เกิดความเงียบอย่างกดดันขึ้นมาในอากาศ
มู่นวลนวลยกนิ้วมองสบตาโม่ถิงเซียว แต่สุดท้ายก็แพ้ให้กับสายตาของเขา
เธอหลบสายตา และเม้มปากพูด “จะพูดยังไงก็แล้วแต่คุณ”
แต่โม่ถิงเซียวก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะหมอได้เขามาแล้ว
หมอทักทายเขาก่อนอย่างนอบน้อม “คุณโม่”
จากนั้นก็ส่งผลการตรวจให้โม่ถิงเซียว
“ร่างกายของคุณโม่ฟื้นตัวได้ดีมาก การทำงานส่วนต่างๆของร่างกายเป็นปกติดี แต่ต้องให้ความสำคัญเรื่องการพักผ่อน…”หมอพูดจบก็หยุดถาม “คุณโม่รู้สึกไม่สบายตรงอื่นหรือเปล่าคะ”
เมื่อหมอพูดจบ ก็รู้สึกว่าบรรยากาศในห้องไม่ถูกต้อง
เธอเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นโม่ถิงเซียวจ้องเธอด้วยสายตาน่ากลัว
“ขอโทษค่ะคุณโม่ ฉันไม่ได้มีเจตนาไม่ดี แต่จากสถานการณ์ของคุณโม่ หลังจากฟื้นขึ้นมาแล้วมักจะมีผลกระทบเล็กน้อย….”
ตอนที่หมอพูดสายตาก็มองไปที่มู่นวลนวล
อาการอย่างมู่นวลนวลไม่เจอบ่อยมากนัก ดังนั้นหมอจึงรู้สึกแปลกใจเป็นพิเศษ
ถึงจะรู้ว่าโม่ถิงเซียวเป็นคนที่ไม่ควรไปหาเรื่องด้วย แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะถามคำถามนี้
แต่มู่นวลนวลก็รู้สึกเข้าใจเหตุผลของหมอ เพราะที่จริงแล้วเธอก็มีอาการหลังการฟื้นตัวเหมือนกัน
การสูญเสียความทรงจำก็เป็นผลกระทบอย่างนึงไม่ใช่หรอ
แต่เห็นได้ชัดว่าโม่ถิงเซียวจะไม่คิดอย่างนั้น
โม่ถิงเซียวส่งยิ้มอย่างเย็นชาสายตาของเขาอำมหิตมาก “มีอาการตามมาหรือเปล่า ไม่มีตามองเองหรือไง”
หมอผู้หญิงยังคิดจะพูดอะไร แต่ก็ถูกหมอคนหนึ่งลากออกไปก่อน เพราะกลัวว่าจะทำให้โม่ถิงเซียวโกรธ
ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่ามู่นวลนวลมีอาการหลังฟื้นตัวหรือไม่ แต่พวกเขารู้ว่าโม่ถิงเซียวโกรธแล้ว
มู่นวลนวลก็เห็นได้อย่างชัดเจนเช่นกัน
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่พอใจขึ้นมา แต่ก็ไม่กล้าถาม
หมอพวกนั้นพูดถึงอาการของมู่นวลนวลอย่างละเอียดอีกครั้ง จากนั้นก็ออกไป
มีลูกน้องคนหนึ่งเดินมากระซิบข้างหูโม่ถิงเซียว
เขาฟังจบก็พูดว่า “พาเขามา”
ยังมีคนมาอีกหรอ
มู่นวลนวลมองตามลูกน้องคนนั้นออกไป
และจากนั้นไม่นาน ลูกน้องคนนั้นก็เดินเข้ามาพร้อมหมอผู้ชายใส่ชุดขาว
ถึงหมอจะดูเหนื่อยล้า แต่ก็ยังให้ความรู้สึกไว้วางใจแก่ทุกคน อายุของเขาประมาณห้าสิบปี ดูเป็นคนใจดีมาก
เขาเดินมาตรงหน้าโม่ถิงเซียวด้วยความจริงจัง “คุณคือคุณโม่หรอ”
ผู้ชายคนนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสมองที่ซือเย่นัดให้โม่ถิงเซียว
โม่ถิงเซียวยืนขึ้น “ผมคือโม่ถิงเซียว”
“ขอโทษครับผมเพิ่งออกมาจากห้องผ่าตัด ตอนเช้าพรุ่งนี้ยังมีผ่าตัดอีกหนึ่งรอบ พวกเราเข้าเรื่องกันเลย”เขาเดินไปนั่งที่เก้าอี้อีกฝั่งนึง
ท่าทางของเขามีความมั่นใจ น่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีอำนาจ
ของเงยหน้าขึ้นมองมู่นวลนวล “คุณโม่ดูจะฟื้นตัวได้ไม่เลวเลย”
มู่นวลนวลรู้สึกแปลกใจ เขารู้จักเธอด้วย
แต่เมื่อคิดดูอีกทีก็รู้สึกว่าไม่เป็นไร ยังไงก็เป็นคนที่โม่ถิงเซียวนัดไว้
“ดีอยู่ค่ะ”มู่นวลนวลยิ้มเล็กน้อย
“หลังจากที่คุณติดต่อผมมา ผมก็ได้วิเคราะห์อาการของคุณโม่อย่างละเอียด ก่อนหน้านี้ก็ตั้งใจจะเจอคุณโม่ แต่คิดไม่ถึงว่าคุณจะนัดผมก่อน”
สายตาของหมอมองมู่นวลนวลอย่างกระหาย
คนที่ฟื้นตัวได้ดีอย่างมู่นวลนวลมีไม่เยอะ ดังนั้นจึงดึงดูดความสนใจของบุคคลในวงการแพทย์
หมอพูดจบก็หันไปพูดตรงๆกับโม่ถิงเซียว “สาเหตุของการสูญเสียความทรงจำแบ่งคร่าวๆได้สามประเภท อย่างแรกคือส่วนสมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง อย่างที่สองคือ เกิดการกระทบกระเทือนด้านจิตใจ และอย่างสุดท้ายก็คือ ยาบางประเภทอาจทำให้เสียความทรงจำ อาการของคุณโม่ น่าจะเป็นจากประเภทแรก”
เมื่อเขาพูดถึงตรงนี้ก็หยุดไป และหันไปมองมู่นวลนวลก่อนจะพูดต่อ “ผมได้ดูผลซีทีสแกนสมองของคุณโม่แล้ว ในขั้นตอนของการรักษาอาจทำให้เกิดการสูญเสียความทรงจำเป็นเรื่องปกติ ตอนนี้ร่างกายของคุณกลับมาเป็นปกติแล้ว แต่ความทรงจำจะกลับมาเมื่อไหร่ เรื่องนี้ได้แต่คาดเดา….”
เมื่อมู่นวลนวลได้ฟังสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป
ถึงหมอจะไม่ได้พูดตรงๆ แต่เธอก็เข้าใจความหมายในคำพูดของเขา
ซึ่งก็หมายความว่า เธอจะฟื้นความทรงจำได้ไหมก็อยู่ที่โชคชะตา
ถ้าฟื้นคืนความทรงจำได้ง่าย หมอคงไม่พูดคำพูดคลุมเครืออย่างนี้
ถึงเธอจะเตรียมใจกับเรื่องนี้มาบ้างแล้ว แต่เธอก็ยังรู้สึกเสียใจอยู่ดี
เธอเงียบไป จากนั้นก็ได้ยินหมอพูดว่า เขาสามารถสั่งยาบางอย่างเพื่อช่วยในการรักษาได้
จากนั้นโม่ถิงเซียวพูดอะไรกับหมอ เธอก็ไม่ได้สนใจ
จนเมื่อเธอออกมาจากห้องแล้วเธอถึงเพิ่งรู้ตัวว่าเธอออกมาแล้ว
เมื่อเธอหันกลับไปก็เจอแต่ลูกน้องของโม่ถิงเซียว แต่ไม่เจอตัวของโม่ถิงเซียว
มู่นวลนวลถาม “โม่ถิงเซียวหรอ”
ลูกน้องที่เดินมาตามหลังเธอตอบอย่างนอบน้อม “นายน้อยยังมีธุระต่อครับ”
มู่นวลนวลก็ไม่มีอารมณ์ไปสนใจเรื่องของเขา เธอจึงออกมารอเขาในรถกับลูกน้องของเขา
…..
หลังจากที่มู่นวลนวลออกไปแล้ว ในห้องก็เหลือโม่ถิงเซียวกับหมอสองคน
โม่ถิงเซียวหยิบเอกสารที่อยู่ข้างตัวของตัวเองออกมาส่งให้หมอ “ดูนี่สิครับ”
หมอรับเอกสารมาด้วยความสงสัย เมื่อเปิดดูก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองเขา “นี่เป็นบันทึกการป่วยของคุณโม่ถิงเซียวหรอ”
“ใช่”โม่ถิงเซียวตอบเสียงเรียบ และเอนตัวพิงโซฟา แสดงว่าให้เขาอ่านก่อน
หมอไม่ค่อยเข้าใจว่าโม่ถิงเซียวต้องการจะสื่ออะไร แต่ก็อ่าน
หลังจากที่เขาดูจบแล้ว เห็นโม่ถิงเซียวยังมีท่าทางอย่างเดิม เขาจึงขมวดคิ้วถาม “อาการของคุณตอนนี้ดีกว่าของคุณผู้หญิงมาก จากบันทึกการรักษา ตอนนั้นคุณไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิต แต่คุณผู้หญิงเกือบถึงตาย การมีชีวิตอยู่ก็ไม่ง่ายแล้ว ตอนนี้เธอยังฟื้นตัวได้ดีมาก เป็นปาฏิหาริย์มาก”
เมื่อโม่ถิงเซียวได้ฟังคำพูดของเขา สีหน้าของเขาก็จริงจังขึ้น สายตาของเขาเย็นชา ทำให้คนมองรู้สึกกลัว
หมอเม้มปากด้วยท่าทางกระวนกระวาย
เขาเป็นหมอด้านสมองอันดับสองของประเทศ เขาเจอคนดังมานับไม่ถ้วน แต่กับผู้ชายคนนี้ เขามีอำนาจมากกว่าคนอื่น
เขาจำได้ว่าก่อนมาที่นี่ มีคนเตือนเขาว่า โม่ถิงเซียวคนนี้ไม่ใช่คนที่จะมีเรื่องด้วยได้….
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงทุ้มของโม่ถิงเซียวก็ดังขึ้น “จากอาการป่วย ผมก็ความจำเสื่อมเพราะได้รับกระทบกระเทือนที่สมองใช่ไหม”
“คุณก็ความจำเสื่อมหรอ”หมอตะลึง “ข้อนี้ก็มีความเป็นไปได้ แต่ข้ออื่นก็ไม่สามารถตัดออกได้”