จะว่าไปแล้วนี้เป็นครั้งแรกที่กูจื่อหยานมาที่ทำงานของโม่ถิงเซียว
เขามองด้วยความอยากรู้อยากเห็น จับนั่นจับนี่และพูดว่า:“สไตล์การตกแต่งของที่นี่คล้ายกับห้องทำงานของนายที่ Shengding มาก”
“มีอะไรก็ว่ามา” โม่ถิงเซียวเดินไปนั่งลงที่ด้านหลังโต๊ะทำงาน และน้ำเสียงของเขาก็อ่อนลงมาก
กูจื่อหยานหันไปรอบ ๆ แล้วเดินไปที่โต๊ะทำงานของโม่ถิงเซียว จากนั้นก็วางมือบนโต๊ะแล้วจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขาแล้วพูดว่า:“ถิงเซียว ความทรงจำของนายกลับมาแล้วหรอ?”
สีหน้าของโม่ถิงเซียวยังคงไม่เปลี่ยนไปมากนัก
ทั้งสองมองหน้ากันสักพัก ก่อนที่โม่ถิงเซียวจะพูดออกมา:“นายคิดว่าไง?”
“วันนั้นที่จินติ่ง นายเมินเฉยกับเงินที่ฉันให้มู่มู่เป็นของขวัญการเจอกันครั้งแรก ก่อนหน้านี้นายไม่แยแสฉัน แต่ก็ยังไม่หยุดบีบคั้นฉัน……”
ในขณะที่กูจื่อหยานพูดก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มบ่น
โม่ถิงเซียวพูดซ้ำคำที่เขาพูดอีกครั้ง:“บีบคั้น?”
กูจื่อหยานสีหน้าเปลี่ยน เขากลืนน้ำลายและพูดว่า:“ไม่……ไม่ใช่บีบคั้น แต่รักใคร่……”
โม่ถิงเซียวทำเสียงฮึ และปิดปากเงียบ
“ความทรงจำของนายกลับมาแล้วจริงๆ” กูจื่อหยานเกือบจะร้องไห้:“แม่งเอ้ย ฉันอึดอัดใจมาสามปี นายไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เลยสักนิด ตอนนี้นายอยู่กับนวลนวลนานแค่ไหนเอง ความทรงจำก็กลับมาแล้ว นายทำตามอำเภอใจงั้นหรอ?”
กูจื่อหยานพูดอย่างขมขื่น แต่โม่ถิงเซียวก็ไม่สะทกสะท้าน:“นายกับคุณเซินมีความสัมพันธ์กันยังไง?”
“ความสัมพันธ์ของฉันกับคุณเซิน นายไม่รู้หรอ?”
“ยังจำไม่ได้สักที” โม่ถิงเซียวพูด
กูจื่อหยานผงะไปชั่วขณะและถามว่า:“สถานการณ์ของนายเป็นยังไงบ้าง?”
โม่ถิงเซียวอธิบายสั้นๆ:“บางครั้งภาพก็แวบเข้ามา”
“ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น?” ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่จินติ่งเขาก็รู้สึกว่าความทรงจำกลับมาแล้ว แต่ไม่คิดว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างนี้
“ไม่รู้สิ” โม่ถิงเซียวพูดตามความจริง
“แล้วนวลนวลล่ะ?ในตอนนั้นพวกเธอประสบอุบัติเหตุด้วยกัน เธอจำอะไรได้บ้างไหม?”
“ในตอนนั้นเธอเธอได้รับบาดเจ็บหนักกว่าฉัน ตอนนี้ยังไม่มีวี่แววว่าความทรงจำจะกลับมา หมอบอกว่าความเป็นไปได้ที่ความทรงจำของเธอจะกลับมานั้นต่ำมาก” โม่ถิงเซียวพูดถึงตอนท้าย เสียงของเขาก็ต่ำลง
เมื่อพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้น ท่าทางของกูจื่อหยานก็เคร่งขรึมขึ้นมา
“ตอนนั้นเกิดเรื่องขึ้นบนเกาะ โม่จิ่นหยุนพาคนไปช่วยค้นหานาย สุดท้ายก็พานายออกมาได้ และฉันรีบตามไปที่หลัง แต่หานวลนวลไม่เจอ โม่จิ่นหยุนก็ไม่ยอมให้พวกเราเจอนายเลย”
เมื่อโม่ถิงเซียวได้ยินอย่างนั้นก็เงยหน้าขึ้นอย่างไม่สามารถคาดเดาได้:“เธอไม่ได้ช่วยมู่นวลนวล?”
“เธออยากจะจับคู่นายกับซูเหมียนมาโดยตลอด แล้วจะช่วยมู่นวลนวลได้ยังไง พิษร้ายที่สุดคือจิตใจของผู้หญิง” กูจื่อหยานเห็นสีหน้าที่ผิดปกติของโม่ถิงเซียว เดิมทีแล้วเขาไม่ได้อยากจะพูด จึงไม่ได้พูดอีก
ในช่วงสามปีนี้เขากับเซินเหลียงคิดว่ามู่นวลนวลไม่อยู่แล้ว
โม่ถิงเซียวก็มาสูญเสียความทรงจำอีก เขาเชื่อคำพูดของโม่จิ่นหยุนทั้งหมดและลืมมู่นวลนวล
กูจื่อหยานอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึดอัด:“สามปีที่ผ่านมาพวกเราคิดว่า บางทีชีวิตก็อาจจะเป็นเช่นนี้ แต่นวลนวลยังมีชีวิตอยู่ ความทรงจำของนายก็ค่อยๆกลับมา ทุกอย่างกำลังพัฒนาไปในทางที่ดี……”
ใบหน้าของโม่ถิงเซียวไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ และเขาไม่รู้ว่าเขาได้ยินที่กูจื่อหยานพูดหรือไม่
เขาถามกูจื่อหยานเรื่องอื่น:“ในตอนนั้นโม่จิ่นหยุนพาฉันไปรักษาที่สหรัฐอเมริกา นายรู้ไหมว่าโรงพยาบาลไหน?”
กูจื่อหยานครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและพูดว่า:“ไม่รู้สิ เธอพานายไปสหรัฐอเมริกาชั่วคราว ตอนนั้นพวกเรายุ่งอยู่กับการตามหานวลนวลก็เลยไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้”
เมื่อโม่ถิงเซียวได้ยินอย่างนั้นก็ลดสายตาลง เขานิ่งสงบและไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
กูจื่อหยานถามย่างงๆ:“เป็นอะไรไป?”
โม่ถิงเซียวยื่นมือไปเปิดเอกสาร:“ที่ Shengding คงมีเรื่องต้องทำอีกมาก”
กูจื่อหยานลูบจมูกของตัวเอง โม่ถิงเซียวกำลังไล่เขา
เมื่อกำลังจำจากไป กูจื่อหยานก็ไม่ลืมที่จะพูดว่า:“งั้นฉันกลับไปที่ Shengding ก่อนกลับไปแล้วไปดื่มด้วยกันที่จินติ่งนะ”
โม่ถิงเซียวพูดเบาๆว่า:“ไม่ไป มีลูกอยู่ที่บ้าน”
กูจื่อหยานยิ้มมุมปากและแสดงสีหน้าว่าเขาไม่มีลูก
เขาครุ่นคิดสักพักแล้วพูดว่า:“งั้นฉันไปดื่มเหล้าที่บ้านนาย?”
กูจื่อหยานกับโม่ถิงเซียวอายุไล่เลี่ยกัน แต่นิสัยของพวกเขาต่างกันมาก
ในขณะนี้เขาก็กำลังมองไปที่โม่ถิงเซียวอย่างเป็นกังวลเล็กน้อย
“อึ้ม” โม่ถิงเซียวพูดราวกับคิดอะไรบางอย่างได้และพูดว่า:“ชวนคุณเซินมาด้วยก็ได้นะ”
กูจื่อหยานดีใจและตบขาอย่างแรง:“โอเค!ฉันจะเอาไวน์ไปเอง!”
……
ในห้องโถง
มู่นวลนวลกับโม่มู่นั่งดูการ์ตูนงอยู่บนโซฟา
เมื่อวานนี้เธอบอกว่าเธอจะดูการ์ตูนเป็นเพื่อนโม่มู่ใน แน่นอนว่าเธอไม่สามารถผิดสัญญาได้
เธอถือแท็บเล็ตไว้ในมือและค้นหาภาพยนตร์เรื่องเมื่องที่สาบสูญ
เธอค้นหาไปเรื่อยๆ และมีข้อมูลมากมายหลายหมื่นชิ้นอัน
สิ่งนี้เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าตอนนั้นในโลกออนไลน์ภาพยนตร์เรื่องเมืองที่สาญสูญได้รับความนิยมมาก
การสนทนาและกระแสความนิยมนั้นสูงมาก
มู่นวลนวลมองไปที่โม่มู่อย่างเหม่อลอย และเหลือบไปเห็นคนรับใช้คนหนึ่งรีบเดินเข้ามาจากด้านนอก
สาวใช้รีบเดินไปข้างๆมู่นวลนวล เธอยังไม่ทันได้พูด มู่นวลนวลก็ถามว่า:“มีอะไรหรอ?”
สาวใช้พูดด้วยความลำบากใจ:“คุณโม่มาค่ะ”
คุณโม่?
มู่นวลนวลสงสัยอยู่ครู่หนึ่งและเดาได้ว่าเธอกำลังพูดถึงโม่จิ่นหยุน
ในขณะที่เธอกำลังพูดก็มีคนเดินเข้ามาจากด้านนอก
โม่จิ่นหยุนแต่งกายด้วยชุดสูทสีขาวที่ดูเรียบร้อยและได้รับการปรับแต่งให้เข้ารูป มีการจัดแต่งอย่างดี และทำให้เธอค่อนข้างหยิ่งผยองและดูมีอำนาจเหนือกว่าคนอื่น
เธอมองไปรอบๆ สักพักแล้วหันไปมองมู่นวลนวล
แววตาของเธอเย็นชาและเดินตรงเข้าไปหามู่นวลนวล
มู่นวลนวลลุกขึ้นอย่างช้าๆ และเห็นคนรับใช้ที่อยู่ข้างๆหันกลับไป เธอก็เดาได้ว่าคนรับใช้จะไปโทรศัพท์หาโม่ถิงเซียว
มู่นวลนวลจึงพูดหยุดไว้:“นี่เป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่ต้องบอกโม่ถิงเซียวนะ”
วันนั้นที่บ้านเก่าตระกูลโม่ มู่นวลนวลก็ดูออกว่าโม่จิ่นหยุนเกลียดเธอเข้ากระดูก
วันนี้โม่จิ่นหยุนจะมาหาถึงหน้าประตูก็ไม่มีอะไรต้องแปลกใจ
โม่จิ่นหยุนกับโม่ถิงเซียวทำงานที่โม่กรุ๊ป ถ้าโม่จิ่นหยุนจะมาหาโม่ถิงเซียวก็ไปหาที่บริษัทก็ได้
โม่จิ่นหยุนมาที่นี่ แน่นอนว่ามาหาเธอ
หลังจากได้ยินที่มู่นวลนวลพูด เห็นได้ชัดว่าคนรับใช้รู้สึกลังเล
เมื่อมู่นวลนวลเห็นอย่างนั้นก็ไม่ได้บังคับ:“แล้วแต่เธอ”
คนรับใช้พยักหน้าเล็กน้อยและหันเดินไปจากไป
โม่จิ่นหยุดเดินเข้ามา และกวาดสายตามองไปที่มู่นวลนวล จากนั้นก็มองไปที่ข้างๆมู่นวลนวล:“มู่มู่”
มู่นวลนวลเดินไปหยิบรีโมทขึ้นมาแล้วกดหยุดไว้ชั่วคราว จากนั้นก็พูดอย่างอบอุ่นว่า:“มู่มู่ คุณป้าเรียกหนู”
โม่มู่เงยหน้ามองมู่นวลนวล
มู่นวลนวลชี้ไปยังที่ที่โม่จิ่นหยุนอยู่
โม่มู่มองตามนิ้วของมู่นวลนวลไป และเห็นโม่จิ่นหยุนและยิ้มอย่างดีใจ:“คุณป้า”
“คุณป้าอุ้มหน่อย” โม่จิ่นหยุนนั่งยองๆที่พื้นแล้วยื่นมือไปออกไปหาโม่มู่