อารมณ์ฉุนเฉียวนั้นราวกับจะทำลายล้างโลกให้ได้!แต่กลับทำให้ในใจของมีนารู้สึกอบอุ่น ตั้งแต่เล็กจนโตเธอมีหน้าที่ที่ต้องคอยดูแลคนอื่นอยู่ตลอด แต่ตอนนี้มีผู้ชายคนนี้ที่คอยดูแลและปกป้องเธออย่างเปิดเผย ความรู้สึกแบบนี้มันช่างดีจริงๆ
ณภัทรกุมมือเธอแน่นแล้วเดินมาที่ห้องรับแขก กวาดตามองทุกคน บรรยากาศในห้องอุณหภูมิก็ลดฮวบขึ้นมาทันที
ไกรเลิศกระซิบไปที่ข้างหูของมีนา “ทำไมแกถึงทำตัวเหลวไหลไปได้ รีบไปเอาผลไม้มาให้ท่านนายพลสิ ท่านมาถึงก็ยังไม่ทันได้กินน้ำกินท่าเลยก็ออกไปตามตัวแกแล้ว ”
มีนาเหยียดยิ้ม นัยน์ตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ เขาเป็นคนที่ชอบประจบสอพลอ หรือทุกคนต้องมายกย่องเขาเหรอ ? ดูท่าแล้วในมุมมองของเขา เพราะความพยายามของตัวเองจึงได้เป็นที่ชื่นชอบของณภัทร และก็ย่อมต้องถูกเทิดทูนเอาไว้เหนือหัว
เมื่อเขาเห็นมีนาไม่ได้ขยับตัวไปไหน ก็หยิบแอปเปิลกับมีดปอกผลไม้ขึ้นมาแล้วยัดใส่มือของเธอ“เจ้าเด็กโง่ ที่ท่านนายพลเขามาชอบแกได้ก็เพราะความดีที่พรหมพิริยะทำมาแต่ชาติปางก่อน ยังไม่รู้จักสำเหนียกอีก ?”
เขมิกาที่ยืนอยู่ข้างๆก็ยิ้มเยาะออกมา“จริง พี่ได้ท่านนายพลณภัทรมาก็ถือว่าเป็นวาสนาพี่แล้ว ต่อให้ต้องคุกเข่าหมอบกราบก็สมควรทำทั้งนั้น ”
ดวงตาของเขมิกาเต็มไปด้วยการเหยียดและดูถูก ผู้ชายกับผู้หญิงจะมีอะไรมากไปกว่าเรื่องบนเตียง ไม่รู้ว่านังแพศยาอย่างมีนาไปทำอีท่าไหนให้ณภัทรพึงพอใจได้ขนาดนี้ ไม่งั้นแล้วสารรูปอย่างเธอหรือจะเป็นนายหญิงของท่านนายพลได้
มีนาไม่ได้โกรธแต่กลับหัวเราะออกมา“เป็นจริงอย่างที่พูด คนเราถ้าสมองคิดแต่เรื่องสกปรก สิ่งที่เห็นก็จะสกปรกตามไปด้วย ”
เขมิกาโกรธจนดวงตาแดงก่ำ แต่เพราะอำนาจของณภัทร และคำเตือนของไกรเลิศ จึงทำได้เพียงเก็บกดอารมณ์โกรธที่มีเอาไว้
ณภัทรดึงตัวมีนาเข้ามาในอ้อมกอด แสยะยิ้มออกมา “ที่ผมสามารถตามจีบมีนาจนสำเร็จได้ก็เพราะผลบุญที่ผมทำมาต่างหาก ”
อะไรนะ?นี่เขาเป็นฝ่ายตามจีบมีนาเองหรอกเหรอ ใบหน้าของเขมิกาเต็มไปด้วยความอิจฉาและความขุ่นเคือง เธอเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ามีนา ทำไมถึงไม่เจออะไรดีๆแบบนี้บ้าง แม้แต่เรื่องการแต่งงานระหว่างเธอกับการันต์เธอยังต้องเป็นคนคิดวางแผนเอาเลย
หลังจากที่มีเรื่องให้ไกรเลิศต้องประหลาดใจ เขาก็แปลกใจมากขึ้น ในเมื่อณภัทรรักมีนาขนาดนี้ งั้นเขาก็ต้องรักคนหรือสิ่งของที่มีนารักด้วย ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกลำพองใจขึ้นมา เดินไปหาณภัทรอย่างสนิทชิดเชื้อเพื่อจะเชิญให้เขานั่งลง“ ลูกเขยนั่งลงก่อน แม่เราเขาเตรียมกับข้าวที่มีนาชอบเอาไว้ให้เต็มโต๊ะเลย สักเดี๋ยวก็น่าจะพร้อมกินได้แล้ว ”
ณภัทรสะบัดมือเขาออกอย่างเย็นชา มุมปากแสยะยิ้ม“ท่านนายกเทศมนตรี คนเราจะพูดอะไรก็ได้แต่ก็ต้องระวังคำพูดด้วย แม่ผมเสียไปได้ยี่สิบกว่าปีแล้ว ”
ใบหน้าของไกรเลิศดูแย่ขึ้นมาทันที เขายกยิ้มอย่างเขินอาย กำลังจะหาทางลง ก็เห็นณภัทรลูบไปที่แก้มของมีนาอย่างอ่อนโยน“มีนาเป็นแก้วตาดวงใจของผม ไม่คิดว่ากลับมาที่พรหมพิริยะแล้วจะได้แผลนี้ บัญชีนี้เราจะจัดการกันยังไง ?”
ร่างกายของมีนาสั่นสะท้าน คำว่าแก้วตาดวงใจของเขามันทำให้คนตายได้ อันที่จริงแล้วใบหน้าของเธอก็แค่โดนข่วนนิดหน่อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เธอรู้ดี ว่าทำไมณภัทรถึงได้ทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก อย่างแรกเลยก็คืออยากที่จะเอาคืนให้เธอ และอีกอย่างก็คืออยากพาตัวเธอออกไปจากที่ตรงนี้เร็วๆ
เขาเป็นคนที่ช่างเอาใจใส่คนอื่นจริงๆ มองออกแต่แรกแล้วว่าเธอรังเกียจบ้านหลังนี้
ไกรเลิศรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง จ้องเขม็งมองไปที่เขมิกา“นังลูกไม่รักดี!ยังไม่รีบขอโทษพี่แกอีก !”
ความโกรธของเขมิกาก็พุ่งพรวดออกมา “คุณพ่อ ดูให้ดีซะก่อน หนูเป็นลูกแท้ๆของพ่อนะ ทำไมพ่อต้องคอยแต่จะช่วยนังลูกนอก……”
ไกรเลิศหยิบถ้วยชาร้อนๆขึ้นมาแล้วสาดไปที่หน้าของเธออย่างโกรธเคือง
เธอกรีดร้อง แล้วเอามือปิดหน้าวิ่งขึ้นไปยังชั้นบนของบ้าน
ไกรเลิศก้มตัวลงขอโทษกับณภัทร“ เป็นเพราะผมเลี้ยงลูกไม่ดี ขอท่านนายพลอย่าถือสาด้วย ผมจะให้เธอมาขอโทษ……คุณผู้หญิงด้วยตัวเองครับ”
มองดูแผ่นหลังของเขาที่เดินขึ้นไปยังชั้นบน ในใจของมีนาก็รู้สึกเต็มไปด้วยความดูถูก เมื่อก่อนเขาประคบประหงมเขมิกาเป็นอย่างดี ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม อะไรที่เขมิกาต้องการ เขาก็ประเคนหามาให้ทุกอย่าง ต่อให้ของสิ่งนั้นจะเป็นของเธอ เขาก็จะแย่งมันมาให้เขมิกา บ่อยครั้งที่เธอเองก็รู้สึก ว่าเธอไม่ใช่ลูกแท้ๆของเขา แต่ตอนนี้มันทำไม ? เพียงเพราะอยากจะเอาใจนายหญิงของท่านนายพล เขาถึงกับทำร้ายลูกสาวสุดที่รักของตัวเองได้ เหอะๆๆ ช่างเป็นการประชดประชันที่วิเศษจริงๆ
ภายในห้องนอนบนชั้นสอง เขมิกานอนร้องไห้อยู่บนเตียง ไกรเลิศพูดอย่างปวดใจว่า“พ่อไม่ใช่ไม่รักลูก แต่ตอนนี้นังเด็กคนนั้นเปลี่ยนไปแล้วไม่ได้เป็นเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วไม่ใช่เหรอ ? ขอแค่เราเกลี้ยกล่อมเธอได้ ไม่แน่ว่าพ่ออาจจะยืมมือของนายณภัทรแล้วส่งตัวเธอกลับไปที่บ้านของอัครโภคินได้ ”
เขมิกาหยิบเอาผ้าปูที่นอน และหมอนโยนลงที่พื้นอย่างบ้าคลั่ง ตะโกนเสียงดังว่า “ทำไมหนูต้องไปขอร้องนังลูกนอกคอกคนนั้นด้วย ?”
ป้าบ!ฝ่ามือที่หนักหน่วงตบไปที่ใบหน้าของเธออย่างแรง
ไกรเลิศพูดอย่างโกรธเคืองว่า “วันนี้ต่อให้ต้องคุกเข่าขอร้องแกก็ต้องทำ ไม่งั้นพรหมพิริยะของเราได้จบเห่ไปพร้อมกับแกแน่ !”
เขมิกาถูกตบจนเห็นดาวลอยเต็มหัวไปหมด ตอนนี้ความโกรธเคืองได้เผาไหม้สติของเธอไปจนหมด ทันใดนั้นเธอก็หยิบมีดปอกผลไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาแล้วกรีดไปที่หน้าของเธอเอง เลือดไหลโชกออกมาในทันที เธอหันกลับมายิ้มให้แล้วพูดว่า “คุณพ่อ หนูทำแบบนี้คำขอโทษของหนูมันจริงใจพอหรือยังคะ ?”
ไกรเลิศเห็นบาดแผลที่เปิดออกบนใบหน้าของเธอ ร่างทั้งร่างก็ตะลึงงัน
เขมิกาหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งแล้วเดินออกไป เลือดบนใบหน้าก็ไหลไม่หยุด หยดลงเกลื่อนพื้นเต็มไปหมด
ในตอนที่มีนาเงยหน้าขึ้นมองเธอ นัยน์ตาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง ใบหน้าที่ขาวเนียนนั้นมีรอยแผลกรีดเป็นรูโหว่ บาดแผลเปิด เลือดไหลไม่หยุด เหมือนปีศาจที่มีชีวิต เธอค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ จนกลิ่นคาวเลือดฉุนจมูก
ณภัทรกุมมือเธอเอาไว้อย่างไม่รู้ตัว และพูดเสียงเบาที่ข้างหูของเธอ “ไม่ต้องกลัว มีผมอยู่ทั้งคน”
เธอไม่ได้รู้สึกกลัว เธอแค่รู้สึกขยะแขยงเท่านั้น
เขมิกาไม่สนใจบาดแผลบนใบหน้า ยิ้มแย้มแล้วหยิบมีดปอกผลไม้ขึ้นมาแล้วปอกเปลือกแอปเปิล “พี่พอใจกับวิธีการขอโทษของฉันหรือยัง ?”
หลังจากที่เธอปอกแอปเปิลเสร็จ ก็ยื่นมันมาให้มีนาอย่างยิ้มแย้ม สายตาเต็มไปด้วยการยั่วยุ
ไม่คิดว่ามีนาจะรับมันไว้ แล้วกัดมันเข้าไปหนึ่งคำ ราวกับไม่ได้สนใจกลิ่นคาวเลือดที่ติดอยู่บนนั้น
“เธอทำแบบนี้ไม่ได้ทำให้ฉันรังเกียจอะไรเลย เพราะฉันเป็นหมอ เห็นเลือดมาจนชินแล้ว ยังมีอีกนะ หากเธออยากจะทำลายตัวเองให้เร็วขึ้นกว่านี้ ก็กรีดมันเพิ่มอีกแผล ควักลูกตาออกมาได้ด้วยก็ดี เพราะเธอก็ตาบอดมานานแล้ว มีตาคู่นี้ไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร”
เขมิกาโกรธจนตัวสั่น ง้างมีดขึ้นแล้วพุ่งเข้าหามีนา ยังไม่ทันที่จะแตะไปโดนเส้นผมของมีนา เขมิกาก็ถูกณภัทรถีบกระเด็น
“นี่เป็นมารยาทในการรับแขกของพรหมพิริยะเหรอ ? ผมรู้ซึ้งแล้ว”
เขากอดมีนาแล้วหันหลังเดินจากไป ไกรเลิศที่ยืนอยู่ตรงบันไดก็โกรธจนตัวสั่นเทิ้ม
เขมิกาก็เป็นลมล้มพับเพราะเสียเลือดมากเกินไป ปรางทองที่เดินออกมาจากในครัวเห็นสภาพเลือดนี้แล้ว ก็แทบหงายหลัง เธอกอดร่างของเขมิกาแล้วร้องไห้คร่ำครวญว่า “ลูกรักของแม่ แล้วนี่จะทำยังไงกันดี ?”
ไกรเลิศรู้เพียงปวดหัวมาก พูดอย่างโกรธเคืองว่า“ยังไม่รีบพาเธอไปโรงพยาบาลอีก ? แผนของพรหมพิริยะถูกพวกเธอสองแม่ลูกโง่ทำลายจนไม่เหลือแล้ว !”