เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด – บทที่ 83 ใครเป็นฆาตกร

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

“เพราะว่าฉันไม่อยากดื่มของเย็น กลัวท้องไส้ไม่ดี”ไป๋มู่ชิงรับชานมมา อีกมือจับแขนเขาไว้และกำลังเดินไปที่ประตูตรวจตั๋ว“ไปกันเถอะ”

ตามคาดหนานกงเฉินไม่สนใจหนังประเภทนี่จริงๆ ไป๋มู่ชิงร้องไห้อินกับบทตัวละครของนางเอก เขาเลยได้แต่พูดปลอบใจอยู่ข้างๆ

ในตอนแรกยังบอกเตือนได้ว่านั้นมันเป็นการแสดง ไม่เห็นจำเป็นจะต้องร้องไห้แบบเอาจริงเอาจรังขนาดนั้นก็ได้ ดูมาถึงครึ่งเรื่องแม้แต่กระดาษทิชชู่เขายังขี้เกียจยื่นให้เลย

ไป๋มู่ชิงหันไปมองเขา ปรากฏว่าเขาหลับไปคาเก้าอี้แล้ว หลับไปด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งมาก

ขอบคุณจริงๆที่เขาหลับไป!

ไป๋มู่ชิงพูดอะไรไม่ออกได้แต่หยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดน้ำตา เป็นห่วงว่าเขาจะเป็นหวัด เธอเลยถอดเสื้อนอกออกมาห่มให้เขา

ตอนที่หนังใกล้จะจบแล้ว ไป๋มู่ชิงจำเป็นต้องออกไปห้องน้ำเพราะเหตุฉุกเฉิน เพื่อไม่อยากพลาดจุดไคลแม็กซ์ของหนังเรื่องนี้ เธอเลยจะรีบไปเข้าห้องน้ำแล้วรีบกลับมา

ตอนที่เธอออกไปเข้าห้องน้ำนั้น ได้บังเอิญเจอกับหลินอันหนาน

เธอก็หยุดเดิน ตอนแรกคิดว่าจะเดินไปทางข้างเขา แต่หลินอันหนานกลับยื่นมือมาจับเธอ“มู่ชิง เธออย่าพึ่งไปสิ”

“ปล่อยฉันนะ”ไป๋มู่ชิงพูดกับเขาว่าฉันไม่มีอารมณ์มาต่อล้อต่อเถียงด้วยหรอกนะ“ฉันจะเตือนนายไว้นะ ว่าหนานกงเฉินอยู่ข้างหน้า เธอควรระวังตัวไว้นะ”

“ฉันรู้”หลินอันหนานพูดอย่างสุภาพว่า“ฉันมาหาเธอเพราะฉันมีธุระกับเธอ”

“ทำไมคุณมาหาฉันอีกแล้วหล่ะ?”ไป๋มู่ชิงได้ยินเหตุผลนี้ก็ยิ่งโมโห“หรือคุณจะบอกว่านายมาหาฉันโดยเฉพาะอีกแล้วใช่ไหม?คุณชายหลิน ฉันบอกกับคุณตั้งหลายครั้งแล้ว ระหว่างพวกเราสองคนเราไม่ได้คุ้นเคยกันขนาดนั้นและเราเข้ากันไม่ได้ตั้งนานแล้ว”

“ก็ไม่ผิด และฉันยังยังเดินทางมาหาเธอโดยเฉพาะอีกด้วย”หลินอันหนานพูดอย่างไม่รู้สึกอะไรเลยว่า“ช่วงนี้ฉันนัดเธอตั้งหลายครั้งแต่เธอก็ไม่ออกมา ฉันก็เลยได้แต่……มาหาเธอที่นี่”

ที่หลินอันหนานพูดนั้นก็เป็นความจริง ช่วงนี้เขานัดกับไป๋มู่ชิงตั้งหลายครั้งแต่ก็โดนปฏิเสธทุกครั้งเลย เมื่อกี้ตอนที่เดินผ่านใต้ตึกมาก็บังเอิญเห็นรถของหนานกงเฉิน เลยตามขึ้นมาดู”

“นี่คุณไม่กลัวว่านี่จะไปยั่วโมโหหนานกงเฉินเลยเหรอ?”

“วางใจเถอะ ถ้าฉันพูดธุระเสร็จก็จะไปแล้ว”ถึงแม้ว่าจะอึดอัดกับไป๋มู่ชิง แต่เขารู้ว่าหนานกงเฉินจะต้องหลับคาโรงหนัง

ไป๋มู่ชิงจนปัญญา เลยได้แต่รีบให้เธอพูดออกมา“งั้นรีบพูดมาเถอะว่าเธอมีเรื่องอะไร”

หลินอันหนานเห็นเธอไม่มีความรู้สึกว่าอยากจะไปเลย มุมปากเขาเลิกขึ้นหัวเราะและหยอกล้อเธอว่า“ดูแล้วเหมือนเธอจะเข้ากันได้ดีกับหนานกงเฉินนะ ความสัมพันธ์ดีจนมาดูหนังด้วยกันได้แล้วเหรอ ฉันยังสงสัยอีกว่าถ้าเธอรู้นิสัยที่เขาทำกับเธอยังจะมีอารมณ์ดูหนังกับเขาอยู่หรือเปล่านะ”

“หมายความว่ายังไงกันนะ?”ไป๋มู่ชิงขมวดคิ้วสงสัย

หลินอันหนานหยุดพูดไปครู่หนึ่งก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เย้าหยอกว่า“เธอไม่ใช่ว่าอยากรู้มาตลอดไม่ใช่เหรอว่ายายของเธอตายยังไง?ที่จริงแล้วเรื่องนี้เธอควรกลับไปถามหนานกงเฉินเองนะ เพราะว่าเขาน่าจะรู้ดีกว่าใคร”

ในใจของไป๋มู่ชิงรู้สึกแปลกใจ เลยถามไปว่า“เธอพูดอะไรกันน่ะ?”

“ฉันจะบอกให้นะว่ายายที่เธอรักมากนั้น จริงๆแล้วเธอโดนตระกูลหนานกงฆ่า ก็เพื่อเอาที่ตึกนั้นเขาเลยฆ่ายายของเธอ แต่เธอกลับไปแต่งงานกับเขาแบบไม่รู้เรื่องอะไรเลย คอยปรนนิบัติและยิ่งกว่านั้นยังมีอารมณ์มาดูหนังกับเขาอีก”

ไป๋มู่ชิงมองเขาอย่างมึนงง เขาพูดอะไร?ยายถูกหนานกงเฉินฆ่าเหรอ?มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน?!

หนานกงเฉินกับยายของเธอมีความเกี่ยวข้องอะไรกัน?ทำไมถึงต้องฆ่าเธอ?คิดยังแล้วก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี !

“คุณโกหก!”ยากไม่ใช่น้อยเลยกว่าไป๋มู่ชิงจะมีสติกลับมา มองเขาและตะคอกด้วยความโกรธว่า“เธออยากให้ฉันแตกคอกับหนานกงเฉินใช่ไหม?นึกไม่ถึงเลยว่าคุณจะคิดวิธีแบบนี้ออกด้วย?ฉันจะไม่ยอมโดนคุณหลอกหรอก!”

ไป๋มู่ชิงพูดจบเธอก็เดินหันไปเลย

“เธอไม่เชื่อหรือไม่กล้าเชื่อกันแน่?”หลินอันหนานได้พูดออกมาอีกประโยค คำพูดพวกนั้นแทงใจของเธอมาก

ใช่สิ เธอไม่กล้าเชื่อหรือไม่ยอมเชื่อกันแน่นะ?ไม่ยอมเชื่อว่ายายต้องตายเพราะน้ำมือของหนานกงเฉินเหรอ?

ถ้าหากหลินอันหนานพูดนั้นเป็นความจริง งั้นเธอควรจะไปเผชิญหน้ากับหนานกงเฉินอย่างไรกัน?

ไม่ เธอไม่เชื่อความจริงเรื่องนี้หรอก ยังไงก็ไม่เชื่อ!

เธอก็หันไปจ้องเขาด้วยท่าทางที่ไร้อารมณ์พูดว่า“ยังไงฉันก็ไม่เชื่อที่คุณพูดออกมาหรอก”

หลินอันหนานเลยได้แต่กางมือออกแล้วพูดว่า“ความจริงยังไงก็คือความจริง ไม่ว่าเธอจะหนีมันไปแต่ยังไงมันยังเป็นความจริง อยากรู้ความจริงมันคงไม่ง่ายหรอก เธอลองไปหาดูที่รายชื่อของทรัพย์สินของหนานกงเฉินเดี๋ยวเธอก็จะรู้เอง”

ไป๋มู่ชิงไม่พูดอะไรอีกเลย หลินอันหนานเดินไปหยุดอยู่ข้างหน้าเธอ ยิ้มให้พูดว่า“ที่จริงฉันทำแบบนี้ก็ไม่ได้มีความหมายแฝงอะไรหรอกนะ แค่หวังว่าเธอจะได้รู้ว่าหนานกงเฉินจริงๆแล้วเป็นคนแบบไหน หลังจากนี้ถ้าเธอเลิกกับหนานกงเฉินก็จะได้ไม่ต้องเสียใจมากขนากนั้น”

ไป๋มู่ชิงรู้สึกทรมานมากจนต้องถอนหายใจออกมา เพราะรู้สึกว่าหายใจไม่ค่อยสะดวก

ถึงแม้จะเธอจะพูดซ้ำๆว่าไม่เชื่อหลินอันหนาน แต่พอฟังคำพูดพวกนั้นแล้วจะอยู่อย่างนิ่งเฉยได้อย่างไรกัน?ยังไงก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว !

“คุณรู้ได้อย่างไรว่ายังไงพวกเราต้องเลิกกัน?”จู่ๆข้างหลังก็มีเสียงที่เย็นชาดังขึ้นมา

ไป๋มู่ชิงรู้สึกกลัว นั่งอยู่ตรงนั้นแบบไม่ขยับเลย

หลินอันหนานไม่คิดว่าหนานกงเฉินจะตื่นขึ้นมา หนังยังไม่จบไม่ใช่เหรอ?เขาหัวเราะออกมาอย่างเก้อเขินว่า“พี่ครับ”

หนานกงเฉินกันริมฝีปากเบาๆ แขนเขามีเสื้อคลุมของไป๋มู่ชิงอยู่ กำลังเดินไปหาไป๋มู่ชิง ไปโอบไหล่เธอไว้และจ้องถามหลินอันหนานว่า“ฉันถามนายนะ นายรู้ได้ไงว่ายังไงพวกเราต้องเลิกกัน?”

หนานกงเฉินยิ้มอย่างอึดอัด“ฉันก็แค่ได้ยินมาว่า……ก็พี่ไม่ได้ชอบพี่สะใภ้ ดังนั้น……”

“ดังนั้นนายเลยรู้สึกว่ายังไงพวกเราก็ต้องเลิกกัน?”

“ขอโทษด้วยครับ……”หลินอันหนานถูมือไปมาด้วยความไม่สบายใจ ยิ้มพูดกับไป๋มู่ชิงว่า“เมื่อกี้บังเอิญเจอพี่สะใภ้ที่นี่ เลยเป็นห่วงเธอเท่านั้นเอง ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะ ไว้เจอกันครับ”

พอพูดเสร็จ เขาก็เดินออกออกไปจากประตูโรงหนัง

หลินอันหนานกลับไปแล้ว ไป๋มู่ชิงกลับยังคงยืนตัวแข็งอยู่เลย

หนานกงเฉินก้มหัวไปดูเธอ พูดอย่างเย็นชาว่า“เธอไม่อยากจะอธิบายอะไรกับฉันหน่อยเหรอ?

“อะไรนะ?”ไป๋มู่ชิงถามไปด้วยความมึนงง

อธิบายอะไร?อธิบายว่าทำไมตัวเองถึงพูดเรื่องยายเหรอ?อธิบายว่ายายตัวเองกับหนานกงเฉินมีความลับอะไรกันอย่างงี้เหรอ?

พระเจ้าช่วย!เขามาตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ?ได้ยินอะไรไปบ้างแล้ว?

หนานกงเฉินมองไปยังทางที่หลินอันหนานเดินออกไป พูดว่า“แน่นอนว่าเธอต้องอธิบายให้ฉันฟังว่าเธอสองคนไม่ได้บังเอิญเจอกันหรอกใช่ไหม?”

ไป๋มู่ชิงเงยหน้าขึ้น ไม่ได้ตอบเขาไปแต่กลับถามเขาว่า“แล้วคุณมาตั้งแตเมื่อไหร่?”

“พึ่งออกมาได้ไม่ถึงสองนาทีเลย”หนานกงเฉินพูด

พอเขาตื่นขึ้นมาเห็นว่าที่นั่งด้านข้างก็ว่างเปล่าแล้ว เลยเดินออกมาตามหา แต่ผลคือมองไปมองมาก็เจอกับเธอสองคนกำลังคุยกันอยู่ ยิ่งกว่านั้นยังคุยเรื่องที่เราจะเลิกกันอีก

งั้นก็ยังดี!ที่เขาฟังไปได้ไม่เท่าไหร่ ไป๋มู่ชิงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ

“ ฉันกับเขาบังเอิญเจอกันจริงๆ”เธอพูด ในใจของเธอยังคงร้สึกหนักอึ้งเหมือนมีก้อนหินมาทับอยู่

“แค่บังเอิญเจอเธอถึงกับต้องพูดเรื่องเลิกรากันด้วยเหรอ?”หนานกงเฉินเอนตัวลงมาถาม จนตัวเธอไปชิดอยู่กับกำแพง เขามองและหัวเราะเธอ“อยากจะไปจากฉันจนทนไม่ไหวเลยเหรอ?”

“ฉันเปล่านะ”

“งั้นพวกเรา……”

“หนานกงเฉิน”ไป๋มู่ชิงหันหน้าหนีเขาเล็กน้อย เพื่อหลบลมหายใจที่รุนแรงของเขาและพูดว่า“คุณไม่ใช่ไม่รู้ ไม่ใช่เพียงแค่เธอ แต่ใครๆเขาก็รู้ว่าอีกไม่ช้าก็เร็วเดี๋ยวพวกเราก็เลิกกัน ”

“ใช่เหรอ?ทำไมฉันไม่รู้ล่ะ?”

“เพราะยังไงคุณก็ไม่เคยสนใจอยู่แล้วไง”

“ใครพูดว่าฉันไม่ใส่ใจกัน?”หนานกงเฉินเอามือไปจับคางของเธอพูดว่า“ก็คิดว่าฉันไม่ได้ใส่ใจจริงๆและ แต่ตอนนี้ยังไงเธอก็เป็นภรรยาของฉัน ยังไงมันก็ยังขึ้นอยู่กับฉัน ของของฉันยังไงก็ไม่มีวันใช้ร่วมกับคนอื่น เธอเข้าใจไหม?”

“เข้าใจแล้ว”ไป๋มู่ชิงก็น้ำตาคลอ

“ เข้าใจก้ดีแล้ว ครั้งหน้าจำไว้นะว่าให้ห้างจากเขาหน่อย”หลังจากนั้นเขาก็ถอยหลังออกมาหนึ่งก้าว

หนานกงเฉินกำลังจะเดินจากไป แต่ทันใดนั้นไป๋มู่ชิงกลับดึงมือเขาไว้ เธอร้องไห้และจ้องเขา“ฉันถามอะไรคุณหน่อยได้ไหม?”

“ถามมาสิ”หนานกงเฉินใช้คางชี้หน้าของเธอพูดว่า“งั้นก็เช็ดน้ำตาก่อน ฉันเกลียดผู้หญิงที่ชอบร้องไห้”

ไป๋มู่ชิงเช็ดน้ำตาของเธอ และมองไปที่เขาอีกครั้งแต่ในตอนนั้นกลับถามอะไรไม่ออกเลย

เธอจะถามเขายังไง?เลยถามว่าเขาใช่คนที่ฆ่ายายของเธอหรือเปล่า? และยังถามเขาว่าเขาใช่คนที่ซื้อที่นั้นเหรอ?ไม่ว่าถามยังไงสุดท้ายยังไงก็คงจะต้องเปิดเผยความลับที่ตัวเองไม่ใช่ไป๋มู่ชิง!

“ทำไมไม่ถามแล้วล่ะ?”หนานกงเฉินเห็นเธอทำหน้ายุ่ง เลยเลิกคิ้วใส่เธอ

“ไม่มีอะไรแล้ว”ไป๋มู่ชิงสะบัดหัวเบาๆ“ป่ะ กลับกับเถอะ”

ทั้งสองคนกลับลงไปด้วยกัน ตอนที่กำลังออกไปที่ประตูใหญ่นั้น หนานกงเฉินพยุงแขนเธอถือเสื้อของเธอไว้

ถึงแม้ว่านี่จะเป็นการกระทำเล็กๆน้อยๆ แต่กลับทำให้ในใจของเธอยิ่งทรมาน ถ้าหากว่าเป็นตอนก่อนหน้าที่จะเจอหลินอันหนานคงจะทำให้เธอรู้สึกดีกว่านี้ แต่ว่าในตอนนี้ในใจของเธอกลับยิ่งรู้สึกเศร้า

ถ้าหานกงเฉินเป็นคนฆ่ายายของเธอจริงๆ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรเธอคงไม่รู้สึกดีอะไรแล้ว!

เพราะว่า……ยายคือคนที่เธอรักมากที่สุดมาตั้งแต่เด็ก

ตั้งแต่ขึ้นรถมา ไป๋มู่ชิงก็เก็บอาการมาโดยตลอด เธอนั่งมองแต่วิวข้างนอกหน้าต่างรถ

ขับรถมาได้ครึ่งทางแล้ว เธอก็ยังคงไม่ขยับตัวแต่อย่างไร

เธอเงียบมาตลอดทางเลยทำให้หนานกงเฉินที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับรู้สึกไม่ชินเลย เขามองไปที่เธอถามเธอด้วยน้ำเสียงปกติว่า“ท่าทางของเธอนี้ยังจมอยู่กับเรื่องที่เธอเจอกับหลินอันหนาน หรือเรื่องหนังที่ดูไปเมื่อกี้กัน?”

ไป๋มู่ชิงได้ยินเขาพูดแบบนี้ ก็ค่อยๆได้สติขึ้นมา“แน่นอนว่าเป็นเรื่องหนัง”

เธออยากจะแกล้งทำเป็นมีความสุขเหมือนตอนที่ออกไปข้างนอก แต่ว่ายังไงก็ทำแบบนั้นไม่ลง

เธอมองหนานกงเฉิน คิดในใจว่าถ้าหากวันนี้ไม่เจอหลินอันหนานจะดีกว่านี้แค่ไหน หรือบางทีดูหนังจบเธอจะไปทานอาหารเย็นกับหนานกงเฉิน หรือว่าไปเดินเล่นกันแถวๆโรงหนัง คงจะดีว่าการที่กลับบ้านด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้งแบบนี้

พอถึงบ้าน ไป๋มู่ชิงเข้าไปอาบน้ำ แม้แต่รูปเธอยังไม่มีอารมณ์วาดเลย เลยได้แต่ขึ้นไปนอนอยู่บนเตียง ไม่ว่าเธอพยายามข่มตาหลับยังไงก็หลับไม่ลง

