จูบของโม่ถิงเซียวลดลงตามมุมริมฝีปากของเธอ ตอนเขาจูบมาถึงที่คอของเธอก็ถูกมู่นวลนวลยื่นมือออกมาขวางไว้ก่อน: ” กินข้าว ”
” ฉันกินอย่างอื่นก่อนได้นะ ” เสียงของโม่ถิงเซียวทุ้มแหบ เขาพูดไปด้วยเเละก้มลงไปจูบที่มือของเธอไปด้วย
เขาจูบมือเธออย่างเเผ่วเบาครั้งเเล้วครั้งเล่า เขาอดทนและรักใคร่ คล้ายกับว่าเขาจะไม่ยอมแพ้จนกว่าเธอจะขยับมือออกไป
มู่นวลนวลหน้าร้อนฉ่า เเต่เธอก็ไม่ปล่อยให้โม่ถิงเซียวทำอะไรที่ไม่เกรงใจ
เธอยื่นมือออกไปผลักหัวโม่ถิงเซียว: ” จะกินข้าวดีๆหรือกลับไปกินเองที่บ้าน ”
ลำคอของโม่ถิงเซียวเลื่อนลงอย่างยากลำบาก เขาฝังศีรษะไว้ที่ไหล่ของเธอเเละปรึกษากับเธออย่างจริงจัง: ” ฉันสัญญาว่าจะกินไม่เยอะ? ”
มู่นวลนวลยิ้มไม่ออก เรื่องแบบนี้ปรึกษากันแบบนี้ก็ได้หรอ?
เเละเเน่นอนว่าผลสุดท้ายมู่นวลนวลไม่เห็นด้วย
ทั้งสองคนจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่สักครู่เเละไปนั่งทานข้าวที่โต๊ะอาหาร
อพาร์ทเมนท์ของมู่นวลนวลเป็นห้องเดี่ยวที่มีห้องนอนหนึ่งห้องที่มีห้องอาหารเชื่อมกับห้องรับเเขก
เเละโต๊ะกินข้าวก็เล็กมาก
มู่นวลนวลไม่ได้จงใจทำแบบขอไปที เธอเเค่ทำอาหารง่ายๆสองจานตามนิสัยการกินตามปกติของเธอ
โม่ถิงเซียวกินเยอะเเละเร็ว เเต่ก็ไม่ได้กินแบบหยาบคายแบบนั้น กลับดูเหมือนเขากำลังมีความสุขอย่างไรอย่างนั้น
เรื่องของนิสัยเฉพาะตัวเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ เเต่ถ่ายทอดด้วยคำพูดไม่ได้จริงๆ
ต่อให้เธอรู้ว่าผู้ชายตรงหน้าเป็นคนเจ้าอารมณ์ เเต่นิสัยเฉพาะตัวของเขากลับไม่สามารถปกปิดได้
หลังจากที่มู่นวลนวลกินข้าวเสร็จ เธอก็เอนตัวพิงเก้าอี้อย่างเกียจคร้านเเละมองเขากินข้าว
นานเเล้วที่ทั้งสองคนไม่ได้นั่งกินข้าวด้วยกันอย่างสงบเเบบนี้
พอสังเกตอย่างละเอียด เธอก็พบว่าสีหน้าของโม่ถิงเซียวดูไม่ค่อยดีนัก ดูผอมซูบกว่าเมื่อครั้งที่เเล้วที่เจอเขาเล็กน้อย
มู่นวลนวลมองไปมองมาก็ถามออกไปโดยไม่รู้ตัว: ” ได้กินข้าวตรงเวลาทุกวันไหม? ”
พอพูดออกไป มู่นวลนวลก็เม้มริมฝีปากอย่างไม่สบอารมณ์ทันที: ” ฉันเเค่…… ”
โม่ถิงเซียวเงยหน้ามองเธอ ดวงตาสีดำราวกับน้ำหมึกเป็นประกายและมีความสุขอย่างไม่สามารถปิดบังได้
มู่นวลนวลไม่สามารถพูดสิ่งที่ตามมาได้อีกต่อไป
ก็เเค่ถามอย่างเป็นห่วงเอง ถึงกับต้องดีใจขนาดนั้นเลยหรอ……
” ทานตรงเวลา เเต่ของข้างนอกไม่อร่อยเท่าที่คุณทำ ” โม่ถิงเซียวไม่ถนัดเรื่องการพูดโกหกเพื่อให้น่าฟัง เเต่ตอนที่เขาพูดคำแบบนี้ออกมาอย่างจริงจัง มันจึงฟังดูหวานเป็นพิเศษ
มู่นวลนวลเบนสายตาลง: ” กินเสร็จก็กลับไปได้เเล้ว ”
โม่ถิงเซียวเงียบไปสักครู่ หลังจากนั้นถึงจะพูดขึ้น: ” ล้างจานเสร็จเเล้วค่อยกลับ ”
” ไม่ต้อง…… ” มู่นวลนวลยังพูดไม่ทันจบ โม่ถิงเซียวก็ลุกขึ้นยืนเเละเก็บจานบนโต๊ะอาหารเข้าไปในห้องครัวทันที
มู่นวลนวลยืนขึ้นเเละกำลังจะห้ามเขา ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูที่ดังมาจากด้านนอกสะก่อน
ดึกขนาดนี้เเล้วใครมาอีกล่ะเนี่ย
มู่นวลนวลส่องตาเเมวก็พบว่าเป็นเซินเหลียง
เธอเปิดประตูเเละพูดถามอย่างแปลกใจนิดหน่อย: ” เสี่ยวเหลียง ทำไมมาดึกขนาดนี้ล่ะ? ”
เซินเหลียงมีสีหน้าเหนื่อยล้าเล็กน้อย เเละเห็นได้ชัดว่าเธอมาหามู่นวลนวลทันทีหลังจากที่ถ่ายโฆษณาเสร็จ
เธอยกเท้าเตะกล่องที่วางอยู่บนพื้นเเละพูดขึ้น: ” คนที่กองถ่ายเอาลิ้นจี่มาจากบ้านเกิดเเละเอามาให้ฉันสองกล่อง ขากลับฉันผ่านทางนี้พอดี จึงเอามาให้เธอหนึ่งกล่อง ”
เซินเหลียงพูดไปด้วยเเละแทรกตัวเข้าไปในห้องของมู่นวลนวลไปด้วย
มู่นวลนวลเดินตามอยู่ด้านหลัง เธอนั่งยองๆแล้วกอดกล่องลิ้นจี่เข้าไปในบ้าน: ” ดึกขนาดนี้เเล้วยังจะมาอีก เธอให้ฉันไปเอาเองก็ได้นี่นา ”
” เธอไม่ได้มีรถสักหน่อย ขากลับฉันผ่านทางนี้พอดีจึงเอามาให้เธอเลย ” เซินเหลียงเดินตรงไปที่โซฟา พอเดินถึงโซฟาเธอก็นั่งลงไปทันที
เเละในตอนนี้ เสียงของโม่ถิงเซียวก็ดังมาจากในห้องครัว: ” มู่นวลนวล ไม่มีน้ำยาล้างจาน ”
ห้องครัวอยู่ใกล้กับประตูห้อง เมื่อสักครู่ที่ทั้งสองคนเดินเข้ามาก็ต้องเดินผ่านข้างห้องครัวเช่นกัน เเต่เพราะเซินเหลียงมัวเเต่คุยกับมู่นวลนวล ดังนั้น เธอจึงไม่รู้ว่ายังมีคนอยู่ในห้องครัว
ความเงียบเข้าปกคลุมในอากาศทันที
เซินเหลียงหันไปมองมู่นวลนวลทันที ในสายตาของเธอมีคำว่า ” เธอซ่อนผู้ชายเอาไว้ ” เขียนอยู่เต็มไปหมด
มู่นวลนวลยิ้มไม่ออก เธอกำลังจะพูด เเต่สายตาของเธอกลับเห็นโม่ถิงเซียวเดินออกมาจากในห้องครัวเสียก่อน
เมื่อสักครู่ที่เขาบอกมู่นวลนวลว่าไม่มีน้ำยาล้างจาน รอสักพักใหญ่ก็ไม่ได้คำตอบจากมู่นวลนวลสักที เขาจึงเดินออกมาเอง
พอเขาออกมาก็เจอเข้ากับเซินเหลียง
เซินเหลียงเห็นโม่ถิงเซียว รวมทั้ง……ผ้ากันเปื้อนลายดอกไม้สีชมพูที่อยู่บนตัวเขา
