เมื่อซูซี่เดินออกมาจากห้องสอนเต้น ก็จัดกระโปรงตัวเองไปด้วยแล้วเดินไปที่ศูนย์การเรียนรู้ประถมวัยชั้นสาม
ระหว่างทางเดินก็มีนักเรียนหญิงเอ่ยทักทายกับเธออย่างมีมารยาท “กลับก่อนนะคะคุณครูซูซี่”
“จ้า กลับไปแล้วก็อย่าลืมทบทวนด้วยนะ” ซูซี่เดินไปด้วยเอ่ยไปด้วย
“ค่ะคุณครู” นักเรียนหญิงเห็นแผ่นหลังเธอเดินไปไกลก็เริ่มซุบซิบ “ได้ยินว่าคุณครูเหลียนที่ศูนย์การเรียนรู้กำลังจีบเธอ รีบขนาดนี้คงไม่ใช่ไปเดทหรอกมั้ง?”
“ฉันคิดว่าไม่ใช่ คุณครูซูซี่ที่เย็นชาขนาดนี้คงไม่ชอบคุณครูเหลียนหรอก”
“คุณครูเหลียนก็ดีหนิ ได้ข่าวว่ามาสอนเต้นที่นี่ก็เพื่อเธอเลย”
คำซุบซิบของเด็กนักเรียนหญิงลอยเข้าหูซูซี่ เธอแค่ยิ้มแล้วส่ายหัวในใจ ไม่ได้สนใจอะไรเลย
กับความพยายามของคุณครูเหลียนแม้แต่นักเรียนก็ยังรู้สึก เธอจะไม่รู้สึกได้ยังไง แต่ตอนนี้เธอแค่ไม่อยากหาแฟนก็เท่านั้น
นี่เป็นศูนย์ฝึกสอนเอกชน ชั้นแรกมีห้องเรียนวิชาพื้นฐานต่างๆ ชั้นสองก็เป็นห้องศิลปะการแสดงแล้วชั้นสามก็เป็นศูนย์การเรียนรู้ประถมวัย
ซูซี่มาถึงหนึ่งในห้องนั้น มองลอดผ่านประตูไปมุมปากก็ยิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยน
คนอื่นบอกว่าเธอเป็นคนเย็นชา ความจริงเป็นเพราะว่าไม่เคยเห็นเธอในตอนนี้ ไม่เคยเห็นตอนที่เธออยู่กับเสี่ยวกว้าน
เสี่ยวกว้านกำลังอ่านกลอนพร้อมกับคุณครู ดูท่าทางแล้วเหมือนจะตั้งใจมาก
ซูซี่รออยู่หน้าประตูไปสักพักก็เลิกเรียนแล้ว เมื่อเสี่ยวกว้านเห็นซูซี่อยู่หน้าห้องเรียน ใบหน้าก็มีความสุขขึ้นมาทันทีแล้ววิ่งไปหา “คุณแม่มารับผมสักที ผมไม่ชอบอยู่ที่นี่”
“ทำไม?” ซูซี่อุ้มเขาไว้แล้วยิ้มลูบใบหน้าของเขา “หรือว่าเสี่ยวกว้านไม่อยากเป็นผู้ชายที่มีความรู้หรอคะ?”
“อยากครับ แต่ว่าผมอยากอยู่กับคุณแม่”
“แต่ว่าคุณแม่ต้องทำงาน อยู่กับเสี่ยวกว้านทุกวันไม่ได้”
คุณครูยิ้มแล้วเดินมากุมมือของเสี่ยวกว้านไว้ “เสี่ยวกว้านทะเลาะกับเพื่อนก็เลยไม่มีความสุข”
“จริงหรอ? ทำไมถึงทะเลาะกับเพื่อน?”
“เพราะว่าเขาแย่งของเล่นของผม” เสี่ยวกว้านเอ่ย “คุณแม่ผมผิดแล้วครับ อีกหน่อยถ้าผมมีของเล่นอะไรก็จะแบ่งปันกับเพื่อนๆครับ”
“เสี่ยวกว้านเก่งที่สุด เก่งกว่าเสี่ยวเยี้ยนอีก” คุณครูพูดชม
ซูซี่ก็พยักหน้า “อื้อ เสี่ยวกว้านรู้ว่าตัวเองผิดก็ยังเป็นเด็กที่ดี”
“งั้นคุณแม่จะให้รางวัลผมไหมครับ?” เสี่ยวกว้านยิ้มเอ่ย
“อือ……” ซูซี่คิดไปคิดมา “งั้นคุณแม่ก็ให้รางวัลเราไปเล่นกับพี่หว่านชิงที่สวนสนุกดีไหม?”
“เย้! ดีมากเลยครับ!” เสี่ยวกว้านดีใจแล้วจูบแก้มของซูซี่ จนซูซี่ยิ้มอย่างมีความสุข
—
ซูซี่พาเสี่ยวกว้านไปที่สวนสนุกขนาดเล็กบนชั้นห้าที่ห้าง ไป๋มู่ชิงกับหว่านชิงก็อยู่ข้างในนั้นแล้ว
เมื่อเห็นเสี่ยวกว้าน เสี่ยวหว่านชิงก็รีบวิ่งมาหา พอทักทายกับซูซี่แล้วก็จูงมือเสี่ยวกว้านเข้าไปเล่นในสวนสนุกแล้วเอ่ย “เสี่ยวกว้าน ข้างในมีรถคันใหม่เดี๋ยวพี่พาเธอไปดู”
“ขอบคุณพี่หว่านชิงครับ”
ไป๋มู่ชิงเอ่ยอย่างเป็นห่วง “หว่านชิง ดูแลเสี่ยวกว้านด้วยนะ”
“รู้แล้วค่ะ!” เสี่ยวหว่านชิงเอ่ยตอบรับ
เมื่อเห็นเด็กๆเข้าไปแล้ว ไป๋มู่ชิงก็ใช้คางชี้ไปที่ร้านกาแฟ “เราไปนั่งที่นั่นกันเถอะ”
เมื่อทั้งสองนั่งลงบนเก้าอี้ ซูซี่ก็มองไปที่เธอแล้วเอ่ย “ว่างขนาดนี้จนชวนฉันดื่มกาแฟ? ไม่ต้องเลี้ยงคนที่สองที่บ้านหรอ?”
“ออกมาสูดอากาศหน่อย ให้พี่เลี้ยงดูแล” ไป๋มู่ชิงเอ่ยยิ้ม
ซูซี่พยักหน้าแล้วเรียกพนักงานมาสั่งกาแฟสองแก้ว จากนั้นก็เอ่ย “แกกับหนานกงเฉินเป็นยังไงบ้าง? ยังสวีทกันทั้งวันทั้งคืนหรือเปล่า?”
“ก็ดี ไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน” ไป๋มู่ชิงยิ้ม ในรอยยิ้มดูมีความสุขมาก
“ดีจัง” ซูซี่ตรงข้ามกับเธอ ในรอยยิ้มก็มีแต่ความเศร้า
“แล้วเธอล่ะ? คิดจะทำยังไงต่อ?” ไป๋มู่ชิงมองไปที่เธอ
“ฉัน? ฉันจะทำยังไงได้อีก? ก็อยู่อย่างนี้แหละ”
“เฉียวซือเหิงออกจากคุกพรุ่งนี้ เธอไม่รู้หรอ?”
“พรุ่งนี้?” ซูซี่ประหลาดใจ
ไป๋มู่ชิงยิ้มแล้วส่ายหัว “ดูเหมือนว่าเธอไม่รู้จริงด้วย ไม่สนใจเขาจริงๆ”
ตอนนั้นซูซี่เคยพูดต่อหน้าเธอว่าไม่สนใจเฉียวซือเหิง แล้วไม่ติดตามข่าวของเขาด้วย ตอนนั้นนึกว่าเธอแค่ปากแข็งไม่คิดเลยว่า……ไม่สนใจจริงๆ!
“ล่วงหน้าหนึ่งเดือน” ไป๋มู่ชิงรู้สึกเสียดาย “เธอไม่คิดที่จะ……”
“มู่ชิง ฉันบอกกับแกไปหลายรอบแล้วฉันเป็นคนส่งเฉียวซือเหิงเข้าคุกเองกับมือ ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเขาก็ขาดกันแล้ว เป็นไปไม่ได้อีก”
“ในใจแกที่เป็นไปไม่ได้หรือว่าเขากันแน่?”
ซูซี่นิ่งเงียบไปแล้วส่ายหัว “เราทั้งสองก็เป็นไปไม่ได้”
“แต่เธอเคยคิดมั้ยว่าเสี่ยวกว้านจะทำยังไง?”
“เดี๋ยวฉันจะหาคุณพ่อที่รักเขาเอง” ซูซี่พูด
ไป๋มู่ชิงส่ายหัว “แล้วเธอเคยคิดหรือเปล่า ถ้าเฉียวซือเหิงรู้ว่าตอนนั้นเธอไม่ได้ทำแท้งแล้วตอนนี้เสี่ยวกว้านก็อายุสองขวบแล้ว เขาจะคิดยังไง? เขาจะปล่อยเธอไปงั้นหรอ”
“ฉัน……ฉันจะไปจากที่นี่”
“โลกไม่ได้กว้างเหมือนที่เราคิดไว้ ดูหน้าตาของเสี่ยวกว้านที่เหมือนกับเฉียวซือเหิงเป๊ะ เธอจะซ่อนได้ยังไง?” สายตาไป๋มู่ชิงมองเข้าไปข้างใน บนใบหน้าเสี่ยวกว้านที่มีความสุข ใบหน้าที่สวยงามนั้นเหมือนกับเฉียวซือเหิงมาก
คำถามนี้ซูซี่ก็เคยลังเลเหมือนกัน ถ้าไม่ใช่เพราะเหมือนขนาดนี้ เธอยังสามารถบอกกับคนอื่นได้ว่าเก็บมาเลี้ยง แต่ว่า……พระเจ้าก็ให้ปัญหาอันใหญ่หลวงกับเธอ
ไป๋มู่ชิงพูดถูก โลกของเราไม่ได้กว้างขนาดนั้น เธอจะหนีไปที่ไหนได้?
ซูซี่กุมมือของเธอไว้แล้วเอ่ยอย่างจริงจัง “มู่ชิง นอกจากแกกับเหยาเหม่ยแล้วก็หนานกงเฉิน ไม่มีใครรู้ว่าเสี่ยวกว้านมีตัวตนอยู่ เพราะฉะนั้นขอให้แกรักษาความลับด้วยได้มั้ย? โดยเฉพาะหนานกงเฉิน ให้เขารักษาความลับแทนฉันด้วย”
“ไว้ใจเถอะ หนานกงเฉินไม่ได้เป็นคนปากโป้งขนาดนั้น” ไป๋มู่ชิงปลอบใจ “แต่ฉันก็อยากให้แกคิดพิจารณาดีๆเรื่องที่จะกลับมาคืนดีกับเฉียวซือเหิง”
ซูซี่มองไปที่เธอ แต่ไม่ได้เอ่ยพูดอะไร ไม่รู้ว่าในใจกำลังคิดอะไรอยู่
—
หลังจากที่แยกกับซูซี่ ไป๋มู่ชิงก็พาหว่านชิงกลับบ้าน
เมื่อลงรถก็ได้ยินเสียงหนานกงเฉินกำลังเล่นกับเสี่ยวเจ๋อลอยมา เมื่อเห็นพวกเธอสองคนเดินเข้ามา เสี่ยวเจ๋อก็ยิ้มแล้วเดินมาทางไป๋มู่ชิงแล้วเอ่ยด้วยเสียงน่ารัก “คุณแม่อุ้ม……”
“เสี่ยวเจ๋อคิดถึงคุณแม่ใช่ไหมคะ?” ไป๋มู่ชิงอุ้มเขาขึ้นแล้วยิ้ม “เสี่ยวเจ๋อเป็นอะไรคะ? ไม่ชอบเล่นกับคุณพ่อเหรอคะ?”
“เสี่ยวเจ๋อรักคุณแม่” เสี่ยวเจ๋อเอ่ย
“เด็กขนาดนี้ก็รู้จักประจบประแจแล้ว” หนานกงเฉินยิ้มแล้วตบก้นเขาเบาฟ จากนั้นก็กอดหว่านชิงไว้ “เสี่ยวเจ๋อไม่เอาคุณพ่อ งั้นคุณพ่อก็อุ้มพี่สาวแล้วกัน”
เสี่ยวเจ๋อทำท่าทางไม่สนใจแล้วหว่านชิงก็ยิ้ม “คุณพ่อ น้องชายไม่สนใจหรอกค่ะ ใครให้คุณพ่ออุ้มเขาน้อยกว่าล่ะคะ”
หนานกงเฉินเอ่ย “คุณพ่อต้องไปทำงานนิครับ”
พอตกดึก หลังจากที่กล่อมทั้งสองพี่น้องนอน ไป๋มู่ชิงกับหนานกงเฉินก็กลับไปที่ห้องนอนด้วยกัน หนานกงเฉินค่อยเอ่ยถาม “ไปเจอกับซูซี่หรอ?”
ไป๋มู่ชิงพยักหน้า “ใช่ เหมือนที่นายเดาเลย เธอไม่รู้ว่าเฉียวซือเหิงออกจากคุกพรุ่งนี้”
“ที่เฉียวซือเหิงก่อนเป็นการตัดสินใจกะทันหัน ก็โทษที่เธอไม่รู้ไม่ได้” หนานกงเฉินยิ้มแล้วดึงตัวเธอไปบนเตียง
ไป๋มู่ชิงดิ้นรนในอ้อมกอดเขาแล้วมองไปที่เขา “ฉันมองออก เธอยังมีความรู้สึกกับเฉียวซือเหิง แต่เธอคงคิดว่าตัวเองกลับเป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้ก็ไม่มีทางไปรับเขาแน่นอน”
“อื้อ” หนานกงเฉินตอบรับ
“เห็นเธอเป็นแบบนี้ไม่รู้จะทำยังไงเลย แค่ยอมก้มหัวเพื่อความรักสักครั้งไม่ได้หรอ?”
“ช่างเถอะ เรื่องของคนอื่นอย่ายุ่งเลย……” หนานกงเฉินก้มลงไปจูบริมฝีปากเธอ ไม่ให้โอกาสเธอพึมพำอีก……
—
อยู่ในคุกไปสามปี เมื่อได้รับข่าวว่าจะได้ออกจากคุก เฉียวซือเหิงก็ไม่ได้รู้สึกดีใจอะไรมากนัก
เพื่อนในคุกก็รู้สึกอิจฉาแต่เขากลับเรียบนิ่ง หนึ่งในนั้นก็เอ่ยอย่างสงสัย “ทำไม? นายไม่อยากออกไปเจอคนในครอบครัวหรอ?”
“คนในครอบครัวก็เจอตลอดไม่ใช่หรอ?” เขายิ้มแล้วตบบ่าเขาเบาๆแล้วเอ่ยกับทุกคน “พวกนายก็ทำตัวดีๆ พอถึงเวลาแล้วออกจากคุกถ้ามีปัญหาอะไรก็มาหาฉันได้”
“ขอบคุณคุณชายเฉียว” ทุกคนดีใจแล้วเอ่ย “คนดีอย่างคุณชายเฉียวไม่ควรเข้าคุกเลยใช่ไหม?”
“ใช่ใช่” ทุกคนพยักหน้า
“พอแล้วลุงหวง ไม่ต้องอวยผมหรอก ผมสัญญาแล้วว่าจะช่วยหางานให้ลูกชายก็ต้องช่วยแน่นอน”
“จริงหรอ? ขอบใจมาก” ลุงหวงรู้สึกตื่นตันใจมาก
“ผมด้วยผมด้วย……” อีกคนเอ่ยขึ้น “ช่วยหางานใหม่ให้แฟนผมด้วย ถ้าลูกจะขึ้นมหาลัยต้องใช้เงิน”
“จำได้” เฉียวซือเหิงเอ่ยตอบรับ
เมื่อผู้คุมขังเห็นว่าเฉียวซือเหิงบอกลากับเพื่อนในคุกไม่เสร็จก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ คนอื่นพอถึงเวลาออกคุกก็รีบพุ่งไปที่หน้าประตูเลย แต่คุณชายเฉียวตรงหน้ายังมีอารมณ์มาพูดคุยกับเพื่อนในคุกอีก
สุดท้ายเขาก็อดไม่ได้แล้วเอ่ย “คุณชายเฉียว จะอยู่ทานข้าวเที่ยงก่อนแล้วค่อยไปไหมครับ?”
“ผมยังไงก็ได้” เฉียวซือเหิงยักไหล่
ผู้คุมขังยิ้ม “รีบออกมาเถอะครับ คนที่รอรับคุณรออยู่ข้างนอกนานแล้ว”
“คนที่รอผม?” เฉียวซือเหิงหันไปมองเขาอย่างสงสัย
เขาไม่ได้บอกใครเลยว่าเขาออกจากคุกวันนี้ ใครจะมารอเขากันแน่?
เมื่อผู้คุมขังบอกเขาว่าข้างนอกมีคนรอ เขาก็รู้สึกคาดหวังขึ้นมา คาดหวังว่าคนข้างนอกจะเป็นผู้หญิงที่ส่งเขาเข้าคุกกับมือ แต่ว่าจะเป็นไปได้ยังไง? เขาส่ายหน้าแล้วยิ้มเยาะเย้ยตัวเอง
ไม่มีทาง ไม่มีทางเป็นเธอแน่นอน
ไม่ ควรจะพูดว่าเป็นเธอไม่ได้แน่นอน ไม่งั้นถ้าเขาเห็นเธอก็คงจะควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้วไปบีบคอเธอตาย!
ถึงแม้ในใจจะคิดแบบนี้ เขาก็เดินตามผู้คุมขังออกไปหน้าประตูเรือนจำ
“ออกไปแล้วก็ทำตัวดีๆ อย่ากลับมาอีก” ผู้คุมขังก็เอ่ยกับทุกคนแบบนี้
เฉียวซือเหิงตอบรับแล้วสายตาก็รีบมองไปหน้าประตูเรือนจำ เมื่อเขาเห็นมีรถหรูหราหลายร้อยล้าน ความรู้สึกว้าวุ่นในใจก็สงบลงทันทีแล้วในใจก็แอบผิดหวังด้วย
ซูซี่ไม่มีทางขับรถที่แพงขนาดนี้แน่นอน ไม่มีทางซื้อได้แน่นอน
เมื่อประตูรถเปิดออก หนานกงเฉินก็เดินออกมาจากในรถแล้วยิ้มเอ่ย “ไง ไม่เจอกันนานเลย!”
สีหน้าเฉียวซือเหิงเปลี่ยนไปแล้วสายตาก็ทอดมองไปที่เขา
“ทำไม? ฉันทำตามสัญญาที่จะเลี้ยงเหล้าแกหลังออกจากคุก จนยอมทิ้งการประชุมที่สำคัญไปแล้วมารับ แกแต่ทำหน้าแบบนี้หรอ?” หนานกงเฉินยักไหล่ “แบบนี้ดูเหมือนไม่ค่อยมีมารยาทนะ”
เฉียวซือเหิงตรงหน้าก็ยังหล่อเหลาเหมือนเดิม เมื่อเทียบกับแต่ก่อนท่าทางสูงส่งก็ลดลงไป เพราะยังไงก็อยู่ในคุกมาสามปี……
แต่ดูเหมือนว่าในคุกแค่จะทำให้ภาพลักษณ์ของเขาเปลี่ยนไป แต่นิสัยของเขาไม่เปลี่ยนเลย ในเวลานี้ฝ่ามือของเขาค่อยๆกำแน่นขึ้น
หนานกงเฉินมองไปที่มือที่กำแน่นของเขาแล้วเอ่ย “ทำไม? อยากตีกันหรอ? ไม่กลัวว่าจะถูกจับกลับไป……?”
เขายังพูดไม่จบ เฉียวซือเหิงก็ซัดหมัดไปบนหน้าเขา
ร่างกายหนานกงเฉินก็ถอยหลังไปชนกับประตูรถ
แต่ว่าเขาไม่ได้โมโห แค่ใช้มือเช็ดหน้าแล้วเอ่ยอย่างเสียดสี “นี่กำลังแก้แค้นงั้นหรอ?”
“นายคิดว่าไงล่ะ?”
“ก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว” หนานกงเฉินหันหลังไปเปิดประตูแล้วนั่งเข้าไป พอปิดประตูแล้วมือข้างหนึ่งก็วางไว้ที่ประตูรถแล้วมองไปที่เขา “ในเมื่อแกไม่เห็นความดีของฉัน ฉันไปก่อนละกัน แกก็นั่งรถเมย์กลับไปแล้วกัน”
หนานกงเฉินสตาร์ทรถแล้วกลับรถ เมื่อแล่นผ่านเฉียวซือเหิง เขาก็เปิดประตูรถแล้วนั่งเข้าไป
เขานั่งอยู่ข้างคนขับด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
แต่หนานกงเฉินก็ยิ้มอย่างมีเลศนัยในใจแล้วขับรถต่อ
—
เฉียวซือเหิงให้หนานกงเฉินจอดรถที่หน้าประตูคฤหาสน์เฉียว เอ่ยด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “ค่อยดื่มตอนกลางคืน ตอนนี้ฉันไปอาบน้ำก่อน”
“ก็สมควร” หนานกงเฉินยกนิ้วขึ้นแล้วเปิดประตูรถ
สุดท้ายเฉียวซือเหิงก็หันมามองเขา “หนานกงเฉิน แกอย่าดีใจเร็วไปหน่อยเลย”
หนานกงเฉินพยักหน้า “ฉันจะพยายามถ่อมตัว”
เฉียวซือเหิงเปิดประตูรถลงไปแล้วเดินก้าวเข้าไปข้างใน
คนรับใช้กับยามไม่ได้รู้สึกตกใจมากที่เขากลับมา แค่เอ่ยทักทายกับเขาก็เท่านั้น
เฉียวซือเหิงไม่ได้สนใจพวกเขาแล้วเดินตรงเข้าไปในคฤหาสน์
เขาไม่ได้บอกคุณหญิงเฉียวว่าออกจากคุกวันนี้ เพราะว่าสองปีนี้มาร่างกายของคุณหญิงเฉียวแย่ไปกว่าเดิมจนล้มป่วยขาอัมพาตแล้วต้องนั่งรถเข็น เขาไม่อยากให้คุณหญิงเฉียวต้องลำบากแล้วไปรับเขาออกจากคุก
เมื่อเดินมาถึงข้างใน ตอนที่เขาก้าวเข้าไป
เดิมทีที่คิดว่าบ้านหลังเงียบสงบนี้จะต้อนรับเขา แต่ไม่คิดเลยว่าจะครึกครื้นขนาดนี้ บนโซฟานอกจากคุณหญิงเฉียวก็ยังมีผู้หญิงหน้าตาสวยงามเจ็ดแปดคนนั่งอยู่
เฉียวซือเหิงอึ้งไปแล้วมองกวาดไปที่ทุกคน “ทำอะไรกัน?”
“ยินดีต้อนรับคุณชายเฉียวกลับบ้าน!” หญิงสาวเอ่ยพร้อมกันแล้วรีบเปิดกล่องเค้กบนโต๊ะพร้อมจุดเทียน
เฉียวซือเหิงขมวดคิ้ว “นี่ทำอะไร?”
คุณหญิงเฉียวยิ้มแล้วเข็นรถเข็นไปต่อหน้าเขา “ฉลองที่แกได้เกิดใหม่ ยินดีด้วยที่แกได้ออกจากคุก”
“พวกเธอเป็นใคร?ไ เฉียวซือเหิงมองกวาดไปรอบๆ
ที่แท้ทุกคนรู้ว่าเขาออกจากคุกวันนี้ งั้นซูซี่ก็คงต้องรู้แน่นอน?
“พวกเธอ แกเป่าเทียนก่อนแล้วฉันจะค่อยแนะนำให้แก” คุณหญิงเฉียวเอ่ย
เพื่อที่จะรีบรู้ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น เฉียวซือเหิงก็เดินไปบนโต๊ะแล้วเป่าเทียนบนเค้ก
หญิงสาวก็ปรบมือฉลอง บรรยากาศครึกครื้นมาก
คุณหญิงเริ่มแนะนำให้เขารู้จักทีละคน “คนนี้ชื่อหวังเมิงหยู เป็นคุณหนูของบริษัทหวังเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ แล้วคนที่สองชื่อยุนซิง พ่อของเธอเป็นนายพล ปีนี้เพิ่งเรียนจบกำลังสาวเลย……”
“หยุด!” เฉียวซือเหิงเอ่ยแทรกคุณหญิงเฉียว “พอแล้วครับ ไม่ต้องแนะนำแล้วครับ”
พูดจบเขาก็หันไปที่ทุกคนแล้วเอ่ยอย่างมีมารยาท “ทุกคนครับ ขอบคุณทุกคนที่มาต้อนรับผมแล้วให้ผมเป่าเทียน ขอบคุณมาก”
เมื่อคุณหญิงเฉียวแนะนำคนแรกไป เฉียวซือเหิงก็รู้แล้วว่าท่านหมายความว่ายังไง
เขาก็ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรอีกแล้วหันหลังเดินขึ้นไปชั้นบน คุณหญิงเอ่ยตามหลังเขา “ซือเหิง แขกยังอยู่แกจะไปไหน?”
“ผมขึ้นไปอาบน้ำก่อน พวกคุณคุยกันก่อนเลยครับ” เฉียวซือเหิงเดินขึ้นไปโดยที่ไม่หันกลับมา
“คนที่เคยเข้าคุกยังหยิ่งขนาดนี้ คุณหนูอย่างฉันไม่แคร์หรอก” ผู้หญิงที่ชื่อหวังเมิงหยูลุกขึ้นจากโซฟา
“ใช่ ฉันก็แค่มาเล่นมาดูอะไรตลกก็แค่นั้น” ผู้หญิงอีกคนก็ลุกขึ้นด้วย
เฉียวซือเหิงแสดงออกอย่างชัดเจน ถึงแม้ผู้หญิงคนอื่นจะคาดหวังกับเขาก็ไม่มีหน้าที่จะอยู่ต่อแล้วลุกขึ้นจากโซฟาไปทีละคน
ผู้หญิงเหล่านั้นตั้งใจเอ่ยเสียงดังแล้วให้คำพูดลอยไปเข้าหูเฉียวซือเหิง ฝีเท้าของเขาก้าวช้าลงแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไป จากนั้นก็เร่งฝีเท้าก้าวเดินต่อ
เฉียวซือเหิงกลับมาถึงห้อง มองกวาดไปรอบๆก็ยังเหมือนกับตอนนั้นที่เขาไปจากที่นี่ ดูเหมือนว่ากี่ปีที่ผ่านมาซูซี่ไม่เคยกลับมาเลย
เขาหาชุดที่สะอาดแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วอาบน้ำอย่างเนิ่นนาน
เมื่อเขาออกจากห้องอาบน้ำ คุณหญิงเฉียวก็ไม่รู้ว่ามาถึงห้องของเขาเมื่อไหร่แล้วกำลังจ้องเขาด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“แม่……” เฉียวซือเหิงเอ่ยแล้วเช็ดผมด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“นี่แกทำอะไร?” คุณหญิงเฉียวเอ่ยตำหนิ “กว่าฉันจะหาผู้หญิงที่สวยแล้วมีฐานะแถมยังไม่รังเกียจที่แกเคยเข้าคุกมา แต่แกกลับทำให้พวกเธอหนีไปหมด”
“แม่ ผมยังอยากจะถามแม่เลย แม่คิดจะทำอะไร?” เฉียวซือเหิงมองไปที่ท่าน “แม่ต้องรีบร้อนหาแฟนให้ผมขนาดนี้เลยหรอ?แถมยังตั้งหลายคนด้วย”
“ฉันก็กลัวว่าแกออกมาแล้วจะอยู่คนเดียวไม่ชิน”
“ผมไม่ชินมากกว่าถ้ามีผู้หญิงแปลกหน้ามาอยู่ตรงหน้าผม”
“เดี๋ยวก็ชินไปเอง แค่อยู่ด้วยกันไปสักพัก” คุณหญิงเฉียวมองไปที่เขา “ซือเหิง ไม่ใช่ว่าแกยังคิดถึงผู้หญิงที่ชื่อซูซี่หรอกมั้ง? ฉันบอกแกไว้เลย ต้องโทษที่ตอนนั้นฉันตาบอดแล้วรับเธอกลับมาเลี้ยงที่ตระกูลเฉียว ไม่คิดเลยว่าจะเลี้ยงได้ไม่เชื่องขนาดนี้”
กับการกระทำของซูซี่ ไม่ใช่แค่เฉียวซือเหิงใจหาย คุณหญิงเฉียวก็รู้สึกใจหายด้วย
เฉียวซืแเหิงมองไปที่ท่าน “ตอนนั้นแม่จะรับเลี้ยงเธอทำไม? ก็เพราะว่ารู้สึกผิดกับคนอื่นไม่ใช่หรอ ไม่งั้นแม่จะเลี้ยงเธอหรอครับ?”
“ซือเหิงแกเป็นอะไร? เวลานี้แล้วยังออกนอกหน้าแทนเธออีก?” คุณหญิงเฉียวหงุดหงิด
“แม่ครับ ผมไม่ได้ออกนอกหน้าแทนเธอ แค่จะพูดกับแม่ว่าอย่าโกรธเธอเลยจะทำร้ายร่างกายตัวเองเปล่าๆ” เฉียวซือเหิงยิ้มอย่างขมขื่น “แม่ครับ กว่าผมจะกลับมา เราคุยเรื่องที่มีความสุขไม่ได้หรอครับ?”
คุณหญิงเฉียวพยักหน้า “งั้นได้ แต่ว่าครั้งหน้าแกห้ามทำตัวแบบนี้อีก ต้องมีมารยาทกับผู้หญิงด้วย”
“รู้แล้วครับ” เฉียวซือเหิงเอ่ยตอบรับ
“แกก็ไม่เด็กแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะต้องมีหลานให้ที่บ้านเฉียวแล้ว” คุณหญิงเฉียวมองไปที่เขา “ผู้หญิงอะไรที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจสามปีนี้มาคิดได้หรือยัง?”
“คิดได้แล้วครับ” เฉียวซือเหิงแค่อยากให้ท่านรีบลงไปก็เลยเอ่ยตอบรับไป
“รีบเป่าผมให้แห้งแล้วลงไปกินของอร่อยข้างล่าง ฉันให้ป้าหงทำของที่แกชอบไว้เยอะเลย” คุณหญิงเฉียวเอ่ย จากนั้นก็หันหลังเดินออกจากห้องไป
—
พอตกดึก หนานกงเฉินกับเฉียวซือเหิงก็ไปบาร์ที่ชอบเหมือนเดิม ยังเป็นห้องวีไอพี แม้แต่พนักงานก็ยังเป็นคนเดิม
พนักงานที่ไม่รู้เรื่องอะไรเอ่ยถามทั้งสอง “คุณชายเฉินคุณชายเฉียวไม่ได้มาดื่มด้วยกันแล้ว ทำไมวันนี้ถึงมาครับ?”
เฉียวซือเหิงจับแก้วในมือไว้ไม่ตอบ
หนานกงเฉินเอ่ย “ไม่มีอะไร แค่กี่ปีนี้เลิกเหล้าแล้ว”
หลังจากที่พนักงานออกไป หนานกงเฉินก็มองไปที่เฉียวซือเหิง จากนั้นก็ยกแก้วขึ้น “เป็นเพราะแก โรคของฉันหายดีแล้วดื่มได้แล้ว”
เฉียวซือเหิงยกแก้วขึ้นชนกับเขา จากนั้นก็กระดกเหล้าในแก้วจนหมด
หนานกงเฉินเทให้เขาอีกแก้วแล้วเอ่ย “จะรีบดื่มทำไม? ออกจากคุกแล้วไม่ดีใจไง?”
สุดท้ายเฉียวซือเหิงก็มองไปที่เขา “ทำไมทุกคนรู้ว่าฉันออกจากคุกวันนี้?”
“ฉันจะรู้ได้ยังไง?” หนานกงเฉินผายมือ
“แล้วแกรู้ได้ไง?”
“ฉัน? ฉันสนใจแกมากกว่าคนอื่นไง” หนานกงเฉินคิดไปคิดมา “ใช่ มู่ชิงบอกซูซี่ แต่ว่าคุณหญิงเฉียวรู้ได้ไงฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
เฉียวซือเหิงยกแก้วขึ้นดื่มอีกแก้วแล้วเงียบไป
หนานกงเฉินก็ยกแก้วขึ้นดื่มแล้วมองไปที่เขา “แกกำลังคิดหรือเปล่าว่าทำไมซูซี่ถึงไม่มารับแกออกจากคุก?”
เฉียวซือเหิงส่ายหัวแล้วยิ้มอย่างเยือกเย็น “เธอเป็นคนทำให้ฉันเข้าไปในคุกเอง ฉันจะหวังว่าเธอจะมารับฉันออกไปได้ยังไง?”
คำพูดนี้ไม่รู้ว่ากำลังปลอบใจตัวเองหรือว่ากำลังพูดให้หนานกงเฉินฟัง
“แกไม่อยากถามเรื่องเธอหรอ?”
เฉียวซือเหิงมองไปที่เขา “ทำไม? แกอยากให้ฉันตกลุมเดิมอีกหรอ? นี่เป็นจุดประสงค์ที่แกชวนฉันมาดื่มงั้นหรอ?”
หนานกงเฉินส่ายหัว “ไม่ ฉันล้างแค้นไปแล้วไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีก”
“แล้วแกคิดจะทำอะไร?”
“ฉันรู้สึกว่าฉันควรจะบอกกับแกเรื่องหนึ่งให้เคลียร์” หนานกงเฉินเอ่ย “ถ้าเรื่องนี้พูดไม่เคลียร์ฉันก็กลัวว่าวันไหนจะตกอยู่ในมือของแกอีก”
เฉียวซือเหิงมองไปที่เขา แต่ไม่ได้เอ่ยพูดอะไร
หนานกงเฉินเงียบไปสักพักแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าที่เข้มงวด “ฉันไม่อยากเปลืองน้ำลายเยอะมาก ฉันแค่พูดคำเดียวก็คือ ก่อนที่ซูซี่จะแต่งงานกับแก ความแอบชอบที่มีต่อฉันก็หายไปตั้งนานแล้ว ที่เธอเป็นแบบนี้เป็นเพราะแกเป็นคนทำ ก็เหมือนกับคำว่าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา แล้วแกก็ทำตัวเองด้วย แล้วฟางมี่อีก แกควรจะไปหาเธอแล้วถามเรื่องตอนนั้นด้วย”
เฉียวซือเหิงเงียบไปค่อยเอ่ย “เธอบอกแกหรอ?”
“ใช่” หนานกงเฉินพยักหน้า
“ฉันเข้าใจแล้ว” เฉียวซือเหิงยกแก้วไปทางเขา “แกไว้ใจเถอะ แกจะอยู่อย่างสงบสุขแน่นอน”
“ขอบใจ” หนานกงเฉินยกดื่ม
ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าเฉียวซือเหิงเข้าใจว่าอะไร แต่ว่าเขาเป็นคนที่ไม่ยุ่งเรื่องคนอื่นอยู่แล้วก็เลยไม่ได้เอ่ยถามต่อ