โม่เหลียนสีหน้าเปลี่ยน:“คุณมู่ เธอเอาแต่โต้เถียงไม่มีเหตุผล”
“งั้นหรอ?ฉันกลับรู้สึกคุณหญิงซือนั่นแหละที่เอาโต้แต่เถียงไม่มีเหตุผล” มู่นวลนวลเลิกเปลือกตาขึ้น และมองด้วยสีหน้าเย็นชา:“ฉันไม่รู้ว่าคุณคิดยังไงกับลูกชายของคุณ ฉันห็นเสี่ยวเฉินเป็นน้องชาย ความสัมพันธ์ของเราไม่ได้ซับซ้อน ถ้าไม่ใช่เพราะซือเฉิงยวี่มาหาฉัน ฉันคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อของเขาจากไปแล้ว ในตอนนี้คุณเป็นทั้งภรรยาเป็นทั้งแม่ แต่ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ได้เสียใจเท่าไหร่ แล้วยังจะมาวุ่นวายกับฉัน ช่างหาได้ยากจริงๆ”
มู่นวลนวลพูดด้วยน้ำเสียงเหน็บแนมอย่างเห็นได้ชัด และโม่เหลียนก็ฟังออก
โม่เหลียนสีหน้าเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก แต่เขาก็ยังไม่ได้พูดมากเกินไป:“เรามาพูดถึงเรื่องนี้กันเถอะ อย่าพูดไร้สาระเรื่องอื่นเลย”
มู่นวลนวลพูดด้วยสีหน้าเมินเฉย:“งั้นก็ไม่ต้องพูดแล้ว”
“เธอ……” โม่เหลียนโกรธ:“ฉันรู้ว่าทำไมถิงเซียวถึงหย่ากับเธอ เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่ไม่มีเหตุผลและไม่มีความรู้ความสามารถ เธอไม่คู่ควรกับถิงเซียวเลยสักนิด”
เมื่อก่อนตอนที่มู่นวลนวลอยู่ที่บ้านตระกูลมู่ เธอสามารถเก็บกดอารมณ์ได้ดีมาก ยิ่งคนอื่นพูดจาไม่น่าฟังมากเท่าไหร่ เธอก็จะยิ่งเยือกเย็นมากเท่านั้น:“คุณมีเหตุผล คุณมีความรู้ความสามารถ คุณก็กลับไปบอกเสี่ยวเฉินว่าให้เขาตัดขาดความสัมพันธ์กับฉัน ดูสิว่าเขาจะยอมหรือไม่ยอม”
ครั้งนี้โม่เหลียนถูกมู่นวลนวลยั่วให้โมโหมาก เธอจึงตะโกนเสียงดัง:“มู่นวลนวล!”
“คุณคิดว่าตัวเองมีเหตุผลมากไม่ใช่หรอ?ถ้าคุณทำเพื่อเสี่ยวเฉิน คุณก็ต้องกลับไปบอกให้เขาตัดขาดความสัมพันธ์และเลิกติดต่อกับฉัน ไม่ต้องออกมาเล่นสนุกกับฉันอีก เพื่อที่จะได้ไม่ส่งผลต่อการเรียนของเขา”
โม่เหลียนค้นพบอย่างชัดเจนว่าเธอไม่ได้พาโม่เจียเฉินออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกนานแค่ไหนแล้ว?
ยิ่งไปกว่านั้นคือโม่เจียเฉินก็เป็นเด็กที่มีความคิด ในใจของเขารู้ว่าการเรียนของตัวเองเป็นยังไง
แน่นอนว่าโม่เหลียนจะไม่ไปพูดเรื่องเหล่านี้กับโม่เจียเฉิน เดิมทีพวกเขาทั้งสองคนมีเรื่องเข้าใจผิดกัน ดังนั้นเธอจึงมาหามู่นวลนวล
เธอไม่สามารถหักล้างเหตุผลที่มู่นวลนวลพูดได้ เธอจึงทำได้เพียงแค่ชี้ไปที่มู่นวลนวลและด่าว่า:“ไร้เหตุผล!”
มู่นวลนวลเอียงหัวและมองไปที่โม่เหลียนด้วยความสนใจ:“คุณหญิงซือในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มด่าว่าฉัน?”
โม่เหลียนโกรธมาก เธอโบกมือและเดินจากไป
มู่นวลนวลมองดูเธอเดินจากไป สีหน้าของเธอก็ค่อยๆสงบลง
เธอรู้สึกว่าโม่เหลียนเรียบง่ายแปลกๆ
หรือว่าเป็นเพราะเมื่อตอนกลางวันที่โม่เจียเฉินไม่สนใจโม่เหลียน แต่ไปเล่นกับเธอ โม่เหลียนก็เลยอิจฉา?
แม้ว่าข้อโต้แย้งนี้จะมีเหตุผล แต่ก็รู้สึกว่าไม่สามารถใช้ได้
ในขณะที่นั่งอยู่บนรถ เธอก็คิดถึงเรื่องก่อนหน้านี้
เธอจำได้ว่าในคืนวันส่งท้ายปีเก่า เธอเห็นโม่เหลียนกับโม่ชิงเฟิงทำลับๆล่อๆแล้วเข้าไปในห้อง ตอนนี้มาคิดๆดูแล้วอาจเป็นไปได้ว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของซือเฉิงยวี่
ถึงอย่างไรเรื่องที่ซือเฉิงยวี่เป็นลูกนอกสมรสของโม่ชิงเฟิง เดิมทีก็ไม่มีใครรู้ใครเห็น
เดิมทีโม่ถิงเซียวไปที่ประเทศ M ก็เพียงเพื่อพิสูจน์เรื่องราวชีวิตของซือเฉิงยวี่ แต่ซือหมิงฮวนเกิดประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์
แต่ทำไมพวกเขาต้องทำร้ายเจ้าสัวโม่ด้วยล่ะ?
ในบรรดาลูกหลานทั้งหลาย ถึงแม้ว่าเจ้าสัวโม่จะรักโม่ถิงเซียมากที่สุด แต่เขาก็ดีกับซือเฉิงยวี่และคนอื่นๆไม่น้อย และเขาก็ให้ทุกอย่างตามสมควร
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าซือเฉิงยวี่เป็นลูกนอกสมรสของโม่ชิงเฟิง แต่ก็คงจะไม่มีอะไร
ซือเฉิงยวี่ก็แค่เปลี่ยนจากหลานชายตาเป็นหลานชายปู่เท่านั้น แม้ว่าเจ้าสัวโม่จะโกรธ แต่ก็ต้องยอมรับเขาอย่างแน่นอน
มู่นวลรู้สึกว่าเรื่องของเจ้าสัวโม่ยังมีลับลมคมในอยู่มาก
ระหว่างทางเธอบอกให้คนขับรถขับตรงไปที่บ้านของโม่ถิงเซียว
……
โม่ถิงเซียวกลับมาดึกมากเช่นเคย
แต่คราวนี้มู่นวลนวลไม่ได้หลับ เธอรอเขาอยู่ที่ห้องรับแขก
เมื่อโม่ถิงเซียวกลับมา มู่นวลนวลก็กำลังนั่งดูรายการวาไรตี้ในโทรศัพท์ของเธออยู่บนโซฟาในห้องรับแขก
หนึ่งในนั้นมีเซินเหลียงมาเป็นแขกรับเชิญ
ในคอมเม้นบอกว่ารายการว่าไรตี้ของเซินเหลียงดีมาก
โม่ถิงเซียวเปิดประตูแล้วเดินเข้ามา เมื่อเห็นว่ามู่นวลนวลนั่งอยู่บนโซฟา เขาก็ผงะไปครู่หนึ่งแล้วก็เดินเข้าไป
โซฟาหันหลังให้ประตู โม่ถิงเซียวเดินเข้าไปแล้ววางมือลงบนโซฟา จากนั้นก็เอียงหน้าลงไปจูบมู่นวลนวล และพูดด้วยน้ำเสียงดีใจว่า:“ไม่ได้เจอเธอสองวันแล้ว คิดถึงจัง?”
มู่นวลนวลปิดวิดีโอแล้ววางโทรศัพท์ลงข้างๆ เธอเอามือตบที่นั่งข้างๆตัวเอง:“มานั่งนี่สิ”
โม่ถิงเซียวเดินอ้อมมานั่งข้างๆเธอ:“มีอะไรหรอ?”
“วันนี้ฉันเจอคุณอาของคุณ ทำให้ฉันนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันส่งท้ายปีเก่า ฉันเห็นเธอกับพ่อของคุณทำลับๆล่อแล้วเข้าไปในห้อง แต่ฉันไม่ได้ยินว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้พอคิดขึ้นมาแล้วฉันก็รู้สึกว่าในตอนนั้นพวกเขาอาจจะคุยกันเรื่องของซือเฉิงยวี่……”
เมื่อมู่นวลนวลพูดถึงตรงนี้ก็หยุดชะงัก และเงยหน้าขึ้นมองโม่ถิงเซียว
โม่ถิงเซียวลูบหัวของเธอ บนใบหน้าของเขาไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เขาพูดด้วยน้ำเสียงต่ำวา:“พูดต่อสิ”
มู่นวลนวลพูดต่อ:“พอวันที่สองก็เกิดเรื่องขึ้นกับคุณปู่ ถ้าแค่เรื่องซือเฉิงยวี่ พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องทำร้ายคุณปู่ แน่นอนว่าต้องมีเรื่องอื่น”
ดวงตาสีเข้มของโม่ถิงเซียวลึกล้ำ ทำให้ดูไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
มู่นวลนวลดึงมือของเขา:“คุณคิดว่าไง?”
หลังจากนั้นไม่นานโม่ถิงเซียวก็พูดว่า:“เธอคิดว่าเพราะเรื่องของซือเฉิงยวี่ ทำให้พวกเขาลงมือกับคุณปู่?”
มู่นวลนวลครุ่นคิดสักพักแล้วพูดว่า:“ตามหลักแล้วจะพูดอย่างนั้นก็ได้ แต่ฉันรู้สึกว่าเหตุผลนี้มันไม่สมเหตุสมผล เรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณปู่ดูมีลับลมคมในมาก”
หลังจากที่มู่นวลนวลพูดจบ เธอก็จ้องมองไปที่โม่ถิงเซียว
โม่ถิงเซียวหันมา เขารินน้ำให้ตัวเองและมู่นวลนวล จากนั้นก็พูดช้าๆว่า:“เธอไม่เคยคิดว่าพวกเขาทำให้คุณปู่เกิดอุบัติเหตุ ไม่เพียงแค่จะจัดการกับคุณปู่ แต่อาจเป็นเพราะพวกเขาเห็นเธอในวันส่งท้ายปีเก่า และคิดว่าเธอรู้ถึงความลับของพวกเขา ดั้งนั้นพวกเขาจึงโยนความผิดให้กับเธอ?”
มู่นวลนวลตกตะลึงจนไม่ได้ยื่นมือไปหยิบแก้วน้ำที่โม่ถิงเซียวส่งให้เธอ
เธอคิดมาตลอดว่าพวกเขาต้องการจัดการกับเจ้าสัวโม่เป็นหลัก และถือโอกาสโยนความผิดให้กับเธอ
มู่นวลนวลคิดว่าคนในตระกูลโม่ต้องการส่งเธอเข้าคุก ถ้าเธอเป็นคนที่โม่ชิงเฟิงและพวกเขาต้องการจัดการ งั้นถ้าเธอเข้าคุก เธอจะยังมีชีวิตอยู่ไหม?
ผลลัพธ์ของเธออาจแย่กว่าเจ้าสัวโม่ก็ได้
ความหนาวเย็นจากก้นบึ้งของหัวใจแผ่ซ่านไปทั่วแขนขา
มู่นวลนวลส่ายหัว และพูดเสียงแหบว่า:“แต่คืนนั้นฉันไม่ได้ยินอะไรเลย”
โม่ถิงเซียวลูบหัวของเธอโดยไม่พูดไม่จา
สิ่งที่เขายังพูดไม่หมดคือสาเหตุที่โม่ชิงเฟิงและพวกเขาคิดหาวิธีจัดการกับมู่นวลนวลนวล
ยังมีอีกสาเหตุหนึ่งคือพวกเขาต้องการทดสอบสถานะของมู่นวลนวลในใจของเขา
ถ้าตอนนั้นเขาความพยายามที่จะปกป้องมู่นวลนวล เมื่อโม่ชิงเฟิงและพวกเขารู้ว่าสำหรับโม่ถิงเซียวแล้วมู่นวลนวลสำคัญมาก โม่ชิงเฟิงและพวกขาก็อาจจะลงมือกับมู่นวลนวลโดยตรง