มู่นวลนวลไม่รู้ว่าวันนั้นเสี่ยวชูเหอไปหาเธอ
เรื่องนี้โม่ถิงเซียวไม่เคยเอ่ยขึ้นมา
เพราะว่ามู่นวลนวลรับสายโทรศัพท์ เท้าที่ก้าวเดินก็ช้าลง เดิมทีเดินพร้อมกันกับโม่ถิงเซียว ต่อจากนั้นเขาก็เดินตกอยู่ข้างหลังโม่ถิงเซียวไปสองก้าว
มู่นวลนวลได้ยินคำพูดของเสี่ยวชูเหอ อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองโม่ถิงเซียว
โม่ถิงเซียวรู้สึกได้ว่าเธอไม่เดินอยู่ข้างๆเขา หันหน้ากลับไปมองเธอพอดี
พบว่าเธอกำลังคุยโทรศัพท์และจ้องมองตัวเอง เขาเลิกคิ้วขึ้น“รีบเข้ามา”
“นวลนวล?”เสียงของเสี่ยวชูเหอดังขึ้นมาจากปลายสายโทรศัพท์“ลูกเป็นอะไรทำไมไม่พูด?”
“ไม่มีอะไรก็วางสายเถอะ”มู่นวลนวลพูดจบก็ยิ้มเย็น ก็ตัดสายโทรศัพท์ไป เดินไปถึงข้างกายโม่ถิงเซียว
โม่ถิงเซียวรู้สึกได้ว่าอารมณ์ของเธอไม่ปกติ เลิกคิ้วขึ้นแต่ก็ไม่ได้ถาม เพียงแค่จูงมือเธอไปที่ห้องอาหาร
นั่งลงด้านหน้าโต๊ะอาหาร มู่นวลนวลก็ไม่ได้มองโม่ถิงเซียว โม่ถิงเซียวคีบอาหารให้เธอ เธอก็ไม่มีท่าทีโต้ตอบอะไร
ดูเหมือนว่าเธอกำลังจมอยู่ในความรู้สึกของตัวเอง
โม่ถิงเซียวคิดขึ้นมาได้ว่าเธอเพิ่งจะรับสายโทรศัพท์นั่น เดาว่าคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับสายโทรศัพท์นั่น
ทานอาหารเช้าเสร็จ มู่นวลนวลไม่ได้กลับไปที่ห้อง
เธอลุกขึ้นยืนและพูดกับโม่ถิงเซียวหนึ่งประโยค“ฉันไปเดินเล่นที่ลานบ้าน”
ไม่รอให้โม่ถิงเซียวตอบสนองกลับ เธอก็เดินตรงออกไปด้านนอก
โม่เจียเฉินวิ่งเข้ามานั่งลงข้างๆโม่ถิงเซียว“พี่นวลนวลไปไหน พี่ไม่ไปด้วยกัน?พวกพี่สองคนเหมือนตัวติดกัน ผมเองยังไม่มีโอกาสที่จะเล่นกับพี่นวลนวล…”
โม่ถิงเซียวไม่ได้พูดจา และก็ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
โม่เจียเฉินรู้สึกว่าไม่สนุก กำลังจะลุกขึ้นออกไป ได้ยินโม่ถิงเซียวเรียกเขา“นายช่วยออกไปดูเธอให้ฉันหน่อย อย่าให้เกิดเรื่อง”
ถึงอย่างไรมู่นวลนวลก็ไม่คุ้นเคยกับบ้านเก่า เขายังกลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรที่เกินความคาดหมาย
โม่เจียเฉิยเปิดปากพูดด้วยจิตใต้สำนึก“ทำไมพี่ไม่ไปเอง พวกพี่ทะเลาะกัน?”
ผลลัพธ์คือคำพูดของเขาก็ทำให้โม่ถิงเซียวมองเขาด้วยสายตาเย็นชา โม่เจียเฉินทำหน้าหวาดกลัว ลุกขึ้นวิ่งออกไป
โม่ถิงเซียวมองดูโม่เจียเฉินที่หายไปด้านนอก จึงเม้มปากถอนสายตากลับมา
ก่อนหน้านี้มู่นวลนวลรับสายโทรศัพท์และใช้สายตามองเขา ค่อนข้างซับซ้อน ทำให้เขามองไม่เข้าใจความรู้สึกเธอ
หรือว่าเขายังไม่ต้องไปหาเธอ รอให้ความรู้สึกเธอสงบลงก่อน เป็นธรรมชาติที่จะยินยอมพูดกับเขา
…
โม่เจียเฉินไปถึงในลานบ้าน ก็พบมู่นวลนวลอยู่ในศาลา
บ้านเก่าคือก่อสร้างแบบโบราณ ดังนั้นในลานบ้านก็สร้างสระว่ายน้ำกับศาลาไว้
มู่นวลนวลนั่งพิงเสาของศาลา นั่งมองน้ำอย่างใจลอย
“พี่นวลนวล พี่ดูอะไรอยู่?”
โม่เจียเฉินวิ่งเข้ามา พอดีกับที่มีลมพัดเข้ามา เขาก็สั่นเทาเล็กน้อย“หนาวจัง”
“นายตามฉันมาทำไม?”มู่นวลนวลเงยหน้ามองเขา
โม่เจียเฉินนำหมวกที่ติดกับเสื้อหนาวใส่ นั่งลงด้านข้างมู่นวลนวล“พี่ชายให้ผมมา”
มู่นวลนวลยกยิ้มมุมปาก ไม่ได้พูดจา
“พวกพี่ทะเลาะกันเหรอ?”โม่เจียเฉินรู้สึกได้ว่ามู่นวลนวลไม่ค่อยสบายใจ
มู่นวลนวลส่ายหน้า“ไม่ใช่”
โม่ถิงเซียวไม่ได้บอกเธอเรื่องที่เสี่ยวชูเหอมาหาเธอ เป้าหมายคือทำเพื่อเธอ นี้ก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร
เธอไม่ถึงขนาดว่าเพราะเรื่องนี้จะทะเลาะกับโม่ถิงเซียว
ถึงแม้ว่าเวลานั้นเธอรู้ว่าเสี่ยวชูเหอมาหาเธอ เธอก็คงจะไม่เก็บเอาเสี่ยวชูเหอมาเลี้ยงแน่นอน ประมาณว่าสามารถให้คนไปส่งเสี่ยวชูเหอกลับตระกูลมู่
สมมุติว่าเสี่ยวชูเหอไม่กลับตระกูลมู่ ประมาณเธอสามารถจะเปิดห้องที่โรงแรมให้เสี่ยวชูเหอพัก
แต่ความคิดของโม่ถิงเซียว ก็ไม่ได้ทำเกินไป
ถึงอย่างไรเขากับคนของตระกูลโม่ไม่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน ก็ไม่ต้องพูดถึงเสี่ยวชูเหอ
เพียงแต่ ในใจมู่นวลนวลก็ยังอึดอัดใจ
ไม่ว่าจะพูดยังไง เสี่ยวชูเหอคือแม่ที่ให้กำเนิดของมู่นวลนวล โม่ถิงเซียวไล่เสี่ยวชูเหอให้กลับไป ก็ควรจะบอกเธอสักคำ
โม่ถิงเซียวดูเหมือนเย็นชา แต่เป็นคนที่รู้ใจรอบคอบ
วิธีของเขาแบบนี้ ทำให้มู่นวลนวลตระหนักขึ้นมา ทั้งสองคนไม่ได้อยู่ในฐานะที่เท่าเทียมกัน
โม่ถิงเซียวสามารถตัดสินใจแทนเธอ และไม่นำเรื่องนี้มาบอกเธอ เป็นเพราะว่าในใจของเขา เธอเป็นคนที่ไม่สามารถจัดการกับเรื่องเหล่านี้ได้ด้วยตัวเอง
คิดอย่างละเอียด เธอไม่มีอะไรเลยจริงๆ
ไม่มีการงานที่ดี และไม่มีความสามารถพิเศษ และยังไม่ฉลาด
ดังนั้นโม่ถิงเซียวใช้วิธีของตัวเองทำแทนเธอไล่เสี่ยวชูเหอกลับไป เขาไม่คิดว่าจะต้องบอกเธอด้วยซ้ำ
เธอกับโม่ถิงเซียวอยู่ห่างไกลมาก นอกจากโม่ถิงเซียวนิสัยแปลกกว่าคนธรรมดา อย่างอื่นเขาก็ไร้ที่ติ
เธอรู้ว่าจากเป้าหมายของเขาบางทีอาจจะทำเพื่อเธอ…
แต่บ่อยครั้ง มีบางเรื่องไม่สามารถมองแค่ภายนอก ไม่สามารถมองแค่เขาทำเพื่อเธอเท่านั้น
ทั้งสองคนที่ไม่ได้อยู่ในฐานะเดียวกัน ยากมากที่จะไปได้ไกล
ช่วงเวลานี้ เธอค่อนข้างพึ่งพาโม่ถิงเซียว
เธอไม่อยากเป็นดอกไม้ที่สวยแต่ไร้ความสามารถ เพียงแค่อยู่รอบตัวผู้ชาย ให้ผู้ชายจัดการชีวิตเธอทั้งหมด
โม่เจียเฉินเอียงหน้ามอง ท่าทางเลิกคิ้วขึ้นและไตร่ตรอง“งั้นพวกพี่เป็นอะไรกัน?”
มู่นวลนวลเผลอยิ้มออกมา“เด็กน้อยไม่ควรสนใจอะไรมาก”
โม่เจียเฉินหน้ามุ่ย ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ยกขึ้นมา เปรียบเทียบเป็นเลขแปด “อย่าเรียกผมว่าเด็กน้อยบ่อยๆ พี่ก็แก่กว่าผมแค่แปดปีเท่านั้นเอง คิดตามลำดับ พวกเรายังเป็นคนรุ่นเดียวกัน จะเป็นเด็กน้อยได้ยังไงกัน
มู่นวลนวลส่งเสียงหึออกมา“หนาวเกินไปแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ”
เมื่อกี้ที่ออกมายังไม่หนาว ตอนนี้เธอรู้สึกว่าหนาวขึ้นมาแล้ว
เธอกับโม่เจียเฉินเพิ่งจะออกมาจากศาลา ก็มองเห็นโม่ถิงเซียวหยิบเสื้อโค้ทของเธอเดินตรงเข้ามา
มู่นวลนวลเพิ่มความเร็วเดินเข้ามา“โม่ถิงเซียว”
โม่ถิงเซียวขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม เหมือนกับแยกออกไม่ได้
เขานำเสื้อโค้ทคลุมให้บนตัวเธอเงียบๆ
ทั้งสองคนเดินตรงเข้าไปข้างใน
โม่ถิงเซียวนึกว่ามู่นวลนวลจะพูดอะไรกับเขา ผลลัพธ์คือเธอไม่ได้พูดจา
เขาคิดขึ้นมาได้ มู่นวลนวลผู้หญิงคนนี้ความจริงเป็นคนที่สามารถซ่อนเรื่องราวไว้ในใจ
ถ้าหากรู้ล่วงหน้าแล้ว เขาก็น่าจะถามเธอไปตามตรง และไม่ใช่ให้โอกาสเธอได้เงียบ
เธอออกมาเดินรอบๆ หลังจากที่สงบลง กลับจะไม่นำเรื่องราวบอกกับเขา
มู่นวลนวลคิดขึ้นมาได้เวลานั้นฉินซุ่ยซานทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้เธอ
ถึงแม้ว่าในเวลานั้นเธอจะปฏิเสธฉินซุ่ยซานอย่างชัดเจน แต่ก็นำเบอร์โทรศัพท์ของฉินซุ่ยซานเก็บเอาไว้
เฉินซุ่ยซานเพราะว่าพ่อเขา รอบๆตัวก็มีคนจำนวนมากที่ให้เกียรติเธอ
ฉินซุ่ยซานพูดว่าจะยอมช่วยเธอเป็นคนกลางคอยชักนำ เพียงแค่คำพูดนี้จริงใจ ก็สามารถช่วยมู่นวลนวลหาคนที่เชื่อถือได้
มู่นวลนวลหาเบอร์โทรศัพท์ของฉินซุ่ยซานเจอ คิดไปคิดมาก็ไม่ได้โทรศัพท์ไปโดยตรง แต่ใช้เบอร์โทรศัพท์ค้นหาวีแชทของฉินซุ่ยซาน
ทันใดนั้นจะโทรศัพท์หาฉินซุ่ยซาน ก็รู้สึกเขินอายแน่นอน
เพิ่มวีแชทก่อน ก็ถือว่าเป็นการหยั่งเชิงที่นุ่มนวล
มู่นวลนวลส่งคำขอร้องเพิ่มไปแล้ว เขียนชื่อของตัวเองลงไปในข้อความเพิ่มเติม
ถึงอย่างไรวันนี้ก็เป็นวันส่งท้ายปีวันที่สาม เธอนึกว่าฉินซุ่ยซานใช้เวลานานจึงจะตอบรับกลับมา หรือว่าอาจจะไม่สนใจ
แต่ข้อความของเธอเพิ่งจะส่งออกไปไม่นาน ก็ถูกได้รับการยืนยันแล้ว