เมื่อเธอพึมพำจบรีบเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นอ้อนวอน: “คุณดูสิฉันยังไม่แคร์เลย คุณก็อย่าแคร์เลย ไปกับฉันนะ ได้ไหม?”
ตอนนี้ต่อให้เธอไม่ไปร่วมงานพิธีหมั้นในฐานะคุณหนูตระกูลไป๋ ก็ต้องไปในฐานะตัวแทนของตระกูลหนานกงอยู่ดี ยังไงก็ต้องไปแน่ๆ
“ไม่ไป!” หนานกงเฉินผลักมือของเธอออกจากหน้าเขา ลุกขึ้น คลุมด้วยผ้าห่มแล้วเปิดประตูเดินจากไป
ไป๋มู่ชิงนั่งลงบนเตียงอย่างท้อแท้ ก็รู้อยู่แล้วว่าผลลัพธ์จะออกมาแบบนี้ คนที่เย็นชาโหดเหี้ยมอย่างหนานกงเฉิน จะยอมไปร่วมงานพิธีหมั้นกับเธอได้ยังไง
เมื่อเหยาเหม่ยได้ยินว่าไป๋มู่ชิงจะเลือกของขวัญพิธีหมั้นให้ไป๋ยิ่งอัน โกรธจนจะกลับบ้านไป
ไป๋มู่ชิงรีบดึงเธอกลับมา: “เสียวเหม่ย เธออย่าแบบนี้สิ”
“ฉันแบบไหนหรอ? ฉันก็แค่ทำตัวต่ำต้อยแบบเธอไม่ได้” เหยาเหม่ยสะบัดมือเธอออกพูดอย่างโกรธๆ: “ก็รู้อยู่แล้วว่างานพิธีหมั้นนั้นเป็นกับดักเธอยังจะไปอีก หน้าด้านไปร่วมงานอย่างเดียวก็แล้วไป นี่ยังฝ่าฝนมาเลือกของขวัญให้เขาอีก? คนอย่างเธอนี่มีฟางเส้นสุดท้ายอยู่ไหม?”
“บอกเธอไปแล้วไม่ใช่หรอ ฉันไปร่วมงานในฐานะคุณหญิงน้อยของตระกูลหนานกง ซื้อของขวัญก็เป็นคำสั่งของตระกูลหนานกง ค่าของขวัญก็ของตระกูลหนานกง ไม่อย่างนั้นฉันไม่ไปหรอก”
“ตระกูลหนานกงไม่มีคนอื่นแล้วหรอ ทำไมต้องเป็นเธอ?”
“หนานกงเฉินไม่มีทางไปอยู่แล้ว ส่วนคุณผู้หญิงที่วางตัวเสมือนไทเฮาในบ้านยิ่งไม่มีทางไปงาน ดังนั้น……” ไป๋มู่ชิงดึงมือเธอไว้ “ดังนั้นเธออย่าดูถูกฉันอีกเลยนะ ไปเลือกเครื่องประดับเป็นเพื่อนฉันหน่อย”
“ฉันไม่ไปหรอก” เหยาเหม่ยหงายมือมาจับมือของเธอแทน พูดด้วยความโกรธ: “ไป๋มู่ชิง เธอพูดเองว่าจะหาตัวคนร้ายที่ทำให้คุณยายเธอต้องตาย แก้แค้นให้ท่าน แต่ดูเธอตอนนี้อ่อนแอขนาดนี้ ลืมเรื่องหาคนร้ายแก้แค้นพวกนี้แล้วใช่ไหม? ลืมไปแล้วว่าแม่กับน้องชายของเธอยังอยู่เมืองนอกกลับมาไม่ได้ใช่ไหม?”
“ฉันไม่ลืมแน่นอน และยังไม่ถอดใจ” เมื่อพูดถึงคุณยายที่ตายอย่างน่าสงสารและแม่กับน้องชายที่ถูกพ่อจัดการให้อยู่ที่เมืองนอก สีหน้าของไป๋มู่ชิงหมองลง
“เสียวเหม่ย” เธอจ้องหน้าเหยาเหม่ยแล้วพูดอย่างจริงจังว่า: “เธอคิดว่าที่ฉันอยู่บ้านตระกูลหนานกงเพียงเพราะกลัวคำขู่ของไป๋ยิ่งอันหรอ? ไม่ใช่เหตุผลทั้งหมดหรอก รอให้ฉันมีจุดยืนของตัวเองในตระกูลหนานกง ฉันจึงจะมีความสามารถในการแก้แค้นคืน เธอเข้าใจไหม?”
เหยาเหม่ยเห็นความจริงจังของเธอ อ้าปาก แต่ก็ไม่พูดอะไรต่อ
“ไปเถอะ” ไป๋มู่ชิงกุมมือเธอไว้ ดึงเธอไปยังร้านขายเครื่องประดับ
ในใจของไป๋มู่ชิงนั้นไม่ได้อยากเลืองของขวัญให้ไป๋ยิ่งอันเลยสักนิด แต่ของขวัญในครั้งนี้จะเป็นหน้าเป็นตาของตระกูลหนานกง คุณผู้หญิงสั่งไว้ว่าราคาของของขวัญต้องมากกว่าสิบล้าน
ตระกูลหนานกงถือเป็นตระกูลที่ร่ำรวยอันดับหนึ่งของเมืองซี ของขวัญต้องไม่ขี้เหร่เกินไป อีกอย่างสำหรับตระกูลหนานกงแล้วสิบล้านเป็นเพียงแค่เศษเงินเท่านั้น
เมื่อเลือกของขวัญเสร็จ ไป๋มู่ชิงถูกเหยาเหม่ยลากไปทานอาหารเย็น และถูกลากไปร่วมงานฉลองแต่งงานของเพื่อนร่วมห้องอีกคน
ความสัมพันธ์ของไป๋มู่ชิงกับเพื่อนร่วมห้องที่ชื่อฝางเสี่ยวคนนี้สมัยเรียนถือว่าดี เธอแค่กังวลว่าถ้ากลับบ้านดึกไปจะโดนคุณผู้หญิงตำหนิ เหยาเหม่ยพูดถูก แค่ไปให้เห็นหน้า ใส่ซองเป็นพิธีก็พอ
ดื่มไปไม่กี่แก้วในบาร์ ไป๋มู่ชิงก็ไปลาฝางเหม่ยเพื่อกลับบ้าน
ตอนนี้ 3 ทุ่มกว่า ในบาร์กำลังครึกครื้น เดินผ่านห้องโถงไปยังประตู ไป๋มู่ชิงรู้สึกโล่งใจ
ขณะกำลังเดินผ่านลานจอดรถ จู่จู่ก็มีเสียงผู้หญิงดังขึ้นจากด้านข้าง: “คุณชายเฉิน คุณเป็นยังไงบ้าง?”
ไป๋มู่ชิงหันไปด้านข้างมองไปตามเสียงนั้น ก่อนอื่นเธอเห็นรถ Skyker สีดำที่คุ้นตา เธอจำได้ว่ารถคันนี้เป็นพาหนะของผู้ชายที่เธอไม่รู้จักแต่เคยช่วยเธอไว้คนนั้น