เซินเหลียงเป็นคนพามู่นวลนวลไปซื้อผ้ากันเปื้อนลายดอกไม้อันนี้เอง ตอนที่มู่นวลนวลเพิ่งกลับมาเธอไม่ค่อยมีกะจิตกะใจทำอะไรสักเท่าไหร่ เซินเหลียงจึงลากมู่นวลนวลไปซื้อของด้วยกัน
ชายร่างสูงใหญ่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงขายาวสีดำ ด้านนอกใส่ด้วยผ้ากันเปื้อนลายดอกไม้สีชมพู เขาเดินออกมาจากห้องครัวโดยพับแขนเสื้อขึ้น……
ฉากเหตุการณ์นี้ดูเหมือนอยู่ในบ้านที่อบอุ่นมากกว่า
เเต่พออยู่บนตัวโม่ถิงเซียวจึงรู้สึกแปลกนิดหน่อย
ต่อให้เขาคาดผ้ากันเปื้อนลายดอกไม้สีชมพู ก็ไม่อ่อนโยนเลยสักนิด กลับยังคงมีออร่าตลอดเวลา
เซินเหลียงลุกขึ้นจากโซฟาอย่างละเมอเเละเรียกเขาทันที: ” บอสใหญ่? ”
” อืม ” โม่ถิงเซียวขานรับเเละหันไปมองมู่นวลนวล: ” น้ำยาล้างจานล่ะ? ”
บรรยากาศออกจะอบอวลไปหน่อย
” อยู่ในตู้ ” มู่นวลนวลมองเซินเหลียงนิดหน่อย หลังจากนั้นเธอก็เดินไปที่ห้องครัว: ” ฉันไปหยิบให้คุณเอง ”
เคาเตอร์ในครัวแคบมาก เเละมู่นวลนวลก็ใส่ของไว้ในตู้มากมาย
เธอหยิบน้ำยาล้างจานออกมาเเละเงยหน้ามองโม่ถิงเซียว: ” คุณ……ยังไงก็กลับไปก่อนเถอะ ”
” ล้างจานเสร็จเเล้วค่อยกลับ ” โม่ถิงเซียวหยิบน้ำยาล้างจานในมือของมู่นวลนวลด้วยสีหน้านิ่งๆ หลังจากนั้นเขาก็เดินไปที่อ่างล้างมือเเละเริ่มทำการล้างจานทันที
โม่ถิงเซียวไม่เคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อน พอทำเเล้วจึงดูห่างเหินอย่างเห็นได้ชัด เเต่เขากลับตั้งใจล้างเป็นพิเศษ
โม่ถิงเซียวรักษาคำพูด หลังจากที่ล้างจานเสร็จเเล้วเขาก็ไม่ได้อยู่ต่อ เเละกลับไปทันที
เซินเหลียงที่เห็นกระบวนการทั้งหมด จนกระทั่งโม่ถิงเซียวกลับไป เเต่เธอเหมือนยังคงละเมออยู่: ” เกิดอะไรขึ้นกลับพวกเธอ? ตกลงว่าห่างกันเเล้วหรือยังไม่ห่าง? ”
เซินเหลียงไม่เข้าใจพวกเขาสองคน
มู่นวลนวลแกะกล่องลิ้นจี่ไปด้วยเเละพูดไปด้วย: ” แยกกันอยู่ชั่วคราว ”
เซินเหลียงลองพูดถามอย่างลองเชิง: ” งั้นก็แสดงว่าพวกเธอยังมีความรู้สึกต่อกันน่ะสิ? ”
มู่นวลนวลชะงักไปเล็กน้อย หลังจากนั้นก็พยักหน้า: ” อืม ”
ก่อนหน้านี้ที่เธอหนีไปอยู่ที่ต่างประเทศ ไม่ใช่เพราะเธอไม่รักโม่ถิงเซียว
เเต่เพราะเธอไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองถูกควบคุมและสูญเสียความเป็นตัวเองไปโดยสิ้นเชิง เพียงเพราะเธอรักใครสักคน
ในความสัมพันธ์นี้ เธอต้องการทำให้ตัวเองและโม่ถิงเซียวอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน และไม่ยอมปล่อยให้โม่ถิงเซียวควบคุมเธอได้ตลอดไป