เมื่อฟังอย่างละเอียด น้ำเสียงของโม่ถิงเซียวดูภาคภูมิใจเล็กน้อย
กูจื่อหยานรู้สึกว่า เมื่อก่อนตัวเองรู้จักโม่ถิงเซียวน้อยไป ไม่คิดว่าโม่ถิงเซียวที่ดูเย็นชาและเย่อหยิ่ง จะมีจิตวิญญาณแห่งรักซ่อนอยู่
แต่เป็นเพราะมิตรภาพอันลึกซึ้งระหว่างทั้งสอง กูจื่อหยานรู้สึกว่าตัวเองจำเป็นต้องเตือนสติโม่ถิงเซียว
“ถิงเซียว เคยได้ยินประโยคฮิตในโลกออนไลน์นี้มั้ย?”
“ไม่เคย ”โม่ถิงเซียวแสดงออกชัดเจนว่าไม่อยากรู้ว่าเขาจะพูดอะไรเลยสักนิด
กูจื่อหยานไม่ถือสาที่โดนมู่ถิงเซียวขัดขึ้นเขายังคงพูดต่อ“ประโยคที่ว่าก็คือ รนหาที่ตายมีความสุขชั่วขณะ เวลาง้อเมียเลือดตาแทบกระเด็น”
โม่ถิงเซียวถามกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย“ ประโยคนี้เกี่ยวกับฉันยังไง?”
น้ำเสียงของเขาฟังดูอันตรายและเย็นชา ต่อให้กูจื่อหยานจะเป็นคนโง่แค่ไหนก็รู้ว่าต้องตอบยังไง
“ไม่เกี่ยวกับนาย………เหอะๆ” ตอนนี้ไม่เกี่ยว ต่อไปเกี่ยวแน่นอน
โม่ถิงเซียวทำเสียงในลำคอ กูจื่อหยานก็ไม่ลืมเรื่องสำคัญ จึงรีบพูดต่อ “ฉันส่งที่อยู่ของนวล…….มู่นวลนวลให้นายแล้ว คืนนี้นายก็เถอะ”
โม่ถิงเซียวปฏิเสธทันที“ไม่ไป”
กูจื่อหยาน: “………..”
ถึงแม้ว่าโม่ถิงเซียวจะตอบปฏิเสธว่าไม่ไป แต่หลังจากกูจื่อหยานวางสาย ก็ยังคงส่งที่อยู่ของมู่นวลนวลไปให้เขา
ก็ถ้าวันหนึ่งความทรงจำของโม่ถิงเซียวกลับมา อย่าโทษว่าเขาไม่ช่วย สิ่งที่เขาทำช่วยโม่ถิงเซียวได้ก็คงมีแค่นี้
เพียงแต่ เมื่อนึกว่าหลังจากนี้โม่ถิงเซียวความทรงจำฟื้นคืนสู่สภาพเดิมแล้ว นึกไม่ถึงว่ากูจื่อหยานจะรู้สึกสบายใจ
ตั้งหน้าตั้งตารอ
……
มู่นวลนวลโทรหาโม่ถิงเซียวอยู่หลายสาย แต่โม่ถิงเซียวก็ไม่รับ
เธอคิดว่าโม่ถิงเซียวน่าจะประชุมอยู่
แต่พอนึกถึงสิ่งที่โม่ถิงเซียวแสดงกับเธอในช่วงนี้ ก็รู้สึกว่าโม่ถิงเซียวอาจจะไม่อยากรับสายเธอก็
ดังนั้น เธอจึงตัดสินใจโทรหากูจื่อหยาน ให้กูจื่อหยานลองโทรหาโม่ถิงเซียวดู
เธอรอไปรอมา ก็ไม่เห็นกูจื่อหยานจะโทรกลับมาหาเธอ จึงเดาได้ว่าโม่ถิงเซียวคงรับสายของกูจื่อหยานแล้ว และน่าจะกำลังคุยกับกูจื่อหยานอยู่
ถึงแม้ว่าเธอจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ก็ยังรู้สึกเศร้าใจอยู่เล็กน้อย
โม่ถิงเซียวไม่รับยอมสายเธอจริงๆ……..
มู่นวลนวลเอนตัวนั่งลงบนโซฟา
หลายวันมานี้เธอรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน ไม่ใช่ว่าลืมที่จะโทรหาโม่ถิงเซียว
แต่เป็นเพราะคำที่เขาพูดว่า“คิดเพ้อฝัน”มันกระทบจิตใจเธอไม่น้อย
“แม่”
โม่มู่อุ้มตุ๊กตากระต่ายสีชมพูวิ่งออกมาจากในห้อง มายืนด้านหน้าโซฟา จ้องมองมู่นวลนวลด้วยดวงตาสุกใส “กระต่าย”
มู่นวลนวลถามเธอ“ “ชอบไหม?”
ตุ๊กตากระต่ายสีชมพูนี้เธอไปซื้อมาเมื่อวานตอนที่ออกไปซื้อของ
โม่มู่พยักหน้ารัวๆ“ค่ะ”
มู่นวลนวลยื่นมือไปลูบผมของเธอ
เวลานี้ กูจื่อหยานก็โทรเข้ามาพอดี
มู่นวลนวลรีบลุกขึ้นจากบนโซฟา และรีบถามขึ้น: “เป็นยังไงบ้าง?”
“ถิงเซียวรับสายแล้ว แต่ว่าเขา………”
ฟังกูจื่อหยานพูดอึกๆอักๆ มู่นวลนวลก็พอรู้ผลลัพธ์แล้ว
“เขาไม่มาใช่ไหม?”
“อืม………”
“ฉันรู้แล้ว ขอบใจคุณมากนะ คืนนี้มากินข้าวที่บ้านนะ ฉันเรียกเสี่ยวเหลียงมาด้วย”
“ได้ได้ เดี๋ยวคืนนี้ฉันเข้าไป” ขอแค่มีเซินเหลียง อย่าว่าแต่กินข้าวเลย ต่อให้เป็นงานเลี้ยงที่จะวางแผนสังหารเขาก็จะไป
มู่นวลนวลคุยกับกูจื่อหยานอีกไม่กี่คำ ก็วางสายโทรศัพท์
เหมือนกับรู้สึกได้ว่าเห็นว่ามู่นวลนวลอารมณ์หดหู่ โม่มู่จึงทำเสียงอ้อนเรียก: “แม่………”
มู่นวลนวลยื่นมือไปหยิกแก้มของโม่มู่เบาๆ: “พวกเราจะออกไปซื้อของ ซื้อเนื้อ ซื้อผัก หลังจากนั้นก็กลับมาทำอาหารเชิญน้าเซินพวกเขามากินกัน”
โม่มู่แววตาสดใสขึ้นมาทันที “กินเนื้อกับอมยิ้ม”
มู่นวลนวลพยักหน้า : “พรุ่งนี้ลูกถึงจะกินอมยิ้มได้นะ”
เนื่องจากโม่มู่ชอบกินอมยิ้มมาก มู่นวลนวลต้องกำหนดให้เธอกินอมยิ้มวันเว้นวัน
โม่มู่ทำปากมุ่ย ดูไม่พอใจอย่างชัดเจน : “วันนี้”
มู่นวลนวลอุ้มเธอขึ้นมา: “วันนี้กินเนื้อก่อนค่ะ”
“ก็ได้ค่ะ” ถึงจะไม่ค่อยเห็นด้วย แต่มีเนื้อกินก็พอใจแล้ว
……
มู่นวลนวลพาโม่มู่ไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตกองโต
เธอย้ายที่อยู่ใหม่ การเชิญแขกมากินข้าว เป็นการแสดงถึงการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
เดิมทีวางแผนไว้ก็มี เธอกับโม่ถิงเซียว เซินเหลียงและกูจื่อหยาน
ตอนนี้โม่ถิงเซียวไม่มาแล้ว ก็เหลือแค่สามคน
ถึงจะเหลือแค่สามคน แต่มู่นวลนวลก็ยังคงทำกับข้าวไว้เยอะมาก
ยังเตรียมเหล้าไว้ด้วย
เซินเหลียงและกูจื่อหยานแยกกันมา
ช่วงบ่ายมู่นวลนวลพาโม่มู่ออกไปซื้อของ เลยทำให้โม่มู่ไม่ได้นอนกลางวัน
ถึงเวลากินข้าวเย็น โม่มู่ก็เริ่มง่วงนอน
มู่นวลนวลจึงต้องรีบป้อนข้าวเธอก่อน แล้วพาโม่มู่ไปนอนในห้อง
โม่มู่ไม่ติดเตียง พออุ้มมานอนบนเตียงก็หลับไปทันที
มู่นวลนวลเห็นว่าเธอนอนหลับไปแล้ว จึงเอาตุ๊กตากระต่ายสีชมพูให้เธอกอดไว้ จึงจะเดินออกมาจากห้อง
เซินเหลียงถามเธอเบาๆ: “หลับแล้วเหรอ?”
“อืม” มู่นวลนวลพยักหน้า และพูด “ห้องนี้เก็บเสียงดี พูดเสียงดังได้ไม่เป็นไร”
วันนี้เธอเปิดทีวีในห้องรับแขกทิ้งไว้ แล้วเดินเข้าห้องนอนตัวเอง ปรากฎว่าไม่ได้ยินเสียงเลย
เซินเหลียงหยิบแก้วมารินเหล้าให้เธอ “ดื่มหน่อย”
มู่นวลนวลทำมือบอกว่านิดเดียว “นิดเดียวก็พอ”
แต่เซินเหลียงกลับรินให้เธอครึ่งแก้ว
เธอชนแก้วกับเซินเหลียงเสร็จ กริ่งประตูก็ดังขึ้น
มู่หนวนหน่วนที่กำลังดื่ม ปรายตามองไปทางประตู
เซินเหลียงเอาเท้าที่อยู่ใต้โต๊ะสะกิดกูจื่อหยานทีหนึ่ง เขาจึงรีบลุกขึ้น “ฉันไปเปิดเอง”
กูจื่อหยานเปิดประตูออก ก็เจอโม่ถิงเซียวยืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าเรียบเฉย
กูจื่อหยานนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย “ถิงเซียวมาแล้ว”
โม่ถิงเซียวหรี่ตามองมาด้วยสีหน้าจริงจัง“นายมาทำอะไรที่นี่?”
สายตาที่มองมาอย่างจับผิด ทำให้กูจื่อหยานขนหัวลุก
“ฉันไม่ใช่แค่เป็นเพื่อนนาย แต่ยังเป็นเพื่อนกับนวลนวลด้วย เข้าใจไหม ?”
โม่ถิงเซียวปรายตามองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไป
กูจื่อหยานดึงประตูปิด แล้วตามหลังเขาเข้ามา พร้อมบ่นเสียงเบา : “ความจำเสื่อมยังขี้หวงขนาดนี้…….”
มู่นวลนวลดื่มหล้าไปครึ่งแก้ว ก่อนจะหันหน้าไปทางประตู เพื่อดูว่าใครมา
เมื่อเธอเห็นว่าเป็นโม่ถิงเซียว ก็แปลกใจยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย รอจนโม่ถิงเซียวเดินเข้ามาใกล้ เธอจึงถามขึ้น “โม่ถิงเซียว คุณมาได้ไง?”
ก่อนหน้านี้ไม่ใช่บอกว่าจะไม่มาเหรอ?
พูดกลับไปกลับมาดูไม่เหมือนเขาเลย
โม่ถิงเซียวมองเธอด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงฟังดูอันตราย : “ฉันไม่ควรมา?”
“เปล่า……” มู่นวลนวลรีบลุกขึ้นยืน ดึงเขามานั่งบนเก้าอี้ข้างๆเธอ
มู่นวลนวลดึงมือของเขา โม่ถิงเซียวค่อยๆดึงมือกลับมา เขารู้สึกว่ามือเธอนุ่มเหมือนไม่มีกระดูก
ถึงแม้ว่ามู่นวลนวลจะแค่ดึงมือพาเขาไปนั่งที่เก้าอี้ ก็ปล่อยมือออก แต่โม่ถิงเซียวกลับรู้สึกว่าบริเวณที่เธอจับยังรู้สึกเหมือนไฟช็อตอยู่
เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่าน
มู่นวลนวลนำถ้วยและตะเกียบมาให้โม่ถิงเซียวหนึ่งชุด ก่อนถามเขาเสียงเบา“กินข้าวมาหรือยัง? “
โม่ถิงเซียวสังเกตเห็นถึงความห่วงใยในแววตาของเธอ แต่ปากกลับพูดว่า “ฉันมาดูมู่มู่ “