เฉียวเฟิงมองไปยังหนานกงเฉินที่ประตูห้องพักผู้ป่วย จากนั้นมองไปที่ไป๋มูชิงและในที่สุดก็เปลี่ยนใจ “หลิน ผมกับลุงหลิวจะไปส่งหว่านชิงไปโรงเรียน แล้วจะรีบกลับมานะ”
ไป๋มู่ชิงละสายตาจากหนานกงเฉินและสัมผัสผมของเสียวหว่านชิงเบาๆ “ค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ”
“บ๊ายบายค่ะแม่ บ๊ายบายค่ะลุงเฉิน” เสียวหว่านชิงจับมือหนานกงเฉินเบาๆ
หนานกงเฉินยิ้มและยกมือขึ้นโบกมือให้เธอ “บ๊ายบาย หว่านชิง”
หลังจากมองเสียวหว่านชิงที่เดินไปอย่างมีความสุขลับตาไป หนานกงเฉินจึงเดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยช้าๆ
“คุณดูอาการดีขึ้นนะ”หนานกงเฉินมองไปที่ไป๋มู่ชิงซึ่งบนเตียงในโรงพยาบาลและเห็นว่าเธอดูดีขึ้น อารมณ์ของเขาจึงดีขึ้นเช่นกัน
“ขอบคุณ” ไป๋มู่ชิงมองเขาด้วยสีหน้าว่างเปล่า
ห้องพักผู้ป่วยเงียบสงัดจนทำให้รู้สึกอึดอัด หนานกงเฉินเดินมาถึงตรงหน้าของเธอและนั่งที่เก้าอี้ มองดูเธอแต่กลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ในที่สุดเขาก็สรรหาคำพูดมาทำลายความเงียบได้ “หว่านชิงมีเหตุผลและกล้าหาญมาก”
เดิมทีสายตาที่หลบเขาจู่ๆ ก็หันมาจ้องมองเขาในทันใด
หนานกงเฉินตกตะลึงกับการมองของเธอและอ้าปากอย่างระมัดระวังและพูดว่: “มีอะไรเหรอฉัน … ฉันพูดอะไรผิด? ”
“ไม่ ไม่” ไป๋มู่ชิงลดสายตาลงด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน แต่ในไม่ช้าก็เงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้ง “แต่เด็กที่น่ารักแบบนี้ กลับเกือบถูกคนฆ่า”
“ฉันขอโทษ…….”
“ฉันขอโทษมันมีประโยชน์อะไร” ไป๋มู่ชิงตวาดอย่างเย้ยหยัน “ฉันได้ยินมาว่าฆาตกรที่อยู่เบื้องหลังยังคงมีจำนวนมาก และพวกเขาก็ยังคงมีชีวิตอยู่อย่างสบายใจ”
หนานกงเฉินเดาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วว่าไป๋มู่ชิงจะตำหนิเขาในท้ายที่สุด จูจูเกือบจะฆ่าเธอและเสียวหว่านชิง ดังนั้นเธอกล่าวโทษเขาจึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว !
“มู่ชิง … ” เขากระซิบพร้อมกับขอโทษ “ไม่ต้องห่วง ฉันจะคืนให้คุณและความยุติธรรมของหว่านชิง”
“จริงเหรอคะ? คุณจะชดใช้ยังไง? ” ไป๋มู่ชิงจ้องมองเขา
“อีกสามเดือนฉันจะให้คำอธิบาย” สามเดือนต่อจากนี้จูจูจะต้องชดใช้ความผิดที่เขาก่อขึ้นอย่างแน่นอน!
“สามเดือน … ” ไป๋มู่ชิงส่ายหัวและหัวเราะ
“มู่ชิง จูจูจะไม่มีวันอยู่อย่างสงบสุข ตอนนี้เขาก็คงกินปูนร้อนท้อง อยู่อย่างไม่สงบสุข”
“ฉันไม่อยากได้ยินคุณพูดแบบนี้” ไป๋มู่ชิงพูด “ฉันรู้แค่ว่าคุณหนูจูจะไม่ยอมแพ้ บางทีอาจจะใช้เวลาไม่ถึงสามเดือน ฉันคงถูกเธอฆ่าเสียก่อน”
“ไม่ เรื่องนี้ฉันสัญญาได้” หนานกงเฉินกล่าว
หลังจากเหตุการณ์นี้เขาจะไม่โง่อีกต่อไปแล้ว
ไป๋มู่ชิงสูดลมหายใจและหลับตาพลางพูดว่า “ลืมไปเลย คุณหนูจูเป็นภรรยาของคุณ ฉันไม่สามารถขอให้คุณฆ่าเธอได้ แต่ฉันหวังว่าคุณจะดูแลเธอ และให้เธอหยุดทำเรื่องเหล่านี้สักที
“แน่นอน” หนานกงเฉินสัญญา
ห้องพักผู้ป่วยเงียบลงอีกครั้ง หนานกงเฉินลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปที่โต๊ะข้างเตียงจากนั้นรินน้ำอุ่นหนึ่งถ้วย เขาจิบถ้วยน้ำเข้าปากและพบว่าอุณหภูมิของน้ำเหมาะสมก่อนที่จะยื่นให้เธอพลางพูดเบา ๆ “ริมฝีปากของคุณแห้ง ดื่มน้ำอุ่นหน่อยสิ”
ไป๋มู่ชิงเหลือบมองเขา ในดวงตามีความอึดอัดซ่อนอยู่
หนานกงเฉินตระหนักขึ้นได้ในสิ่งที่เขาเพิ่งทำไป จึงหยิบแก้วน้ำกลับมาอย่างรู้สึกผิด “ฉันขอโทษ ฉันจะรินให้คุณใหม่อีกแก้ว”
เขาเปลี่ยนถ้วยอีกครั้งอย่างรวดเร็วและในที่สุดไป๋มู่ชิงก็เอื้อมมือหยิบถ้วยในครั้งนี้และขอบคุณเขา
ไป๋มู่ชิงจิบน้ำอุ่นและดวงตาของเธอก็มองแขนของเขาโดยไม่รู้ตัว เธอจำได้ว่าวันนั้นเขาถูกโจรลักพาตัวแทงจนเลือดไหล จึงสงสัยว่าบาดแผลของเขาเป็นอย่างไรบ้างในตอนนี้?
“แขนของคุณเป็นอย่างไรบ้าง?” ในที่สุดเธอก็ถามออกไป
หนานกงเฉินก้มศีรษะลงและชำเลืองไปที่แขนของเขา “บาดเจ็บเล็กน้อย ไม่เป็นอะไรมาก”
“ต่อไปถ้าเจอเหตุการณ์แบบนั้นอีกก็อย่าทำอะไรโง่แบบนั้นอีกนะคะ” ไป๋มู่ชิงกล่าวและเตือนสติ
“คุณห่วงฉันเหรอ? ” รอยยิ้มที่หายากปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหนานกงเฉิน
“ไม่ว่ายังไงคุณก็บาดเจ็บเพราะฉัน ที่ฉันห่วงคุณมันถูกแล้วค่ะ”
“ไม่ต้องห่วง นอกจากคุณย่าแล้วไม่มีคนอื่นที่คู่ควรให้ฉันทำแบบนี้”หนานกงเฉิน พูดด้วยใบหน้าจริงจัง “และคุณ … ฉันเพิ่งสัญญาว่าจะไม่ทำให้คุณตกอยู่ในอันตรายอีก ”
“หนานกงเฉิน …”
“ฉันไม่ได้หมายความอย่างอื่น” หนานกงเฉินดูเหมือนจะรู้ว่าเธอกำลังจะพูดอะไร “ไม่ต้องกังวล ฉันจะไม่บังคับให้คุณคิดถึงฉันเหมือนที่เคยทำ จะไม่ตอแยคุณแบบเมื่อก่อนอีก เมื่อก่อนฉันเห็นแก่ตัวมาก แค่อยากได้คุณมาครอบครอง แต่กลับไม่เคยนึกถึงความรู้สึกของคุณเลย ”
เมื่อฟังสิ่งที่เขาพูดและมองเขาด้วยสีหน้าจริงจัง ดวงตาของไป๋มู่ชิงก็ค่อยๆ ร้อนขึ้น
เธอยิ้มอย่างเย้ยหยัน “หนานกงเฉิน คุณมีช่วงเวลาที่นึกถึงความรู้สึกของคนอื่นด้วยเหรอ? ”
“เมื่อก่อนไม่มี แต่ตอนนี้เรียนรู้แล้ว”หนานกงเฉินยิ้มอย่างขมขื่น “คุณสอนฉัน”
เธอจ้องมองเขาเป็นเวลานานแล้วพยักหน้า: “ก็ดี ถ้าคุณคิดออกเพราะคุณได้แต่งงานกับคุณหนูจูแล้ว”
หนานกงเฉิน รีบพูดว่า “มู่ชิง ฉันถูกย่าบังคับให้แต่งงานกับคุณหนูจู และฉันคิดว่าคุณตายไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว นั่นคือเหตุผลว่าทำไม … ”
“คุณชายเฉิน คุณไม่จำเป็นต้องอธิบายเรื่องนี้กับฉัน” ไป๋มู่ชิงขัดจังหวะเขา
ใช่ มาอธิบายเรื่องนี้ในตอนนี้แล้วจะได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา? ไม่มีใครเขาสนใจอีกต่อไปแล้ว
อย่างไรก็ตามหนานกงเฉินอดไม่ได้ที่จะอธิบายว่า “ฉันรู้ว่าคุณไม่ต้องการคำอธิบายของฉัน แต่ฉันก็ยังอยากจะบอกคุณว่าฉันได้รับผลกระทบอย่างหนักเนื่องจากการตายของคุณจึงป่วยหนัก คุณย่ากังวลว่าฉันจะไม่รอด จึงคุกเข่าขอร้องฉัน และบังคับให้ฉันแต่งงานกับจูจู ตอนนั้นใจของฉันมันแหลกสลายไปหมดแล้ว คิดแค่ว่าแต่งงานกับใครก็ได้ ดังนั้นจึงยอมแต่งงานกับเขาไป ”
เขาหยุดชั่วคราวแล้วพูดว่า “ฉันไม่ได้พูดเพื่อให้ตัวเองดูดี แต่งงานแล้วก็คือแต่งงานแล้ว ฉันผิดต่อคุณ ฉันแค่อยากให้คุณรู้ว่า ไม่ใช่ว่าฉันไม่รักคุณ และไม่ใช่ว่าฉันจำสัญญาที่ให้คุณไว้ไม่ได้ ถ้ารู้ว่าคุณยังมีชีวิตอยู่ ต่อให้เป็นยังไงฉันก็ไม่มีทางแต่งงานกับจูจูเป็นอันขาด”
ในที่สุดเขาก็หยุดและมองไปที่เธอ
เธอก้มศีรษะลงหลบตาเพื่อปกปิดอารมณ์ทั้งหมด แต่เขาก็ยังมองเห็นหมอกน้ำตาบนขนตาของเธอ
เขาพูดเบา ๆ ว่า “มู่ชิง คุณจำอะไรไม่ได้ไม่ใช่เหรอ? ทำไมคุณถึงร้องไห้ล่ะ? ”
ไป๋มู่ชิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นกะพริบตาและเงยหน้าขึ้นจ้องเขา “คุณเล่าเรื่องอย่างฟูมฟายขนาดนี้ ฉันจะไม่หวั่นไหวได้ยังไง?”
“นี่ไม่ใช่เรื่องเล่า มันคือความจริง”
“สำหรับฉันมันเป็นแค่เรื่องเล่าค่ะ” ไป๋มู่ชิงยิ้ม”คุณชายเฉิน ไม่ต้องพูดแล้วได้ไหม? มันไม่จำเป็นจริงๆ ”
หนานกงเฉินพยักหน้า “โอเค ฉันจะไม่พูดอะไร ฉันเชื่อฟังคุณ”
—
หลังจากออกมาจากโรงพยาบาล หนานกงเฉินก็รู้สึกว่างเปล่า
ทุกอย่างได้พูดออกไปจนหมดแล้ว และยังสัญญาอีกว่าจะไม่ตอแยเธออีก เดิมทีควรจะรู้สึกโล่งสบายแต่เขากลับรู้สึกหนักอึ้งและว่างเปล่าในเวลาเดียวกัน
ทันใดนั้นก็มีฉากแห่งความสุขเมื่อทั้งสามคนอยู่ด้วยกันในครอบครัวปรากฏขึ้นในหัวของเขา ถ้าเธอสามารถมีความสุขต่อไปได้ เขาก็เต็มใจที่จะทำให้มันเกิดขึ้น ….
เขาขับรถอยู่บนถนนเป็นเวลานานก่อนที่เขาจะกลับไปที่บริษัท
ทันทีที่เขาเข้ามาในบริษัท เลขาหลินก็เดินตามเข้ามาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี มองอย่างระมัดระวังและพูดว่า “คุณชายเฉินคะ โครงการเฉิงซีถูกประมูลโดยบริษัทจื้อหยวน ในราคาที่ต่ำกว่าบริษัทของเรา 0.1%”
“อะไรนะ” หนานกงเฉินเงยหน้าขึ้นมองเธอ
เลขาหลินพยักหน้า “ราคาแปลกมากค่ะและ … ฉันไม่รู้ว่าคุณชายเฉินจะรู้หรือเปล่าว่า … ”
“ว่าไง? ”
“เลขาเหยียนได้เข้าร่วมบริษัทของพวกเขาและกลายเป็นผู้ช่วยพิเศษของเซิ่งว่านเหนียน”
หนานกงเฉินรู้สึกประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่รู้ข่าวนี้จริงๆ
“คุณชายเฉิน คุณคิดว่าเขาเหยียนขายราคาจองของบริษัทเราให้บริษัทจื้อหยวนหรือเปล่าคะ” เลขาหลินพูดอย่างระมัดระวัง “แต่ … ฉันไม่คิดว่าเลขาเหยียนจะเป็นคนแบบนั้น”
“จะมีใครนอกจากเธอ” หนานกงเฉินยิ้มอย่างเย้ยหยัน “เธอเป็นคนแบบนี้แหละ”