ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – บทที่ 325 มีคนอื่น

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ปล่อยให้โม่ชิงโกรธมากจนควันขึ้นหัว โม่ถิงเซียวก็ยังคงดูเยือกเย็นและสงบนิ่ง:“แต่ตอนนี้ฉันยังไม่รับรู้ถึงคุณประโยชน์ที่โม่กรุ๊ปมอบให้ฉัน”

โม่ชิงเฟิงตะคอกอย่างเย็นชา:“ที่แกกินที่แกใช้ รวมทั้งชื่อเสียงของแก มีอะไรที่ตระกูลโม่ไม่ได้มอบให้แก!”

“ฉันไม่เอาสิ่งเหล่านี้ก็ได้ ต่อให้ไม่มีตระกูลโม่ ฉันก็ยังคงเป็นโม่ถิงเซียว แล้วคุณล่ะ?ถ้าไม่มีตระกูลโม่ คุณจะเป็นใคร?” โม่ถิงเซียวพูดอย่างตรงไปตรงมามากเกินไป จนแทบจะฉีกหน้าโม่ถิงเซียว

“แกคิดว่าตัวเองปีกกล้าขาแข็งแล้ว?” หลังจากที่โม่ชิงเฟิงพูดจบก็หัวเราะอย่างเย็นชา :“แกก็สามารถลองลงมือกับโม่กรุ๊ปได้นะ”

บรรยากาศในห้องอาหารเริ่มตึงเครียด

ทั้งสองคนนั่งมองหน้ากันอยู่สักพัก ก่อนที่โม่ถิงเซียวจะกัดฟันพูดออกมาประโยคหนึ่ง:“ลูกสาวของฉันอยู่ที่ไหน?”

“ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าลูกสาวของแกอยู่ที่ไหน?เธอไม่ได้ถูกแกซ่อนไว้หรอ?” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของโม่ชิงเฟิง แต่รอยยิ้มนั้นยังไม่ถึงก้นบึ้งดวงตาของเขา

โม่ถิงเซียวกำหมัดแน่นอยู่ใต้โต๊ะ และมีกลิ่นอายเยือกเย็นปรากฏขึ้นที่หว่างคิ้วของเขา

ในความทรงจำของโม่ชิงเฟิง อันที่จริงตอนที่โม่ถิงเซียวเป็นเด็ก เขาค่อนข้างน่ารัก แต่หลังจากการตายของแม่เขา ทั้งสองคนพ่อลูกยิ่งนานก็ยิ่งกลายเป็นคนแปลกหน้า

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ออร่าบนตัวโม่ถิงเซียวยิ่งนานก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าเป็นลูกชายแท้ๆของเขา แต่ส่วนใหญ่แล้วจะทำให้เขาไม่สามารถหยั่งรู้ได้เลย

ด้วยเหตุนี้ทำให้บางครั้งโม่ชิงเฟิงก็รู้สึกหวาดกลัวโม่ถิงเซียว

แต่โม่ถิงเซียวมีจุดอ่อนที่อันตราย นั่นก็คือความรักที่มากเกินไป

ตราบใดที่เขาจับกุมจุดอ่อนของโม่ถิงเซียวไว้ก็เพียงพอที่จะควบคุมเข้าได้

เมื่อนึกถึงตรงนี้ สีหน้าของโม่ชิงเฟิงก็เปลี่ยนเป็นมีเลศนัย :“หลานสาวของฉันต้องเป็นเด็กน้อยที่น่ารักแน่ๆ ถ้ามีเวลาอย่าลืมพากลับไปที่บ้านเก่านะ ถึงอย่างไรก็เป็นสายเลือดของตระกูลโม่ ความขัดแย้งระหว่างเรา ไม่เกี่ยวกับเธอ”

หลังจากที่เขาพูดจบก็เหลือบไปมองโม่ถิงเซียวอย่างลึกซึ้ง แล้วลุกขึ้นเดินออกไป

เมื่อโม่ชิงเฟิงออกไป คนรับใช้ที่ยืนอยู่นอกห้องอาหารก็เรียกด้วยความเคารพ “คุณโม่”