เธอหันไปมองดูนาฬิกาที่ผนังห้อง ตอนนี้ก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว

จู่ๆก็มีเสียงเปิดประตูเข้ามา ไป๋มู่ชิงเลยรีบพลิกตัวแกล้งทำเป็นว่าเธอหลับแล้ว ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนนั้นคือหนานกงเฉิน

หนานกงเฉินพึ่งอาบน้ำมาจากห้องของเขา ทันใดนั้นเธอก็คิดถึงความรู้สึกนั้นกับเขาขึ้นมา

เขากำลังเดินมาที่เตียง เขาชอบโอบเธอจากข้างหลัง หลังจากนั้นเขาเปิดผ้าห่มเข้ามายังเอื้อมมือไปกอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขน

ทุกครั้งที่เขาต้องการเธอ เขาชอบกอดเธอจากข้างหลัง ค่อยๆจูบเธอ ครั้งนี้ก็เป็นเหมือนกัน

ลมหายใจที่แรงของเขาและจูบของเขาก็เร่าร้อนมาก ร่างกายของไป๋มู่ชิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึก อีกนิดเดียวก็เกือบจะร้องออกมาเบาๆแล้ว

รู้สึกได้ว่าร่างกายของเธอแข็งทื่อ หนานกงเฉินเลยไปกระซิบข้างหูเธอว่า“ยังจะแกล้งหลับอยู่อีกเหรอ?”

เขารู้สึกได้ ไป๋มู่ชิงเลยค่อยๆลืมตาขึ้นมา หันไปด้านข้างเพื่อหลบจูบของเขา

“ทุกครั้งที่ฉันมาเธอแกล้งหลับตลอด มีภรรยาที่ไม่ให้ความร่วมมือกันแบบนี้ด้วยเหรอ?”หนานกงเฉินพลิกตัวเธอมา บังคับให้เธอจ้องหน้ากับเขา“ฉันทำให้เธอเกลียดขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“ฉันขอโทษ ฉันแค่รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย”

“ทุกครั้งไม่แกล้งหลับก็พูดว่าเหนื่อย เธออยากเลิกกับฉันใช่ไหม?”หนานกงเฉินจ้องเธอแบบหมดหนทาง

ไป๋มู่ชิงตอบเขาไม่ได้และก็ไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร ได้แต่หลับตาอย่างสนิทปล่อยให้เขาจูบไปลงบนตัวของเธอ

เขาได้ปลดชุดนอนเธอออก ร่างกายที่เร่าร้อนของเขาได้มาให้ความอบอุ่นแทนเสื้อผ้าของเธอ จริงๆแล้วควรเป็นเรื่องที่สงดงามแต่เธอกลับทนไม่ได้ที่จะน้ำตาไหลออกมา

ทันใดนั้นคำพูดที่หลินอันหนานพูดค่อยๆปรากฏอยู่ในหัวของเธอ ที่ว่าหนานกงเฉินเป็นคนฆ่ายายของเธอ แต่เธอกลับมาแต่งงานกับเขา ยิ่งกว่านั้นยังอยู่ใต้ร่างของเขาอย่างไร้ยางอาย

ถ้าวิญญาณของยายยังอยู่ ท่านจะนอนตายตาหลับไหมนะ?

จูบของหนานกงเฉินได้เลื่อนมาอยู่ที่บนหน้าของเธอ รับรู้ถึงรสของความเจ็บปวดภายในใจ พอเขาหยุดทำก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองเธอ

ไป๋มู่ชิงหลับตาเพื่อหลบหน้าเขาเพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปสบตากับเขา

คราบน้ำตาที่อยู่บนหน้าของเธอได้หายไปเพราะความเร่าร้อนของหนานกงเฉิน เขาปล่อยเธอและมองเธอด้วยความโกรธ“ฉันเคยพูดแล้วว่าไม่ชอบผู้หญิงที่ชอบร้องไห้ หยุดร้องเลยนะ อย่าทำเหมือนฉันไปบังคับจิตใจเธอได้ไหม”

ไป๋มู่ชิงยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาบนหน้าของเธอ เธอหันหลังให้เขา

นี่ยังเป็นครั้งแรกที่หนานกงเฉินเจอผู้หญิงที่แปลกประหลาดแบบนี้ เขาอารมณ์เสียและหันตัวลุกออกไปจากเตียง หยิบชุดนอนจากพื้นมาสวมให้เธอ เดินออกไปจากห้องนอนโดยไม่มองเธอแม้แต่นิดเดียว

พอเขาออกไปแล้ว ในใจของไป๋มู่ชิงก็ว่างเปล่า

ตอนนั้นเธอในใจของเธอขัดแย้งกันมาก ใจหนึ่งต่อต้านและคัดค้านส่วนอีกใจหนึ่งก็อยากอยู่ใกล้ๆเขา

เธอรู้ว่าเธอไปยั่วโมโหหนานกงเฉิน คาดว่าคงจะไม่ได้เห็นรอยยิ้มของเขาไปอีกสักพักหนึ่ง แต่ว่าเธอไม่รู้จะต้องทำอย่างไรให้ไม่ไปใส่ใจกับคำพูดของหลินอันหนาน

หลังจากที่เธอหลินอันหนานที่โรงหนัง ผ่านไปแล้วไม่รู้กี่วันไป๋มู่ชิงก็ยังคิดเรื่องนี้ไม่ตก ไม่ง่ายเลยที่วันนี้เซิ่งเคอจะพักผ่อนอยู่ที่บ้าน

ในตอนบ่ายเซิ่งเคอจะไปออกออกกำลังกายที่ฟิตเนส ไป๋มู่ชิงถือโอกาสตอนที่ไม่มีคนเลยไปฟิสเนส

“พี่สะใภ้ พี่ก็มาออกกำลังกายเหมือนกันเหรอ?”ตอนที่กำลังวิ่งอยู่บนลู่วิ่งเซิ่งเคอยิ้มพูดกับเธอ

ไป๋มู่ชิงพยักหน้าเบาๆอยู่ตรงลู่วิ่งข้างๆเซิ่งเคอ

“พี่สะใภ้ พี่เปิดเครื่องไม่เป็นเหรอ?ให้ช่วยไหม?”เซิ่งเคอเดินลงมาจากลู่วิ่ง

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวอีกสักพักฉันค่อยวิ่งละกัน”ไปมู่ชิงตอบไปแบบนั้น หลังจากเห็นว่าเซิ่งเคอกลับไปวิ่งอีกรอบนั้น เธอพูดลอยๆไปว่า“เซิ่งเคอ ฉันถามอะไรเธอหน่อยได้ไหม?”

คิดไม่ถึงเลยว่าพึ่งจะถามเสร็จเธอก็รีบสะบัดหัวและโบกมือปฏิเสธทันที“พี่อย่าถามเลย ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องศาลบรรพบุรุษเลย”

“ฉันไม่ใช่จะถามเรื่องศาลบรรพบุรุษ”ไป๋มู่ชิงหมดคำจะพูด เรื่องประหลาดเกี่ยวกับศาลบรรพบุรุษฉันไม่อยากรู้มาตั้งนานแล้ว

เซิ่งเคอผ่อนคลายขึ้นและกลับมายิ้มอีกครั้ง“งั้นพี่อยากถามเรื่องอะไรล่ะ?”

“ฉันอยากรู้ว่าในรายชื่อของคุณชายเฉินมีทรัพย์สินอะไรบ้าง พวกเธอทำงานที่สมาคมหนานกง และก็อยู่กับตระกูลหนานกงมานานแล้ว เธอน่าจะรู้ใช่ไหม? ”

“พี่เขามีทรัพย์สินมากมายแทบจะทั่วทั้งประเทศ นับยังไงก็นับไม่หมดหรอก พี่ถามเรื่องพวกนี้ไปทำไมกันเหรอ?”

“ไม่ได้เอาไปทำอะไร ก็แค่……อยากรู้เฉยๆ”ถึงแม้เธอรู้ว่าคำพูดพวกนั้นที่เธอพูดออกมาต้องทำให้เซิ่งเคอดูถูกเธอแน่ๆ รู้สึกว่าตัวเองกำลังทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง แต่ว่านอกจากเหตุผลนี้เธอก็คิดเหตุผลอื่นไม่ออกแล้ว

ตามคาดเซิ่งเคอหัวเราะแบบงงๆแต่ตอบอย่างรวดเร็วว่า“ทรัพย์สินของพี่เขามันเยอะเกินไปจริงๆ ไม่สามารถดูอย่างละเอียยได้ทีละอันหรอก ขอโทษด้วยนะ”

“งั้นรายชื่อพวกนั้นของเขาอยู่บ้านที่เมืองหยานเหรอ?เพื่อจะหลีกเลี่ยงไม่ให้เขาคิดมากหรือว่าเอาเรื่องนี้ไปพูดกับหนานกงเฉิน ไป๋มู่ชิงเลยพูดอีกว่า“จริงๆแล้วฉันชอบเมืองหยานมากเลยนะ คิดว่าอยากไปอยู่ที่นั้นระยาวเหมือนกันนะ แต่ว่าไม่มีบ้านเป็นของตัวเองเลยทำอะไรได้ไม่ค่อยสะดวก ”

“อ้อ”เซิ่งเคอพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก พูดด้วยหน้ายิ้มว่า“วางใจเถอะ พี่เขามีทรัพย์สินมากมายในเมืองหยานเยอะกว่าที่ไหนๆอีก”

เยอะกว่าที่ไหนๆอีก?เป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นเหรอ?

ไป๋มู่ชิงสะบัดหัวของเธอ นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาวุ่นวายกับเรื่องนี้ เธอคิดแล้วคิดอีกแล้วถามว่า“ทรัพย์สมบัติอะไรก็มีหมดเลยเหรอ?”

“ ใช่……บ้านพักตากอากาศ อพาร์ทเม้นท์ อะไรก็มีหมด”

“งั้นมีบ้านที่เมืองกู่ไหม?เหมือนกับบ้านที่เป็นแบบเมืองหยานน่ะ”ไป๋มู่ชิงรอแทบไม่ไหวที่จะพูดประโยคนั้น

“อันนั้นไม่มีนะ” เซิ่งเคอมองเธอพูดว่า“พี่สะใภ้ชอบบ้านแบบนั้นเหรอ?”

ได้ยินเขาบอกว่าไม่มี ในใจของไป๋มู่ชิงก็โล่งขึ้นมา

เปล่าหรอก งั้นแสดงว่าหลินอันหนานพูดไปเรื่อยสินะ?จงใจจะให้เธอกับหนานกงเฉินผิดใจกันสินะ?

“ใช่”เธอยิ้มและพยักหน้าพูดว่า“ฉันชอบสไตล์ที่เรียบง่าย”

“มันไม่ง่ายที่จะชอบเลยนะ?งั้นเรียกพี่เขามาซื้อให้พี่ก็ได้แล้ว”เซิ่งเคอยิ้มตาหยี๋ใส่เธอ

“ไม่ ไม่เป็นไร”ไป๋มู่ชิงสะบัดหัวด้วยความตื่นตระหนกว่า“จริงๆแล้วฉันก็แค่พูดเฉยๆถ้าอยากไปอยู่ที่นั้นจริงๆ คงสบายกว่าการอยู่ที่บ้านพักตากอากาศ”

“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว”

“ขอบคุณมากนะ”ไป๋มู่ชิงยกมือขึ้นไปตบแขนเขาเบาๆว่า“งั้นฉันไม่กวนเวลาออกหลังกายของเธอแล้ว”

พอพูดจบ เธอรีบหันตัวออกไปจากประตูฟิตเนสอย่างรวดเร็ว ข้างหลังของเธอคือเซิ่งเคอที่กำลังเรียกเธอด้วยความสงสัยว่า“นี่!พี่สะใภ้ ไม่ใช่ว่าจะออกกำลังกายด้วยกันเหรอ?แต่ทำไมไปแล้วล่ะ?

“ทันใดนั้นฉันคิดได้ว่ายังมีเรื่องอื่นอีก”เธอพูดทิ้งท้ายไว้แบบนี้แล้วก็เดินออกไปจากฟิตเนส

ไป๋มู่ชิงกลับมาที่ห้องของตัวเอง ไม่คิดว่าจะเห็นซูวยาหยงนั่งอยู่ตรงโซฟาที่ห้องรับแขก

สีหน้าเธอรู้สึกประหลาดใจมาก ในขณะเดียวกันในใจรู้สึกถึงรางสังหรณ์ที่ไม่ดี ซูวยาหยงมีธุระอะไรกันต้องมาถึงที่นี่?หลักๆแล้วคงมาเพราะเรื่องที่จะให้ไป๋ยิ่งอันเข้ามาอยู่ในตระกูลหนานกงสินะ

ช่วงสองสามวันมานี้เธอตั้งใจหลบหน้าพวกเธอสองแม่ลูก ไม่ใช่เพราะว่าอยากได้ที่ของไป๋ยิ่งอันนะแต่เป็นเพราะลูกที่น่าสงสารที่อยู่ในท้องของเธอ

เพียงแค่คิดขึ้นได้ว่าซูวยาหยงวางแผนที่จะบังคับให้เธอเอาลูกออก เธอก็กังวลใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ

“แม่ มาทำอะไรที่นี่?”เธอพยายามยิ้มและเดินเข้าไปหาเธอ

ซูวยาหยงจับแขนของเธอไปนั่งลง พูดอย่างยิ้มแย้มว่า“แน่นอนว่าฉันต้องมาเยี่ยมหาเธออยู่แล้วสิ ได้ข่าวมาว่าเธอตั้ง……”

“แม่ ดื่มชาดีกว่า!”ไป๋มู่ชิงรีบพูดแทรกเธอ

ซูวยาหยงรู้สึกได้ว่าเธอพยายามขัดจังหวะ มองเธออย่างมึนงงและยังมองไปที่คุณผู้หญิงที่นั่งอยู่โซฟาตรงข้าม

พี่เหอรีบหันไปพูดกับคนใช้ทันทีว่า“พวกเธอมีอะไรก็ไปทำสิ เดียวฉันจัดการตรงนี้เอง”

พวกคนใช้ก็ได้จากไป คุณผู้หญิงวางแก้วชาในมือลงจนในที่สุดก้ได้ออกปากพูด มองไป่มู่ชิงด้วยสายตาที่ดูถูกว่า“ไหนบอกว่าไม่มีคนรู้เรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ?”

“คุณย่า แม่ฉันเธอ……รู้เรื่องแล้ว”ไป๋มู่ชิงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหวาดผวา เธอรู้ว่าคุณผู้หญิงไม่อยากให้ใครต่อใครมารู้เรื่องนี้ รวมถึงคนในตระกูลฝั่งเจ้าสาวด้วย

ซูวยาหยงเป็นคนชำนาญเรื่องการสังเกตคนอื่นๆ ไม่กี่ประโยคก็ทำให้เข้าใจสถานการณ์ พูดกับไป๋มู่ชิงว่า“ใช่แล้วใช่แล้วคุณผู้หญิงกำลังออกแล้ว

“เข้าใจก็ดีแล้วโดยเฉพาะเฉิน ยังไงก็ห้ามให้เขารู้เรื่องนี้”

“ใช่ใช่ ฉันรู้แล้ว“ซูวยาหยงได้แต่ตอบซ้ำไปแบบนี้

คุณผู้หญิงแสดงออกมาถึงความเหนื่อย กำลังจะลุกขึ้นมาจากโซฟาพูดว่า“ยิ่งอัน พาแม่ขึ้นไปข้องบนสิ ฉันขอตัวกลับไปนอนก่อน งั้นก้ไม่รบกวนพวกเธอแล้ว”

“คุณผู้หญิง”ซูวยาหยงรีบหยุดเรียเธอ คุณผู้หญิงกวาดตาอยู่ตรงยนโซฟาแล้วพูดว่า“ แม่เธอยังมีธุระอีกไหม? ”

“เป็นแบบนี้ค่ะคุณนาย”ซูวยาหยงเดินพยุงแขนไป๋มู่ชิงอีกครั้งหนึ่ง หันไปหัวเราะและพูดกับคุณผู้หญิงว่า“พอมองออกว่ายิ่งอันใจลอยไม่ได้สติอยู่ที่บ้านหลังนี้ ใช่ชีวิตก็ไม่มีความสุข ดังนั้นอยากจะเอาเธอกลับบ้านตระกูลไป สักครึ่งเดือน หญิงที่ตั้งท้องต้องอารมณ์ดีเพราะมันจะไปส่งผลกับเด็กในท้อง ต้องให้ความรู้ ความสามารถของตัวเองแลพยิ่งเป็นลูกสาว ยังไงเธอจะให้เด็กออกมาเกิดแบบธรรมชาติ ดังนั้นฉันเลยคิดว่า……”

คุณผู้หญิงมองไป๋มู่ชิงพูดว่า“มองซูวยาหยงดูแล้วดูอีกพูดกับเธออย่างไม่ค่อยดีใจว่า“พูดเหมือนว่าตระกูลหนานกงของพวกเขาทำตัวไม่ดีกับลูกสาวของเธออย่างงั้นแหละ”

“ไม่ ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น”ซูวยาหยงพูดว่า“ในความหมายของฉันคือไป่ยิ่งอันกับหนานกงเฉินไม่ได้รักกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ยังไงก็ต้องมีเรื่องไม่เข้าใจกันข้าง ยิ่งกว่านั้นอารมณ์ของคนท้องก็จะขึ้นๆลงๆอยู่แล้ว ยิ่งอันโตมากับตระกูลไป๋เลยรู้สึกเต็มไปด้วยความรักและความผูกพันธ์ มีฉันและพ่อของเธอคอยอยู่ข้างๆเธอ รอให้ผ่านไปสักสามสี่เดือน เป็นช่วงที่พัฒนาเร็วที่สุดของเด็กทารกที่อยู่ในครรภ์แล้วฉันค่อยพาเธอกลับมา

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

Status: Ongoing
ไป๋มู่ชิงเคยได้ยินเรื่องเล่าตั้งแต่เด็กว่า ตระกูลหนานกงในเมืองซีเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุด แต่น่าเสียดายที่คุณชายใหญ่ของตระกูลกลับป่วยเป็นโรคประหลาด โรคที่เขาเป็นจะทำให้เขามีอายุอยู่ได้ไม่ถึงอายุ30ปี ไป๋มู่ชิงยังได้ยินมาอีกว่า คุณชายหนานกงเฉินแต่งงานใหม่ทุกๆปี แต่เจ้าสาวของเขากลับมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงวันต่อมาหลังคืนเข้าหอ แต่ไม่ทราบสาเหตุของการแต่งงานและยังไม่ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตของเจ้าสาวด้วย เมื่อตระกูลหนานกงได้ส่งของหมั้นมาให้ตระกูลไป๋ ไป๋มู่ชิงก็คิดไม่ถึงว่าพ่อของเธออยากจะปกป้องชีวิตพี่ของเธอไว้ถึงขนาดผลักเธอเข้าไปในประตูนรกอย่างโหดร้าย บังคับให้เธอแต่งงานกับหนานกงเฉินเป็นเจ้าสาวคนที่เจ็ดของเขา แทนพี่สาวของเธอ

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท