ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – บทที่ 347 ไม่เคยยื่นกรงเล็บที่แหลมคมใส่เธอเลย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

มู่นวลนวลกับโม่ถิงเซียวหันไปมองกูจื่อหยาน

กูจื่อหยานนั่งลงที่อีกด้านหนึ่งของเตียงผู้ป่วยและพูดว่า:“ในวลานั้นสถานการณ์วุ่นวายซือเย่กับโม่ถิงเซียวมาส่งเธอที่โรงพยาบาล ฉันพาคนไล่ตามซือเฉิงยวี่ไป แต่ก็ตามไม่ทัน”

เมื่อมู่นวลนวลได้ยินอย่างนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป

เธอพยุงตัวเองจะลุกขึ้นนั่งและโม่ถิงเซียวก็ยื่นมือเข้ามาช่วยประคองเธอ

หลังจากที่ยาชาหมดฤทธิ์ เธอก็รู้สึกเจ็บแผลอย่างเห็นได้ชัด

แม้ว่าโม่ถิงเซียวจะช่วยประคองเธออย่างระมัดระวัง แต่มู่นวลนวลก็ยังรู้สึกเจ็บแผลมาก หน้าผากของเธอมีเหงื่อออก แต่สีหน้าของเธอไม่ได้แสดงอาการใดๆ

เธอไม่สามารถแสดงความเจ็บปวดออกมาได้ ไม่อย่างนั้นโม่ถิงเซียวจะยิ่งไม่สบายใจ

แต่โม่ถิงเซียวที่อยู่ตรงหน้าเธอเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบ

เขาลดสายตาลงและเอาผ้าเย็นมาเช็ดเหงื่อที่หน้าผากให้มู่นวลนวล

หลังจากที่มู่นวลนวลนั่งแล้ว เธอก็พูดว่า:“ต้องหาซือเฉิงยวี่ให้เจอ ลูกไม่ได้อยู่ในมือของโม่ชิงเฟิงแล้ว แต่ถูกซือเฉิงยวี่พาตัวไป ตอนนี้ซือเฉิงยวี่เสียสติ เขาไม่ได้มีความคิดเหมือนอย่างคนปกติ……เขาแค่ต้องการให้ทุกคนตกนรกไปกับเขา……”

เมื่อมู่นวลนวลพูดถึงตรงนี้ เธอก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก เธอน้ำตาก็คลอเบ้า

ถ้าลูกอยู่ในมือของโม่ชิงเฟิง ตราบใดที่โม่ชิงเฟิงยังต้องการควบคุมโม่ถิงเซียว เขาก็จะไม่ทำอะไรที่เป็นอันตรายกับลูก

แต่ซือเฉิงยวี่แตกต่างออกไป เขาไม่ได้วางแผนอะไร เขาเพียงแค่ต้องการให้ทุกคนทนเจ็บปวดทรมานเหมือนอย่างเขา

เขาสามารถทำอะไรกับลูกก็ได้ตามอารมณ์ของเขา

มู่นวลนวลรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกที่ลำคอ ทำให้เธอรู้สึกอึดอักและหายใจลำบาก

ทันใดนั้นบรรยากาศในห้องก็ลดลงถึงจุดเยือกแข็ง แล้วก็ไม่มีใครพูดอะไร

โม่ถิงเซียวสีหน้าเคร่งเครียด เขาหันไปรินน้ำให้มู่นวลนวลแก้วหนึ่ง และค่อยๆป้อนให้เธอดื่มอย่างระมัดระวัง

หลังจากที่ป้อนน้ำให้มู่นวลนวลแล้ว เขาก็หยิบผ้าขนหนูเช็ดมุมปากของเธอและพูดอย่างเคร่งขรึม:“ฉันมีวิธีที่จะตามหาซือเฉิงยวี่ เรื่องนี้ยกให้เป็นหน้าที่ฉัน เธอพักผ่อนรักษาแผลให้หาย ฉันจะต้องพาลูกกลับมาก่อนที่เธอจะหายดีอย่างแน่นอน”

เมื่อมู่นวลนวลได้ยินอย่างนั้นก็มองโม่ถิงเซียวด้วยความประหลาดใจ

โม่ถิงเซียวจับมือของเธอไว้แน่นและพูดว่า:“เชื่อฉันนะ”

……

สี่วันต่อมา บาดแผลของมู่นวลนวลหายดีและออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว

หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล มู่นวลนวลพบว่ารถมุ่งหน้าไปที่บ้านเก่าตระกูลโม่

ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาเธอไม่ได้ถามอะไรเกี่ยวกับคดีแม่ของโม่ถิงเซียวในปีนั้น เธอไม่รู้ว่าจะพูดยังไงและโม่ถิงเซียวก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้

ตอนนี้โม่ถิงเซียวกำลังพาเธอกลับไปบ้านเก่า เธอจึงต้องเริ่มจัดการเรื่องนี้

เมื่อลงจากรถมู่นวลนวลก็เห็นซือเย่อยู่ที่หน้าประตูบ้านเก่า

ซือเย่พาบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งมายืนอยู่ที่หน้าประตู และเมื่อเห็นทั้งสองเข้ามาพวกเขาก็พูดด้วยความเคารพ:“คุณชาย คุณหญิง”

แผลของมู่นวลนวลยังไม่ได้ตัดไหม เธอจึงเดินช้ามาก

เมื่อใกล้จะถึงห้อง ในที่สุดเธอก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า:“มีข่าวคราวของซือเฉิงยวี่ไหม?”

โม่ถิงเซียวโน้มตัวไปจูบที่หน้าผากของเธอเบาๆ และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน:“เธอไปพักผ่อนก่อนเถอะ ฉันมีเรื่องต้องไปจัดการนิดหน่อย คืนนี้ค่อยกลับมาบอกคุณ”

มู่นวลนวลพยักหน้า:“อื้ม”

หลังจากที่มู่นวลนวลนอนลง โม่ถิงเซียวก็เดินออกไป จากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาหาเบอร์ของซือเฉิงยวี่และส่งข้อความสั้นๆ:“อยากรู้ที่อยู่ของชิงหนิงไหม?”

หน้าจอโทรศัพท์มือถือแสดงให้เห็นว่าข้อความถูกส่งสำเร็จ และคิ้วของเขาก็ยกสูงขึ้น กลิ่นอายของความโหดเหี้ยมอำมหิตแผ่กระจายออกมา

ไม่รู้ว่าซือเย่ขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่

โม่ถิงเซียวส่งเสียงถามว่า:“พวกเขาอยู่ที่ไหน?”

ซือเย่รู้ว่าเขากำลังถามถึงโม่ชิงเฟิงกับโม่เหลียน

เขาพยักหน้าเล็กน้อย:“เพิ่งส่งไปที่ห้องใต้ดิน”

โม่ถิงเซียวหัวเราะเยาะและเดินไปที่ห้องใต้ดิน

ห้องใต้ดินของบ้านเก่าตระกูลโม่ไม่มืดและอับชื้นเลยสักนิด เนื่องจากได้รับการซ่อมแซมอย่างหรูหราและใช้เก็บของเก่าบางส่วน

ซือเย่เดินไปเปิดประตูห้องใต้ดินให้เขา และบอดี้การ์ดก็ก้มตัวลงแล้วเรียก:“คุณชาย”

โม่ชิงเฟิงกับโม่เหลียนนั่งตรงกลางโดยมีบอดี้การ์ดค่อยเฝ้า

ในช่วงหลายวันที่มู่นวลนวลพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล โม่ถิงเซียวก็อยู่ที่โรงพยาบาลตลอด เขาไม่ได้กลับมาที่บ้านเก่าเลย และโม่ชิงเฟิงกับโม่เหลียนก็ถูกขังไว้

ครึ่งชีวิตของโม่ชิงเฟิงถือว่าราบรื่นมาตลอด และจนถึงตอนนี้เขก็าไม่รู้สึกว่าตัวเองผิด หลังจากที่ถูกโม่ถิงเซียวกักขังไว้นานขนาดนี้ ความไม่พอใจของเขาก็กลายเป็นความโกรธที่มากขึ้น

เมื่อเขาเห็นโม่ถิงเซียวก็พูดเสียงดัง:“โม่ถิงเซียว ไม่ว่ายังไงฉันก็เป็นพ่อผู้ให้กำเนิดของแก!มีลูกที่ไหนทำกับพ่อตัวเองแบบนี้?”

โม่ถิงเซียวทำเหมือนกับว่าไม่ได้ยิน เขายกมือขึ้นและสั่งว่า:“ออกไปให้หมด”

ถึงแม้ว่าซือเย่จะเป็นกังวล แต่เขาก็พาบอดี้การ์ดออกไปจากห้องใต้ดิน

โม่ชิงเฟิงถูกขังอยู่ที่นี้หลายวันจนความอดทนของเขาหมดลง ความสง่างามและออร่าของเขาก็หายไปทั้งหมด:“ฉันกำลังพูดกับแกอยู่ แกได้ยินไหม!”

โม่ถิงเซียวนั่งลงตรงข้ามกับพวกเขา น้ำเสียงของเขาไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ราวกับว่าเป็นเพียงการสนทนาตามปกติ:“พูดเรื่องในปีนั้นมาเถอะ ”

ท่าทางของเขาทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว

โม่ชิงเฟิงรู้ว่านี่เป็นความสงบก่อนที่จะเกิดพายุ เขาเริ่มหวาดกลัวและพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นคง:“เรื่องในปีนั้น……จะโทษฉันทั้งหมดก็ไม่ได้นะ……ฉันแค่ให้คนพวกนั้นไปจับตัวจิ่งซูเพื่อเป็นการข่มขู่ หลังจากนั้นก็ปล่อยไป ใครจะรู้ว่าคนพวกนั้นจะทำเรื่องเลวๆแบบนั้น……”

ทุกคำพูดและทุกประโยคของโม่ชิงเฟิงล้วนแต่กำลังพูดแก้ต่างให้ตัวเอง

โม่ถิงเซียวยังคงนั่งนิ่งในท่าเดิม แม้กระทั่งตาของเขาก็ไม่กระพริบ เขาสงบนิ่งไม่พูดไม่จาราวกับรูปปั้น

“จริงๆนะถิงเซียว แกเชื่อฉันเถอะ ฉันจะโหดร้ายขนาดนั้นได้ยังไง?ไม่ว่ายังไงฉันกับจิ่งซูก็เป็นสามีภรรยากันมาสิบกว่าปี ฉันจะทำอย่างนั้นได้ยังไง……”

เมื่อโม่ชิงเฟิงเห็นว่าโม่ถิงเซียวไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เขาจึงพูดปลอบใจตัวเองและคิดว่าโม่ถิงเซียวจะได้ยินสิ่งที่เขาพูด แล้วเขาก็พูดแก้ต่างให้ตัวเองต่อไป

แต่ในขณะนี้โม่ถิงเซียวก็หัวเราะออกมา:“จนตอนนี้คุณก็ยังคิดที่จะแก้ต่างให้ตัวเอง ผ่านมาหลายปีขนาดนี้แล้วคุณไม่ละอายแก่ใจตัวเองบางหรอ?”

“ถิงเซียว……”

โม่ถิงเซียวไม่แม้แต่จะมองเขา จากนั้นเขาก็หันไปมองโม่เหลียน:“ถึงตาคุณแล้ว”

ตั้งแต่ตอนที่โม่เหลียนเห็นโม่ถิงเซียวน้ำตาของเธอก็ไหลออกมาไม่หยุด

“ฉันคิดไว้แล้วว่าวันนี้ต้องมาถึง……” หลังจากที่โม่เหลียนพูดจบ เธอก็ปิดหน้าและสะอึกสะอื้นด้วยความเสียใจ

โม่ถิงเซียวจ้องมองเธอด้วยสายตาเย็นชา:“ไม่พูดกันดีดีล่ะ?”

โม่เหลียนหยุดร้องไห้แล้วเช็ดน้ำตา เธอพูดซ้ำอีกครั้งว่า:“ในตอนนั้นพวกเราแค่ต้องการให้จิ่งซูออกไปแค่นั้นจริงๆ และเดิมทีแล้วในครั้งนั้นพวกเราแค่ต้องการลักพาตัวเธอคนเดียว แต่ไม่คิดว่าพวกเขาจะทุบตีและด่าว่าคุณ คุณไม่ยอมปล่อยมือ พวกเขาจึงพาคุณมาด้วยอีกคน……หลังจากนั้นคนพวกนั้นก็เพิ่มราคาให้อีกครึ่งหนึ่ง……”

เมื่อโม่ถิงเซียวได้ยินถึงตรงนี้ เขาก็ลุกขึ้นยืนและตะโกนด้วยความโกรธว่า:“หุบปาก!”

โม่เหลียนตกใจและเงียบไปทันที

โม่ถิงเซียวเดินตรงไปที่โม่ชิงเฟิง และต่อยเขาด้วยหมัดเดียวจนล้มลงกับพื้น หลังจากนั้นก็ยื่นมือไปยกคอเสื้อของเขาขึ้นมา……

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

Status: Ongoing
พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: “มันน่าเกลียดเกินไป” เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: “ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย” เธอจ้องเขา : “คุณ…คุณทำไม่ได้ … ” ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: “ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน