าจะอยู่ในละแวกใกล้เคียงกับตนเอง เมื่อได้ยินทศพรพูดถึงตำแหน่งแล้ว ก็อยู่ไม่ได้ห่างไกลจากตัวเองมากนัก
มุกดาส่งต้นฉบับเสร็จเรียบร้อยแล้ว สันติภพก็ส่งต้นฉบับอีกชุดให้เธออีก พร้อมทั้งกำชับกับเธอให้ส่งเร็วหน่อย ครั้งนี้ให้เสร็จทัน3วัน
มุกดาชำเลืองมองแวบหนึ่ง พลันรู้สึกว่าตนเองไม่ได้มีปัญหาอะไร เลยตอบตกลงทันที
เมื่อหอบเอกสารออกมาจากบริษัทแล้วนั้น พลันรู้สึกกระหายน้ำ มุกดาจึงซื้อน้ำมาหนึ่งขวด เพิ่งจะซื้อเสร็จ รถโดยสารประจำทางก็มา เธอเลยวิ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
วันนี้คนที่อยู่บนรถถือว่าน้อยมาก ข้างกายเธอยังมีที่ว่างอยู่อีกหนึ่งที่
พอขึ้นรถได้มุกดาก็กระดกน้ำดื่ม พร้อมทั้งมองวิวทิวทัศน์ที่อยู่นอกหน้าต่างไปด้วย
คนที่มานั่งด้านข้างของตนเอง มุกดาก็ไม่ได้สนใจมอง ถึงอย่างไรคนที่ขึ้นลงรถประจำทางนั้นมีมากมายเหลือเกิน เธอไม่สนใจจะมองด้วยซ้ำ
คนที่นั่งอยู่ด้านข้างของตนเองคนนี้นั้น เหมือนว่าผิดปกติเล็กน้อย เขายื่นมือออกมือพลางแย่งขวดน้ำในมือของมุกดาไป อีกทั้งยังเปิดขวดเพื่อต้องการดื่มน้ำด้วย
มุกดาตกใจมาก เธอหันศีรษะกลับมา ก็เห็นดวงตาอันคุ้นเคยคู่นั้น ที่กำลังจ้องมองมาที่ตนเอง เขาดื่มน้ำในขวดไปครึ่งหนึ่งแล้ว
“คุณ คุณ คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน?” มุกดาเหลือบมองคนที่อยู่รอบๆ คนที่นั่งอยู่บนรถต่างจุกตัวกันอยู่ด้านหน้าหรือด้านหลังไปเลย บริเวณรอบตัวเธอกับเขานั้นเหมือนมีโรคระบาดเกิดขึ้น ไม่มีคนอยู่เลย
“แล้วทำไมผมจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ล่ะ? มุกดา ผมหาตัวคุณง่ายจัง!” ชลธีดื่มน้ำ จากนั้นก็บีบขวดน้ำที่อยู่ในมือ พลางมองมุกดา จนทำให้มุกดาตัวสั่นเทิ้ม
พอชลธีชูมือขึ้น มุกดาก็หลับตาลงทันที เธอคิดว่าชลธีต้องการจะทำร้ายเธอ
เมื่อเห็นท่าทางของมุกดาแบบนั้นแล้ว ชลธีถึงกับหลุดหัวเราะออกมาทันที ตัวเขาในสายตาของเธอเป็นประเภทไม่มีความอดกลั้นเช่นนั้นเลยเหรอไงกัน? ที่ต้องการจะทำร้ายผู้หญิง?
