ผู้ช่วยธนาที่เฝ้าอยู่ตรงด้านนอกประตูกระตุกมุมปากขึ้น พลเอกไม่ยอมปล่อยโอกาสที่จะได้แสดงความอ่อนโยนต่อคุณผู้หญิงไปเลยจริงๆ
วายุอดที่จะเอ่ยพูดขึ้นไม่ได้ : “ผู้ช่วยธนา ถ้าลูกพี่ยังไม่ออกมาอีกอาจจะสายเอาได้นะครับ งานเลี้ยงครั้งนี้ท่านประธานาธิบดีได้ร่วมกันกับท่านผู้นำทางการทหารเตรียมขึ้นเพื่อลูกพี่โดยเฉพาะเลยนะครับ”
แน่นอนว่าผู้ช่วยธนารู้ดีอยู่แล้ว เป็นเพราะเรื่องของคุณผู้หญิง พลเอกทะเลาะกันกับท่านประธานาธิบดีครั้งแล้วครั้งเล่า ระหว่างทั้งสองคนก็เกิดเรื่องบาดหมางใจกันไปไม่น้อยอีกด้วย จุดประสงค์ที่ท่านประธานาธิบดีจัดงานเลี้ยงครั้งนี้ก็เพื่อให้พลเอกลงจากตำแหน่ง
เขาส่งสายตาให้กับวายุ : “จากกำลังการสู้รบของท่านพลเอก เกรงว่าจะต้องรอถึงพรุ่งนี้แล้ว นายไปเคาะประตูสิ”
“ทำไมต้องเป็นผมอีกแล้ว?”
ผู้ช่วยธนายิ้มออกมาอย่างปลิ้นปล้อน : “ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องเอาความลับที่นายชอบคุณยิหวาพูดออกมาแล้วล่ะ”
วายุหน้าแดง : “อย่านะครับอย่า ผมไปเคาะเองก็ได้”
ยิหวาเป็นเทพธิดาในใจของเขาเชียว ทำได้เพียงแค่มองอยู่ไกลๆไม่สามารถแตะต้องได้แบบนั้น และยิ่งไปกว่านั้นคนที่มีฐานะอย่างเขาก็ไม่คู่ควรกับเธอด้วยเช่นกัน เขาคิดมาตลอดว่าจะเก็บซ่อนความลับนี้เอาไว้ในใจตลอดไป
เขากัดฟันเคาะประตู : “ลูกพี่ครับ ใกล้เวลาแล้วครับ ท่านประธานาธิบดีโทรมาตามแล้วครับ”
ปึง! ของหนักๆเขวี้ยงมาที่ประตู เขาใจหายวูบ รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง
ในห้องนอน มีนามองรอยจูบตรงคอที่ขาวเนียนของตัวเอง แล้วมองไปยังใครบางคนอย่างขุ่นเคือง : “แบบนี้ฉันจะออกไปเจอหน้าคนอื่นได้ยังไง!”
ณภัทรมีสีหน้าที่ดูภูมิใจ : “ผู้หญิงของผมใครจะกล้าพูดอะไร?”
เธอเอ่ยพูดอย่างอารมณ์เสีย : “วันทั้งวันก็เหมือนกับหมาป่าที่กินเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักอิ่ม คงจะถูกคุณบีบตายเข้าซักวัน!”
เขายิ้มแล้วกอดเธอเอาไว้ : “อืม ผมยอมเหนื่อยตายเพื่อคุณนะ”
เธอทุบกำปั้นเล็กๆของเธอลงบนหน้าอกของเขาเหมือนกับพายุฝนกระหน่ำลงอย่างไรอย่างนั้น
เขาหัวเราะแล้วจูบลงบนมือของเธอ : “เจ็บไหม? ผมเห็นแล้วก็รู้สึกสงสารแล้ว”
เธอกรอกตาใส่เขา ไม่เจ็บสิแปลก ร่างกายของเขานั้นมีแต่กล้ามเนื้อ เหมือนกับกำแพงเหล็กเลยอย่างนั้นแหล่ะ
เขาหยิบเอาผ้าคลุมไหล่สีแดงมาผูกเอาไว้ที่ไหล่ให้เธอ : “แบบนี้กำลังดีเลย ตรงนี้เป็นของผม ผู้ชายคนอื่นจะได้ไม่ต้องเห็น”
นิ้วมือของเขาลูบไล้ไปตรงกระดูกไหปลาร้าที่เซ็กซี่ของเธอ มุมปากปรากฏรอยยิ้มแห่งความพอใจออกมา
“โกงคนที่ยศน้อยกว่า คุณตั้งใจใช่ไหม?”
เขาจิกลงเบาๆที่ริมฝีปากอวบอิ่มของเธอ : “เดาถูกแล้ว ให้รางวัลหน่อย”
ตรงคอของเธอนั้นรู้สึกเย็นขึ้นมา เธอก้มลงมองดู เป็นสร้อยคอคริสตัลที่ละเอียดประณีต ตรงกลางดูเหมือนกับเป็นจี้รูปหัวใจ แวววาวและหรูหรามาก
“จำเอาไว้ว่า ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็ห้ามถอดสร้อยคอเส้นนี้เด็ดขาด”
“นี่ไม่ใช่ว่าเป็นเครื่องระบุตำแหน่งนะ?”
“อย่าดื้อนะครับ ที่งานเลี้ยงอาจจะเกิดเหตุการณ์อะไรก็ได้ทั้งนั้น นี่ก็เพื่อความปลอดภัยของคุณ”
“หืม! ทำไมคุณไม่บอกว่าคุณสร้างศัตรูเยอะเกินไปล่ะ?”
“ถ้าอย่างนั้นคุณเสียใจไหมที่อยู่กับผม?”
“เสียใจ…..ก็สายเกินไปแล้วล่ะ คุณก็ไม่ปล่อยฉันไปอยู่ดี”
เขายิ้มพลางบรรจงจูบลงบนหน้าผากของเธอ : “นับว่าคุณฉลาด”
จากนั้นณภัทรก็เปลี่ยนเป็นชุดสูทสีดำ อย่างเขาที่หน้าตาดี รูปร่างดี ผู้ชายขายาวก็เป็นไม้แขวนเสื้อที่เดินได้อยู่แล้ว เพียงแต่เขาที่สวมเครื่องแบบชุดลายพรางจะดูสุขุมเยือกเย็นและดูเผด็จการ แต่เขาในเวลานี้กลับเพิ่มความหล่อและดูร้ายๆขึ้นมาด้วย เพียงพอที่จะทำให้ผู้หญิงกรี๊ดได้เลย
สไตล์ลิสสิบกว่าคนทำผม แต่งหน้าให้กับมีนา หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง มีนาปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนในลุคผมลอน สง่างาม มีเสน่ห์ และโดดเด่นจนเป็นที่ตกตะลึง
ณภัทรตบลงบนแขนตัวเอง จากนั้นเธอก็คล้องแขนเขา แล้วทั้งสองคนก็ขึ้นรถไปด้วยกัน
เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ : “ผมรู้สึกมาเสียใจทีหลังแล้วสิ เดี๋ยวในงานเลี้ยงคุณห้ามอยู่ห่างจากผมเลยนะ ได้ยินรึเปล่า?”
เธอพูดไม่ออกอยู่บ้าง : “ถ้าอย่างนั้นต่อไปคุณไม่ต้องให้ฉันออกจากบ้านเลยก็ได้นะคะ ขังเอาไว้ที่บ้านให้คุณเห็นคนเดียวก็พอ”
“ข้อเสนอแนะนี้คุ้มกับการที่จะเอาไปพิจารณาดี”
เห็นท่าทางที่เขาดูทำเป็นเรื่องใหญ่แล้ว เธอก็รู้สึกร้อนใจขึ้นมาบ้างแล้ว : “นี่ ณภัทร ฉันไม่ใช่หมาสัตว์เลี้ยงของคุณนะ”
เขาก้มลงมาจูบที่ใบหูของเธอ น้ำเสียงคลุมเครือ : “คุณคือหมาน้อยของผม ผมอ้าขา คุณก็ต้องกระดกก้นขึ้นมา”
เธอกัดฟัน : “หยาบคาย!”
คนๆนี้นี่เป็นคนที่ไร้ศีลธรรมจริงๆ ถึงแม้จะสวมใส่ชุดสูทก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความเป็นนักเลงหัวไม้ในคราบทหารของเขาได้เลย แต่ใบหน้าของคนอัปมงคลนี้ก็หล่อเหลา มีเสน่ห์ สูงส่ง ก็คือ….ดูมีท่าทางที่เย่อหยิ่งนั่นเอง!
งานเลี้ยงจัดขึ้นที่ วังไพฑูรย์แห่งเมืองราม เป็นเมืองที่เก่าแก่ในประวัติศาสตร์ของประเทศซีดาน ผ่านไปหลายร้อยปีก็ยังคงตั้งตระหง่านอยู่เช่นเดิม วังไพฑูรย์เป็นสถานที่ที่ท่านประธานาธิบดีใช้สำหรับต้อนรับแขกต่างประเทศ แต่วันนี้กลับใช้มาจัดงานเลี้ยงฉลองให้กับณภัทร เกียรติยศและความสำคัญทางการเมืองการปกครองหนึ่งในนั้นที่ทุกคนต่างก็รู้ดี
ภายใต้แสงไฟทำให้ วังไพฑูรย์กลายเป็นสีเหลืองอร่ามแวววาว แสงสีพร่างพราย องครักษ์และวงดนตรียืนอยู่ทางด้านนอกห้องโถงอย่างเป็นระเบียบ ทำให้ดูยิ่งใหญ่และเป็นทางการมากขึ้น
มีนาคล้องแขนณภัทรแล้วค่อยๆเดินไปยังกลุ่มคนที่กำลังอยู่ในบรรยากาศสังสรรค์ที่ครึกครื้น
“ตื่นเต้นไหม?”
“ฉันมีอะไรให้ต้องตื่นเต้นกันคะ ข้างๆกายมีพลเอกที่ยอดเยี่ยมที่สุดของประเทศซีดานอยู่ด้วย นี่ผู้หญิงคนไหนจะร้องขอยังไงก็ไม่ได้มาหรอก”
มุมปากของณภัทรโค้งขึ้นเล็กน้อย แล้วพาเธอเดินไปยังกลุ่มผู้นำทางการทหารและการเมือง
การปรากฏตัวของพวกเขา ทำให้ดวงตาของทุกคนเป็นประกาย หนุ่มหล่อกับสาวสวย ดูเหมือนกับช่างเหมาะสมกันยิ่งนัก
“คืนนี้คู่ของท่านนายพลณภัทรช่างงดงามมากจริงๆ”
ณภัทรเอ่ยพูดแก้ไขให้ถูกต้องอย่างจริงจัง : “เธอไม่ใช่คู่ออกงานของผมครับ แต่เธอเป็นภรรยาของผม”
ทุกคนพากันตกตะลึง จากนั้นก็พูดหยอกล้อขึ้นมา : “ท่านนายพลณภัทรนี่เกรงใจกันเกินไปแล้วจริงๆ แต่งงานแล้วไม่เชิญพวกเราไปร่วมงานบ้างเลย”
“สถานการณ์ค่อนข้างกะทันหันน่ะครับ ต้องขอโทษด้วย ถึงตอนนั้นผมจะส่งคำเชิญไปให้ทุกท่านด้วยตัวเองเลยครับ”
“ฮ่าๆๆ…..ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะรอนะ”
ณภัทรแนะนำมีนาให้กับทุกคน ทุกครั้งที่พูดว่าเธอเป็นภรรยาของตัวเองนั้น ใบหน้าก็มักจะมีรอยยิ้มหวานๆปรากฏออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
ท่านประธานาธิบดีปรากฏตัวในห้องโถงใหญ่ ทุกๆคนก็ต่างพากันเข้าไปห้อมล้อม
ณภัทรก็พามีนาเข้าไปทักทายด้วยเช่นกัน
ตอนที่ท่านประธานาธิบดีเห็นมีนานั้น ในใจก็มีความรู้สึกที่แตกต่างออกไปแวบเข้ามา
“นี่คือผู้หญิงที่คุณเลือกอย่างนั้นหรือ?”
ณภัทรโอบตัวเธอเข้ามาในอ้อมกอด ใบหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ : “ใช่ครับ”
“อืม สวยมาก”
สายตาของเขาเหมือนกับกำลังชื่นชมดอกไม้อยู่อย่างไรอย่างนั้น และนี่ก็ทำให้มีนารู้สึกไม่สบายเท่าไรนัก
เขารับแก้วไวน์มากจากพนักงานเสิร์ฟแล้วชนแก้วที่อยู่ในมือมีนาเล็กน้อย : “แต่ผมหวังว่าจะได้ดื่มเหล้ามงคลในงานของพวกคุณมากกว่านะ”น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความประชดและความยั่วยุเล็กน้อย
มีนายิ้ม : “นั่นแน่นอนอยู่แล้วค่ะ ท่านประธานาธิบดีตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงที่รุ่งโรจน์ ทางต่อไปยังอีกยาวไกล ในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ท่านจะได้ดื่มเหล้ามงคลนี้อยู่แล้ว”
ตรงหว่างคิ้วเขาปรากฏแนวโน้มแห่งความชั่วร้ายออกมา แต่กลับมาโล่งเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว แล้วยิ้มออกมาอย่างเบิกบาน : “ผู้หญิงที่คุณเลือกนี่น่าสนใจดีนะ”
ณภัทรยิ้มแล้วชนแก้วกับเขา : “เธอไม่ใช่บุคคลในวงราชการ คำพูดอาจจะดูตามใจไม่เป็นทางการไปบ้าง หวังว่าท่านประธานาธิบดีจะให้อภัยนะครับ”
ท่านประธานาธิบดียิ้มออกมาเล็กน้อย ทั้งสองคนนี้คนหนึ่งหน้าแดง อีกคนหนึ่งหน้าขาว ร้องกันอย่างยอดเยี่ยมมาก
“ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณ”
ณภัทรขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
ท่านประธานาธิบดีหัวเราะพลางเอ่ยขึ้น : “ทำไมหรือ? ตัดใจทิ้งภรรยาสุดที่รักของคุณไม่ลงใช่ไหม?”
มีนาลูบสร้อยคอที่อยู่ที่คอ แล้วกระพริบตาส่งให้เขา เป็นการบ่งบอกให้เขาไม่ต้องเป็นห่วง
แล้วจากนั้นณภัทรก็ตามท่านประธานาธิบดีออกไป
เธอไม่ชอบบรรยากาศที่คึกคักแบบนี้ จึงหามุมเงียบๆนั่งแทน
และเวลานี้ก็มีเสียงผู้หญิงสดใสดังขึ้น : “พี่สะใภ้ อยู่คนเดียวตรงนี้น่าเบื่อออก ไปเล่นไพ่กับพวกเราในห้องวีไอพีดีกว่า ขาดอยู่หนึ่งคนพอดี”