โม่ถิงเซียวเริ่มหงุดหงิดหันกลับไปจับคางเธอมาจูบ : “พอแล้ว”
“…………..” เธอไม่ได้ขอให้เขาจูบเธอสักหน่อย
โม่ถิงเซียวเห็นมู่นวลนวลที่ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นจึงจับมือเธอแล้วเดินต่อ
ฟู่ถิงซีและซือเย่รอพวกเขาอยู่
“คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง”
“ถิงเซียว”
มู่นวลนวลหันไปพยักหน้าตอบรับซือเย่แล้วหันกลับไปทักทายฟู่ถิงซี : “ทนายฟู่”
ฟู่ถิงซียิ้มตอบรับเธอและเดินไปข้างๆโม่ถิงเซียวพูดคุยเกี่ยวเรื่องคดี
“เพราะว่าคดีนี้เป็นคดีพิเศษ โทษสูงสุดคือตัดสินให้มู่หวันฉีจำคุก3ปี” ฟู่ถิงซีพูดจบแล้วมองมู่นวลนวล
มู่นวลนวลก้มหน้ามองตัวเอง : “มีอะไรหรอ?”
ยังไม่ทันได้เข้าไปข้างใน ฟู่ถิงซีหยิบผ้าก๊อซออกมาจากกระเป๋าเอกสารส่งให้กับโม่ถิงเซียว : “พันไว้”
และแน่นอนว่าไม่ได้ให้โม่ถิงเซียวทำแต่เป็นมู่นวลนวล
โม่ถิงเซียวขมวดคิ้ว : “ไม่ต้อง”
ฟู่ถิงซียักไหล่เพื่อผ่อนคลาย : “เดิมทีทั้งสองฝ่ายไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ คดีนี้มันไม่มีอะไรมาก ฉันจะสู้ยากหน่อย ให้ความร่วมหน่อยนะ”
โม่ถิงน้ำเสียงเย็นชา : “ไร้สาระ”
เขาไม่ได้คิดอะไรมากหันกลับไปหาซือเย่ : “ซือเย่พาคุณผู้หญิงกลับไปที่รถ”
“ครับ” ซือเย่ทำความเคารพ
“ถ้างั้นฉันไปรอที่รถนะ” มู่นวลนวลเธอเข้าใจในสถานการณ์จึงไม่ได้ถามอะไรมาก
ตอนที่แจ้งความมู่หวันฉี แจ้งความเธอด้วยข้อหาทำร้ายร่างกายโดยเจตนา แต่มู่นวลนวลไม่มีบาดแผลตรงไหนเลย การที่เธอจะเข้าไปฟังการพิจารนาคดีก็เข้าไปได้แต่อาจทำให้สู้คดียากขึ้น
และฟู่ถิงซีเขาเป็นคนทำงานอย่างระมัดระวังรอบคอบ และเขาไม่ยอมให้มู่นวลนวลเข้าไปข้างในด้วยสภาพที่ปกติแน่นอน
มู่นวลนวลไม่เข้าไปข้างในเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
แต่โม่ถิงเซียวไม่ได้สนใจเรื่องนี้ วันนี้คนตระกูลมู่อยู่ที่นี้หมด เขากลัวว่าพอพิจารณาคดีจบแล้วคนบ้านนั้นจะเสียใจอย่างหนักทำให้มู่นวลนวลรู้สึกไม่ดี
หลังจากครั้งก่อนที่เรื่องของมู่หวันฉีเกิดขึ้น เขาก็ไม่วางใจอีกเลย
และเพราเหตุผลนี้ที่เขาจึงไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปที่คฤหาสน์ได้ง่ายๆ
เขาปฏิเสธทุกอย่างที่อาจทำให้มู่นวลนวลเป็นอันตราย
มู่นวลนวลเดินไปขึ้นรถกับซือเย่ เดินไปครึ่งทางก็ได้หันหลังกลับไปมอง
ร่างสูงโปร่งของโม่ถิงเซียวแม้จะมองจากระยะไกล เธอยังสัมผัสได้ถึงความเป็นเอกลักษณ์และความน่าเกรงขามในตัวเขา
แม้ว่าบางครั้งเขาจะมีอารมณ์แปลกๆมู่นวลนวลก็ยอมรับว่าโม่ถิงเซียวเป็นผู้ชายที่ทำให้เธอหนีไปไหนไม่รอด
บางครั้งมู่นวลนวลคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป และคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทุกอย่างไม่ใช่ความจริง
“คุณผู้หญิง?”
เสียงของซือเย่ทำให้เธอเรียกสติกลับมาและรู้ว่าตัวเองหันกลับไปมองโม่ถิงเซียวแล้วเหมอลอย
“ไปเถอะครับ” เธอเรียกสติกลับมาแล้วเดินไปขึ้นรถกับซือเย่
พอขึ้นไปนั่งในรถ เธอมองไปที่ประตูศาลแล้วถามซือเย่ : “มู่หวันฉีจะโดนพิจารณาคดีจริงไหม?”
“ครับ คุณฟู่ไม่เคยทำงานพลาดสักครั้ง” ซือแย่พูดด้วยความมั่นใจ
มู่นวลนวลส่งข้อความวีแชทไปหาเซินเหลียงเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟัง
เซินเหลียงตอบข้อความเธอทันที: “เวรกรรมตามทัน”
จริงด้วย เวรกรรมมีจริง
คนที่ทำความผิดต้องโดนลงโทษ
มู่นวลนวลนึกถึงเรื่องของแม่โม่ถิงเซียว เวลาผ่านไปหลายปีแล้วเธอจึงคิดว่าการที่จะหาตัวคนที่อยู่เบื่องหลังการตายของแม่โม่ถิงเซียวเป็นเรื่องที่ยากมาก
และโม่ถิงเซียวเคยพูดไว้ว่าคนที่อยู่เบื่องหลังการตายของแม่เขาอาจเป็นคนใน“ตระกูลโม่” ถ้าเกิดเจอตัวแล้วจริงๆ ถึงตอนนั้นเขาจะเจ็บปวดมากแค่ไหน?
มู่นวลนวลกำลังตั้งท้องจึงทำให้ชอบคิดอะไรต่างๆนานา
เธอเงยหน้าขึ้นเห็นซือเย่เล่นโทรศัพท์
มู่นวลนวลแอบเข้ามาใกล้ๆอย่างเงียบๆ เธอได้เห็นว่าซือเย่กำลังดูรูปอยู่ ในรูมีผู้หญิงคนหนึ่งและเด็ก
มู่นวลนวลแปลกใจและถามเขา : “ซือเย่ นายแต่งงานแล้วหรอ?”
ซือเย่ทำตัวไม่ถูกจึบรีบปิดหน้าจอโทรศัพท์: “ครับ”
“ลูกชายนายน่ารักนะ อายุเท่าไหร่แล้ว?” เธอไม่ค่อยรู้เรื่องของซือเย่เท่าไหร่นัก ที่เธอถามเพราะเพียงเห็นว่าลูกชายเขาดูน่ารักเท่านั้น
ซือเย่พูดถึงลูกชายและดูมีความสุข : “4 ขวบครับ เขาดื้อมาก”
มู่นวลนวลรู้สึกได้ว่าเวลาซือเยพูดถึงลูกชายน้ำเสียงเขาจะเปลี่ยนไปเยอะมาก
เธอจึงคุยเรื่องนี้กับเขาต่อ
“คงจะเข้าเรียนอนุบาลแล้วใช่ไหม”
“ใช่ครับ พึ่งจะเข้าเรียนปีนี้”
“…………”
มู่นวลนวลกำลังตั้งท้องเธอจึงสนใจเรื่องที่เกี่ยวกับเด็กมาก
แต่หลังจากที่ซือเย่หยากัยภรรยาก็กลายเป็นคนไม่ค่อยพูด อีกทั้งทำงานกับคนที่ไม่ค่อยพูดเลยอย่างโม่ถิงเซียว จึงทำให้เขาไม่ค่อยได้มีโอกาสพูดถึงเรื่องลูกสักเท่าไหร่ พอมีโอกาสพูดเขาจึงมีอะไรจะพูดเยอะแยะ
ทั้งสองคุยกันจนกระทั่งโม่ถิงเซียวและฟู่ถิงซีออกมา
“พวกเขากลับมาแล้ว”
มู่นวลนวลเห็นพวกเขา
เธอเปิดประตูรถออกให้โม่ถิงเซียว
โม่ถิงเซียวขึ้นรถมา เขานั่งดึงเนคไทด์ที่คอ สีหน้าไม่ค่อยดี
ฟู่ถิงซีนั่งอยู่เบาะหน้าข้างคนขับ
มู่นวลนวลเห็นสีหน้าของโม่ถิงเซียวแล้วหันไปมองฟู่ถิงซี
ฟู่ถิงซีทำลักษณะมือที่สื่อว่าไม่รู้เรื่อง
พอเห็นสีหน้าของฟู่ถิงซีที่ปกติ ไม่เหมือนคนที่แพ้คดี แล้วโม่ถิงเซียวเป็นอะไร?
“เป็นอะไร?” มู่นวลนวลถามเขา
โม่ถิงเซียวส่ายหน้าไม่พูดอะไรสักคำ
ทันใดนั้นมีคนเคาะกระจกรถฝั่งมู่นวลวนล
เธอหันไปมองจึงเห็นใบหน้าที่อ่อนโยนไม่น่าเป็นอันตรายของซือเฉิงยวี่
มู่นวลนวลขมวดคิ้วแล้วเข้าใจทันทีว่าทำไม่สีหน้าของโม่ถิงเซียวถึงเป็นแบบนี้
มู่นวลนวลลดกระจกรถลงยังไม่ทันได้พูดอะไร ซือเฉิงยวี่ทั้งพูดแล้วก็ยิ้มออกมา : “นวลนวล ได้ยินว่เธอท้องแล้ว ยินดีด้วยนะ”
มู่นวลนวลสีหน้าเย็นชา “ขอบคุณ”
ซือเฉิงยวี่หันไปมองโม่ถิงเซียวแล้วพูด : “ถิงเซียว พอหลานคลอดได้ 1 เดือนแล้วอย่าลืมเชิญฉันไปงานเลี้ยงฉลองนะ”
โม่ถิงเซียวหันมามองเขาเพียงแค่หางตาด้วยความเย็นชา
มู่นวลนวลเลื่อนกระจกรถขึ้นแล้วเร่งซือเย่ : “ไปกันเถอะ”
เธอที่ตอนนี้เห็นเฉิงซือยวี่แล้วรู้สึกไม่สบายใจ เธอรู้สึกว่าใบหน้าที่อ่อนโยนและดูไม่มีอันตรายของเขา น่ากลัวกว่าโม่ถิงเซียวมาก
“ถิงเซียว สรุปแล้วนายมีปัญหาอะไรกับวูปเปอร์สตาร์ซือ(ซือเฉิงยวี่)กันแน่?” ฟู่ถิงซีก็เป็นทนายความของ Shengding Media ด้วยงานของเขาจึงทำให้เขาไม่ค่อยรู้เบื้องลึกเบื่องหลังสักเท่าไหร่นัก
เรื่องคราวก่อนเขาได้ยินจากคนอื่น แต่ความจริงแล้วเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“กลับกันก่อนเถอะ” โม่ถิงเซียวไม่อยากพูดถึง ฟู่ถิงซีเห็นเช่นนั้นจึงไม่ถามต่อ
คราวก่อนที่มู่นวลนวลกลับไปที่บ้านก็เห็นว่าซือเฉิงยวี่และมู่หวันฉีมีท่าทางสนิท ที่มู่หวันฉีถูกพิจารณาคดีในศาลวันนี้ ซือเฉิงยวี่จะเข้าร่วมฟังด้วยก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่ว่าแค่เห็นหน้าซือเฉิงยวี่คงไม่พอที่จะทำให้โม่ถิงเซียวต้องมีอาการอย่างนี้ได้
ทันใดนั้น มู่นวลนวลก็เข้าใจอย่างโจ่งแจ้ง ซือเฉิงยวี่ก็นับว่าเป็นคนในตระกูลโม่ โม่ถิงเซียวสามารถทำให้มู่หวันฉีมาขึ้นศาลได้ ซือเฉิงยวี่ก็มีวิธีที่จะพามู่หวันฉีออกมาได้!