เขายื่นมือออกไป เพื่อปัดไรผมตรงหน้าผากที่หล่นลงมาของมุกดา
“กลับบ้านเถอะ” ชลธีค่อยเอ่ยขึ้นช้าๆ
มุกดาลืมตาขึ้นมา เธอจ้องมองมาที่ชลธีดั่งเห็นสัตว์ประหลาดเช่นนั้น
“ลงไปกันก่อน ผมต้องการอธิบายกับคุณสักหน่อย” ชลธีเห็นว่ารถจะเข้าป้ายจอดแล้ว จึงได้ดึงมุกดาที่ยังไม่ทันตั้งสติทัน ให้ลงจากรถ
“ชลธี ฉันไม่อยากจะฟังคำอธิบายของคุณ คุณจะยังไงก็แล้วแต่ไม่เกี่ยวข้องกับฉัน ตอนนี้ฉันก็สุขสบายดี ถ้าคุณต้องการจะหย่ากับฉัน งั้นก็สามารถแจ้งมาที่ฉันได้โดยตรงเลย” มุกดาสะบัดมือของชลธีออกไป
ผิวพรรณของเธอค่อนข้างขาวสะอาดเกลี้ยงเกลา ส่วนข้อมือนั้นก็ถูกชลธีบีบจนแดงเป็นจ้ำขึ้นมาแล้ว
“หย่าเหรอ? มุกดาคุณคิดมากไปแล้วมั้ง ทำไมผมต้องหย่ากับคุณด้วย?” ชลธีเห็นมุกดาไม่ยอมเดินตามตนเองมา จึงได้อุ้มเธอพาดไหล่
“คุณปล่อยฉันนะ คุณปล่อยฉัน ชลธี ไอ้สารเลวชลธี” มุกดากรีดเสียงเรียกอยู่ตลอดเวลา จนกลายเป็นจุดสนใจของคนที่อยู่บนท้องถนนถึงกลับต้องมองมาที่พวกเขา
ชลธีไม่ได้สนใจมุกดาเลย เขาอุ้มพาดเธอเดินมายังข้างถนน รถของเขามาถึงแล้ว จากนั้นก็จัดการยัดมุกดาเข้าไปในรถ และจัดการล็อกประตู จากนั้นก็ให้คนขับรถขับรถมุ่งหน้ากลับไปยังวิลล่า
มุกดาที่นั่งอยู่ในรถ เธอเลิกต่อต้านแล้ว ตอนที่อยู่บนถนนยังไม่สามารถวิ่งหนีให้หลุดรอดไปได้ ไฉนเลยการที่อยู่บนรถ ยิ่งเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ยิ่งเข้าไปใหญ่
ความนิ่งสงบของมุกดา ทว่ากลับยิ่งทำให้ชลธีโมโหแทน เขาจัดการเอาฉากกั้นของเบาะหลังลงมา มุกดากำลังจะถามเขาอยู่ว่าจะทำอะไร ริมฝีปากก็ถูกปิดสนิทไปเรียบร้อยแล้ว
ความปรารถนาในรอบหลายเดือนนี้ จนกลายสภาพเป็นการจูบ ชลธีสูบกินทุกอย่างของมุกดาอย่างตะกละตะกลาม มุกดาโดนตรึงกดทับอยู่บนเบาะรถ จนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลย
การจูบอย่างดูดดื่มอย่างไม่เพียงพอ เพราะว่ามือของชลธีเริ่มยุ่มย่ามเข้ามาในเสื้อผ้าของมุกดาแล้ว เขาถนัดนักกับจุดอ่อนไหวของมุกดา จนทำให้มุกดาถึงกลับสั่นระริกอยู่สักพัก
ทว่ามือทั้งสองข้างถูกตราตรึง มุกดาไม่มีโอกาสในการต่อต้านเลยสักนิด
มุกดาเริ่มสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกายชลธี พลันคิดว่าเขาคงไม่ทำเรื่องนั้นบนรถมั้ง
เธอรู้สึกอายมาก จนน้ำตาไหลอย่างไม่รู้ตัว
ชลธีรับรู้ถึงมุกดากำลังน้ำตาไหลอยู่ เขาจึงผละจากริมฝีปากของเธอ เพื่อจุมพิตลงบนน้ำตาที่มีรสเค็มของเธอแทน
“มุก อย่าไปจากผม ได้ไหม? อย่าไปจากผมนะ” เขากระซิบข้างใบหูของเธอ ด้วยเสียงทุ้มต่ำ
คนขับรถขับรถวนไปหลายรอบแล้ว เพราะว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่าตนเองสามารถจอดรถได้ตอนไหนเช่นกัน เจ้านายไม่พูด เขาก็ไม่กล้าตัดสินใจเอง
“ชลธี คุณปล่อยฉันนะ” มุกดาพูดกับชลธีด้วยเสียงสะอึกสะอื้น