มุกดาตามธาราวดีมาร่วมงานเลี้ยงศิษย์เก่าของคุณแม่ งานเลี้ยงในครั้งนี้ยิ่งใหญ่มาก เป็นอีกรุ่นที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของมหาวิทยาลัยพระนครในปีนั้น รุ่นนี้มีทั้งบุคคลที่มีชื่อเสียงมากมาย เศรษฐีที่ประสบความสำเร็จเยอะแยะ เป็นรุ่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยพระนครรุ่นหนึ่ง และชั้นเรียนนี้ก็เป็นชั้นเรียนที่ปรีชาสามารถในผู้ปรีชาสามารถที่สุดในรุ่น
ดังนั้นแม้ว่างานเลี้ยงในวันนี้จะเป็นของชั้นเรียนนี้ แต่กลับเชิญบุคคลในแวดวงการเมืองมากมาย รวมไปถึงนายกเทศมนตรีพระนครมาร่วมงานด้วยตัวเองได้
“ธาราวดี! ผู้หญิงที่สวยที่สุดในชั้นเรียนของพวกเรา กาลเวลาทิ้งร่องรอยเอาไว้บนร่างของผมอย่างลึกซึ้ง ทำไมถึงไม่กล้าทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้บนใบหน้าของคุณบ้างล่ะ” เบื้องหน้ามีชายลงพุงคนหนึ่งเดินเข้ามา เส้นผมบนศีรษะของเขาล้านเป็นอย่างมาก มองดูแล้วอายุมากกว่าธาราวดีอยู่มาก
“กรรมการฝ่ายวิชาการ?” ธาราวดีมองอยู่ครู่หนึ่งถึงจำคนที่อยู่ตรงหน้าได้ เปลี่ยนแปลงมากเกินไปแล้ว แม้ว่าในปีนั้นกรรมการฝ่ายวิชาการจะไม่ได้หล่อเหลา แต่ก็ถือว่ารูปงาม ไม่เหมือนกับบุคคลที่อ้วนเหมือนลำไส้หมูตรงหน้านี้แม้แต่น้อย
“ธาราวดี เธอจำฉันได้หรือ ฉันนึกว่าเธอจะจำฉันไม่ได้แล้ว” กรรมการฝ่ายวิชาการเกาศีรษะที่เดิมก็มีเส้นผมไม่กี่เส้นของเขาแล้วยิ้มออกมาด้วยความเบิกบานใจ
“ธาราวดี นี่คือลูกสาวของคุณสินะ ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ” ตอนที่กรรมการฝ่ายวิชาการยังอยากจะพูดอะไรอีก ก็มีผู้ชายหลายคนเรียกเขาให้ไปหา
“แม่คะ คุณแม่จำได้อย่างไรกันคะ” มุกดาแอบถามธาราวดีเงียบๆ
“เป็นเพราะว่าบนใบหน้าของกรรมการฝ่ายวิชาการมีรอยแผลเป็นอยู่ แม้ว่าเขาจะอ้วนมาก แต่รอยแผลเป็นนั้นยังคงอยู่ แม่เป็นคนทำให้เขามีรอยแผลเป็นนั้นโดยไม่ทันระวัง จึงจำได้ ถ้าหากว่าพูดถึงเรื่องรูปร่างหน้าตา จะสามารถจำได้อย่างไรกัน!” ธาราวดีแอบอธิบายให้มุกดาฟัง เมื่อเอ่ยจบแล้วสองแม่ลูกก็หัวเราะขึ้นมาเงียบๆ
“หยก!” มีคนเอ่ยทักทายธาราวดีอีกแล้ว เมื่อธาราวดีหันหน้ากลับไป ก็เห็นว่าคือบุณยอร เธอสวมชุดสุภาพและสง่างามเลิศล้ำ ร่างอรชรอ้อนแอ้นนั้นกำลังเดินเข้ามา
“คุณน้า ทำไมธีรนัยน์ถึงไม่มาล่ะคะ” มุกดาคิดว่าธีรนัยน์จะมา เธอถึงได้มาด้วย ไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่อยากมาเช่นกัน
“มาสิจ๊ะ เธอไปห้องน้ำจ้ะ” บนใบหน้าของบุณยอรมีรอยยิ้มที่ปิดไม่มิด เธอมองไปในงานเลี้ยงรอบหนึ่ง ก็เห็นคนคนหนึ่ง คนคนนั้นก็เห็นบุณยอรเช่นกัน
“โอ้โฮ นี่คือบุณยอรสินะ? ธาราวดี? ไม่ได้พบหน้ากันสามสิบปี คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเธอจะยังงดงามกรีดกรายขนาดนี้!” หลังจากผู้มาเยือนเห็นบุณยอรและธาราวดีแล้ว วาจาที่เอ่ยออกมาล้วนเป็นคำเสียดสีและแดกดัน
มุกดาก็เห็นชู้รักของธีร์ธวัชกำลังคล้องแขนหญิงที่เอ่ยวาจาแดกดัน
“ชนิศา?” ในปีนั้นชนิศาอิจฉาธาราวดีกับบุณยอรมาก สายตาชายหนุ่มที่ยอดเยี่ยมทั้งห้องล้วนมองตามผู้หญิงสองคนนี้ ตัวเองก็หน้าตาไม่เลว แต่คนเหล่านั้น กระทั่งมองก็ไม่มองสักแวบหนึ่ง
“เหอะๆๆ คิดไม่ถึงเลยว่าผ่านไปสามสิบปีแล้ว พวกเราจะได้พบกันอีก” ชนิศาปิดปากยิ้ม ในตอนนี้เธอก็ได้แต่งงานกับคนที่มีชาติตระกูลดีเช่นกัน ครอบครัวร่ำรวยมาก ดังนั้นแผ่นหลังเธอจึงยืดตรงได้มากขึ้น
“ฉันยืนจนเมื่อยแล้ว หยก พวกเราไปนั่งทางด้านนั้นสักครู่เถอะ” บุณยอรไม่อยากจะสนทนาอะไรกับชนิศา จิตใจของผู้หญิงคนนี้ไม่เคยมีดี
“ได้ พวกเราไปพักกันสักครู่เถอะ เพียงแต่ว่าอีกครู่หนึ่งธีรนัยน์อาจจะหาพวกเราไม่เจอ” ธาราวดีก็ไม่อยากจะพูดคุยกับชนิศา หญิงสาวที่ได้เลื่อนตำแหน่งจากการเป็นชู้รัก จะมีหน้ามีตามานั่งในระดับเดียวกันกับพวกเธอได้อย่างไร
“ไม่เป็นไรค่ะ พวกคุณน้าไปเถอะ หนูจะรอธีรนัยน์อยู่ที่นี่” มุกดาให้สาวงามรุ่นแม่ไปพักผ่อน ส่วนเธอก็อยู่รอธีรนัยน์ที่นี่
ชนิศาเห็นว่าทั้งสองคนยังคงเหยียดหยามตัวเองจนถึงตอนนี้ ใบหน้าที่แต่งมาอย่างงดงามก็บิดเบี้ยวจนแป้งที่ลงเอาไว้ร่วงลงมาเต็มไปหมด
“น้องสะใภ้” ตอนนี้เองที่นาราลูกสาวของชนิศาเอ่ยทักทายมุกดา
“ขอโทษค่ะ คุณจำคนผิดแล้ว” มุกดามองชู้รักคนนั้นครู่หนึ่งแล้วก็จากไป
“เชอะ หลังจากนี้ฉันจะให้พวกแกต้องเงยหน้ามองฉัน ใครใช้ให้ตอนนี้พวกแกเหยียดหยามฉัน” ชนิศาและนาราล้วนโมโหเสียจนขบฟันแน่น ผู้หญิงพวกนี้ทำให้ผู้อื่นโมโหมากไปแล้ว
มุกดาคิดว่าทำไมธีรนัยน์คนนี้ถึงได้ไปเข้าห้องน้ำนานขนาดนั้น เธอจึงไปหาธีรนัยน์ ตอนที่ไปถึงห้องน้ำ ก็ไม่เห็นเงาของธีรนัยน์เลย แต่กลับเห็นเด็กสาวหน้าตางดงามที่สวมชุดเดรสสีขาวยืนส่องกระจกอยู่ด้านในแทน
ผมของเด็กสาวถูกรวบเป็นหางม้าอยู่หลังศีรษะทั้งหมด ชุดเดรสสีขาวชุดนั้นเรียบง่ายแต่กลับเข้ารูปพอดีตัว เปิดเผยเรือนร่างของเด็กสาวคนนั้นออกมา ส่วนโค้งเว้าอันงดงามที่นูนขึ้นมา ทำให้มุกดารู้สึกว่าเกือบจะเลือดกำเดาไหลแล้ว
เด็กผู้หญิงคนนี้สวยจริงๆ เครื่องหน้าทั้งห้างดงามไร้ที่ติ เพียงแต่มุกดารู้สึกว่าเคยพบกันที่ไหนมาก่อน อาจจะเป็นใบหน้าของดาราล่ะมั้ง มุกดามองดูอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
แต่หลังจากที่เด็กสาวคนนั้นเห็นมุกดาแล้ว ใบหน้าก็แดงระเรื่อขึ้นมาทันที เธอเดินไปทางมุกดา
“คนสวย ต้องการให้ฉันช่วยอะไรหรือ” มุกดามองสาวสวยเดินมาทางตัวเอง เธอยินดีที่จะให้บริการกับสาวงาม
“มุก เธอไม่รู้จักฉันแล้ว?” สาวสวยคนนั้นเอ่ยกับมุกดา น้ำเสียงก็ร้อนรน แต่เสียงกลับคุ้นหูเป็นอย่างมาก มุกดาจึงอดมิได้ที่จะพิจารณามองสาวสวยตรงหน้าอย่างละเอียด
คิ้วงามราวกับภาพวาด เครื่องหน้าทั้งห้าที่งดงาม รูปร่างผอมสูง นี่ นี่ เปลี่ยนสไตล์ไวเกินไปแล้ว จึงทำให้มุกดารับไม่ได้อยู่บ้างไปชั่วขณะ
“ธีรนัยน์?” เสียงของมุกดาเจือไปด้วยความยินดีและสั่นระริก
“อืม น่าเกลียดมากใช่ไหม ฉันไม่ควรจะเชื่อคำพูดของแม่ฉัน ฉันไม่กล้าออกไปพบเจอผู้คนแล้ว ทำอย่างไรดีล่ะมุก?” ธีรนัยน์นึกว่ามุกดาคิดว่าตัวเองน่าเกลียด เธอจึงเป็นกังวลมากกว่าเดิม และอยู่ในห้องน้ำโดยไม่กล้าออกไป
“ธีรนัยน์ สภาพแบบนี้ของเธอ สภาพแบบนี้ของเธอนั้นเหมือนกับเทพธิดาอย่างไรอย่างนั้นเลย! พวกเราออกไปเดินกันสักรอบเถอะ!” มุกดาลากธีรนัยน์ออกไป
“อย่าๆ ฉันไม่กล้าๆ ตอนที่เพิ่งจะเข้ามา ฉันก็เอามือปิดหน้า ฉันรู้สึกว่าสภาพแบบนี้ของฉันมันประหลาดมาก!” ธีรนัยน์ดึงประตูเอาไว้ไม่ปล่อย
“ไปเถอะ ฉันไม่สามารถชื่นชมความงดงามของเธอได้เพียงคนเดียว ฉันจะให้ทุกคนได้รู้ถึงความงามของเธอ” มุกดาอาศัยช่วงเวลาที่ธีรนัยน์ไม่ทันระวัง ดึงเธอออกไป
เมื่อสาวงามโดดเด่นสองคนมาปรากฏตัวในงานเลี้ยง ก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนทั้งเด็กและคนชรา
เหล่าคนที่พาลูกชายมาด้วย ผู้ใหญ่และลูกชายล้วนมองมาที่เด็กสาวน่ารักสองคนนี้
“ฮัลโหล สาวงาม มาดื่มชาด้วยกันไหมครับ?” มีหนุ่มวัยรุ่นหลายคนพากันล้อมเข้ามา
“ไม่!” มุกดากับธีรนัยน์ล้วนเอ่ยกับชายหนุ่มหลายคนว่าไม่ พวกเธอจะไปหาคุณแม่ของตัวเอง
ตอนที่ทั้งสองคนเดินไปยังสถานที่ที่ธาราวดีและบุณยอรพักผ่อนกันอยู่ ก็มีคนขวางพวกเธอเอาไว้อีก