ในวินาทีถัดมาก็มีเสียงจานแตกตกลงที่พื้นในห้องอาหาร

เสียงนั้นคมชัดและแสบแก้วหู

คนรับใช้เดินเข้ามาด้วยความตื่นตระหนก และเห็นโม่ถิงเซียวก้มหน้าและโค้งตัวลง ฝ่ามือทั้งสองวางอยู่บนโต๊ะอาหาร และกลิ่นอายความดุร้ายก็ปกคลุมไปทั่วตัวของเขา

ที่พื้นมีของกระจัดกระจาย มีทั้งเศษอาหารที่กินไม่หมดและเศษถ้วยชามที่แตก มองดูก็รู้ว่าโม่ถิงเซียวกวาดสิ่งของเหล่านั้นตกลงมาที่พื้น

คนรับใช้เดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวังและไม่กล้าถามเยอะ:“คุณชายโม่ ฉันจะทำความสะอาดตรงนี้หน่อย……”

โม่ถิงเซียวไม่สนใจเธอ

เมื่อคนรับใช้เห็นว่าโม่ถิงเซียวไม่สนใจเธอ เธอจึงเรียกให้คนรับใช้อีกสองคนเข้ามาทำความสะอาดในห้องอาหาร

โม่ถิงเซียวนั่งหัวห้อย แววตาของเขาดูกระหายเลือดและโหดร้าย

สิ่งที่โม่ชิงเฟิงพูด แสดงให้เห็นว่าถึงแม้เขาจะปฏิเสธว่าไม่ได้จับตัวโม่มู่ไป แต่ประโยคสุดท้ายนั้นเป็นการข่มขู่เขาอย่างชัดเจน

เห็นได้ชัดถึงนัยยะที่แฝงอยุ่ในคำพูดของโม่ชิงเฟิง ถ้าพวกเขาทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน โม่มู่ก็จะไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน

สิ่งที่ตรงกันข้ามคือยากที่จะพูดว่าเขาจะปฏิบัติกับโม่มู่อย่างไร

เขาถือไพ่เหนือกว่า เป็นคำอธิบายที่ดีที่สุดอยู่แล้ว

โม่มู่ถูกโม่ชิงเฟิงจับตัวไป และจุดประสงค์ของเขาคือใช้โม่มู่เพื่อข่มขู่โม่ถิงเซียว

แม้ว่าความสัมพันธ์ของเขาและโม่ชิงเฟิงจะเย็นชามาก แต่ต่างฝ่ายต่างก็ยังไม่เคยลงมือกันจริงๆ

เขาคิดไม่ถึงว่าโม่ชิงเฟิงจะมุ่งเป้ามาที่โม่มู่

โม่ชิงเฟิงสามารถทำได้ทุกอย่าง และโม่ถิงเซียวก็ยิ่งแน่ใจว่าโม่ขิงเฟิงต้องปกปิดความจริงบางอย่างเกี่ยวกับแม่ของเขาในตอนนั้น

และเรื่องของเจ้าสัวโม่ก็ต้องมีอะไรปิดบังด้วยเช่นกัน

แต่เรื่องราวก็เป็นไปตามลำดับ

โม่ถิงเซียวคิดว่านอกจาก “อุบัติเหตุ” เป็นไปได้มากว่าจะเป็นที่มาของคดีลักพาตัวในปีนั้น

……

ไม่รู้ว่าซือเฉิงยวี่กับโม่เจียเฉินเกลี้ยกล่อมโม่เหลียนยังไง ในคืนวันนั้นโม่เหลียนถึงตัดสินใจกลับมาเซี่ยงไฮ้กับพวกเขา

แต่ถึงอย่างไรโม่ถิงเซียวไม่สนใจเหตุผล

เขากับซือเย่ขึ้นเครื่องบินกลับมาเซี่ยงไฮ้กลางดึก

ทันทีที่โม่ถิงเซียวกลับมาถึงเซี่ยงไฮ้ เขาก็ตรงไปหามู่นวลนวล

แต่เมื่อเขาไปที่ห้องพักของมู่นวลนวล เขากลับพบเพียงว่างเปล่า

มู่นวลนวลไม่อยู่บ้าน เขาจึงต้องโทรหาเธอ

ทันทีที่รับสาย เขาก็ถามว่า:“อยู่ที่ไหน?”

ช่วงนี้มู่นวลนวลยุ่งอยู่กับงาน และใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่กองถ่าย บางครั้งเธอก็ตามฉินซุ่ยซานไปที่กองถ่ายอื่น

ตอนที่โม่ถิงเซียวโทรศัพท์หาเธอ เธอกับฉินซุ่ยซานก็เพิ่งกลับมาจากกองถ่ายภาพยนตร์เรื่องเมืองที่สาบสูญ

เมื่อมู่นวลนวลได้ยินเขาพูดอย่างนั้น เธอก็ถามด้วยความประหลาดใจ :“คุณกลับมาแล้ว!”

น้ำเสียงของเธอดูตื่นเต้นดีใจ เขาขมวดคิ้ว จากนั้นความตึงเครียดของเขาก็หายไป :“อยู่ไหน ฉันจะไปหาเธอ”

มู่นวลนวลมองไปรอบๆ และวิ่งไปคุยโทรศัพท์ที่มุมมุมหนึ่ง:“ฉันอยู่ที่กองถ่าย ฉันจะกลับไปหาคุณเอง”

โม่ถิงเซียวเป็นคนที่มีชื่อเสียง ที่สตูดิโอมีคนจำนวนมาก โม่ถิงเซียวมาก็คงไม่สะดวก

แต่โม่ถิงเซียวเพิกเฉยต่อข้อเสนอของเธอและตัดสินใจด้วยตัวเอง :“รอฉันนะ”

“คุณจะมาที่นี่ไม่ได้……ฮัลโหล?”มู่นวลนวลหยิบโทรศัพท์มาดู และพบว่าโม่ถิงเซียววางสายไปแล้ว

ในอีกด้านหนึ่ง หลังจากที่โม่ถิงเซียววางสายก็บอกซือเย่ว่า :“ไปที่สตูดิดอ”

ซือเย่พยักหน้า และขับรถไปที่สตูดิโอ

……

เมื่อเขามาถึงสตูดิโอ โม่ถิงเซียวก็สั่งให้ซือเย่กลับไปก่อน

มู่นวลนวลน่าจะขับรถมาเอง ขากลับเขาจะกลับไปกับมู่นวลนวล

เขาไม่รู้ว่ามู่นวลนวลอยู่ที่ไหน จึงทำได้แค่รอเธออยู่ที่ทางเข้าสตูดิโอ

เขายืนอยู่ใต้ต้นไม้ริมถนน และส่งข้อความหามู่นวลนวลว่า :“ฉันถึงแล้ว อยู่ที่ทางเข้า”

ทันทีที่มู่นวลนวลได้รับข้อความเธอก็วิ่งออกไป

เมื่อฉินซุ่ยซานเห็นก็ถามว่า :“นวลนวล วันนี้เธอกลับเร็วจัง?”

มู่นวลนวลวิ่งออกไป และหันกลับมาพูดกับเธอว่า:“ฉันมีธุระนิดหน่อย กลับก่อนนะ”

“โอเค งั้นเธอไปเถอะ”

“บ๊ายบาย”

หลังจากมู่นวลนวลออกมา เธอมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นโม่ถิงเซียว

ทันใดนั้นก็มีผู้ชายใส่เสื้อกันหนาวสีเขียวแขนสั้นเดินเข้ามาหาเธอ

ผู้ชายคนนี้สวมหมวกแก๊ปสีดำ ปีกหมวกถูกกดลงต่ำมากเพื่อปกปิดใบหน้าและสวมกางเกงสแล็กสีดำที่ดุสบายๆ

แม้ว่าจะมองเห็นใบหน้าของเขาไม่ชัดเจน แต่เธอก็สัมผัสได้ถึงออร่าที่เปล่งออกมาจากชายคนนั้น

ดูคุ้นๆ……

จนกระทั่งชายคนนั้นเดินมาข้างหน้าเธอ มู่นวลนวลเบิกตากว้างและไม่อยากจะเชื่อ :“โม่……โม่……”

เธอประหลาดใจมากจนพูดชื่อเขาไม่ออก

โม่ถิงเซียวดึงหมวกขึ้นและเลิกคิ้วมองเธอ เขาพูดด้วยน้ำเสียงไม่สะทกสะท้าน :“ฉันไปต่างประเทศแค่เจ็ดแปดวันเอง เธอก็พูดติดอ่างแล้วหรอ?”

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

Status: Ongoing
พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: “มันน่าเกลียดเกินไป” เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: “ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย” เธอจ้องเขา : “คุณ…คุณทำไม่ได้ … ” ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: “ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท