เวลาสามวินาทีก็หายใจก็หมดแล้ว เธอจะเอาเวลาไหนมาคิดว่าต้องใช้วิธีอะไรเอาใจเขา?
ไม่ถูก เธอไม่ใช่จะถามเขาเรื่องกูจื่อหยาน ก็ถูกเขาลงโทษ คาดไม่ถึงว่าจะต้องมาเอาใจเขา?
ในสมองของมู่นวลนวลเพิ่งจะคิด ในหูก็ได้ยินเสียงของโม่ถิงเซียวดังขึ้นมา“สามวินาทีถึงแล้ว”
มู่นวลนวลเบะปาก เธอรู้สึกว่าโม่ถิงเซียวคนนี้ยิ่งประหลาดใจ
โม่ถิงเซียวยื่นมือเข้ามา เงยคางของเธอขึ้นและจูบลงไป
ครึ่งนาทีต่อมา โม่ถิงเซียวรู้สึกว่ายังไม่อยากถอนจูบออกจากเธอ มองไปที่ดวงตาที่มีละอองหมอก น้ำเสียงที่ให้โอวาท“ตอนนี้เข้าใจหรือยัง?”
มู่นวลนวลพยักหน้าช้าๆ
พูดอย่างนิ่มนวล เดิมทีก็คิด…จูบฉัน!
โม่ถิงเซียวรู้สึกมีความสุข ตบเบาๆบนศรีษะของเหมือนกำลังมอบรางวัล“รอฉันในรถ”
ทันทีหลังจากนั้น เขาก็หันหน้ากลับก็ลงจากรถไป
มู่นวลนวลทำได้แค่เกาะด้านข้างกระจกรถและถามเขา“คุณจะไปไหน?”
โม่ถิงเซียวเพียงแค่มองเธอ ไม่ได้พูดอะไร ก็มุ่งหน้าตรงไปในมู่กรุ๊ป
มู่นวลนวลเบะปาก ดูเหมือนว่าเธอจะเดาถูก ยืนยันแล้วว่าโม่ถิงเซียวมาเป็นเพราะว่าเรื่องที่เธอลาออก
ตอนนี้เป็นเวลาเลิกงาน มู่กรุ๊ปมีคนจำนวนมากเข้าออก
หลังจากฐานะของโม่ถิงเซียวได้เปิดเผย มีคนจำนวนมากที่รู้จักเขา
ถึงแม้ว่าคนที่ไม่รู้จัก ก็เป็นเพราะว่าบนตัวเขามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะมองเขา
โม่ถิงเซียวคล้ายกับว่าไม่รู้สึกถึงสายที่จ้องมองของพวกเขา เดินตรงเข้าไปในลิฟท์
พนักงานผู้หญิงหน้าเคาน์เตอร์เป็นพนักงานที่มาใหม่ เมื่อเห็นโม่ถิงเซียวเดินตรงเข้าไป ก็รีบไล่ตามเข้าไป“คุณผู้ชาย…ขอถามหน่อยค่ะท่านมาหา…”
“มาหาประธานมู่ของพวกคุณ”โม่ถิงเซียวหันกลับมา พูดอย่างเย็นชา
ถูกโม่ถิงเซียวจ้องมองด้วยสายตาเย็น พนักงานผู้หญิงต้อนรับหน้าเคาน์เตอร์เตรียมจะถามออกไปว่า“คุณได้นัดไว้ไหมคะ”แต่กลายเป็น“ประธานมู่อยู่ในห้องทำงาน…”
“ขอบคุณ”โม่ถิงเซียวใบหน้ายังคงไร้อารมณ์ พูดจบก็เดินเข้าไปในลิฟท์
จนกระทั่งประตูลิฟท์ปิด พนักงานผู้หญิงต้อนรับหน้าเคาน์เตอร์ตบลงบนหน้าอกจึงจะรู้สึกหายใจสะดวก เมื่อกี้สายตาของผู้ชายคนนั้นน่ากลัวมาก…
……
ในห้องทำงาน
มู่เจิ้งซิวเพิ่งจะจัดเอกสารสุดท้ายเสร็จต่อมา ก็ได้ยินเสียงผลักประตู
ใครกันที่ไม่ทำตามกฎเกณฑ์ เข้ามาในห้องทำงานของเขาคาดไม่ถึงว่าไม่รู้จักเคาะประตู
เขาขมวดคิ้วขึ้น ก็มองเห็นโม่ถิงเซียวก้าวเท้ายาวเดินเข้ามา และใช้มือล็อคประตู
“คุณชายโม่?”เขาวางปากกาในมือลง ลุกขึ้นยืน
สายตาของโม่ถิงเซียวกวาดมองเอกสารด้านหน้าของเขา พูดคล้ายกับหัวเราะ“เจ้าสัวมู่ยังมีความรับผิดชอบสูงเหมือนเดิม”
“คุณชายโม่มาถึงที่นี่ มีธุระอะไร พูดมาได้เลย”เวลาที่มู่เจิ้งซิวพูด ก็จ้องมองซึ่งกันและกันกับโม่ถิงเซียว
แต่ว่า เขากับโม่ถิงเซียวจ้องมองกันไม่กี่นาที จิตใต้สำนึกสั่งมองออกไปทางอื่น
สายตาของโม่ถิงเซียวเย็นเยือกและสยบด้วยพลัง เหมือนกับหมาป่าตัวเดียวในป่าทึบ โหดเหี้ยมและเด็ดขาด เพียงแค่สายตาก็ทำให้คนกลัวสุดขีด
มู่เจิ้งซิวท่วมตัวสะดุ้งตกใจ เดิมทีเขานั่งพิงเก้าอี้แต่อดไม่ได้ที่จะนั่งยืดตัวตรง เตรียมพร้อมที่จะรับ
การกระทำเล็กๆของเขา แต่ก็หนีไม่พ้นสายตาของโม่ถิงเซียว
“ตอนที่ผมยังเล็ก ก็เคยได้ยินความสำเร็จของเจ้าสัวมู่ เพียงแค่คิดไม่ถึงว่าเมื่อเจ้าสัวมู่อายุมากขึ้นกลับเลอะเทอะ”
โม่ถิงเซียวนั่งลงตรงหน้ามู่เจิ้งซิว ความสูงที่ใกล้เคียงกับหนึ่งร้อยเก้าสิบ แม้กระทั่งนั่ง ก็ยังสูงกว่ามู่เจิ้งซิว
ความสูงของเขา ทำให้กลิ่นอายของโม่ถิงเซียวยิ่งมีอำนาจและทำให้คนหวาดกลัว
“คุณชายโม่นี้คือนายหัวเราะฉัน?”มู่เจิ้งซิวในใจก็รู้ว่าจุดมุ่งหมายที่โม่ถิงเซียวมาเพราะว่าอะไร
“เจ้าสัวมู่ตอนนี้ทำเรื่องอะไร ยังจำเป็นต้องให้ผมหัวเราะ?”โม่ถิงเซียวยิ้มเย็น“คุณคิดว่าไม่ให้มู่นวลนวลลาออก ก็จะสามารถนำเธอผูกมัดอยู่ที่มู่กรุ๊ป ควบคุมอยู่ในกำมือคุณ?”
สีหน้าของมู่เจิ้งซิวเปลี่ยนโดยฉับพลัน ใบหน้าตึงเครียด
โม่ถิงเซียวเห็นเขาเป็นแบบนี้ ก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ“ก็เหมือนปีนั้น คุณกับคนตระกูลโม่คิดเห็นตรงกันตกลงกันได้ สุดท้ายก็ไปไกลถึงต่างประเทศ พวกเขาคิดว่าคุณอยู่ต่างประเทศไปจนแก่ตาย ตอนนี้ก็กลับมาแล้ว บนโลกใบนี้มีอะไรเป็นสิ่งที่แน่นอนล่ะ?”
สีหน้าของมู่เจิ้งซิวยิ่งดูไม่ดีขึ้นเรื่อยๆ“คุณชายโม่ ฉันไม่รู้ว่านายกำลังพูดอะไร เกี่ยวกับเรื่องนวลนวลลาออก ถึงแม้ว่าเธอจะแต่งงานกับนายแล้ว แต่เธอยังใช้นามสกุลมู่ ดังนั้นเรื่องนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับฉัน!”
“ใช่เหรอ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของโม่ถิงเซียวยิ่งลึกมากขึ้น เสียงก็เปลี่ยนเป็นเบาและแปลก“คดีของแม่ผมเมื่อปีนั้น คุณเป็นคนช่วยตระกูลโม่หาคน เป็นส่วนหนึ่งในนั้น ดังนั้นตระกูลโม่ซาบซึ้งในบุญคุณของคุณ ให้ผมกับมู่หวันฉีหมั้นกัน ถ้าคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี ทำไมต้องให้คุณออกนอกประเทศล่ะ?”
คำพูดของโม่ถิงเซียวเหมือนแตะเส้นตายของมู่เจิ้งซิว เขาชี้ไปที่ประตูและคำรามเสียงออกมา“นั่นเป็นเพราะว่าฉันอยากจะไปต่างประเทศเอง!เรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับนาย!นายออกไป นี้เป็นบริษัทของฉัน ไม่ต้อนรับนาย!”
“เพียงแค่ผมเต็มใจ พรุ่งนี้ที่นี่ก็สามารถกลายเป็นของผม”
โม่ถิงเซียวหรี่ตามอง ใบหน้าเยือกเย็นรู้สึกเหน็บหนาวถึงกระดูก“อย่านึกว่ามีโม่ชิงเฟิงหรือคนอื่นในตระกูลโม่ ยังสามารถช่วยคุณ พวกเขาเองยังเอาตัวไม่รอดเลย”
มู่เจิ้งซิวสีหน้าเปลี่ยน อ้าปากค้างราวกับถูกจี้จุดลงมา เวลานี้นิ่งไม่ไหวติง ประโยคเดียวก็พูดไม่ออก
ปีนั้นเขาเคยพบโม่ถิงเซียว เพียงแต่มองแวบเดียวในโรงงานร้างนั่น
โม่ถิงเซียวปีนั้นใบหน้าแปดเปื้อน สายตาก็เต็มไปด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกและจิตวิญญาณ ดูเหมือนคล้ายกับคนโง่
ปีนั้นเขาก็รู้สึกว่าเด็กคนนี้อาจจะไร้ประโยชน์ หลังจากนั้นเขาได้ขอร้องเกี่ยวดองกับตระกูลโม่ ปีนั้นคนตระกูลโม่ก็รู้สึกว่าสถานการณ์ท่าทางของโม่ถิงเซี่ยวไม่ดี ดังนั้นก็เห็นด้วย
ทำไมเขาคิดไม่ถึง หลังจากสิบห้าปี ปีนั้นพวกเขามองว่าเด็กคนนี้ไร้ประโยชน์ คาดไม่ถึงว่าจะนั่งอยู่ในห้องทำงานของเขา ใช้อำนาจคุกคามเขา
ใช้ชีวิตมาครึ่งชีวิต เป็นคนแรกที่เขามองไม่ออกไป ก็คือเด็กคนนั้นเมื่อปีนั้น คือโม่ถิงเซียวในตอนนี้
มู่เจิ้งซิวส่ายหน้า ล้มกลับไปบนเก้าอี้ เสียงแหบและแก่“เรื่องอื่นฉันไม่รู้ ปีนั้นในเวลานั้นฉันอยู่ด้านนอกโรงงานร้างเห็นผู้หญิงหนึ่งคน รูปร่างหน้าตาคล้ายกับพ่อนาย น่าจะเป็นน้องสาวของพ่อนาย”
โม่ถิงเซียวเงยหน้าขึ้นมาทันที ในแววตาเต็มไปด้วยลมและเมฆที่แปรปรวน พูดด้วยน้ำเสียงบึ้งตึง“ดูเหมือนว่าผมหลอกลวงง่าย?”
เขาไม่เชื่อคำพูดของมู่เจิ้งซิว
น้องสาวของโม่ชิงเฟิงชื่อโม่เหลียน เป็นแม่ของซือเฉิงยวี่ ก็เป็นอาของเขา
โม่เหลียนกับแม่โม่ถิงเซียวเป็นเพื่อนสนิทกันมาสิบปี หลังจากเกิดเรื่องแม่เขา ในช่วงเวลาหลายปีนั้นโม่เหลียนก็จิตใจอมทุกข์
ยิ่งกว่านั้น เวลาที่เกิดเรื่องแม่เขา โม่เหลียนก็อยู่ต่างประเทศ
“คุณชายโม่ ฉันก็อายุมากแล้ว ไม่มีอะไรจะขอแล้ว เพียงแค่อยากจะรักษาอสังหาริมทรัพย์ของมู่กรุ๊ปเท่านั้นเอง”มู่เจิ้งซิวดูเหมือนเหนื่อยมาก
เขาไม่จำเป็นต้องหลอกลวงโม่ถิงเซียว