หลี่จิ่วเหิงยิ้มและยังคงทำหน้าตาท่าทางเหมือนไม่พิษไม่มีภัย เขาเปิดดูวีแชทของเธอต่อหน้าเธอ
เมื่อมู่นวลนวลเห็นว่าเขาเปิดดูวีแชทของเธอจริงๆ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป
หลี่จิ่วเหิงคลิกเขาไปดูโมเมนต์ของเธอแล้วเริ่มแก้ไขข้อความ เมื่อกี้เขาเพิ่งโพสต์รูปนั้นลงไป และยังจะแก้ไขข้อความที่น่าสะอิดสะเอียนด้วย:พี่จิ่วรูปร่างดีมากเลย!
มู่นวลนวล:“……”
ผู้ชายที่แปลกประหลาดคนนี้อาจจะโง่
“ไม่พูด?คุณไม่ถือสา?ถ้าไม่ถือสาผมโพสต์แล้วนะ” เมื่อหลี่จิ่วเหิงเห็นว่าเธอไม่พูด รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็ยิ่งสดใส
มู่นวลนวลรีบห้ามเขา:“เดี๋ยวก่อน!”
“อ้อ ไม่ให้ผมโพสต์หรอ?” หลี่จิ่วเหิงเอานิ้วของเขาวางไว้ข้างบน “โพสต์” แต่ยังไม่ได้โพสต์ออกไป
“คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?ถ้ามีเรื่องอะไรเราก็ค่อยๆคุยกับดีไหม?” ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะเป็นหัวข้อประเด็นร้อนอยู่บ่อยๆ และถือว่าเป็นคนดังในโซเชียล แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องที่ให้ความสนใจกับเธอเป็นพิเศษก็คงไม่รู้ว่าเป็นเรื่องของเธอ
หลี่จิ่วเหิงคนนี้รู้จักชื่อของเธอ รู้ความสัมพันธ์ของเธอกับโม่ถิงเซียว และที่แอบเข้ามาในบ้านของเธอก็ต้องมีจุดประสงค์อย่างแน่นอน
“โอเค มานี่สิ เรามานั่งคุยกันดีดี” หลี่จิ่วเหิงเก็บโทรศัพท์ของเธอไปไว้ข้างหลัง สีหน้าท่าทางของเขาดูจริงจังมาก
มู่นวลนวลยืนอยู่ข้างประตูและไม่ขยับ:“คุณไปใส่เสื้อผ้าก่อนสิ”
เธอสังเกตการณ์อยู่ที่ประตู และเขาไม่กล้ายุ่งวุ่นวาย
เมื่อหลี่จิ่วเหิงได้ยินที่เธอพูดก็พยักหน้าและพูดว่า:“โอเค”
หลังจากนั้นเขาก็ผิวปากและเดินเข้าไปในห้องนอนของมู่นวลนวล
มู่นวลนวลได้แต่กัดฟันแล้วมองดูเขาเดินเข้าไป
การปล่อยให้ชายแปลกหน้าเข้ามาในห้องนอนของเธอนั้น น่าสะอิดสะเอียนยิ่งกว่าการกินแมลงที่กินแอปเปิ้ลเสียอีก
ไม่ว่ายังไงวันนี้ก็ต้องย้ายบ้าน!
ไม่ถึงสองนาทีหลี่จิ่วเหิงก็ออกมาจากห้องของเธอ
เขาสวมเสื้อแขนสั้นสีดำขาวกับกางเกงขายาว เขาทำเหมือนเป็นบ้านตัวเอง ร่างกายมีแผลเป็นเต็มไปหมด เพียงแค่มองไปที่ใบหน้าของเขาก็ทำให้รู้สึกสดชื่นเหมือนได้รับแสงแดดยามเช้า
หลี่จิ่วเหิงนั่งลงบนโซฟา:“ยังยืนทำอะไรอยู่หน้าประตู?มาคุยกันสิ”
“ฉันจะอยู่ตรงนี้ ฉันชอบที่หน้าประตู” มู่นวลนวลไม่ได้ปิดประตู เธอยืนอยู่ข้างประตูอย่างนั้นเหมือนกับว่าไม่มีท่าทีที่จะขยับ
หลี่จิ่วเหิงดูเหมือนจะตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาเอนหลังแล้วกางแขนออกจากกัน เขาเหยียดตัวออกอย่างสบายๆและเอาไหล่วางบนพนักพิงของโซฟา
เขามองไปที่ห้องราวกับกำลังมองหาอะไร:“ลูกของคุณล่ะ?หลังจากที่คุณหย่าโม่ถิงเซียว ลูกก็ถูกโม่ถิงเซียวแย่งไปหรอ?”
เมื่อมู่นวลนวลได้ยินเขาพูดถึงลูก สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที:“คุณเป็นใครกันแน่?”
เรื่องที่เกี่ยวกับโม่มู่ มีแค่คนใกล้ชิดเท่านั้นที่รู้ คนอื่นไม่มีใครรู้แน่ชัด
“เตรียมทำใจไว้ให้ดี กลัวผมมากหรอ?” หลี่จิ่วเหิงยิ้มและมองไปที่เธอ เหมือนกับว่าเขาไม่ได้มีเจตนาที่ดี
“คุณไม่มีเงิน เป็นแค่ผู้หญิงที่ผ่านการหย่าคนหนึ่ง ผมจะสนใจอะไรคุณ?” หลี่จิ่วเหิงมองมาที่เธอ:“อ้อ หน้าตาก็พอใช้ได้ คุณกลัวว่าผมจะข่มขืนแล้วฆ่าคุณหรอ?”
คำพูดเหล่านี้ฟังดูแล้วน่าขนลุก
มู่นวลนวลแปลกใจว่าทำไมเธอถึงรู้สึกว่าเขาจะไม่ทำเรื่องแบบนั้น
มู่นวลนวลจ้องมองเขาและไม่ได้พูดอะไร
หลี่จิ่วเหิงท่าทางดูเสียดาย:“แต่ว่าผมไม่ลงมือกับผู้หญิง ทำให้คุณต้องผิดหวังแล้ว”
มู่นวลยิ้ม:“คุณมาจากที่ไหน?”
เธอสงสัยมากว่าชายคนนี้ออกมาจากโรงพยาบาลจิตเวช
เมื่อหลี่จิ่วเหิงได้ยินอย่างนั้น เขาก็พูดอย่างหน้านิ่งออกมาสองคำว่า:“ออสเตรเลีย”
ออสเตรเลีย?
หลังจากที่คฤหาสน์ของโม่ถิงเซียวถูกไฟไหม้ เซินชูฮันก็ช่วยให้เธอเดินทางไปออสเตรเลีย และนั้นก็เป็นครั้งแรกที่เธอไปออสเตรเลีย
แต่ก่อนหน้านี้หลี่จิ่วเหิงถามเธอว่า “คุณจำฉันไม่ได้หรอ?”
เธอมองไปที่หลี่จิ่วเหิงอยางละเอียดรอบคอบ ไม่รู้ว่ามันเป็นเหตุผลทางจิตวิทยาหรือไม่ เธอรู้สึกคุ้นหน้าของหลี่จิ่วเหิงนิดหน่อย
ก่อนที่เธอจะจำได้ว่าทั้งสองรู้จักกันจริงหรือไม่ เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าข้างหลังเธอ
เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น:“ที่นี่ค่ะคุณตำรวจ”
มู่นวลนวลหันไปและเห็นหญิงชราคนหนึ่งพาตำรวจเดินมาทางนี้
เมื่อหญิงชราเห็นมู่นวลนวลก็ถามด้วยความเป็นห่วง:“หนูไม่เป็นไรใช่ไหม?”
มู่นวลนวลรู้จักหญิงชราคนนี้ เธออยู่เยื้องๆกับฝั่งตรงข้าม บางครั้งเจอกันตอนที่ออกไปข้างนอกก็จะทักทาย
หญิงชราพักอยู่คนเดียวและไม่มีอินเทอร์เน็ต แน่นอนว่าไม่รู้เรื่องของมู่นวลนวล แต่เมื่อเห็นว่ามู่นวลนวลอยู่คนเดียว บางทีเธออาจจะรู้สึกว่าเป็นคนหัวอกเดียวกันก็เลยใจดีกับเธอเป็นพิเศษ
มู่นวลนวลส่งเสียงเรียกเธอ:“คุณยาย”
หญิงชราเดินมาข้างหน้าเธอ และหันไปเห็นหลี่จิ่วเหิงที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟา เธอรีบดึงมู่นวลนวลออกมา:“หนูไม่เป็นไรใช่ไหม?ก่อนหน้านี้ฉันเห็นคนเปิดประตูเข้ามาก็ไม่ได้สนจ ต่อมาฉันเห็นว่ารถของหนูไม่อยู่ และตอนที่หนูกลับมาก็บังเอิญเห็นหนูพอดี แต่เรียกหนูไว้ไม่ทัน ฉันคิดว่ามีขโมยเข้ามาก็เลยโทรแจ้งตำรวจ……”
มู่นวลนวลส่ายหัวรู้สึกสะเทือนใจ:“หนูไม่เป็นไร ขอบคุณค่ะคุณยาย”
“แล้วผู้ชายคนนั้น……” หญิงชราชี้เขาไปในห้อง
มู่นวลนวลเอียงหัวและหลี่จิ่วเหิงก็ยิ้มให้เธอ
มู่นวลนวลเม้มริมฝีปาก:“หนูไม่รู้จักเขาค่ะ”
……
สุดท้ายหลี่จิ่วเหิงก็ถูกตำรวจจับตัวไป
แต่เพื่อเป็นการลงบันทึกประจำวัน มู่นวลนวลก็ตามไปด้วย
“ชื่อนามสกุล?”
“หลี่จิ่วเหิง”
“อาชีพ”
“นักจิตวิทยาด้านอาชญากรรม เพิ่งกลับมาจากออสเตรเลีย และยังไม่ได้ไปทำงาน”
เมื่อตำรวจได้ยินอย่างนั้นก็จดบันทึก
เนื่องจากหลี่จิ่วเหิงถูกนำตัวมาที่สถานีตำรวจในข้อหาบุกรุกเคหสถานอย่างผิดกฎหมาย ดังนั้นหลี่จิ่วเหิงกับมู่นวลนวลจึงต้องลงบันทึกประจำวันที่ในห้องโถง
เมื่อมู่นวลนวลได้ยินก็ถึงกับผงะ
เธอหันไปมองหลี่จิ่วเหิง และดูเหมือนหลี่จิ่วเหิงจะรู้สึกได้ถึงการจ้องมองของเธอ เขาจึงหันไปกระพริบตาให้เธอ
เจ้าหน้าที่ตำรวจลงบันทึกประจำวันให้มู่นวลนวลตาคำให้การของหลี่จิ่วเหิง เขาลุกขึ้นเดินไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกคนที่ลงบันทึกประจำวันให้หลี่จิ่วเหิงและกระซิบอะไรบางอย่างกับเขา
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นก็มีท่าทีที่เปลี่ยนไปในทางที่ดี
เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งเสียงไอเบาๆ และพูดอีกครั้งด้วยน้ำท่าทีที่สุภาพมากขึ้น:“คุณหลี่ ทำไมคุณถึงไปอยู่ในห้องของคุณมู่?”
“ไม่ได้เจอเพื่อนเก่ามานานก็เลยล้อเล่นนิดหน่อย” ในขณะที่พูดหลี่จิ่วเหิงก็ยิ้ม
มู่นวลนวลหันหน้าไปมองเขา
หลี่จิ่วเหิงมองไปที่มู่นวลนวลและหยิบรูปที่เขาถ่ายไว้ก่อนหน้านี้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดู:“อ่ะ ลองดูนี่ ผมกับเธอเป็น ‘เพื่อนกัน’ เป็นเพราะผมกลับมาโดยไม่ได้บอกเธอ ในใจก็เลย……”
เมื่อหลี่จิ่วเหิงพูดคำว่า “เพื่อนกัน” เขาจงใจเน้นเสียงหนักแล้วพยักหน้าให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เป้นการเสื่อผ่านสายตาว่า “คุณเข้าใจนะ”